<h2>ภาพลักษณ์ของ “ชาญอิสสระ” คือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดลักชูรีซึ่งครอบคลุมทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม และรีสอร์ต ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่างหัวหิน รวมถึงหาดนาใต้ ทำเลตากอากาศสุดฮอตในพังงาที่กำลังขึ้นชื่อ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในลิสต์รายชื่อบิ๊กเนมบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรีจะต้องมีชื่อ “ชาญอิสสระ” เจ้าของและผู้พัฒนาโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต หนึ่งในรีสอร์ตหรูระดับโลกรวมอยู่ด้วยเสมอ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นหลังเกิดโควิด-19 ที่ทำให้คนหันมาให้ความสำคัญกับการพักอาศัยในบ้านที่มีพื้นที่มากเพียงพอสำหรับสมาชิกในครอบครัวมากขึ้น ทำให้บ้านลักชูรีที่เป็นบ้านแนวราบมีการเติบโตขึ้นมาก จากสัดส่วนในตลาดเพียง 5% เพิ่มขึ้น 3 เท่าเป็น 15% ของทั้งตลาดที่อยู่อาศัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมแม้จะมีพื้นที่มากระดับ 400-500 ตารางเมตรก็ไม่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนยุคใหม่ ขณะที่บ้านเดี่ยวมีพื้นที่ มีบริเวณที่สามารถใช้ชีวิตภายในบ้านและนอกบ้านได้ แม้การอยู่บ้านเดี่ยวอาจจะต้องอยู่ในทำเลที่ไกลจากใจกลางเมืองก็ตาม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากคนไทยแล้ว ชาวต่างชาติก็ให้ความสำคัญกับการอยู่บ้านเดี่ยว เพราะการอยู่อาศัยในประเทศไทยมีความปลอดภัย บ้านดีมีคุณภาพ มีการออกแบบที่ดี และยังมีปัจจัยด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพ อาหารอร่อยและมีให้เลือกมากมาย ส่งผลให้ตลาดบ้านเดี่ยวระดับหรูมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/3Tb8gs9QSKGrvSQGmrRS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="3Tb8gs9QSKGrvSQGmrRS.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="900,386"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สงกรานต์ได้ประเมินภาพในอนาคตว่า ตลาดบ้านระดับอัลตราลักชูรีที่มีราคา 100 ล้านบาทขึ้นไปจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการเติบโตอาจไม่มากเท่ากับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เพราะในปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ตลาดชะลอตัว ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจในประเทศ อัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีปัญหา ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดนี้เติบโตลดลง ขณะที่การแข่งขันก็อยู่ในระดับสูง เพราะปัจจุบันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ต่างก็เปิดโครงการและพัฒนาบ้านระดับอัลตราลักชูรีกันแทบทุกบริษัท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับแนวทางในการพัฒนาโครงการบ้านระดับอัลตราลักชูรี สงกรานต์มองว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้การพัฒนาโครงการประสบความสำเร็จและสามารถชนะใจลูกค้าได้ยังคงเป็นเรื่องพื้นฐานของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่มีความพิเศษเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าตลาดบน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนปัจจัยความสำเร็จ ได้แก่ ทำเลตั้งอยู่กลางเมืองเพื่อความสะดวกในการเดินทาง มีระบบคมนาคมขนส่งที่ช่วยทำให้การเดินทางไปพื้นที่ต่างๆ สะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน อยู่ติดหรือใกล้สถานีรถไฟฟ้า นอกจากนี้ โครงการต้องตั้งอยู่ใกล้สถานที่สำคัญๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า เช่น โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้าชั้นนำ เป็นต้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/Sp71USgdoHcYfY5sr9ME.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Sp71USgdoHcYfY5sr9ME.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="900,450"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ปัจจุบันการพัฒนาบ้านราคา 100 ล้านบาทยังคงใช้ปัจจัยพื้นฐานเหมือนในอดีต แต่มีการเพิ่มหรือมีพัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ เพื่อทำให้บ้านมีความโดดเด่น เช่น การมีห้องนั่งเล่นหลายห้องเพื่อให้สมาชิกครอบครัวอยู่กันได้หลายเจเนอเรชัน การให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวมากขึ้น และมีบริเวณสำหรับจอดรถหรูที่โชว์ได้ เช่น ทำห้องกลาสเฮาส์ เพราะลูกค้ากลุ่มลักชูรีชอบโชว์รถ ชอบมองดูรถของตัวเองเวลาอยู่บ้าน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงไม่พ้นความลักชูรีและความเป็นส่วนตัว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หนึ่งในโครงการที่ซีอีโอวัย 68 ปีภูมิใจคือ Issara Residence Rama 9 (อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9) เป็นบ้านเดี่ยวซูเปอร์ลักชูรีขนาด 3 ชั้น จำนวน 20 หลัง บนเนื้อที่ 9 ไร่ ในถนนพระราม 9 ซอย 13 ได้รับการออกแบบถ่ายทอดแนวคิดผ่านความเป็น modern tropical ที่เรียบง่าย ให้ความรู้สึกอยู่สบายตามวิถีคนยุคใหม่ แต่ไม่ทิ้งหลักการของธรรมชาติ มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 721-1,200 ตารางเมตร ในราคา 159-290 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในอนาคตบริษัทจะยังคงพัฒนาโครงการบ้านหรูอย่างต่อเนื่อง แต่ระดับราคาเฉลี่ยอาจจะอยู่ที่หลังละ 50 ล้านบาท เพราะยังไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งในระดับราคา 50 ล้านบาทนี้ ลูกค้าน่าจะตัดสินใจซื้อง่าย โดยในโครงการยังคงมีบ้านราคา 100 ล้านบาทขึ้นไปผสมอยู่ด้วย และจะเพิ่มเทรนด์ใหม่ๆ เช่น การประหยัดพลังงานเข้ามาเสริม ​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/property/news/sasa-hua-hin" alt="หัวหินยังฮอตเป็นบ้านหลังที่ 2 ร่วมอิสสระ ทุ่มงบกว่า 1,700 ล้าน เปิดโครงการใหม่ SASA Hua Hin">หัวหินยังฮอตเป็นบ้านหลังที่ 2 ร่วมอิสสระ ทุ่มงบกว่า 1,700 ล้าน เปิดโครงการใหม่ SASA Hua Hin</a>​ <a target="_blank" href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 566 ในรูปแบบ e-magazine&nbsp;พิเศษ! ฉบับนี้แถมฟรี Forbes Life">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ Forbes Life เล่มพิเศษ แถมฟรีมาในนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine&nbsp;</a>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/TjdcA2s8m7D8cJ2uKixu.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="TjdcA2s8m7D8cJ2uKixu.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="350,420" style="" data-index="2"></figure></div>

