7 บทเรียนจาก ‘เจ้าชายน้อย’ วรรณกรรมเด็กที่ส่งเสียงสะท้อนถึงหัวใจของผู้ใหญ่

ผู้บริหารผู้รักการอ่าน: ณัชชา กิจจริยภูมิ แนะนำหนังสือ 5 เล่มประจำปี 2565

<h2>Book Value: “Like a Mule Bringing Ice Cream to the Sun” โดย Sarah Ladipo Manyika หนังสือแนะนำจาก 'Reid Hoffman' เศรษฐีพันล้านผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn</h2>
&nbsp;

<img class="size-full wp-image-60097 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/Reid-Hoffman.jpg" alt="" width="400" height="400" />

บรรดาผู้นำในโลกธุรกิจ แวดวงวิชาการ วงการบันเทิง และการเมือง ร่วมแบ่งปันว่าหนังสือเล่มใดคือเล่มโปรดที่พวกเขาอ่านก่อนเข้านอน พบกับหนังสือเล่มโปรดของ "Reid Hoffman" เศรษฐีพันล้านผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn และหุ้นส่วนบริษัท VC อย่าง Greylock Partners

&nbsp;

<img class="size-full wp-image-60099 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/Book-Value-03.jpg" alt="" width="400" height="400" />
Like a Mule Bringing Ice Cream to the Sun โดย Sarah Ladipo Manyika
เมื่อ Morayo Da Silva มีอายุขยับเข้าใกล้ 75 ปี เธอวางแผนที่จะสักเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสดังกล่าว ถึงแม้ทางการจ้องจะเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ของเธอก็ตามที เมื่อเธอได้รับบาดเจ็บที่สะโพก ความสามารถในการพึ่งพาตัวเองก็ลดน้อยถอยลงตาม หากแต่ศาสตราจารย์ชาวอังกฤษผู้นี้ก็มั่นอกมั่นใจว่าเธอจะยังคงสามารถทำหลายสิ่งได้ในอนาคต การขยับถอยออกห่างเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

ตลอดการดำเนินเรื่องอันสุขุมและคมคายของ Like a Mule (Legend Press and Cassava Republic Press, 2016) ความสัมพันธ์ต่างๆ ของ Morayo ดูเหมือนจะไม่สลักสำคัญ และเธอก็กำลังปรับตัวกับร่างกายที่ชราลง ซึ่งแตกต่างจากตัวตนที่เธอเคยรู้จัก ตัวละครอีกตัวหนึ่งต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน ส่วนตัวละครตัวที่ 3 ก็กำลังหาทางออกเมื่อภรรยาที่เป็นโรคสมองเสื่อมมีอาการทรุดหนัก หากแต่เมื่อใดก็ตามที่การถอยห่างมากขึ้นๆ ก็จะบังเกิดความต้องการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คนขึ้นเพื่อความสมดุล

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความน่าสนใจ คนเรามีอะไรมากกว่าเมื่อแรกเจอ หากแต่ผ่านการสร้างสัมพันธ์กับผู้คนเท่านั้นที่จะทำให้เราเป็นที่รู้จักอย่างแท้จริง

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม:
<ul id="crumbs">
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/world/america/linda-alvarado-%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%af-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%84.html">‘LINDA ALVARADO’ เจ้าแม่อสังหาฯ ผู้คิดต่าง</a></li>
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/leaderboard/global-leaderboard/book-value-standing-at-the-scratch-line-%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%b0%e0%b8%99%e0%b8%b3%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81-robert-smith.html">BOOK VALUE: “STANDING AT THE SCRATCH LINE ” หนังสือแนะนำจาก ROBERT SMITH</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/3GpDqJa">คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<a href="https://bit.ly/3GpDqJa"><img class="lazy alignnone wp-image-59362 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/273008015_3029138657301204_8261853869594269048_n.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/273008015_3029138657301204_8261853869594269048_n.jpg 457w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/273008015_3029138657301204_8261853869594269048_n-229x300.jpg 229w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/273008015_3029138657301204_8261853869594269048_n.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/273008015_3029138657301204_8261853869594269048_n.jpg 457w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/273008015_3029138657301204_8261853869594269048_n-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" /></a>

Book Value: “Like a Mule Bringing Ice Cream to the Sun” หนังสือแนะนำจาก Reid Hoffman เศรษฐีพันล้านผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn

<h2>Book Value: Standing at the Scratch Line นวนิยายเล่มแรกจากปลายปากกาของ Guy Johnson และเป็นหนังสือแนะนำจาก Robert Smith เศรษฐีพันล้านผู้ก่อตั้ง Vista Equity Partners</h2>
&nbsp;

<img class="size-full wp-image-56620 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/01/Untitled.png" alt="" width="387" height="400" />

บรรดาผู้นำในโลกธุรกิจ แวดวงวิชาการ วงการบันเทิง และการเมืองร่วมแบ่งปันว่า หนังสือเล่มใดคือเล่มโปรดที่พวกเขาอ่านก่อนเข้านอน พบกับหนังสือเล่มโปรดของ “Robert Smith” เศรษฐีพันล้านผู้ก่อตั้ง Vista Equity Partners

&nbsp;

<img class="wp-image-56621 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/01/Robert-Smith-03.jpg" alt="" width="300" height="357" />
Standing at the Scratch Line โดย Guy Johnson
Standing at the Scratch Line (Penguin Random House, 1998) เป็นนวนิยายเล่มแรกจากปลายปากกาของ Guy Johnson บุตรชายของ Maya Angelou โดยมีกวีเอก Homer เป็นต้นแบบ

หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวของชายหนุ่มผิวสีในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลังจากที่ร่วมรบอย่างกล้าหาญกับ Harlem Hellfighters ในหน่วยทหารผิวสีหน่วยหนึ่งของกองทัพสหรัฐฯ เขาก็เดินทางกลับอเมริกาและได้เผชิญหน้ากับอริมากหน้าหลายตาอย่างเช่น องค์กรอาชญากรรมใน Harlem ขบวนการ KKK ใน Louisiana รวมถึงภัยคุกคามจากเหตุการณ์ Red Summer ในย่านธุรกิจของคนผิวสีที่เฟื่องฟูแห่งใหม่ของ Oklahoma ด้วย

ลีลาการเขียนที่ไม่ซ้ำแบบใครของ Johnson ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพจริงแท้ของความมั่งคั่งร่ำรวย ความแตกต่างหลากหลาย ความมานะบากบั่นในชุมชนคนผิวสี ผมแจกจ่ายหนังสือเล่มนี้ให้กับคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มผิวสี หนังสือเล่มนี้ชี้ชัดว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นเครื่องมือสร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง ทำให้คุณสามารถอุทิศตัวเพื่อชุมชนได้ รวมถึงช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของสายใยระหว่างคนในครอบครัว ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหลักการสำคัญในชีวิตของผมทั้งสิ้น

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม:
<ul id="crumbs">
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/commentaries/insights/%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87-digital-commerce-%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%9a%e0%b9%82%e0%b8%95.html">สร้าง “DIGITAL COMMERCE” ให้เติบโตอย่างยั่งยืน</a></li>
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/world/global-world/10-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%83%e0%b8%99.html">10 มหาเศรษฐีผู้ล่วงลับในปี 2021</a></li>
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/commentaries/insights/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a5-metaverse-%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%99.html">เปิดจักรวาล ‘METAVERSE’ เมกะเทรนด์แห่งอนาคต เมื่อโลกเสมือนจะเชื่อมโลกจริง</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/3nVYPTf">คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2564 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<a href="https://bit.ly/3nVYPTf"><img class="lazy alignnone wp-image-53407 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/forbes-november-2021_000.jpg" sizes="(max-width: 350px) 100vw, 350px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/forbes-november-2021_000.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/forbes-november-2021_000-229x300.jpg 229w" alt="" width="350" height="459" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/forbes-november-2021_000.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/forbes-november-2021_000.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/forbes-november-2021_000-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 350px) 100vw, 350px" /></a>

Book Value: "Standing at the Scratch Line " หนังสือแนะนำจาก Robert Smith เศรษฐีพันล้านผู้ก่อตั้ง Vista Equity Partners

<h2>บรรดาผู้นำในโลกธุรกิจแวดวงวิชาการ วงการบันเทิง และการเมืองมาร่วมแบ่งปันว่าหนังสือเล่มไหนคือ หนังสือทรงคุณค่า ที่พวกเขาอ่านก่อนเข้านอน</h2>
และเป็นคราวของ Kit Crawford เจ้าของร่วม และซีอีโอร่วม THE CLIF BAR &amp; COMPANY STORY ธุรกิจผลิตภัณฑ์ด้านโภชนการอัดแท่งสำหรับผู้รักการออกกำลังกายที่แนะนำ หนังสือทรงคุณค่า ของเธอ

