Pragma and Will Group ผนึกกำลัง Humanica สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในวงการ HR

"แรบบิท แคช" เปิดกลยุทธ์ปฏิวัติสินเชื่อ Digital Lending

<h2>“Benix" โบรกเกอร์ยุคดิจิทัลแห่งแรกในไทย จากการจับมือกันระหว่าง Humanica และ Fuchsia Venture Capital รวมทั้ง CXA Group ผสมผสานจุดแข็งด้านทรัพยากรบุคคล ธุรกิจนายหน้าประกันภัย และอินชัวร์เทคเอเชียก่อตั้งโบรกเกอร์แนวใหม่เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ Employee Benefits และ Wellness ครบวงจรในยุคดิจิทัล</h2>
ปราโมทย์ ศักดิ์กำจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบนนิกซ์ จำกัด เปิดเผยถึงการผนึกความร่วมมือครั้งสำคัญของบริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีเอ็กซ์เอ กรุ๊ป และ บริษัท ฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด ซึ่งร่วมลงทุน 50 ล้านบาทก่อตั้ง บริษัท เบนนิกซ์ จำกัด (Benix) โบรกเกอร์แนวใหม่ยุคดิจิทัล บริการแพลตฟอร์มล้ำสมัยเพื่อบริหารจัดการสวัสดิการพนักงาน ผสานอีโคซิสเต็มต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ Wellness รวมถึงคอมมูนิตี้ที่มีประโยชน์สำหรับพนักงานอย่างครบวงจร

"เบนนิกซ์ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือธุรกิจและกิจการของคนไทยให้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในฐานะองค์กรที่ดูแลและใส่ใจพนักงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพ ด้วยบริการรูปแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ ครอบคลุมตั้งแต่การช่วยจัดการต้นทุนด้านสวัสดิการพนักงานที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีจนถึงการนำสวัสดิการแบบยืดหยุ่นเข้ามาใช้ เพื่อให้พนักงานมีทางเลือกมากขึ้น โดยสิ่งสำคัญคือ การให้สวัสดิการที่ตอบโจทย์กับความต้องการของพนักงานที่หลากหลาย นอกเหนือจากสวัสดิการที่องค์กรจัดให้โดยตรงแล้ว เบนนิกซ์ยังคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล ผลิตภัณฑ์และบริการด้าน Wellness ที่ช่วยให้พนักงานไปถึงเป้าหมายในการดำเนินชีวิต ทั้งด้านสุขภาพและการเงินได้ในระยะยาว"

<figure><img class="wp-image-37629 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Benix09-002.jpg" alt="" width="600" height="400" /><figcaption> ปราโมทย์ ศักดิ์กำจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบนนิกซ์ จำกัด</figcaption></figure>

สำหรับความแตกต่างของเบนนิกซ์อยู่ที่การยกระดับการบริหารจัดการด้านสวัสดิการพนักงาน ด้วยบริการที่ครอบคลุมครบถ้วน นับตั้งแต่การช่วยค้นหาแบบประกันกลุ่มที่เหมาะสม การให้คำปรึกษา สวัสดิการแบบยืดหยุ่นหรือ Flexi Benefit การเชื่อมต่อกับอีโคซิสเต็มด้านสุขภาพ การประกันภัย และการเงินที่ให้ประโยชน์กับพนักงาน รวมถึงการบริหารจัดการสำหรับบริษัทที่ทำ self-insured

ขณะที่เบนนิกซ์คำนึงถึงปัจจัยหลัก ได้แก่ พนักงานสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวก และฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือ HR สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ผสมผสานและเพิ่มประสิทธิภาพในทุกการบริการ เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกรวดเร็วและตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคลได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งทำให้เรื่องสวัสดิการที่มีความซับซ้อนเป็นเรื่องง่ายและสะดวกขึ้นสำหรับองค์กร เพื่อให้องค์กรสามารถให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานอย่างเต็มที่

“นอกจากนี้ เรายังนำการวิเคราะห์ข้อมูลมาช่วยให้นายจ้างสามารถบริหารงานด้าน HR ได้ดีขึ้น โดยมีต้นทุนที่ต่ำลง ดังนั้น เบนนิกซ์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงกับระบบ HR  จึงสามารถให้บริการด้านสวัสดิการของพนักงานได้อย่างครบถ้วน ทั้งการประกันกลุ่ม สวัสดิการแบบยืดหยุ่น การบริหารจัดการสวัสดิการสำหรับบริษัทที่ทำ self-insured  การตรวจสุขภาพ Wellness Portal และร้านค้าออนไลน์ ซึ่งตอบโจทย์ครบในที่เดียว”