“สงกรานต์ อิสสระ” ถอด Living Lifestyle สู่โปรเจกต์ลักชูรีในสไตล์ของ “ชาญอิสสระ”

ชาญอิสสระ ปี’62 ห่วงนักท่องเที่ยวจีนหด-ดึงตะวันตกทดแทน ขึ้นโรงแรมใหม่หัวหิน ขายแพ็กเกจเข้าพักยาว 20 ปีหมุนเงินทุน

<h2>ชาญอิสสระเปิดแผนธุรกิจปี 2561 ยังคงระมัดระวังเศรษฐกิจ-ดีมานด์ตลาดอสังหาฯ เน้นเร่งขายสต๊อกโครงการเดิม มองหาที่ดินซีบีดีแข่งขันตลาดคอนโดฯลักชัวรี ฟากอสังหาฯ เพื่อเช่าเทงบ 500-700 ล้านบาทขยายโรงแรม-วิลล่าในศรีพันวา เล็งซื้อโรงแรมเข้ากองรีทเพิ่ม 2 พันล้าน เซ็นสัญญาบริษัทจีนรับบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์ศรีพันวาที่ Hainan</h2>
สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รายได้ของบริษัทปี 2560 รอบ 9 เดือนแรกอยู่ที่ราว 1.4 พันล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 3 พันล้านบาท อีก 3 เดือนที่เหลือของปีบริษัทเชื่อว่ายังเร่งทำรายได้ขึ้นได้จากโครงการรอโอนที่จะเริ่มโอนช่วงปลายปีนี้

สำหรับปี 2561 คาดหวังรายได้เติบโตจากปีนี้ราว 5% จากแบ็กล็อกมูลค่า 1.5 พันล้านบาทที่จะโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดในปีหน้า ด้านการสร้างยอดขายใหม่ ชาญอิสสระจะเน้นการขายโครงการระหว่างขายเดิม เช่น อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9, บ้านอิสสระ บางนา, อิสสระ คอลเลคชัน สาทร, อิซซี่ คอนโด สุขสวัสดิ์

ส่วนการเปิดโครงการใหม่ มีความต้องการพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ในย่านใจกลางเมือง เช่น สาทร หลังสวน สุขุมวิทตอนต้น แต่จะตัดสินใจอย่างระมัดระวังหลังจากดีมานด์ของกลุ่มคอนโดฯ ไฮเอนด์มีกระแสชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา โดยบริษัทเตรียมงบซื้อที่ดินปี’61 ไว้แล้ว 700-800 ล้านบาท

<figure><img style="width: 350px; height: 529px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/02f43901bf03d418d947a8e49e7edca3.png" alt="" width="350" height="529" /><figcaption> สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ในโรงแรมศรีพันวา จ.ภูเก็ต</figcaption></figure>

สงกรานต์กล่าวต่อว่า สำหรับอสังหาฯ เพื่อเช่าของบริษัท ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 26% ของรายได้ทั้งหมดและจะพัฒนากลุ่มอสังหาฯ เพื่อเช่าเพิ่มเติมโดยตั้งเป้ารายได้จากการเช่าเพิ่มสัดส่วนเป็น 30-35% ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า หลังจากชาญอิสสระเปิดบริการส่วนโรงแรมของ บาบา บีช คลับ หัวหิน และ บาบา บีช คลับ ภูเก็ต แล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