<img class="alignnone size-full wp-image-33183" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/08/912sTagoCXL00.jpg" alt="" width="450" height="695" />
BRAIDING SWEETGRASS โดย Robin Wall Kimmerer

ลูกสาวคนสุดท้องมอบหนังสือเล่มนี้ (Milkweed Editions, 2014) ให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิด โดย “A Mother’s Work” เป็นชื่อบทหนึ่งในหนังสือที่โดนใจฉัน

Robin Wall Kimmerer ได้เรียงร้อยเรื่องราวอันงดงามเกี่ยวกับการฟื้นฟูบึงน้ำของเธอและความหมายของการเป็นสุดยอดคุณแม่ Kimmerer ใช้เวลานานหลายปีในการทำความสะอาดบึงนั้นจนลูกสาวของเธอสามารถลงว่ายน้ำได้

“ความจริงแล้วบึงน้ำนั้นทำให้ฉันรู้ว่าการเป็นแม่ที่ดีไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่สร้างบ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเติบโตของลูกๆ ของฉันเท่านั้น หากแต่แม่ที่ดียังต้องเติบใหญ่ขึ้นเป็นผู้หญิงที่ทรงคุณค่าซึ่งรู้ดีว่าหน้าที่ของตัวเธอนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์จนกว่าจะได้สร้างบ้านที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดสามารถเจริญเติบโตได้เสียก่อน”

ILLUSTRATION BY DAVID MAHONEY

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/america/%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%8A%E0%B8%B2-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%99-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%97.html">ธุรกิจชา “ระดับบน” ในมือทายาทรุ่น 3 แห่งตระกูล Bigelow</a>

<hr />

<a href="https://bit.ly/2YKKD45">คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<a href="https://bit.ly/2YKKD45"><img class="alignnone wp-image-31844" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/สราวุฒิ-อยู่วิทยา-01.jpg" alt="" width="350" height="471" /></a>

หนังสือทรงคุณค่า: BRAIDING SWEETGRASS โดย Robin Wall Kimmerer

<h2>ผู้นำในโลกธุรกิจ แวดวงวิชาการอุตสาหกรรมบันเทิง และวงการการเมือง ร่วมแบ่งปันว่าหนังสือเล่มใดที่วางบนโต๊ะหัวเตียงของตน Tory Burch ผู้นำวงการแฟชั่น ได้บรรยายหนังสือที่ทำให้เธอประทับใจ</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-31900" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/Tory-Burch-02.jpg" alt="" width="421" height="397" />

A LIFE  Simone Veil

เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าไม่รู้จักนักการเมืองหญิงชาวฝรั่งเศสอย่าง Simone Veil จนกระทั่งเธอเสียชีวิตในวัย 89 เมื่อปี 2017 และเมื่อได้อ่านข่าวการมรณกรรมของเธอ ฉันรู้ดีว่าตัวฉันอยากจะรู้เรื่องราวของเธอให้มากกว่านี้เธอมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาเลย ฉันจึงได้ซื้อบันทึกความทรงจำของเธอที่มีชื่อว่า A Life (Editions Stock, 2007) ฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Tamsin Black

Veil เองได้รับการยอมรับให้เป็นวีรสตรีคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสยุคใหม่การเดินทางของเธอนั้นทั้งน่าประหลาดใจและน่าประทับใจ เธอเป็นผู้รอดชีวิตจากค่าย Auschwitz แต่สูญเสียผู้เป็นบิดาและพี่ชายในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวอย่าง Holocaust เธอจบการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัย ประกอบอาชีพเป็นทนายความ และกลายเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิของสตรีในการเลือก ‘ท้องหรือแท้ง’ ผู้ซึ่งสลัดความเชื่อทางศาสนาทิ้งในประเทศที่ประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เธอได้รับการสนับสนุนจากคนในประเทศ และพลิกโฉมประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศได้ในที่สุด

<figure><img class="wp-image-31898 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/Tory-Burch-01.jpg" alt="" width="480" height="480" /><figcaption> Tory Burch</figcaption></figure>

&nbsp;

