<h2>ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ไม่เพียงแต่กระเป๋าเงินคนที่ฟีบลง แต่ยังกระทบธุรกิจสินเชื่อในประเทศอีกหลายด้าน ทั้งสินเชื่อ SME สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบ้าน ไปจนถึงสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค อย่างสินเชื่อส่วนบุคคล ที่เห็นยอดอนุมัติน้อยลง จากความเสี่ยงที่คนอาจจ่ายช้าหรือค้างจ่ายมากขึ้น จนล่าสุดเดือน ก.พ. 68 ตลาดติดลบถึง 5.6%&nbsp;แล้วภาคธุรกิจต้องปรับตัวอย่างไร</h2> ฝ่าเศรษฐกิจชะลอ เคทีซี พราว เน้นลูกค้าคุณภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“พิชามน จิตรเป็นธรรม” ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อบุคคล บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี (KTC) เล่าว่า ล่าสุดธนาคารโลกปรับลด GDP ไทยจาก 2% กว่าเหลือเพียง 1.6% สาเหตุเพราะความเสี่ยงสงครามการค้า การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ซึ่งยังต้องติดตามว่าไทยจะสามารถเจรจากับทางสหรัฐฯ ได้มากน้อยเพียงใด ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศเมื่อชะลอตัวย่อมกระทบกับสินเชื่ออุปโภคบริโภคส่งผลให้เห็นการติดลบในหลายส่วน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)&nbsp;ณ ก.พ. 68 พบว่า สินเชื่อบัตรเครดิตกว่า 460,000 ล้านบาท ลดลง 2.8% ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคล รวมสินเชื่อทะเบียนรถเป็นประกันกว่า 851,901 ล้านบาท ลดลง 0.21% เฉพาะส่วนสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันอยู่ที่ 476,728 ล้านบาท ลดลง 5.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา&nbsp; &nbsp; &nbsp;ในปี 2568 นี้ คาดว่าภาพรวมอุตสาหกรรมสินเชื่อบุคคลจะทรงตัว ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อบุคคลเคทีซีคาดว่าจะเติบโต 3% โดยไตรมาส 1 ปี 68 เติบโต 0.6%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สินเชื่อไม่มีหลักประกันกระทบจากภาวะหนี้สูง เพราะสถาบันการเงินต้องควบคุมความเสี่ยงให้รอบด้าน ทำให้ตัวเลขลบมาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างทำธุรกิจได้ยาก ดังนั้นเคทีซียังคงเน้นสินเชื่อคุณภาพ ในปีนี้คาดว่าภาพรวมตลาดจะทรงตัว (หรือโตราว 1%)” พิชามน กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/kAp5giYXLa36jjevVbQf.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="kAp5giYXLa36jjevVbQf.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> รุกลูกค้าใหม่ผ่านร้านขายมือถือ 1,000 สาขา ผ่อน 0% สูงสุด 24 เดือน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิชามน เล่าต่อว่า ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ปี 2568 นี้ เคทีซี พราว จะใช้กลยุทธ์ขยายสู่ฐานลูกค้าใหม่ ผ่านการเพิ่มช่องทางพันธมิตรที่มีสาขาทั่วไทยโดยลูกค้าสามารถสแกน QR code และสมัครสินเชื่อได้ทันที (ผ่านระบบ E-Application และจะมีการส่งบัตรตามไปที่บ้านภายหลัง) โดยเริ่มต้นในกลุ่มสินค้า SmartPhone อุปกรณ์ IT ณ มี.ค. 68 มี 4 พันธมิตร ทีได้แก่ AIS 400 สาขา, True Shop 254 สาขา, Advice 121 สาขา และ TG 215 สาขา โดยมีโปรโมชัน ผ่อน 0% สูงสุด 24 เดือน (จากปกติดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 25% ต่อปี) โดยเน้นการอนุมัติไวใน 30 นาที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลยุทธ์นี้จะช่วยเสริมไปกับธุรกิจบัตรเครดิต และขยายจากฐานเดิมที่เป็นสินเชื่อเงินกู้ มาสู่สินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์ ในการซื้อสินค้าและบริการ เช่น มือถือ เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ซึ่งจากสถิติของบริษัทพบว่าจะมี Active rate หรือยอดใช้บัตรที่สูงกว่าสินเชื่อฯ ปกติถึง 2 เท่า และทำให้สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น โดยร้านค้าจะเป็นผู้ซับซิไดซ์ค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/e3cmPNgoVx9bCE7gN2cR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="e3cmPNgoVx9bCE7gN2cR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ภายใต้การขอสินเชื่อผ่านระบบ E-Application ยังคงมาตรฐานการคัดกรองตามปกติมีทั้ง AI และคนในการตรวจสอบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โปรฯ ผ่อนได้ 0% และขยายเวลา 24 เดือนเพื่อให้ผู้กู้มีสภาพคล่องมากขึ้น เพื่อเสริมกับบัตรเครดิตและเติมเต็มให้กลุ่มลูกค่าที่ต้องการผ่อนมากกว่า 10 เดือน ตอนนี้มีลูกค้าสมัครมาราว 1,000 ราย อนุมัติแล้วเกือบ 200 ราย ปีนี้คาดหวังฐานลูกค้าใหม่จากช่องทางใหม่นี้ในปี 68 ที่ 1,000 ราย คิดเป็นมูลค่าราว 40-50 ล้านบาท”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในระยะข้างหน้า โปรฯ นี้จะเตรียมขยายให้มีพันธมิตรมากกว่า 10 เจ้า และขยายในสินค้าและบริการที่หลากหลาย เช่น อุปกรณ์/บริการด้านรถยนต์ (ยางรถยนต์) บริการสุขภาพ (เลสิค) กลุ่มธุรกิจความงาม​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/ohbBQ6hpcU2SeCh3fTkL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ohbBQ6hpcU2SeCh3fTkL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="2"></figure></div> เคทีซี พราว ปี 68 โตต่อเนื่อง เจาะกลุ่มวิชาชีพ-เด็กจบใหม่ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ Ploan อาจต้องพึ่งพิงเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นเพื่อให้ความมั่นคงของรายได้ฟื้นกลับมา เพราะเคทีซี พราว กลุ่มเป้าหมายยังเป็นมนุษย์เงินเดือน ดังนั้น ปี 2568 ตั้งเป้าไม่สูงมากที่ราว 3% อาจไม่สูงเท่า 5-6 ปีที่ผ่านมา โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีความสามารถในการชำระ และขยายร้านค้าที่มีฐานลูกค้าตามเป้าหมาย รวมถึงจะมี Royalty Program ให้ลูกค้าที่ชำระดี ผ่านโครงการเคลียร์หนี้ที่ทำมา 15 ปี (ช่วยลูกหนี้แล้วรวม 6,000 ราย มูลค่ารวม 51 ล้านบาท)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนเกณฑ์ในการขอสินเชื่อ ปีนี้จะไม่ได้เข้มงวดมากขึ้น โดยฐานรายได้ยังคงเริ่มต้นที่ 12,000 เดือน และจะขยายไปกลุ่มวิชาชีพเฉพาะที่เรียนจบแล้วมีงานทำแน่นอน เช่น หมอ พยาบาล วิศวกร ฯลฯ รวมถึงกลุ่มเด็กจบใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่การแข่งขันของสินเชื่อไม่มีหลักประกัน จะเห็นแพลตฟอร์มต่างๆ เข้ามากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังไม่เห็นเคสที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะสินเชื่อฯ ขนาดเล็กอย่างหลักพันบาทยังมีความเสี่ยงสูง เพราะโอกาสในการทวงหนี้ยากกว่าจากต้นทุนในการทวงที่สูง สุดท้ายยังต้องดูที่ว่าคุณภาพลูกหนี้จะดีแค่ไหน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้มองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจเห็นเพิ่มเติม เพราะเศรษฐกิจยังนิ่งสนิท หากลดลงน่าจะช่วยให้การจับจ่ายใช้สอย รายได้ครัวเรือนดีขึ้น แต่ไม่กระทบกับส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของ เคทีซี พราว ภาพ:&nbsp;&nbsp;เคทีซี, ธัญวดี นิรุตติศาสตร์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/mof-new-ltf-esg-thai-esgx-mar-2025" alt="รัฐหวังตลาดหุ้นไทยฟื้น! ครม. อนุมัติตั้งกองทุน Thai ESGX ลดหย่อนภาษี รับเงินโยกจาก LTF ได้"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/thailand-outbound-tourism-spending-apr-2025" alt="เมื่อคนไทยเที่ยวนอกลดลง ใช้บัตรแลกเงินมากขึ้น แต่ทำไมยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในต่างประเทศยังเติบโต">เมื่อคนไทยเที่ยวนอกลดลง ใช้บัตรแลกเงินมากขึ้น แต่ทำไมยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในต่างประเทศยังเติบโต</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