รวมถึงมาจากแผนการขยาย โรงแรมศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต ที่จะเริ่มในปี 2561 มูลค่าการลงทุนราว 500-700 ล้านบาท โดยได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติม 5 ไร่ รวมกับที่ดินเดิมที่มี 5 ไร่ เป็น 10 ไร่ สำหรับก่อสร้างวิลล่า 10 หลัง และโรงแรมโซนฮาบิตะอีก 20 ยูนิต ซึ่งจะทยอยก่อสร้างไปจนถึงปี 2563 จะทำให้มีรายได้เพิ่มเติมเข้ามาในพอร์ตอสังหาฯ เพื่อเช่าของชาญอิสสระ

“ตอนนี้ engine ของไทยเดินได้ไม่ครบ มีการท่องเที่ยวที่ช่วยได้ ดังนั้นอยากให้รัฐบาลดึงคนต่างชาติมาช่วยใช้จ่ายหมุนเวียนโดยตรงในประเทศเพิ่มเติมผ่านการท่องเที่ยว เชื่อว่าหากการท่องเที่ยวโตอีก 5% น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเดินได้ โดยน่าจะให้ incentive ให้แรงจูงใจให้คนต่างชาติอยากมาเที่ยวไทยเพิ่มอีก” สงกรานต์กล่าว

<figure><img style="width: 680px; height: 510px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a6a50c21b22a5ee0ecfdebaf875200a3.png" alt="" width="680" height="510" /><figcaption> บาบา บีช คลับ ภูเก็ต</figcaption></figure>

ด้านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (กองรีท) สินทรัพย์รวมของกองทุนที่ 3,592 ล้านบาท (ณ สิ้นไตรมาส 2/60) สงกรานต์กล่าวว่าจะนำโรงแรมบาบา บีช คลับ หัวหิน และ บาบา บีช คลับ ภูเก็ต ขายเข้ากองรีทศรีพันวาในช่วงปลายปีหน้า ทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้นราว 1 พันกว่าล้านบาท และคาดว่าจะมีการเพิ่มทุนในกองรีทอีก 1-2 พันล้านบาทเพื่อซื้อสินทรัพย์ประเภทโรงแรมในไทยที่น่าสนใจและได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 6-7% เข้ากองรีทเพิ่มเติม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาการซื้อขาย

นอกจากนี้ การดำเนินงานของโรงแรมศรีพันวายังขยายไปสู่การรับบริหารลักษณะเชนโรงแรม โดยเป็นที่ปรึกษาและทำสัญญาระยะยาว 15 ปีกับ Junfa Real Estate co.,ltd ผู้ใช้แบรนด์ศรีพันวาในการพัฒนาโรงแรม Sri Panwa Hainan ในประเทศจีน มูลค่าโครงการกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทได้รับรายได้เป็นค่าที่ปรึกษาการลงทุนและพัฒนา 70-80 ล้านบาท ก่อนจะเริ่มได้รับค่าบริหารจัดการ 50-60 ล้านบาทต่อปีหลังโรงแรมสร้างเสร็จราวปี 2562 ทั้งนี้ ยังมีโครงการที่ Junfa Real Estate อาจจะพัฒนาเพิ่มอีกที่ Kunming และ Lijiang ซึ่งเป็นโอกาสการขยายการรับบริหารของบริษัทในอนาคต

ชาญอิสสระปี 2561 ชะลอขึ้นคอนโดฯ-บ้าน บุกหนักอสังหาฯ เช่า เล็งซื้อโรงแรมเข้ากองรีทอีก 2 พันล้าน

ก่อนหน้าที่จะเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รุ่น 1 ชาญ อิสสระ เริ่มแรกก่อตั้งเป็นธุรกิจเทรดดิ้ง ค้าน้ำมัน และยางมะตอย ต่อมารุ่น 2 สงกรานต์ อิสสระ เข้ามาทำงานร่วมกับบริษัทและแตกไลน์ธุรกิจเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จนถึงรุ่น 3 วรสิทธิ อิสสระ ลูกชายคนโตเข้ามาต่อยอดและเติมเต็ม ชาญอิสสระ ด้วยธุรกิจโรงแรมระดับโลก ศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต

ทั้งสองมือบริหารรุ่น 2-3 สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ ปลาวาฬ-วรสิทธิ อิสสระ ประธานกรรมการ บริษัท ชาญอิสสระ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ให้เกียรติขึ้นเวทีเสวนา Forbes Thailand Forum 2017: The Next Tycoons จัดโดยนิตยสาร Forbes Thailand เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560 และนี่คือส่วนหนึ่งของคำถาม-คำตอบจากประสบการณ์บริหารจากรุ่นสู่รุ่น

&nbsp;

Q: จุดเริ่มต้นของการรับไม้ต่อทางธุรกิจ

สงกรานต์: ก่อนหน้านั้นผมทำงานกับธนาคารซิตี้แบงก์แล้วค่อยมาทำงานในบริษัท สมัยก่อนคุณพ่อทำธุรกิจด้านเทรดดิ้ง ค้าน้ำมัน และยางมะตอย ซึ่งค่อนข้างเป็นธุรกิจที่มีผู้เล่นน้อยราย และต้องทำงานกับหน่วยราชการเยอะ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบ จึงขอว่าจะทำธุรกิจก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้ไหม

