<div>
<p class="ace-copy-paste-skip-this-tag">ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จเร็วเหมือน Mark Zuckerberg เศรษฐีพันล้าน 5 รายนี้เริ่มสร้างทรัพย์สินมหาศาลของพวกเขาหลังพ้นวัย 40 ปี</p>

</div>
<strong><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">Sheldon Adelson, 84</span>
สินทรัพย์สุทธิ: 4.33 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ</strong>

<strong><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e49432a86ffd426f838cd1bd8dc7d51f.jpg" alt="" /></strong>

หัวโจกวงการการพนันไม่ได้เริ่มธุรกิจคาสิโนของเขาจนอายุ 55 ปี เขาเข้าซื้อ <strong>Sands Hotel &amp; Casino </strong>ใน Las Vegas ด้วยราคา 128 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เป็นหน้าใหม่ในเมืองคนบาป เพราะ Adelson เคยเป็นออร์กาไนเซอร์จัดงานแสดงสินค้าคอมพิวเตอร์ใน Las Vegas มาก่อน

<strong>David Duffield, 77
สินทรัพย์สุทธิ: 8.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ</strong>

<strong><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/402949d1f3aeb3c0a99122357f81a769.jpg" alt="" /></strong>

<span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">อดีตพนักงาน IBM รายนี้เริ่มต้นบริษัทซอฟต์แวร์สองแห่งหลังจากเลยวัย 40 ปีไปแล้ว ในวัย 47 ปีเขาก่อตั้งบริษัท <strong>PeopleSoft </strong>ซึ่งเขาขายกิจการให้กับคู่แข่งรายใหญ่ <strong>Oracle </strong>ในอีกเกือบสองทศวรรษต่อมาด้วยดีลมูลค่า 1.03 หมื่นล้านเหรียญ หลังจากการซื้อขายครั้งนั้น เขาจึงก่อตั้งบริษัท <strong>Workday </strong>บริษัทด้านซอฟต์แวร์บริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและการเงิน</span>

<strong>Dietrich Mateschitz, 74
สินทรัพย์สุทธิ: 2.47 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ</strong>

<strong><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/819483ee3400c564d7e759c9920511e3.jpg" alt="" /></strong>

<span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">หลังจากทำงานเป็นนักการตลาดโปรโมตสินค้าอย่างยาสระผมหรือยาสีฟันให้กับบริษัทต่างๆ เขามาเริ่มต้นธุรกิจเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง <strong>Red Bull</strong> ในวัย 42 ปี นักขายหัวกะทิวางตำแหน่งทางการตลาดให้กับเครื่องดื่มของเขาว่าเป็นเชื้อเพลิงเพื่อเอาชนะทุกกิจกรรมความเสี่ยง</span> <span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z h-lparen">(แท็กไลน์อันโด่งดังคือ</span> <span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z h-ldquo">“Red</span><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z"> Bull gives you wings” - Red Bull ติดปีกให้คุณ) และสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ Red Bull ผ่านนักกีฬาและกิจกรรมอย่าง นักโดดร่ม ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ และนักสกีลงเขา</span>

<strong>James Dyson, 71
สินทรัพย์สุทธิ: 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ</strong>

<strong><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/02e5a1c6c1932b75061e72791e9275dd.jpg" alt="" /></strong>

<span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">เมื่อเครื่องดูดฝุ่นรุ่นใหม่ของครอบครัวสร้างความลำบากให้เขา</span> <span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z h-lparen">(ดูเหมือนมันจะทำให้ฝุ่นผงกระจายไปทั่ว)</span><span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z"> <strong>Dyson </strong>จึงเริ่มต้นประดิษฐ์เครื่องดูดฝุ่นที่ดีกว่าเดิม เขาใช้เวลา 15 ปีต่อมากับการพัฒนาโปรโตไทป์เครื่องดูดฝุ่น 5,127 แบบ จนกระทั่งในวัย 46 ปี เขาจึงได้นำเครื่องดูดฝุ่นไร้ถุงเก็บฝุ่นเครื่องแรกออกวางขายในตลาด ปัจจุบัน Dyson มีผลิตภัณฑ์ของบริษัทมากกว่า 60 อย่าง ตั้งแต่ไดร์เป่าผมจนถึงพัดลม</span>

<strong>David Cheriton, 67
สินทรัพย์สุทธิ: 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ</strong>

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9394c85b19ccc4f08f12d11d327762aa.jpg" alt="" />
<em>​(photo credit: Martin Klimek/Getty Images)</em>

<span class="author-d-iz88z86z86za0dz67zz78zz78zz74zz68zjz80zz71z9iz90z8z85zz80z6ujjz90zz88zz90zh7z86zz65z3env8uiz83zb4z83zwz73z5z78zz84zz81z">ปี 1988 ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย Stanford เขียนเช็คมูลค่า 1 แสนเหรียญให้กับลูกศิษย์ปริญญาเอกสองคนของเขา คือ <strong>Larry</strong> และ <strong>Sergey</strong> ทั้งคู่มาที่บ้านของอาจารย์เพื่อเสนอโครงการก่อตั้งบริษัทชื่อ <strong>Google</strong> ศาสตราจารย์ Cheriton ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีอีก 3 แห่งหลังจากเขาฉลองวันเกิดครบรอบอายุ 40 ปีไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันเขาขายกิจการหรือนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นหมดแล้ว</span>