<figure><img class="wp-image-37633 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/สุนทร-เด่นธรรม-001.jpg" alt="" width="400" height="500" /><figcaption> สุนทร เด่นธรรม ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

ด้าน สุนทร เด่นธรรม ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโซลูชั่น HR และ ERP ชั้นนำของไทยย้ำถึงการรวมความแข็งแกร่งและจุดเด่นของทั้ง 3 บริษัท ประกอบด้วย ฮิวแมนิก้า ผู้ให้บริการโซลูชั่น HR ที่ใหญ่ที่สุดของไทย ซีเอ็กซ์เอ กรุ๊ป อินชัวร์เทคที่ประสบความสำเร็จในประเทศสิงคโปร์ จีน และประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย และ ฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล บริษัทร่วมลงทุนของเมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง ที่มีความรู้ ความชำนาญ และเป็นผู้นำในเครือข่ายธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย

"เราทุกคนตระหนักดีถึงปัญหาที่ทุกคนกำลังเผชิญ จากการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมและความท้าทายที่เกิดจากการดิสรัปต์ของธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการเกิดขึ้นของโรคระบาดที่ไม่มีใครคาดคิด อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าพนักงานคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดที่จะนำพาองค์กรให้ก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคต่างๆ เหล่านี้ไปได้ ซึ่งสวัสดิการและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พนักงานมีความสุขและทุ่มเทที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตไปข้างหน้า เรามั่นใจว่าเบนนิกซ์ จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ผ่านนวัตกรรมและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก” สุนทร กล่าว

<figure><img class="wp-image-37632 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/สาระ-ล่ำซำ-001.jpg" alt="" width="400" height="500" /><figcaption> สาระ ล่ำซำ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด และกรรมการ บริษัท ฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด</figcaption></figure>

ขณะที่ สาระ ล่ำซำ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด และกรรมการ บริษัท ฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด แสดงความมั่นใจในโอกาสและศักยภาพการเติบโตของธุรกิจด้านสุขภาพและประกันภัยในประเทศ ซึ่งความร่วมมือที่เกิดขึ้นดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์คุณค่าที่เหนือกว่าผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีอยู่ในปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นบริการ digital-first เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้บริการและทำให้องค์กรเห็นถึงประโยชน์จากการลงทุนด้านสวัสดิการพนักงานได้อย่างชัดเจน ทั้งยังสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานเพิ่มมากขึ้น

“สิ่งเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้บริษัทประกันภัยและสถาบันการเงินสามารถพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมให้นายจ้างและพนักงานดูแลสุขภาพและปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้นผ่าน Incentive ต่างๆ นอกจากนี้ เบนนิกซ์ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน และนำเสนอโซลูชั่นให้แก่องค์กร ซึ่งยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย” สาระกล่าวถึงประโยชน์โดยรวมที่จะเกิดขึ้น

<img class="alignnone size-full wp-image-37630" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/Benix11-01.jpg" alt="" width="600" height="400" />

ด้าน โรซาลีน เชา คู ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซีเอ็กซ์เอ กรุ๊ป ผู้บุกเบิกและผู้นำในด้านอินชัวร์เทคของเอเชีย ประกาศความพร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านแพลตฟอร์มการบริหารจัดการสวัสดิการพนักงานร่วมมือกับพันธมิตรประเทศไทยเพื่อต่อยอดแพลตฟอร์มและนำเสนอบริการนวัตกรรมที่ครอบคลุมด้านการดูแลสุขภาพทั้งหมด ตั้งแต่การประกันภัย โทรเวชกรรม หรือ Telemedicine ระบบ e-pharmacy การให้คำปรึกษาโดยสถานพยาบาล ทันตกรรม การตรวจสุขภาพ ไปจนถึงบริการทางด้าน Wellness เช่น คลาสฟิตเนส และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ

"นอกจากนั้น ยังสามารถนำข้อมูลขององค์กรด้านการดูแลสุขภาพและการรักษาโรค มาวิเคราะห์ต้นทุนและการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น เพราะเราต้องการให้พนักงานพึงพอใจกับสวัสดิการที่ได้รับจากองค์กร เรามั่นใจว่า ผู้ใช้บริการในไทยจะให้การตอบรับกับเบนนิกซ์เป็นอย่างดี” โรซาลีน ย้ำความมั่นใจในความร่วมมือสร้างความแตกต่างและการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

&nbsp;