ช่วงนั้นปี 2525 เป็นโอกาสมากเพราะยังมีบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ไม่กี่ราย เช่น บริษัทของคุณอนันต์ (อัศวโภคิน) คุณน้อย-พงษ์พันธ์ (สัมภวคุปต์) และยังไม่ค่อยมีตึกสูงเพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง วิธีการระดมทุนก็ยังจำกัดวงแคบอยู่ แต่พอดีมีกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาคอนโดมิเนียมออกมาซึ่งทำให้เราบริหารเงินทุนหมุนเวียนได้ ประจวบเหมาะกับที่ดินของครอบครัวที่ถนนพระราม 4 ปิดหน้าที่ดินของคุณปัญญา (ควรตระกูล) พอดี ทำให้เรามีโอกาสขอซื้อต่อที่ดินคุณปัญญามาขึ้นโครงการชาญอิสสระทาวเวอร์ 1 ได้สำเร็จ

<img alt="" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/44f80344e3181c922a5b962812c52c84.png" style="width: 340px; height: 511px;" /> 
สงกรานต์ อิสสระ&nbsp;ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ&nbsp;บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน)&nbsp;

 
วรสิทธิ: เข้ามาทำโครงการแรกคือโรงแรมศรีพันวาที่ภูเก็ต จริงๆ ที่ดินนี้คุณพ่อคุณแม่ (ศรีวรา อิสสระ) ดูไว้ตั้งแต่ผมเพิ่ง 5-6 ขวบ แต่บริษัทกำลังนำมาพัฒนาวิลล่าขายในช่วงที่ผมกลับจากเรียนด้านการโรงแรม พอผมไปดูก็คิดว่าตรงนี้ทำเป็นโรงแรมได้นะ ก็เลยขอเข้ามาร่วมงานด้วย

แรงบันดาลใจมาจากตอนไปเที่ยวที่ Miami พบว่าโรงแรมลักซัวรี่ที่นั่นไม่ต้องผูกไทใส่สูทก็ได้ มามองเมืองไทยที่ภูเก็ตตอนนั้นก็เหมือนกัน คือโรงแรมลักซัวรี่มีแล้วแต่เป็นแบบใส่สูท ชุดไทย เปิดดนตรีไทย ซึ่งเราคิดว่า เราเปลี่ยนมาทำแบบที่ Miami ก็ได้ ไม่ต้องใส่สูทแต่เป็นบริการที่ดีเหมือนกัน

<img alt="" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/c1fe0e49b5dca0e9a2cdb3fb6cd795d5.png" style="width: 340px; height: 461px;" /> 
ปลาวาฬ-วรสิทธิ อิสสระ&nbsp;ประธานกรรมการ&nbsp;บริษัท ชาญอิสสระ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด

&nbsp;

Q: การเปลี่ยนผ่าน มีความมั่นใจในรุ่นต่อไปแค่ไหน

สงกรานต์: สมัยผมกับปลาวาฬจะต่างกับสมัยผมกับคุณพ่อเพราะวัยเราใกล้กันมากกว่า ตอนผมเข้ามาทำงานผมอายุ 26 แต่คุณพ่ออายุเกือบ 70 ปีแล้ว

ตอนปลาวาฬมาบอกว่าอยากเก็บวิลล่าที่กำลังสร้างส่วนหนึ่งมาเป็นโรงแรมได้ไหม เราก็เห็นด้วยนะ เพราะคิดว่าจะทำให้พื้นที่คึกคักขึ้นมากกว่าเป็นบ้านตากอากาศส่วนตัวทั้งหมดซึ่งจะทำให้เงียบมากๆ พอเขาเข้ามาทำงานก็ชวนเพื่อนมาอีกยกทีมเลย ไปอยู่เฝ้าสำนักงานขายที่ภูเก็ต พวกเขาทำหน้าที่ขายวิลล่าเองโดยไม่ต้องใช้เอเย่นต์และขายได้ดี และยังเข้ามาช่วยปรับราคาให้เหมาะสมด้วย

ถึงตอนนี้สรุปรายได้จากศรีพันวาทั้งบ้านที่ขายไปและตัวโรงแรมที่ขายเข้ากองรีท ทำรายได้รวม 6,000 กว่าล้านบาท มีกำไร 2,000 ล้านบาท ก็ถือว่าเขาใช้ได้เลย

<img alt="" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/3f42dce56debd078b8cf2d39039dc17e.png" style="width: 680px; height: 503px;" /> 
ศรีวรา อิสสระ คู่ชีวิตของสงกรานต์ อิสสระ อีกหนึ่งเบื้องหลังแรงขับเคลื่อนกลุ่มบริษัทชาญอิสสระ

&nbsp;

Q: เก่งกับเฮง สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน

สงกรานต์: ผสมกัน ในโชคของเรา เราต้องมีกลยุทธ์ มีความอดทน และบางทีต้องรอจังหวะด้วย จังหวะไม่ดีจะทำให้เราเสียหายเยอะ

&nbsp;

Q: แล้วระหว่างเก่งกับโอกาส สำหรับปลาวาฬ-วรสิทธิ?