<em>แปลและเรียบเรียงข้อมูลจาก forbes.com</em>

5 เศรษฐีวัยทอง

<strong><span style="color: #ff0000;">America’s Richest Families</span></strong>

หนึ่งในทีมงานชุดใหม่ของทำเนียบขาวคือ <strong>Jared Kushner</strong> สามีของ <strong>Ivanka Trump</strong> ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของ <strong>ประธานาธิบดี</strong><strong> Trump</strong> ด้วยตำแหน่งนี้ทำให้ Kushner วัย 36 ปี กลายเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลมากที่สุดของอเมริกา นอกจากนี้ เขายังมาจากครอบครัวมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยติดอันดับของประเทศมาเป็นเวลายาวนาน

ก่อนย้ายมาพักอาศัยใน Washington D.C. เขานั่งแท่นบริหารอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลซึ่งเป็นเจ้าของอาคารเก่าแก่ชื่อดังมากมาย เช่น 666 Fifth Avenue และได้ซื้อ Puck Building ใน Manhattan เมื่อปี 2007

<figure><img style="width: 680px; height: 420px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/85edde035a105a01ca2d073c0a557b45.png" alt="" width="680" height="420" /><figcaption> (จากซ้ายไปขวา) Jared Kushner ลูกชายคนโตในวัย 36 ปี ลูกเขยประธานาธิบดี Trump, Josh Kushner น้องชายวัย 31 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัทประกันสุขภาพ Oscar, Charles Kushner ผู้พ่อ ปัจจุบันอายุ 62 ปี เขาคือผู้เริ่มต้นอาณาจักรความร่ำรวยของตระกูลจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์</figcaption></figure>

ทั้งนี้ <strong>Charles</strong> พ่อของเขาซึ่งปัจจุบันอายุ 62 ปีถูกตัดสินจำคุกในข้อหาเลี่ยงภาษีบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองอย่างผิดกฎหมายและปลอมแปลงหลักฐานเพื่อใส่ร้ายพยานในปี 2005

ในปีถัดมา Jared ทุ่มเงิน 10 ล้านเหรียญเข้าซื้อหนังสือพิมพ์ <strong>New York Observer</strong> ซึ่งปัจจุบันนำเสนอข่าวผ่านทางออนไลน์ <strong>Josh</strong> น้องชายวัย 31 ปีของเขามีผลงานสร้างชื่อไม่แพ้กัน โดยในปี 2012 เขาได้ร่วมก่อตั้ง <strong>Oscar</strong> บริษัทประกันด้านสุขภาพเกิดใหม่ที่มีมูลค่าประเมินเกิน 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งบริษัทแห่งนี้เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากก่อตั้งตามนโยบาย ObamaCare ที่ประธานาธิบดี Trump ประกาศชัดว่าจะดำเนินการยกเลิก

&nbsp;

ทรัพย์สินความมั่งคั่งของตระกูล Kushner สรุปได้ดังนี้

<img style="width: 680px; height: 578px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/f3c8f67f6f5da882e17aa68f0a84ab6a.png" alt="" />

ในส่วนทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ ตระกูล Kushner เป็นเจ้าของพื้นที่เชิงที่พักอาศัยเชิงพาณิชย์และเชิงค้าปลีกทั้งหมด 13 ล้านตารางฟุตใน 6 รัฐของอเมริกา ซึ่งรวมถึงการถือหุ้นในอาคารที่มีชื่อเสียงต่างๆ เหล่านี้

<img style="width: 680px; height: 680px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/807bcb88dc3df5242bdb645fac6637b9.png" alt="" />