อ่านเกมการตลาด เคทีซี พราว บุกร้านมือถือขยายฐานลูกค้าใหม่ ชูโปรผ่อน 0% สูงสุด 24 เดือน

<h2>​กรุงศรี คอนซูมเมอร์เผยมีโปรแกรมผ่อนดอก 0% กว่า 90% โดยมักผ่อนหมวดหลักคือ ‘อิเล็กทรอนิกส์-สุขภาพความงาม-ทองคำแท่ง’ ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรปี 68 ยังโต 10% แม้ 2 เดือนแรกยังโตแค่ 4% แต่เชื่อว่าไตรมาส 4 จะเติบโตขึ้นตามฤดูลกาล กลยุทธ์หลักปีนี้จะเร่งขยายสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น หลังจาก 5 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนสินเชื่อกลุ่มนี้ลดลงกว่า 10% ส่วนหนี้เสียปีนี้คาดว่ายังทรงตัว โดยยังใช้เกณฑ์เดิมในการอนุมัติบัตรฯ</h2><div> </div>&nbsp; &nbsp; &nbsp;นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์&nbsp;กล่าวว่า ปัจจุบันการผ่อนชำระสินค้ายังเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งแม้จะไม่ได้เกิดจากความต้องการผ่อนชำระสินค้า แต่ ถ้ามีทางเลือกที่จะผ่อน ได้เครดิตเงินคืน หรือ ส่วนลดเพิ่ม คนก็อยากจะผ่อนมากกว่า ซึ่งจะช่วยให้คนบริหารค่าใช้จ่ายหรือเพิ่มศักยภาพในการซื้อของให้มากขึ้น ปัจจุบันในแผนผ่อนของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ สัดส่วนกว่า 90% เป็นการผ่อนดอกเบี้ย 0% เพราะมีทั้งแบรนด์ทำ Subsidize หรือมีการทำโปรร่วมกับแบรนด์ ซึ่งมีสัดส่วนแผนผ่อนที่จ่ายดอกเบี้ยไม่ถึง 10%&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทั้งนี้ ประเภทสินค้าที่คนไทยนิยมผ่อนสูงได้แก่ มือถือ ไอที อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ท่องเที่ยว ทองคำ สุขภาพความงาม ฯลฯ&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;ขณะที่ภาพรวมการชำระหนี้สัดส่วนกว่า 70% ยังเป็นกลุ่มชำระเต็มจำนวน และมีราว 30% ที่เป็นการผ่อนชำระบางส่วน โดยจากช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา สัดส่วนนี้ยังทรงตัวในระดับเดิม และคาดว่าทั้งปีจะทรงตัวเช่นกัน โดยกลุ่มที่ผ่อนชำระยังคงเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยมีสัดส่วนมากกว่ากลุ่มอื่น&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;ส่วนธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในปีนี้ มองว่าไม่ได้ง่ายนัก แม้จะมีโครงการ Easy E-Receipt ที่ส่งผลดี กระตุ้นให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 14% ในช่วง 31 วันแรก แต่ในช่วง 2 เดือนแรก ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร ปี 2568 เติบโตเพียง 4% อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัทยังคงเป้าหมายยอดใช้จ่ายผ่านบัตรปีนี้ที่ 431,000 ล้านบาท จะเติบโตที่ระดับ 10% เพราะคาดว่าไตรมาส 4 ซึ่งมักมียอดใช้จ่ายสูงสุดในแต่ละปี จะเป็นปัจจัยหนุนได้&nbsp; &nbsp; &nbsp;“ในระยะยาวคาดว่า ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวช้า อัตราส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในระดับสูง แนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้และหนี้เสียที่แม้จะทรงตัว แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง รวมถึงมาตรการควบคุมจากภาครัฐ เป็นผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568 กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะยังคงมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ”&nbsp;นายอธิศ กล่าว&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/99oifSk3ym7CiRNQk6q2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="99oifSk3ym7CiRNQk6q2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,405" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp; &nbsp;กลยุทธ์หลักปีนี้จะเร่งขยายสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น หลังจาก 5 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนสินเชื่อกลุ่มนี้ลดลงกว่า 10% ส่วนหนี้เสียปีนี้คาดว่ายังทรงตัว โดย NPL ของตลาดปัจจุบันอยู่ที่ราว 2%&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;นอกจากนี้ ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายมียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 652,500 บัญชี โต 10% ยอดสินเชื่อใหม่ 108,800 ล้านบาท ขยายตัว 14% และยอดสินเชื่อคงค้าง 158,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ผ่าน 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์หลักให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. ขยายระบบนิเวศพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. สร้างเสริมนวัตกรรมทางการชำระเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. ผสานความร่วมมือในเครือกรุงศรีเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2567 ที่ผ่านมาของ มียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 594,000 บัญชี เติบโต 6%, ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 392,500 ล้านบาท เติบโต 8%, ยอดสินเชื่อใหม่ 95,500 ล้านบาท เติบโต 4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดสินเชื่อคงค้าง 146,200 ล้านบาท&nbsp;&nbsp; &nbsp; สำหรับยอดผ่อนชำระสูงสุดเรียงตามยอดใช้จ่าย 5 อันดับแรกของปี 2567 ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. ไอที&nbsp; &nbsp; 2. ประกันภัย&nbsp; &nbsp; 3. โทรศัพท์มือถือ&nbsp; &nbsp; 4. ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ในครัวเรือน&nbsp; &nbsp; 5. ช้อปออนไลน์&nbsp; &nbsp; ส่วนยอดผ่อนชำระที่มีอัตราเติบโตสูงสุด 5 อันดับแรกของปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 ได้แก่&nbsp; &nbsp; 1. ตัวแทนท่องเที่ยว (+61%)&nbsp; &nbsp; 2. ช้อปออนไลน์ (+29%)&nbsp; &nbsp; 3. ไลฟ์สไตล์ (+25%)&nbsp; &nbsp; 4. ร้านขายอุปกรณ์ถ่ายรูป (+19%)&nbsp; &nbsp; 5. รถยนต์ (+15%)&nbsp; &nbsp; ส่วนในภาพรวมหมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุดเรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่&nbsp;1. ประกันภัย&nbsp;2. ไฮเปอร์มาร์ท ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ&nbsp;3. ปั๊มน้ำมัน&nbsp;4. ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ในครัวเรือน&nbsp;5. ช้อปออนไลน์&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;ขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน อยู่ที่ระดับ 1.1% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.6% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อผ่อนชำระ นับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจ&nbsp;อันเป็นผลจากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/zxRKEpxviVmVyDCfGaX5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="zxRKEpxviVmVyDCfGaX5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,405" style="" data-index="1"></figure></div>​ ภาพ: กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bbl-bay-cut-rate-0-25-mar-2025" alt="แบงก์กรุงเทพ - กรุงศรี ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ-ช่วยลดภาระลูกหนี้">แบงก์กรุงเทพ - กรุงศรี ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ-ช่วยลดภาระลูกหนี้</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ถ้าผ่อนได้ คนไทยก็ผ่อน!  กรุงศรี คอนซูมเมอร์เผย 90% ของแผนผ่อนเป็นดอก 0% ช่วยดันยอดใช้จ่ายฯ คาดปี 68 โต 10%