วรสิทธิ: ผมว่าโอกาส ถ้าไม่มีโอกาสก็มาไม่ถึงวันนี้ อย่างตอนนี้เรากำลังจะไปบริหารโรงแรมให้พาร์ทเนอร์ที่ไหหลำ ซึ่งก็มาจากโอกาสที่ได้รู้จักกัน ถือเป็นดีลต่างประเทศแรกของผม

&nbsp;

Q: ก่อนหน้านี้คาดหวังให้ลูกๆ มาสานต่อธุรกิจหรือไม่ และจะวางมือจากบริษัทหรือยัง

สงกรานต์: สิ่งที่ผมทำให้เขาคือให้การศึกษาที่ดีที่สุด แต่จะให้เขามาช่วยเราหรือไม่ ไม่ได้คาดหวัง ให้เขาตัดสินใจเอง แล้ววันหนึ่งเขาก็มาบอกเองว่าเขาจะมาทำงานที่บริษัท และเป็นโชคดีของผมที่ลูกๆ มีความสามัคคีช่วยกันทำงาน ส่วนจะวางมือไหมขึ้นอยู่กับเขาเพราะตอนนี้ทีมงานบริหารเราวางตัวไว้พร้อมหมดแล้ว

&nbsp;

Q: จะเห็นรุ่น 3 เข้ามารับหน้าที่มากขึ้นกว่าเดิมไหมในเร็วๆ นี้

วรสิทธิ: ถ้าให้มานั่งบริหารในกรุงเทพฯ คงไม่มารับหน้าที่ ผมเน้นอยู่ที่ภูเก็ตมากกว่า ซึ่งที่กรุงเทพฯ ทางบริษัทมีทีมงานที่ดีบริหารอยู่แล้ว ผมดูเรื่องการโรงแรมและบริการเป็นหลัก ไม่ถนัดการพัฒนาอสังหาฯเพื่อขาย แต่สามารถช่วยได้ แต่ให้พัฒนาเองมองว่ายังไม่ใช่สิ่งที่ชื่นชอบ ผมชอบการอยู่หน้างานในโรงแรมและปั้นมันขึ้นมามากกว่า

<img alt="" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/5eb4ba4b08ff3bfbce30a5183319548a.png" style="width: 680px; height: 453px;" /> 
โชคดี วิศาลสิงห์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจหนังสือพิมพ์ บริษัท บางกอก โพสต์ จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากขวา) และ ณ กาฬ เลาหะวิไลย รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจหนังสือพิมพ์กลุ่มโพสต์ บริษัท บางกอก โพสต์ จำกัด (มหาชน)&nbsp;(ซ้าย) ร่วมมอบโล่และช่อดอกไม้ให้กับสองผู้ร่วมเสวนาจากชาญอิสสระ

&nbsp;

<a href="http://forbesthailand.com/news-detail.php?did=1459">อ่านเพิ่มเติม 65 ปี &lsquo;ชาญอิสสระ&rsquo; 3 เจนเนอเรชั่นตอกเข็ม-ก่อสร้าง-พัฒนาความสำเร็จ</a>

คุยกับ ‘สงกรานต์-วรสิทธิ’ คู่พ่อลูกแห่ง ‘ชาญอิสสระ’ บนเวที Forbes Thailand Forum 2017

<h2>ในยุคหนึ่งครอบครัว ‘อิสสระ’ คือผู้นำเข้า-ส่งออกสินค้าและค้าน้ำมันรายใหญ่ในภาคใต้ ยุคต่อมาเป็นบริษัทเรียลเอสเตทที่สร้างตึกระฟ้าอาคารแรกๆ ของกรุงเทพฯ และยุคปัจจุบันทายาทรุ่นหลานได้ปลุกปั้นที่ดินในจังหวัดภูเก็ตจนเป็นโรงแรมชื่อดัง และบริษัทก้าวสู่รายได้ 3,100 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา</h2>
ปี 2560 เป็นโอกาสครบรอบ 65 ปีกลุ่มชาญอิสสระ สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จึงได้ฤกษ์จัดทำหนังสือชีวประวัติของตนในชื่อ “คิดนอกกรอบ ทำในกรอบ” โดยมีภรรยาคู่ชีวิต ศรีวรา อิสสระ เป็นผู้เขียนและเรียบเรียงให้

เล่ม preview ของหนังสือชีวประวัติที่แจกแก่สื่อมวลชน รวมถึงปรัชญาการทำงานและใช้ชีวิตที่สงกรานต์แถลงเพิ่มเติม เป็นการสรุปอย่างย่นย่อยิ่งจากนักธุรกิจใหญ่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่ทำงานมาร่วม 40 ปี