“Benix" โบรกเกอร์ยุคดิจิทัลแห่งแรกในไทย

<h2>สุนทร เด่นธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด กล่าวว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2546 โดยเป็นเจ้าแรกที่ทำงานด้านการจัดการทรัพยากรบุคคลภายในองค์กร (business process outsourcing : BPO) ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลหรือ human resources (HR) ให้กับ บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ที่มีธุรกิจในประเทศไทย</h2>
การให้คำปรึกษาด้านการบริหารความเสี่ยงในการดำเนินงาน (operational risk) และความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี เป็นสิ่งที่เขามีประสบการณ์คร่ำหวอดมาโดยตลอดตั้งแต่สมัยเป็นพาร์ตเนอร์ของ PricewaterhouseCoopers (PwC) ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชีและที่ปรึกษาธุรกิจขนาดใหญ่อันดับ 1 ใน 5 ของโลก หรือ Big 5

“ผมเป็นคนแรกที่ใช้ซอฟต์แวร์ต่างประเทศไปรับงานบริษัท ซีเกท เทคโนโลยี ให้ PwC เมื่อปี 2544 เป็นการให้บริการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลขนาดใหญ่ในประเทศไทย และยังช่วยให้ PwC ได้งานนี้ที่สิงคโปร์และมาเลเซียอีกด้วยในขณะที่ Big 5 สมัยนั้นให้บริการเพียง payroll outsourcing เท่านั้น”

<figure><img class="wp-image-9789 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/93.1.png" alt="" width="680" height="500" /><figcaption> (ขอบคุณภาพจาก: พรเทพ เฮง/โพสต์ทูเดย์)</figcaption></figure>

ต่อมาในปี 2546 คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐอเมริกามีการแก้ไขปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับบริษัทผู้สอบบัญชี ทำให้บริษัทสอบบัญชีทั่วโลกมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ สุนทรจึงแยกตัวออกมาตั้งบริษัทเพื่อรับ outsource งานด้านการจัดการทรัพยากรบุคคลภายในองค์กร (business process outsourcing in human resource)

ทั้งนี้ งานทรัพยากรบุคคลประกอบด้วย 2 ด้าน คือ การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล HR management (HRM) ได้แก่ การให้บริการซึ่งครอบคลุมถึงการบริหารจัดการเกี่ยวกับการบันทึกเวลาทำงาน (time management) การบริหารจัดการวันลา (leave management) การบริหารจัดการสวัสดิการของพนักงาน เช่น การเบิกค่าครองชีพ ตลอดจนการให้บริการจ่ายเงินเดือน (payroll)

ส่วน การพัฒนาทรัพยากรบุคคล หรือ HR development (HRD) ได้แก่ การสรรหาพนักงาน (recruitment) การวัดและประเมินผลงาน (performance management) การพัฒนาการเรียนรู้ (learning management)

<img class="alignnone size-full wp-image-9790" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/93.2.png" alt="" width="680" height="602" />

ในช่วงแรก บริษัทมุ่งเน้นด้าน HRM เป็นหลักและใช้วิธีร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทต่างชาติที่มีซอฟต์แวร์ด้าน HRD เพื่อบริการลูกค้า แต่ด้วยข้อจำกัดหลายด้านทำให้ฮิวแมนนิก้าเริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์ของตนเองในปี 2548

โดยเริ่มจากการพัฒนาระบบ client server บนระบบปฏิบัติการ Windows ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของลูกค้าแต่ละเครื่องเพื่อให้ลูกค้าใช้บริการผ่านระบบ LAN ก่อนปรับมาเป็นซอฟต์แวร์ Humatrix ในปี 2549 เพื่อบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์ (pure web based) ให้องค์กรของลูกค้าเข้าใช้โปรแกรมผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยเปิดจาก browser หน้าจอคอมพิวเตอร์จากที่ใดก็ได้ ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ และพัฒนาต่อเนื่องจนสามารถใช้บนโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ได้

ในวันก่อตั้งบริษัท จากพนักงานประมาณ 30 คน และลูกค้า 2 ราย ฮิวแมนิก้าได้ขยายตัวขึ้นเป็นลูกค้าหลายร้อยราย ครอบคลุมบริษัทที่มีพนักงานหลักหมื่นคน จนถึงบริษัทขนาดเล็กที่มีพนักงานหลักร้อยคน ประกอบด้วยลูกค้าองค์กรบริษัทต่างประเทศ 35% ของรายได้รวม ลูกค้าองค์กรบริษัทไทยขนาดใหญ่ 65% ของรายได้ โดยลูกค้าบริษัทไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้น

ในปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 351.95 ล้านบาท เติบโตขึ้น 48.10% จาก 237.65 ล้านบาทในปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 71.48 ล้านบาท เติบโต 81.59% จาก 39.36 ล้านบาทในปีก่อนหน้า

<img class="alignnone size-full wp-image-9791" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/93.3.png" alt="" width="340" height="631" />

บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้จะสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมนุษย์เงินเดือนในประเทศไทยมีทั้งหมดประมาณ 10 กว่าล้านคน และบริษัทไทยส่วนใหญ่ยังบริหารจัดการงาน HRM เอง มีเพียง payroll service ที่ใช้บริการจากธนาคาร ในขณะที่ผู้บริหารรุ่นใหม่จะเน้นการโฟกัสงานที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำองค์กรให้เป็น lean organization จึงมีแนวโน้มที่จะ outsource งานด้าน HRM

“คนรุ่นใหม่เติบโตมากับแนวคิดว่า ฝ่าย HR ควรมีบทบาทเป็น strategic partner ขององค์กรที่ทำให้บุคลากรภายในมีความพร้อมที่จะช่วยเหลือองค์กรได้ ควรเน้นหน้าที่งาน HRD ได้แก่ การสรรหาบุคคลที่ใช่ ทำอย่างไรให้คนอยากสมัครงานกับองค์กร การจัดให้มีกระบวนการคัดเลือกที่สามารถคัดคนได้ถูกต้องตามความต้องการ การพัฒนาให้คนเก่งและอยู่กับองค์กร การจัด reward system, การสร้างบรรยากาศ วัฒนธรรมองค์กรให้คนมีความสุขกับการทำงาน

สิ่งเหล่านี้ควรเป็นบทบาทของ HR มากกว่าการทำเรื่องเงินเดือนหรือเรื่องที่เป็นงานของแอดมิน จึงหันมา outsource เพื่อป้องกันไม่ให้บุคลากรดีๆ ลาออก และยังช่วยเก็บรักษาความลับ ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกันกับบริษัทต่างชาติที่เริ่มต้นมา 10-20 ปี”

<figure><img class="wp-image-9792 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/93.4.png" alt="" width="680" height="398" /><figcaption> บ. ฮิวแมนิก้า ได้รับรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 11 ในเดือนธันวาคม 2558 ซึ่งสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และธนาคารไทยพาณิชย์มอบให้กับผู้ประกอบการ SME บ. ฮิวแมนิก้า ได้รับรางวัลในฐานะผู้ประกอบการที่มีความโดดเด่นใน 3 มิติ ได้แก่ ความสร้างสรรค์นวัตกรรม, การบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และ การบริหารจัดการด้านการเงิน</figcaption></figure>

สุนทรเปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าเป้าหมายยังเป็นองค์กรบริษัทขนาดใหญ่ แต่ในปี 2560 จะขยายตลาดมาเจาะกลุ่มบริษัทขนาดกลาง หรือ middle market มากขึ้น โดยพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ง่ายขึ้น เหมาะกับบริษัทขนาดเล็ก

บริษัทยังมีแผนขยายตลาดในสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยปรับซอฟต์แวร์ของบริษัทให้เข้ากับกฎหมายแรงงาน กฎหมายภาษีอากรของ 2 ประเทศนี้ โดยมีลูกค้าที่สิงคโปร์หลายสิบบริษัท และบริษัทในประเทศมาเลเซียอีกเกือบร้อยบริษัทปัจจุบัน บริษัทมีสาขาที่สิงคโปร์เพื่อเป็น hub ทำงานกับพาร์ตเนอร์ในภูมิภาค และอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดอีก 1 สาขาที่ Penang ประเทศมาเลเซีย

ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการปรับระบบให้เข้ากับลักษณะเฉพาะของประเทศนั้นๆ (localization) สำหรับประเทศญี่ปุ่นโดยร่วมกับบริษัทพาร์ตเนอร์ชื่อ Tricor K.K. เพื่อจับตลาดบริษัทท้องถิ่นระดับกลางของญี่ปุ่นที่มีพนักงานประมาณ 500-1,000 คน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้

“ญี่ปุ่นเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีความเก่งด้านวิศวกรรมเรื่องสมองกลฝังใน แต่ซอฟต์แวร์อื่นค่อนข้างจะโบราณ จึงเป็นโอกาสเติบโตที่มีศักยภาพมหาศาล”

สุนทรกล่าวว่า เงินทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอนอกจากใช้เป็นเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศแล้วจะใช้สำหรับลงทุนใน server ของศูนย์ข้อมูล ฮาร์ดแวร์และเน็ตเวิร์ก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ

&nbsp;

เรื่อง: ดรณ์ มาลัยธรรม
ภาพ: กิตติเดช เจริญพร

Humanica ผู้บุกเบิกบริการซอฟต์แวร์ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลครบวงจร เตรียมเป็นหนึ่งในสมาชิก SET ในอีก 12 เดือนข้างหน้านี้ นับเป็นบริษัทรับจ้างให้บริการ HR outsourcing รายแรกที่เล็งขายหุ้นไอพีโอ

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events