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในวันที่เรามีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน แต่มีเรื่องสำคัญและจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน "สินเชื่อส่วนบุคคล" นับเป็นหนึ่งในทางเลือกที่อาจช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ตอบโจทย์ชีวิตคุณได้ แต่ทุกการตัดสินใจก็ย่อมมีผลตามมา เช่น ภาระหนี้สิน กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ชวนทำความรู้จักกับสินเชื่อส่วนบุคคล ตัวช่วยในวันที่เกิดเรื่องฉุกเฉินด้านการเงิน พร้อมคำแนะนำดีๆ เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นก่อนตัดสินใจ <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/DKxazDYV8uNDCGgPitGh.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="DKxazDYV8uNDCGgPitGh.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,1280" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นแหล่งเงินฉุกเฉินที่อนุมัติให้ผู้ขอสินเชื่อสามารถนำเงินก้อนไปใช้จ่ายในเรื่องที่ต้องการได้โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ในการค้ำประกัน สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับกลุ่มคนวัยทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีรายได้ประจำ เช่น พนักงานบริษัท และกลุ่มเจ้าของกิจการหรือผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ฟรีแลนซ์ เป็นต้น ปัจจุบัน สถาบันการเงินต่างๆ นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลหลากหลายรูปแบบเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ยอดนิยม คือ "บัตรกดเงินสด" ทั้งนี้ สถาบันการเงินจะพิจารณาให้สินเชื่อจากวงเงินที่ต้องการขอ, เอกสารหรือข้อมูลแสดงรายได้, ภาระหนี้สินในปัจจุบัน รวมทั้งประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาของผู้ขอสินเชื่อ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะกับเราหรือไม่และควรขอสินเชื่อเท่าไร ก่อนตัดสินใจ ลองถามตัวเองง่ายๆ ก่อนตัดสินใจที่จะขอสินเชื่อบุคคลดังต่อไปนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อยากขอสินเชื่อไปทำอะไร? – แนวคิดพื้นฐานก็คือ "คิดก่อนใช้ ใช้เท่าที่จำเป็น" ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อ ลองถามตัวเองก่อนว่า ต้องการเงินก้อนนี้ไปทำอะไร จำเป็นจริงๆ หรือไม่ เช่น ขอสินเชื่อเพื่อไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลก้อนใหญ่ เพื่อเป็นเงินทุนในการทำธุรกิจ หรือเพื่อรีไฟแนนซ์ลดภาระดอกเบี้ย เป็นต้น และควรถามตัวเองด้วยว่า สามารถรับผิดชอบภาระหนี้สินที่จะตามมาได้หรือไม่​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/RjqdvTqyGnKijmdQybYu.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="RjqdvTqyGnKijmdQybYu.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,1280" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ควรขอสินเชื่อวงเงินเท่าไร? – แน่นอนว่า ใครๆ ก็อยากได้เงินก้อนใหญ่ แต่ต้องคิดก่อนว่า เงินก้อนนี้จะตามมาด้วยภาระดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน การกำหนดวงเงินที่ต้องการขอสินเชื่อส่วนบุคคลให้เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ ปกติแล้ว วงเงินสินเชื่อที่สถาบันการเงินอนุมัติ มักจะไม่เกิน 3-5 เท่าของรายได้ โดยเราควรจะคำนวณก่อนว่า หากหักค่าใช้จ่ายประจำ ค่ากินอยู่ในแต่ละเดือนแล้ว เราต้องสามารถรับผิดชอบจ่ายคืนเงินที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนได้โดยไม่ลำบาก หากคำนวณแล้วคิดว่าอาจผ่อนชำระไม่ไหว อาจลดวงเงินที่จะขอสินเชื่อลง หรือยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระให้นานขึ้น เพื่อลดภาระหนี้สินในแต่ละเดือนให้บริหารเงินได้คล่องตัวขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จะชำระเงินคืนได้เมื่อไร? – เมื่อขอสินเชื่อมาแล้วอย่านิ่งนอนใจ เพราะแต่ละวันที่ผ่านไปก็หมายถึงภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ขั้นตอนต่อไปจึงควรวางแผนวิธีชำระเงินคืนและจัดสรรเงินใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/BoHncyc2MpZ9VQbk3W4D.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="BoHncyc2MpZ9VQbk3W4D.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,1439" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ละเดือน สามารถจ่ายคืนได้ตามกำหนดเวลาหรือไม่? – กรอบเวลาวันเริ่มและสิ้นสุดการชำระเงินคืน กำหนดให้เรารู้จักรับผิดชอบวางแผนชำระคืนให้ตรงเวลา เพราะหากพลาดไปอาจเกิดภาระดอกเบี้ยตามมา ดังนั้น ก่อนขอสินเชื่อส่วนบุคคลจึงควรมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ ไม่ผิดนัดชำระเงินคืนในแต่ละเดือน โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำ เพื่อรักษาวินัยทางการเงินของตัวเองไว้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ควรวางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือนอย่างไร? – แต่ละเดือนเราควรวางแผนการใช้เงินเพื่อให้เห็นภาพรวมการใช้จ่ายของตัวเอง อย่างน้อยที่สุดเราต้องรู้รายรับ, รายจ่าย, ยอดหนี้ที่ต้องชำระคืน หากทำแบบนี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เรารู้ความสามารถในการชำระหนี้ของตัวเอง และสามารถหาทางปลดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยอาจหาช่องทางหารายได้เสริม หรือลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลง เพื่อประหยัดเงิน เพิ่มสภาพคล่อง เพื่อให้เราหมดภาระหนี้สินได้เร็วขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แนวทางข้างต้นไม่เพียงเป็นหลักให้คิดก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น หากแต่ยังช่วยเพาะบ่มนิสัยสร้างวินัยทางการเงินที่ดีให้เกิดกับตัวคุณได้ด้วย เพราะท้ายที่สุดวินัยทางการเงินที่ดีจะเป็นหลักยึดให้คุณสามารถจัดการเรื่องการเงินของตัวเองได้อย่างมีสติอยู่เสมอ อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70586" alt="“ทงเวย โซลาร์” ผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่ที่สุดโลก เปิดตัวในไทย รับอุปสงค์พลังงานสะอาดโตต่อเนื่อง">“ทงเวย โซลาร์” ผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่ที่สุดโลก เปิดตัวในไทย รับอุปสงค์พลังงานสะอาดโตต่อเนื่อง</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>&nbsp;​