อาณาจักรตระกูล Kushner

<div>
	<div>
		<strong>กล่าวกันว่า<span style="color:#b22222;">สิงคโปร์</span>คือศูนย์กลาง <span style="color:#b22222;">private banking</span> ของเอเชียแปซิฟิก ที่วันนี้มีโอกาสที่จะก้าวไปไกลกว่า <span style="color:#b22222;">Hong Kong</span> เมืองศูนย์กลางตลาดทุนที่ทรงอิทธิพลมาหลายทศวรรษ</strong><br />
		&nbsp;</div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		รายงานฉบับใหม่ของ <span style="color:#b22222;">WealthInsight </span>ระบุว่า ในปี 2013 ความมั่งคั่งรวมประชากร<span style="color:#b22222;">สิงคโปร์</span>ที่มีสินทรัพย์เกิน 1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ รวมแล้วมีมูลค่าสุทธิ 7.48 แสนล้านเหรียญ พุ่งขึ้นถึง 51.7% นับแต่ฟื้นตัวจากวิกฤติการเงินโลกปี 2009 &nbsp;คาดหมายว่าในปี 2018 ความมั่งคั่งสุทธิของเศรษฐีสิงคโปร์จะแตะหลักล้านล้านเหรียญ</div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		แม้ว่าปริมาณความมั่งคั่งจะยังไม่เทียบชั้นบรรดาเศรษฐีใน Hong Kong ที่ในปี 2013 มีทรัพย์สินรวมทั้งเกาะถึง 1.04 ล้านล้านเหรียญไปแล้ว &nbsp;แต่ความหวั่นไหวต่อความไม่แน่นอนในอนาคตของ <span style="color:#b22222;">Hong Kong </span>ทบทวีมากขึ้นทุกขณะ &nbsp;ความวิตกต่อเสรีภาพที่อาจโดนลิดรอนเข้าสักวัน อาจแปรเป็นแรงผลักให้ความมั่งคั่งทางการเงินยักย้ายถ่ายโอนมาสู่สิงคโปร์ก็เป็นได้&nbsp;</div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		แม้ว่าจะลำบากหากให้ชี้ชัดไปว่า ประเทศสิงคโปร์ธำรงแบบแผนตามครรลองประชาธิปไตย เนื่องจากมีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวทำหน้าที่บริหารและเป็นผู้ปกครอง มาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ แม้ว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านเริ่มชนะเลือกตั้งบ้างแล้ว แต่ก็เป็นส่วนน้อยมาก ทว่าในมิติทางเสถียรภาพของเกาะแห่งนี้แล้ว สิงคโปร์มิได้หวั่นไหวใดๆ พร้อมทั้งยังมีบรรยากาศและโครงสร้างพื้นฐานเอื้อต่อการบริหารจัดการความมั่งคั่งส่วนบุคคล ที่นับวันจะเพิ่มพูนมากขึ้น</div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		รายงานระบุอีกว่า หากความตึงเครียดทางการเมืองใน <span style="color:#b22222;">Hong Kong</span> ยังยืดเยื้อต่อไปอีก 5 ปี อาจส่งผลให้สิงคโปร์กลายเป็นเมืองเอกของธุรกิจ <span style="color:#b22222;">private banking</span> ในเอเชียแปซิฟิก</div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		<span style="color:#b22222;">"นับแต่การหยุดงานประท้วงที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลจีนเริ่มเข้าแทรกแซง Hong Kong มากขึ้นเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตยในระยะยาวนั้น ย่อมทำให้ความเข้มแข็งภาคการเงินของ Hong Kong เปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงเป็นโอกาสดีของสิงคโปร์ที่จะก้าวขึ้นนำ"</span> Tom Carlisle นักวิเคราะห์ของ WealthInsight ย้ำ</div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		รายงานยังระบุว่าในสิงคโปร์มีเศรษฐีกว่า 150,000 ราย และในปี 2018 จะเพิ่มขึ้นอีก 30,000 ราย รวมแล้วประมาณ 182,855 คน &nbsp;คาดว่าในจำนวนนี้จะมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านเหรียญ 32 คน ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านขนาดใหญ่กว่าอย่างมาเลเซีย มีคนรวยพันล้านเพียง 20 คนเท่านั้น</div>
	<div>
		&nbsp;</div>
	<div>
		แม้ไม่มีตัวเลขจำนวนมหาเศรษฐีจากสหรัฐฯ หรืออังกฤษมาเทียบเคียง แต่ด้วยจำนวนประชากรของสิงคโปร์ 5.4 ล้านคน &nbsp;เท่ากับว่า<span style="color:#b22222;">คนสิงคโปร์ทุกๆ 36 คน จะต้องมีเศรษฐีเงินล้านหนึ่งคนเสมอ</span> นับว่าเป็นอัตราที่ไม่เลวเลย ถ้ามั่นใจว่าข้อมูลในรายงานฉบับนี้แม่นยำจริง</div>
</div>
<div>
	<br />
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	เรียบเรียงจาก <a href="http://www.forbes.com/sites/chriswright/2015/01/29/why-is-singapore-full-of-millionaires/">Why Is Singapore Full Of Millionaires? </a>โดย Chris Wright<br />
	<br />
	<hr />
	<div>
		<br />
		<span style="color:#696969;"><strong>ข่าวอื่นๆ</strong></span></div>
	<ul>
		<li>
			<a href="http://www.forbesthailand.com/lists_detail.php?lists_id=11">เมืองทรงอิทธิพลของโลกประจำปี 2014</a></li>
		<li>
			<a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=180">"สิงคโปร์" รั้งประเทศที่เป็นมิตรกับการทำธุรกิจที่สุดในโลก</a></li>
		<li>
			<a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=179">ผู้นำสิงคโปร์ชี้ ประชาธิปไตยแก้ปัญหาของประเทศในเอเชียไม่ได้</a></li>
	</ul>
	<div>
		&nbsp;</div>
</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events