สงกรานต์เป็นชาวอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีคุณพ่อคุณแม่คือ ชาญ-มาลี อิสสระ ซึ่งทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับปีนัง รวมถึงค้าน้ำมันในภาคใต้ ทำให้เขาชื่นชอบการค้าขายมาแต่เด็ก หลังจบม.ศ.3 สงกรานต์เข้าเรียนเกรด 10 ต่อที่โรงเรียนมัธยมปลายใน California สหรัฐอเมริกา

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/800fde3ecacf5553f4da9e2f02ad2c17.png" alt="" width="680" height="470" /><figcaption> ชาญ อิสสระ</figcaption></figure>

ในช่วงวัยนี้เองที่สงกรานต์ได้พบเห็นโลกกว้าง จากการแวะพักเครื่องที่เกาะฮ่องกงและเรียนภาษาก่อนเข้าไฮสกูลที่ San Francisco จึงได้เห็นความงามของเมืองใหญ่ และเกิดความฝันที่จะเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้กับประเทศไทย

หลังจากนั้นเขาเลือกเรียนปริญญาตรีและโทในสหรัฐอเมริกา จบปริญญาด้านเศรษฐศาสตร์ การเงินและการบัญชี เมื่อกลับประเทศไทย จึงทำงานด้านผู้ตรวจสอบบัญชีและที่ปรึกษาในบริษัท เอส จี วี ณ ถลาง ก่อนจะผ่านด่านรับสมัครงานเข้าทำงานที่ธนาคารซิตี้แบงก์ (สำนักงานตัวแทนในขณะนั้น) เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการบ่มเพาะความรู้และประสบการณ์

แม้จะไปได้สวยในการทำงานเป็นแบงเกอร์ แต่เขายังรักษาความฝันที่จะเป็นนักพัฒนาจัดสรรไว้ หลังจากทำงานได้ 2 ปี สงกรานต์ลาออกกลับมาช่วยกิจการของครอบครัว ที่ขณะนั้น ชาญ อิสสระ ได้ขยายการลงทุนสู่กรุงเทพฯ ทำการค้ายางมะตอย สร้างถนน และเดินรถเมล์เหลืองฝั่งธนบุรี

ไม่นานจากนั้น สงกรานต์เตรียมที่ดินจะขึ้นโครงการอสังหาฯแห่งแรก เป็นสำนักงานให้เช่าบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แต่มีเหตุให้ชะงักไปก่อน ต่อมาจึงได้โอกาสซื้อที่ดินจาก ปัญญา ควรตระกูล นักพัฒนาจัดสรรยุคแรก เพื่อรวมแปลงกับตึกแถวของครอบครัวที่อยู่ด้านหน้าติดถนนพระราม 4

บริษัท ซี.ไอ.พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด กัดฟันก่อสร้างโครงการแรกบนที่ดินดังกล่าว คืออาคาร ชาญอิสสระ ทาวเวอร์ 1 สำเร็จ เป็นตึกมิกซ์ยูส สำนักงานให้เช่า-รีเทล-คอนโดมิเนียม สูง 27 ชั้น ถือเป็น 1 ใน 3 อาคารระฟ้าในสมัยนั้น ร่วมกับอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลม และโรงแรมดุสิตธานี

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/56d6cbec641f198d69ec530903a48599.png" alt="" width="340" height="485" /><figcaption> อาคารชาญอิสสระ ทาวเวอร์ 1 บนถนนพระราม 4</figcaption></figure>

จากอาคารแห่งแรกที่เป็นแลนด์มาร์กเมืองกรุง ซี.ไอ.ฯ ขยายการลงทุนบ้านพักตากอากาศที่จังหวัดเพชรบุรี ในนามจินดารักษ์วิลล่า และขยายโครงการจัดสรรจำนวนมากอย่างในปัจจุบัน อาทิ ทิวทะเลเอสเตท ชะอำ-หัวหิน, บ้านสีตวัน ปากช่อง, ดิ อิสสระ เชียงใหม่, ดิ อิสสระ ลาดพร้าว หรือฝั่งโรงแรมมี ศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต และบาบา บีช คลับ จังหวัดภูเก็ต พังงา และหัวหิน และบางโครงการเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรหลากหลายสัญชาติ ทั้งไทย ญี่ปุ่น และจีน

“เรามีพาร์ตเนอร์มาตั้งแต่สมัยคุณพ่อ เช่น ฤทธา มารูเบนี่ สหพัฒนพิบูล ล่าสุดมีจุนฟาและเทียนหยวนจากจีน” สงกรานต์กล่าว “การมีพาร์ตเนอร์สำคัญต่อบริษัทมาก และต้องพัฒนารูปแบบการร่วมทุน ทำอย่างไรให้ยั่งยืน ร่วมทั้งสุขและทุกข์กัน เราพบว่ารูปแบบที่ดีคือต้องมีกัปตันเป็นผู้นำในการลงทุนนั้น”

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/f45057b46e03155fbb178e652c56094a.png" alt="" width="680" height="482" /><figcaption> สงกรานต์ อิสสระ</figcaption></figure>