Checklist 5 ข้อ ก่อนขอสินเชื่อส่วนบุคคล

<h2>ทีเอ็มบีธนชาตหรือ ทีทีบี ส่ง “ทีทีบี คอนซูมเมอร์” รุกตลาดบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลครบวงจร ผ่านผลิตภัณฑ์และโซลูชันต่างๆ โดยชู 3 กลยุทธ์หลักขับเคลื่อนสู่ 1 ใน 4 ผู้นำตลาดภายใน 3 ปี พร้อมเป้าหมายผู้ถือบัตรเครดิตและยอดใช้จ่ายเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยกิจกรรมทางการตลาดที่จัดเต็มตลอดครึ่งปีหลัง</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-68010" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/ฐากร-ปิยะพันธ์.jpg" alt="" width="650" height="433" />

ฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัว แต่จากภาวะเงินเฟ้อในช่วง 7 เดือนแรกของปีที่ปรับสูงถึง 5.89% ส่งผลให้ค่าครองชีพประชาชนสูงขึ้น และมีกำลังซื้อที่เปราะบางมากขึ้น โดยเห็นได้ชัดจากตัวเลขของเสิร์ชเอนจินในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาคนไทยมีพฤติกรรมค้นหา “สินเชื่อเงินด่วน” เพิ่มขึ้นกว่า 2.5 เท่า

สอดคล้องกับข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทยที่พบว่า ความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนมีแนวโน้มขยับตัวขึ้นในสินเชื่อทุกประเภทในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 อันเกิดจากประชาชนยังต้องการหาแหล่งเงินกู้ เพื่อเป็นตัวเลือกในการรับมือกับภาระค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวสูงขึ้น

ขณะที่ทีเอ็มบีธนชาตได้ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ด้านการเงินในทุกมิติให้คนไทยในทุกช่วงวัยและทุกสถานการณ์ โดยมุ่งเชิญชวนลูกค้าให้ความสำคัญเรื่องของการฉลาดออม ฉลาดใช้ และวางแผนการเลือกใช้สินเชื่อที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและแบ่งเบาภาระหนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาได้ช่วยลูกค้ากว่า 2 แสนรายให้เข้าถึงแหล่งเงิน เพิ่มสภาพคล่องในยามฉุกเฉินผ่านบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ช่วยให้ลูกค้ากว่า 4.3 หมื่นรายมีสภาพคล่องได้แบ่งเบาภาระดอกเบี้ยผ่านสินเชื่อบุคคล เป็นวงเงินสินเชื่อกว่า 8 พันล้านบาท

“การได้ช่วยเหลือลูกค้าให้เข้าถึงแหล่งเงินในระบบผ่านโซลูชันการเงินที่ครบวงจร พร้อมนำเสนอ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ทีเอ็มบีธนชาตเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตในตลาดคอนซูมเมอร์ จึงได้ตั้งเป้าก้าวสู่ 1 ใน 4 ผู้นำตลาดบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลภายใน 3 ปี ด้วยการมอบโซลูชันทางการเงินที่ดีที่สุดด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลแบบครบวงจร (ทีทีบี คอนซูมเมอร์) แบบครบวงจร ผ่านกลยุทธ์สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ Digital &amp; Innovation สร้าง Partnership ทางธุรกิจ และการขับเคลื่อนด้วยการใช้ Data มากขึ้น”

<img class="alignnone size-full wp-image-68009" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/จเร-เจียรธนะกานนท์.jpg" alt="" width="650" height="433" />

ด้าน จเร เจียรธนะกานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  หัวหน้าบริหารผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย ทีเอ็มบีธนชาต และกรรมการผู้จัดการ ทีทีบี คอนซูมเมอร์ กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล หรือ ทีทีบี คอนซูมเมอร์ของธนาคาร ได้ให้บริการผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้ารายย่อยแบบครบวงจร ด้วยความหลากหลายของบัตรเครดิตที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและบัตรกดเงินสดช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคลช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

สำหรับเป้าหมายภาพรวมธุรกิจ ทีทีบี คอนซูมเมอร์ ปี 2565 ธนาคารได้วางเป้าหมายลูกค้าบัตรเครดิต 1.4 ล้านใบ เป็นลูกค้าสมัครใหม่ 250,000 ใบ โตขึ้นจากปีก่อน 200% โดยเป็นการสมัครผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่า 35% และมีเป้าสร้างยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน โดยเน้นยอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่า 30% และมีเป้ายอดคงค้างอยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท

ส่วนสินเชื่อบุคคลวางเป้าหมายลูกค้ารายใหม่ 1.7 แสนราย เติบโตเพิ่มขึ้น 270% จากปีก่อน เป็นลูกค้าสินเชื่อบุคคลทั้งหมด 5.5 แสนราย เพิ่มขึ้น 45% จากปีก่อน เป็นมูลค่าสินเชื่อใหม่ 2.6 หมื่นล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 86% และมีเป้ายอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท

นอกจากนั้น ทีเอ็มบีธนชาตยังวางเป้าหมายสร้างการเติบโตก้าวกระโดดขึ้นเป็น 1 ใน 4 ผู้นำตลาดบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลในปี 2568 ด้วยกลยุทธ์สำคัญ 3 ด้าน ประกอบด้วย Digital &amp; Innovation มุ่งพัฒนานวัตกรรมการเงินและช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่องผ่านแอปพลิเคชัน ttb touch ที่ให้ความสะดวกสบายในการสมัครบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อบุคคล หรือใช้บริการ และรับข่าวสาร เพื่อไม่พลาดสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ

ขณะเดียวกันยังเดินหน้ากลยุทธ์การสร้าง Partnership ทางธุรกิจหรือขยายพันธมิตรธุรกิจใหม่ เพื่อสร้าง Ecosystem ทั้งกลุ่มลูกค้าพนักงานเงินเดือน ลูกค้ามีรถยนต์ และลูกค้ามีบ้าน รวมถึงมุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนร้านค้ารับบัตรให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในทุกหมวด ทุกกลุ่ม พร้อมเพิ่มร้านค้าที่ให้สิทธิ์ผ่อน 0% ช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้ดีขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นยังมุ่งมั่นในกลยุทธ์การขับเคลื่อนด้วยการใช้ Data มากขึ้น เพื่อทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน วิเคราะห์เพื่อตกผลึกข้อมูลเชิงลึก เข้าใจในความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าแบบรายบุคคล เพื่อการนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ และโดนใจ ในเวลาที่เหมาะสม และเพื่อพัฒนาโซลูชันการเงินที่ดีที่สุด

สำหรับกิจกรรมทางการตลาดบัตรเครดิตทีทีบี ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 จะมุ่งเน้นกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้ถือบัตร โดยเฉพาะในหมวดร้านอาหาร และการช้อปปิ้งออนไลน์ ที่ทางธนาคารได้จัดเตรียมไว้ทั้งส่วนลด และเครดิตเงินคืน รวมถึงการใช้คะแนนสะสมเท่ายอดซื้อแลกเครดิตเงินคืนในอัตราที่สูงกว่าปกติ ณ ห้างสรรพสินค้าพันธมิตร รวมถึงช่วงปลายปียังจัดเตรียมแคมเปญกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตทีทีบี ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงการรุกตลาดคอนซูมเมอร์ของธนาคารอย่างเต็มตัว

“ทีเอ็มบีธนชาต ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมการเงินที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกช่วงวัย และอยู่เคียงข้างในทุกสถานการณ์ บนความมุ่งมั่นที่ต้องการให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต” ฐากร กล่าวสรุป

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b8%9a%e0%b8%a1%e0%b8%88-%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%aa%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a5.html">บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค เร่งโอนที่ดินนิคมฯ รับเศรษฐกิจฟื้นครึ่งปีหลัง</a>

<hr />

<article id="post-34018" class="post-34018 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-891 tag-11994 tag-11992 tag-1970 tag-11993">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">
<div>

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>
</article>

TTB ตั้งเป้าขึ้นแท่น Top 4 ผู้นำบัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคลใน 3 ปี

<h2>กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ประกาศกลยุทธ์ปี 2565 เดินหน้าสู่โลกการเงินยุคใหม่ ยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการ พัฒนาศักยภาพองค์กร จับมือพันธมิตรสร้างความเติบโต ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตร 312,300 ล้านบาท ภายในปี 2565 เผยผลประกอบการปี 2564 เติบโตเป็นที่น่าพอใจ เผยรักษาคุณภาพสินเชื่อและช่วยเหลือลูกค้าได้ดี</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-59983" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/กรุงศรี-คอมซูมเมอร์_0302.jpg" alt="" width="650" height="366" />

ณญาณี เผือกขำ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล กล่าวว่า “ผลประกอบการของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในปี 2564 ยังคงเติบโตเป็นที่น่าพอใจ แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า  โดยในปี 2564 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 285,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 76,500 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 139,900 ล้านบาท อันเป็นผลจากการบริหารค่าใช้จ่าย

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ได้ใช้เทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ควบคู่กับการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ด้วยการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม และช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ อยู่ที่ระดับ 1.1% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.8% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อผ่อนชำระ ซึ่งนับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจ”

<hr />

ข้อมูลสำคัญ:
<ul>
 	<li>ปี 2564 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 285,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 76,500 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 139,900 ล้านบาท</li>
 	<li>สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ระดับ 1.1% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.8%</li>
 	<li>ยอดใช้จ่ายสูงสุด 3 อันดับได้แก่ ประกันภัย ช้อปปิ้งออนไลน์และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ และไฮเปอร์มาร์ทและซูเปอร์มาร์เก็ต</li>
 	<li>ยอดใช้จ่ายเติบโตเร็ว 3 อันดับได้แก่ ช้อปปิ้งออนไลน์และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ไอทีและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และปั๊มน้ำมัน (+11%)</li>
 	<li>บริการผ่อนก่อนจ่ายทีหลัง (BNPL – Buy Now Pay Later) ผ่านแอป ซึ่งสามารถเลือกวันที่ต้องการขอทำรายการผ่อนชำระสินค้าด้วยตนเอง</li>
 	<li>นำเสนอบริการ ‘Call Center as a Service’, ‘Collection as a Service’</li>
</ul>

<hr />

สำหรับด้านหมวดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์นั้นยอดใช้จ่ายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ ประกันภัย ช้อปปิ้งออนไลน์และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ไฮเปอร์มาร์ทและซูเปอร์มาร์เก็ต การตกแต่งบ้าน และเครื่องใช้ในครัวเรือน และปั๊มน้ำมัน

ส่วนหมวดใช้จ่ายที่มีอัตราเติบโตมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ช้อปปิ้งออนไลน์และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (+55%) ไอทีและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (+12%) ปั๊มน้ำมัน (+11%) ประกันภัย (+9%), และ ตกแต่งบ้านและของใช้ในครัวเรือน (+8%)

"ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ยอดการช้อปปิ้งผ่านออนไลน์แพลตฟอร์มยังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเพิ่มสูงขึ้นถึง 55% เทียบกับปี 2563 ขณะที่ยอดใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้ายังคงทรงตัว แต่ที่น่าสนใจคือ ยอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของหมวดห้างสรรพสินค้าเติบโตถึง 62% แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการปรับตัวของทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ที่ให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น มีการปรับรูปแบบเป็นการขายของแบบออมนิแชนเนล คือ ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน”

<img class="alignnone size-full wp-image-59984" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/กรุงศรี-คอมซูมเมอร์_0303.jpg" alt="" width="650" height="366" />

สำหรับในปี 2565 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเริ่มชะลอลงบ้าง จากการระบาดของไวรัสโอไมครอน รวมทั้งสภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ยังมีปัจจัยหนุนจากมาตรการพยุงกำลังซื้อประชาชน และกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น

ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อในปีนี้ คาดว่าการแข่งขันจะสูงขึ้น รวมไปถึง จะเห็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินกับธุรกิจต่างๆ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ๆ มากขึ้น และผู้ประกอบการมีแนวโน้มจะนำเอาระบบดิจิทัลและข้อมูล มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตในรูปแบบดิจิทัล หรือการขอสินเชื่อแบบดิจิทัล เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปิดรับเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น

สำหรับมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทยยุติลง ทางธนาคารกำลังพิจารณาถึงมาตรการช่วยเหลือให้กับลูกค้าแต่ต้องดูสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและภาพรวมของสถานการณ์โลกต่อไป

<img class="alignnone size-full wp-image-59985" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/กรุงศรี-คอมซูมเมอร์_0304.jpg" alt="" width="650" height="366" />
<h2>3 กลยุทธ์ธุรกิจสู่โลกการเงินยุคใหม่</h2>
ณญาณี เผยด้วยว่า กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้เตรียมปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อพัฒนาศักยภาพองค์กรให้พร้อมก้าวสู่โลกการเงินยุคใหม่โดยวางกลยุทธ์หลัก 3 ประการ ได้แก่

ประการแรก การใช้ระบบดิจิทัลและข้อมูลในการทำธุรกิจสำหรับอนาคต โดยมุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศน์แบบดิจิทัล ผ่านการขยายแพลตฟอร์มข้อมูล และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการใหม่ๆ ผ่านช่องทางดิจิทัลซึ่งจะทยอยเปิดตัวภายในปีนี้ รวมถึงบริการใหม่ๆ เช่น การปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล โดยกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้ใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทย และคาดว่าจะเริ่มให้บริการในครึ่งปีหลังของปี 2565,

การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ในแอป UCHOOSE เช่น บริการสมัครบัตรใหม่ผ่านแอป, บริการ UCASH บริการเบิกเงินสดจากวงเงินบัตรผ่านแอปโดยโอนเข้าบัญชีธนาคาร การบริการผ่อนก่อนจ่ายทีหลัง (BNPL – Buy Now Pay Later) ผ่านแอป ซึ่งสามารถขอทำรายการผ่อนชำระสินค้าด้วยตนเอง รวมถึง การนำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาใช้ในการทำการตลาดเฉพาะบุคคล เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และโปรโมชันที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ประการที่สองคือการสร้างความเติบโตโดยผสานความร่วมมือกับบริษัทในเครือกรุงศรี และพันธมิตรชั้นนำทางธุรกิจ รวมทั้งการขยายธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อยสู่ภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะการทำงานแบบ Krungsri One Retail ซึ่งจะผสานความร่วมมือระหว่างหลายกลุ่มธุรกิจในเครือกรุงศรี

การปรับโมเดลธุรกิจเพื่อแสวงหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ เช่น นำเสนอบริการ ‘Call Center as a Service’, ‘Collection as a Service’ เพื่อให้บริการกับพันธมิตร เป็นต้น รวมทั้งขยายธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อยสู่ภูมิภาคอาเซียน เช่น ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยผสานความร่วมมือกับบริษัทในเครือกรุงศรี ในภูมิภาค

และประการสุดท้ายคือการพัฒนาศักยภาพองค์กร โดยเฉพาะการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ก้าวทันโลกธุรกิจยุคใหม่ พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานแบบยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่โลกการเงินแห่งอนาคต

“กลยุทธ์ทั้งสามประการนี้ เป็นไปเพื่อเสริมศักยภาพของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ให้สอดรับกับสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจในโลกยุคใหม่ รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจการเงินไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในปี 2565 กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตร 312,300 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 84,600 ล้านบาท และยอดสินเชื่อคงค้าง 149,600 ล้านบาท” ณญาณี กล่าวสรุป

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95.html">“อิชิตัน” ได้อานิสงส์มาตรการรัฐหนุนชาเขียวโต</a>

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ แถลงกลยุทธ์ปี 2565

<h2>ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล (SCAP) เปิดแผนงานใหญ่ปี 2565 ชูจุดเด่นด้วยการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Tech Leasing ดันเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อใหม่ทั้งปีโตไม่น้อยกว่า 60% เตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วกว่าคาดการณ์จากเดิมช่วงปี 2566-2567</h2>
วิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บจก. ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล หรือ SCAP (เอสแคป) เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2565 ได้รับแรงส่งจากหลายปัจจัย เช่น การคลายล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนจะเป็นปัจจัยเร่งให้กิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัว พร้อมทั้งหนุนให้ภาคเอกชนกล้าลงทุนเพิ่มขึ้น และผลักดันให้บรรยากาศเศรษฐกิจดีขึ้น โดยยังคงต้องติดตามการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ Omicron (โอมิครอน)

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้วางแผนรองรับเรื่องดังกล่าวตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ในช่วงแรก ด้วยการทำธุรกรรมบริการสินเชื่อผ่านระบบออนไลน์ เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการให้บริการมากที่สุด ดังนั้น บริษัท จึงได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น

ขณะที่แผนธุรกิจของ SCAP ในปี 2565 บริษัทได้วางแผนการดำเนินงานทั้ง 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่เติบโตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 60% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลได้วางแผนขยายทีมงานฝ่ายขายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และปรับผลิตภัณฑ์ให้สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงนโยบายทางเครดิตเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจที่ต้องเร่งปรับตัวอย่างสม่ำเสมอ

ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ บริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนพนักงานขาย และดีลเลอร์ในท้องถิ่นให้ครอบคลุมมากขึ้นในระดับอำเภอทั่วประเทศ รุกทำการตลาดกับดีลเลอร์ และปรับโปรโมชั่นให้เข้ากับความต้องการของท้องถิ่น ที่สำคัญเร่งพัฒนาระบบการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนั้น บริษัทยังได้เร่งผลักดันในการใช้เทคโนโลยีทำธุรกิจเพื่อก้าวสู่การเป็น Tech Leasing Company เป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้าสู่ฝ่ายงานต่างๆ ในธุรกิจ เช่น ฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อจาก credit scoring ของกลุ่มลูกค้าที่มีข้อมูลทางการเงินและไม่มีข้อมูลทางการเงิน

รวมทั้ง เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาจนสามารถบ่งบอกโอกาสที่ลูกค้าจะทำทุจริตกับบริษัทได้ ฝ่ายขายผ่านระบบเอสฟาสต์ (SFAST) เทคโนโลยีที่สามารถช่วยให้งานการอนุมัติสินเชื่อเกิดขึ้นได้ภายใน 15 นาที งานตรวจสอบฝ่ายขาย ซึ่งบริษัทได้พัฒนาระบบที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการวางแผนงานตรวจสอบและกำหนดเส้นทางการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