ถึงวันนี้ คาดว่าชาญอิสสระพัฒนาอสังหาฯไปแล้วกว่า 50 โครงการ มูลค่ารวมกันนับ 5 หมื่นล้านบาท โดยในยุคหลัง 10 กว่าปีที่ผ่านมาได้ วรสิทธิ อิสสระ และ ดิฐวัฒน์ อิสสระ ทายาทรุ่นที่ 3 เข้ามาช่วยบริหาร

“การทำงานไม่ใช่ประสบความสำเร็จตลอด บางช่วงที่ย่ำแย่ก็มี ช่วงวิกฤตเคยมีเงินเหลือจ่ายพนักงานทั้งบริษัทได้แค่ 5 เดือนเท่านั้น ผมต้องยอมตัดเงินเดือนตนเองรอบแรก 35% รอบต่อมา 50% และพนักงานทุกคนก็ยอมร่วมทุกข์กับเราเพื่อให้บริษัทยืนระยะได้นานที่สุด เพราะปรัชญาสำคัญขององค์กรเราคือความสามัคคี และให้บุคลากรเติบโตในองค์กร” สงกรานต์กล่าว

ฝั่ง วรสิทธิ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด ลูกชายคนโต เข้ามาทำงานในชาญอิสสระช่วงที่สงกรานต์กำลังเริ่มพัฒนาโครงการจัดสรรที่แหลมพันวา จังหวัดภูเก็ต วรสิทธิเสนอแนวคิดว่าพื้นที่นี้ควรจะพัฒนาเป็นโรงแรมร่วมด้วย

“ตอนนั้นไปเรียนการโรงแรม เวลาว่างชอบไปดูโรงแรมในต่างประเทศ พอกลับมาที่ไทยพบว่าเมืองไทยก็เด่นเรื่องการโรงแรมและบริการ มีโรงแรมที่ราคาเกิน 1,000 เหรียญสหรัฐฯต่อคืน แต่จะเป็นรูปแบบเดียวกันคือเสนอความเป็นไทย จึงคิดว่าโรงแรมที่สนุกตื่นเต้นยังขาดอยู่ ซึ่งเราทำที่แหลมพันวาได้ ทำให้เป็นเมืองๆ หนึ่งเลย” วรสิทธิกล่าวถึงที่มาของการก่อตั้งโรงแรมศรีพันวา

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9d9fb3d4cf3ac9c89c1a52f2c0bc5438.png" alt="" width="680" height="491" /><figcaption> ปลาวาฬ-วรสิทธิ อิสสระ</figcaption></figure>

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/62f86d5cfc0c76474510a1be3bf5eb3d.png" alt="" width="680" height="461" /><figcaption> ปลาทู-ดิฐวัฒน์ อิสสระ</figcaption></figure>

นอกจากนี้วรสิทธิยังรับหน้าที่ช่วยบริหารการขายที่พักอาศัย เป็นอีกครั้งที่มีเลือดใหม่เข้ามาในองค์กร ซึ่งสงกรานต์กล่าวว่า “ต้องยอมรับว่ารูปแบบการขายของคนรุ่นใหม่ช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จได้”

ปัจจุบันโรงแรมในเครือชาญอิสสระ กำลังต่อยอดส่งแบรนด์ให้พันธมิตรชาวจีนลงทุนในประเทศจีน และชาญอิสสระเป็นผู้บริหารโครงการตั้งแต่เริ่มออกแบบถึงการบริหารโรงแรม และบริษัทยังมองหาลู่ทางลงทุนซื้อกิจการในยุโรปอีกด้วย

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/354e1debb439eaf805fac2c3ba958a68.png" alt="" width="680" height="315" /><figcaption> โรงแรมศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต</figcaption></figure>

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/8f56edd009ef0d18f58fb2289f079496.png" alt="" width="680" height="383" /><figcaption> อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9</figcaption></figure>

ส่วน ดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ ลูกชายคนรอง กลับมาทำงานในส่วนสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ และรับหน้าที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายในยุคใหม่ๆ เช่น บ้านชานทะเล, อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9, บ้านอิสสระ บางนา

“บริษัทพัฒนาจากเคยมีโครงการระหว่างขาย 4 โครงการต่อปี จนปัจจุบันมี 11-12 โครงการต่อปี แปลว่าเราต้องพัฒนาระบบให้ดีขึ้น เพราะผู้บริหารหนึ่งคนจะดูแลทุกไซต์งานได้ไม่ทั่วถึงอีกต่อไป” ดิฐวัฒน์กล่าวถึงแผนงานในอนาคตที่จะพัฒนาองค์กรให้ดียิ่งขึ้น

คุณพ่อ-สงกรานต์จึงฝากความหวังไว้ให้เจนเนอเรชั่นที่ 3 ได้สานต่อ โดยมองว่านี่คือห้วงเวลาที่ชาญอิสสระแข็งแกร่งที่สุดทั้งด้านการเงินและบุคลากร มั่นใจว่าจะสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างภาคภูมิ

&nbsp;

65 ปี ‘ชาญอิสสระ’ 3 เจนเนอเรชั่นตอกเข็ม-ก่อสร้าง-พัฒนาความสำเร็จ

<h2>ชาญอิสสระเผยรายได้ปี 2559 แตะ 3,100 ล้านบาท ปี 2560 เตรียมขยายเฟสโครงการต่างจังหวัดเพิ่ม 2-3 พันล้านบาท ด้านโรงแรมศรีพันวา-บาบา บีช ต่อยอดลงทุนในยุโรปดึงลูกค้าไทย-จีนเที่ยวนอก จับมือพันธมิตรจีนรับบริหารโรงแรมศรีพันวาแดนมังกร</h2>
สงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2559 บริษัทมียอดขายประมาณ 2,200 ล้านบาท หรือ 70% ของเป้ายอดขาย และมียอดรับรู้รายได้ 3,100 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 70% และอสังหาฯเพื่อเช่า 30% ส่วนปี 2560 ตั้งเป้าหมายยอดขายและรายได้เติบโตประมาณ 5-10%

โดยการพัฒนาโครงการจะเป็นการขยายเฟสต่อเนื่องของโครงการต่างๆ ในต่างจังหวัด มูลค่ารวมประมาณ 2-3 พันล้านบาท เช่น ทิวทะเลเอสเตท ชะอำ-หัวหิน, บาบา บีช คลับ พังงา, โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต, อิสสระ เชียงใหม่

ส่วนการลงทุนซื้อที่ดินติดถนนเพชรเกษมที่โครงการ ทิวทะเลเอสเตท ขนาด 10 กว่าไร่เพื่อพัฒนาธุรกิจเชิงพาณิชย์ ได้ลงทุนซื้อร่วมกับสหพัฒนพิบูลและไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนลเรียบร้อยแล้ว แต่ยังรอจังหวะที่เหมาะสมทำให้ชะลอการพัฒนาออกไปก่อน

ด้าน โรงแรมศรีพันวา จังหวัดภูเก็ต ที่ได้ขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT เมื่อปลายปีก่อนมูลค่า 3,300 ล้านบาท ภายในปี 2561 คาดว่าบริษัทจะนำสินทรัพย์คือโรงแรม บาบา บีช คลับ ภูเก็ต และ บาบา บีช คลับ พังงา ขายเข้ากอง REIT เพิ่มเติม จำนวน 40 ห้อง มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท

และได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Junfa Real Estate Co.,Ltd จากประเทศจีน ซึ่ง Junfa ได้นำแบรนด์โรงแรมศรีพันวาและบาบา บีช คลับ ไปพัฒนาโครงการในจีน เบื้องต้นคาดว่าจะมีการลงทุนทั้งหมด 5 เมือง เริ่มที่ไหหลำและลี่เจียง โดยกลุ่มทุนจีนจะเป็นผู้ลงทุนเอง 100% แต่ชาญอิสสระจะเป็นผู้รับดำเนินการบริหารจัดการตั้งแต่ออกแบบ ก่อสร้าง จนถึงบริหารโรงแรม

สงกรานต์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนลงทุนโรงแรมในทวีปยุโรปในลักษณะการซื้อกิจการและนำมาปรับปรุงบริหาร คาดว่าจะลงทุน 1-2 แห่ง งบลงทุนแห่งละไม่เกิน 1,500 ล้านบาท โดยจะตัดสินใจใน 1-2 ปีนี้ มองว่าจุดที่น่าลงทุนเป็นประเทศอังกฤษบริเวณรอบนอกกรุง London เพราะหลังจากสหราชอาณาจักรมีมติออกจากสมาชิกภาพสหภาพยุโรป (Brexit) ทำให้ราคาอสังหาฯลดลง 10-20% ทั้งจากดีมานด์ที่ลดลงและค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลงด้วย

ด้าน วรสิทธิ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ จำกัด กล่าวว่า แนวคิดการลงทุนโรงแรมในยุโรปคาดว่าจะเป็นในกรุง London อังกฤษ หรือ Ibiza ประเทศสเปน โดยบริษัทมีความสนใจ Ibiza เพราะเป็นเมืองชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีนักท่องเที่ยวเอเชียเข้าไปไม่มาก หากชาญอิสสระลงทุนจะเป็นผู้ประกอบการเจ้าแรกจากเอเชีย ทำให้มีโอกาสสูงในการเปิดตลาดนำนักท่องเที่ยวไทยและจีนซึ่งบริษัทมีพันธมิตรเข้าไปท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้บริษัทยังไม่มีโครงการจัดสรรในกรุงเทพฯเพิ่มเติม แต่มีความต้องการซื้อที่ดินในเขตซีบีดี (ศูนย์กลางธุรกิจ) เพื่อพัฒนาเป็นโครงการระดับลักชัวรี่ ราคา 1.5 แสนบาท/ตร.ม.ขึ้นไป หรือเป็นโครงการมิกซ์ยูส เพราะมองว่าตลาดระดับบนยังมีดีมานด์ที่ดี ขณะที่โครงการจัดสรรระดับกลาง-ล่างยังมีปัญหาระบายซัพพลายได้ช้า บริษัทจึงยังไม่เร่งลงทุนในตลาดนี้

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events