ด้านการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร ผ่านระบบ e-Consent บริษัทได้ทำงานร่วมกับกรมการปกครอง และบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างง่ายดาย ซึ่งคาดการณ์ได้รับการอนุมัติภายในไตรมาสแรกของปี 2565 และการติดตามทวงถามหนี้ บริษัทได้มีการพัฒนาระบบการทวงถามหนี้ โดยใช้ระบบ GPS เข้ามาช่วยให้การติดตามทวงถามหนี้ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากนี้เทคโนโลยีจะเป็นจุดแข็งในการทำธุรกิจของ SCAP ที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างโดดเด่น

“เป้าหมายใหญ่สำหรับปี 2565 คือการเตรียมความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนับว่าเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมวางเป้าหมายเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายในช่วงปี 2566-2567 โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วกว่าแผนที่วางไว้ ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ

ขณะเดียวกันผลงานของบริษัทสามารถเติบโตได้ดีเกินกว่าที่คาดไว้ และบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้าระดมทุนเร็วกว่าคาดจะช่วยสนับสนุนโอกาสในการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดจากเงินทุนที่จะนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจ และเทคโนโลยีในอนาคต

อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไปที่สนใจในธุรกิจแห่งอนาคตอย่าง Tech Leasing โดยได้ประมาณการธุรกิจในปี 2565 ด้วยการเติบโตของยอดสินเชื่อคงค้างแตะ 10,000 ล้านบาท” วิชิตกล่าวทิ้งท้าย

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/salotto-%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9F-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94.html">Salotto ขยายพอร์ตตลาดกาแฟ เปิดตัว PROBAT เสริมแกร่งปี 65</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

SCAP กางแผนรุก Tech Leasing เร่งเครื่องเข้าตลาดฯ

<h2>กรุงศรี คอนซูมเมอร์ รุกขยายธุรกิจตอบโลกออนไลน์ เปิดตัวสามช่องทางบริการดิจิทัลใหม่ ครบทุกแบรนด์ในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ พร้อมเชื่อมต่อแอป UCHOOSE มุ่งสู่เป้าขยายฐานผู้ใช้บริการช่องทางดิจิทัลให้เติบโต 15%</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-50705" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/กรุงศรีคอนซูมเมอร์_001.jpg" alt="" width="600" height="400" />

ณญาณี เผือกขำ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลแบรนด์บัตรเครดิตกรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน, และบัตรเครดิต เทสโก้ โลตัส วีซ่า กล่าวว่า “พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าในปัจจุบัน นิยมใช้บริการผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้การบริการผ่านช่องทางสาขาในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบในปีนี้

จึงเป็นที่มาของการเร่งขยายศักยภาพการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อให้สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้ในทุกสถานการณ์ พร้อมเพิ่มช่องทางในการขยายฐานลูกค้าบัตรใหม่ผ่านทางออนไลน์ โดยได้เปิดตัว 3 ช่องทางบริการดิจิทัลใหม่ ได้แก่กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ไลน์ ออฟฟิเชียล แอคเคาท์ (LINE OA: @Krungsriconsumer) เฟซบุ๊กแฟนเพจกรุงศรี คอนซูมเมอร์ (FB: Krungsri Consumer) และ ยูทูบช่องกรุงศรี คอนซูมเมอร์ (YouTube: Krungsri Consumer) เพื่อเสริมศักยภาพงานบริการ ให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูล, บริการ และผลิตภัณฑ์ ทั้งบัตรเครดิต, สินเชื่อส่วนบุคคล, สินเชื่อผ่อนชำระ, บริการด้านประกันภัย ครบทุกแบรนด์บัตรในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ แบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว

สำหรับช่องทาง Line OA และเฟซบุ๊กแฟนเพจนี้จะเชื่อมต่อกับแอป UCHOOSE แอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้บริการบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่มีจำนวนบัตรลงทะเบียนใช้งานกว่า 6.5 ล้านบัตร รวมถึงเว็บไซต์ของบัตรเครดิตในเครือเพื่อเชื่อมโยงข้อมูล และยกระดับการให้บริการแบบไร้รอยต่อ

โดยลูกค้าสามารถใช้บริการบริหารบัญชีบัตร การสมัครบัตรใหม่ผ่านทางออนไลน์ และได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และโปรโมชันที่ตรงใจแบบ Personalized เพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการบริการ ให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้นผ่านทางโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มต่างๆ พร้อมเพิ่มศักยภาพของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในการขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัล

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ไลน์ ออฟฟิเชียล แอคเคาท์ (LINE OA: @Krungsriconsumer) มีฟีเจอร์หลากหลาย ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าใหม่ และกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรสินเชื่อในปัจจุบัน เช่น แนะนำข้อมูลผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต บัตรสินเชื่อ และประกันภัยในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์, สมัครบัตรใหม่, เสนอโปรโมชันตามความสนใจของลูกค้า, บริการธุรกรรมเกี่ยวกับบัญชีบัตร เช่น สอบถามยอดชำระ, ตรวจสอบคะแนนสะสม ฯลฯ, ลงทะเบียนลูกค้าใหม่ เพื่อใช้บริการธุรกรรมผ่าน Line, โทรติดต่อศูนย์บริการข้อมูลบัตรเครดิต, พร้อมเชื่อมต่อเพื่อใช้บริการแอป UCHOOSE

<img class="alignnone size-full wp-image-50704" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/กรุงศรี-คอนซูมเมอร์_0904.jpg" alt="" width="600" height="400" />

ในขณะที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ (FB: Krungsri Consumer) และยูทูบช่องกรุงศรี คอนซูมเมอร์ (YouTube: Krungsri Consumer) เป็นคอมมูนิตี้สำหรับคนที่สนใจด้านการเงินและการใช้บัตรเครดิต เช่น สาระความรู้ด้านการเงินและการใช้บัตรเครดิต, เทรนด์ที่น่าสนใจ, ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการจากทุกแบรนด์บัตรในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เป็นต้น

“สำหรับในช่วงเปิดตัว กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท ออกแคมเปญสื่อสารการตลาด เพื่อให้ช่องทางบริการดิจิทัลของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เป็นที่จดจำ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยได้จัดทำ ‘Krungsri Consumer Line Sticker’ สติ๊กเกอร์ไลน์แก๊งค์หมีทรานส์ฟอร์มเมอร์ Kris และ Kira ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรีตั้งแต่ 7 กันยายน - 5 ธันวาคม 2564 เพียงเพิ่มเพื่อน ‘@Krungsriconsumer’ ใน LINE (ใช้สติกเกอร์ได้ 180 วันหลังดาวน์โหลด)

<img class="alignnone size-full wp-image-50703" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/กรุงศรี-คอนซูมเมอร์_0903.jpg" alt="" width="600" height="401" />

นอกจากนั้น ยังเตรียมจัดกิจกรรม Facebook Live เชิญกูรูการเงินมาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเคล็ดลับการบริหารการเงินผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ รวมทั้งยังได้จัดทำแคมเปญสื่อสารออนไลน์

แนะนำแอป UCHOOSE แอปพลิเคชันสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ซึ่งได้ปรับภาพลักษณ์ในธีมใหม่ให้สดใส ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยได้สื่อสารฟีเจอร์เด่นๆ ของแอปที่ใช้งานง่าย เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ทางการเงินของคนรุ่นใหม่ อาทิ บริการ U CARD สมัครบัตรในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์, บริการ U CASH โอนวงเงินบัตรเครดิตเข้าบัญชีออมทรัพย์เพื่อใช้เป็นเงินสด, บริการ U MALL เอาใจนักช้อปให้เลือกซื้อสินค้าจากพันธมิตรชั้นนำผ่านแอป เป็นต้น

"ช่องทางบริการดิจิทัลใหม่ รวมถึงแคมเปญสื่อสารการตลาดดังกล่าว จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการช่องทางดิจิทัลของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ให้เติบโต 15% เป็น 10 ล้านคนภายในปีนี้ ” ณญาณี กล่าวสรุป

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/h2o-hospitality-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%A3.html">H2O Hospitality เร่งเปลี่ยนผ่านสู่โรงแรมดิจิทัล รุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดตัวบริการดิจิทัลใหม่ ตอบโจทย์โลกออนไลน์

<h2>เคทีซี เผยไตรมาส 1/2564 กำไรสุทธิ 1,634 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 23.6 จากไตรมาส 4/2563 ภายใต้สถานการณ์ผันแปรสูง คุมเข้มค่าใช้จ่าย คุณภาพพอร์ตของลูกหนี้และ NPL ล่าสุดทริส เรตติ้ง ปรับเพิ่มอันดับเครดิตเป็น AA-</h2>
ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในช่วงต้นปี 2564 ยังคงเติบโตเล็กน้อย ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอน และการลดเพดานอัตราดอกเบี้ย

"เคทีซีมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมสำหรับสองเดือนแรกของปี 2564 เท่ากับร้อยละ 13.6 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ลูกหนี้บัตรเครดิตขยายตัวที่ร้อยละ 3.7 มากกว่าอุตสาหกรรมที่เติบโตร้อยละ 0.8 และมีสัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับร้อยละ 5.0"

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาสแรก สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 เคทีซีมีกำไรสุทธิ 1,634 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 23.6 จากไตรมาส 4/2563 และใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2563 ที่ 1,641 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ 0.4) ยอดเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 86,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) ร้อยละ 1.9 (ไตรมาส 4/2563 เท่ากับร้อยละ 1.8) ผลจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ลดลง

ฐานสมาชิกรวม 3.4 ล้านบัญชี แบ่งเป็น พอร์ตสมาชิกบัตรเครดิต 2,544,635 บัตร เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 57,393 ล้านบาท NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ร้อยละ 1.4 ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเท่ากับ 48,420 ล้านบาท พอร์ตสมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี เท่ากับ 809,981 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 29,461 ล้านบาท NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ร้อยละ 2.9”

<img class="alignnone wp-image-44327" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/KTC-เผยผลประกอบการ_001.jpg" alt="" width="600" height="320" />

บริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม

ไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,320 ล้านบาท ลดลงติดลบร้อยละ 6.2 (ไตรมาส 1/2563) จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการใช้จ่าย และมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยในการลดเพดานดอกเบี้ยทั้งธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล

ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ดอกเบี้ยรวม (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน) อยู่ที่ 3,357 ล้านบาท ลดลงติดลบร้อยละ 7.1 แบ่งเป็นรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจบัตรเครดิต 1,604 ล้านบาท และธุรกิจสินเชื่อบุคคล 1,753 ล้านบาท

ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียม (ไม่รวมรายได้ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน) มีมูลค่า 1,082 ล้านบาท ลดลงติดลบร้อยละ 8.6 จากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมในการเบิกเงินสด ล่วงหน้า รายได้ค่าธรรมเนียมในการติดตามหนี้ รายได้ค่าธรรมเนียม Interchange Fee และรายได้ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ลดลง ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมที่เคทีซีได้รับจากร้านค้าผู้รับชำระบัตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5

อย่างไรก็ตาม ด้วยการมุ่งเน้นความสำคัญในการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ และจัดการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายรวมให้อยู่ที่ 3,281 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ซึ่งมาจากการลดลงของ 3 ค่าใช้จ่ายหลักคือ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวมติดลบร้อยละ 11.2 ผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นติดลบร้อยละ 8.0 และต้นทุนทางการเงินติดลบร้อยละ 7.6 อีกทั้งยังมีรายได้หนี้สูญรับคืนอยู่ที่ 834 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ไตรมาสแรกนี้ บริษัทฯ มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมลดลงเล็กน้อย เป็นผลให้กำไรสุทธิของบริษัทใกล้เคียงเดิม

“และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ บริษัท ทริส เรตติ้ง จำกัด ได้ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตของเคทีซีเป็น AA- จาก A+ เมื่อต้นเดือนเมษายน 2564 ซึ่งจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งด้านการจัดหาเงินทุนให้บริษัทฯ สามารถรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ใหม่ ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงได้อีก"

โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) เท่ากับ 23,260 ล้านบาท มีต้นทุนการเงินอยู่ที่ร้อยละ 2.64 อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.43 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า

<img class="alignnone size-large wp-image-44346" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/1475B74D-2841-4952-BDF8-17BE7047BE3C-1024x683.jpg" alt="" width="640" height="427" />

รุกธุรกิจสินเชื่อปรับกระบวนทัศน์ดิจิทัล

สำหรับทิศทางการทำธุรกิจของเคทีซีในปี 2564 บริษัทฯ จะมุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้พอร์ตลูกหนี้หลัก เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อเบ็ดเสร็จครบวงจร ภายหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการเข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัท กรุงไทย ลีสซิ่ง จำกัด โดยจะเน้นการพัฒนาองค์กรและธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วย 2 องค์ประกอบสำคัญคือ

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการและระบบการชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการ เน้น Digital Transformation บน 3 แกนหลัก คือ Digital Product, Digital Service และ Digital Channel

สำหรับองค์ประกอบที่สองได้แก่ การสร้างการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรม อีกทั้งมีส่วนร่วมกับสังคมในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจทางการเงิน สร้างวินัยในการใช้จ่าย เน้นการนำไปต่อยอดการใช้ชีวิตและเสริมสร้างพอร์ตลูกหนี้ที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน

“นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการสนับสนุนภาครัฐในการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เรื่อยมา และจะขยายเวลาจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยปัจจุบันลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือมียอดหนี้คงเหลือเท่ากับ 1,169 ล้านบาท (16,066 บัญชี)” 

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C-asian-blend-%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81-%E0%B8%95.html">ช้างปั้นแบรนด์ “Asian Blend” รุก ตลาดเบียร์ทางเลือก</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events