ฉันรู้สึกว่าชีวิตและลีลาการเขียนเล่าเรื่องราวของเธอนั้นช่างน่าทึ่ง ฉันจึงแนะนำให้ใครๆ อ่านหนังสือของเธออยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนว่าทุกคนคุ้นชินกับประวัติศาสตร์ที่ “ขีดเขียน” โดยผู้ชาย ตัวฉันเองให้ความสนใจอย่างมากกับการพยายามเปลี่ยนความคิดแบบนั้น Veil ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเธอเชื่อมั่น และเปลี่ยนชีวิตของผู้หญิงในประเทศฝรั่งเศสได้ในที่สุด

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/america/lululemon-%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%a1-buzzy-%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%aa%e0%b8%a3.html">Lululemon ควบรวม Buzzy สตาร์ทอัพผู้สร้างกระจกอัจฉริยะ 500 ล้านเหรียญฯ</a>

&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/3dp757n">คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-29538" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/COVER_750.jpg" alt="" width="300" height="394" />

หนังสือทรงคุณค่าของ Tory Burch ผู้นำวงการแฟชั่น

<h2>เป็นประจำทุกๆ ซัมเมอร์ที่มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก แนะนำหนังสือ ให้กับผู้อ่าน</h2>
Bill Gates มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกจากการจัดอันดับโดย Forbes แนะนำหนังสือ ซึ่งเขาหวังว่าความชื่นชอบส่วนตัวของเขาจะมีส่วนช่วยให้นักอ่านทั่วโลกคลายความกังวลจากสถานการณ์การระบาดไวรัสโควิด-19

“หลายวันนี้ในการประชุมหรือในวงสนทนาของผมมีแต่เรื่องโควิด-19 แล้วปัญหาระดับนี้จะคลี่คลายไปในทางใด” Bill Gates เผยแพร่ในเว็บไซต์ส่วนตัว ขณะที่เขาและ Melinda ภรรยากำลังบริหารงานมูลนิธิ The Bill &amp; Melinda Gates Foundation เพื่อบริจาคราว 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อสู้กับไวรัสโคโรน่า “แต่ผมก็ยังถูกถามเสมอๆ ว่ากำลังติดตามอ่านหนังสือหรือดูอะไร”

Bill Gates เคยกล่าวไว้ว่าในทุกๆ อาทิตย์เขาจะต้องอ่านหนังสืออย่างน้อย 1 เล่ม และความชอบส่วนตัวที่เขาได้ปฏิบัติมายาวนาน สำหรับ 5 หนังสือแนะนำในซัมเมอร์นี้ 2 เล่มจะเป็นบันทึกความทรงจำจากปลายปากกาของ ดร.Edith Eva Eger นักจิตวิทยา วัย 92 ปี และบันทึกการทำงานของ Bob Iger อดีตซีอีโอ Disney ที่สะท้อนภาพการทำงานในวงการธุรกิจบันเทิงระดับโลกให้เราอ่านเป็นฉากๆ

สำหรับนักอ่านที่ต้องการทำความรู้จักโรคระบาดให้มากขึ้น Bill Gates แนะนำหนังสือ เชิงประวัติศาสตร์ของ John M. Barry’s ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2004 เกี่ยวกับการระบาดของไข้หวัดสเปนในปี 1918 ซึ่งหนังสือเล่มนี้ กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในการระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ Bill Gates ยังได้แนะนำรายการโชว์และสารคดีที่เขาติดตาม อาทิ สารคดี Pandemic: How to Prevent an Outbreak ที่เผยแพร่บน Netflix และซีรีส​์อื่นๆ อย่าง A Million Little Things, This Is Us และ Ozark ถ้ามีโอกาสเขาแนะนำให้ลองหาสารคดีที่ผลิตโดย BBC อย่าง The Racy เมื่อปี 1970 และ Claudius เรื่องราวของยุคโรมัน มาดู
<h2>พบ 5 รายชื่อหนังสือประจำซัมเมอร์ 2020 โดย Bill Gates</h2>
&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-30320" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/The-Choice-by-Dr.Edith-Eva-Eger_01.jpg" alt="" width="600" height="906" />

The Choice, by Dr.Edith Eva Eger

จากสาวน้อย Eger ในวัยเพียง 16 ปี เธอและครอบครัวถูกนำตัวจากบ้านไปคุมขังในค่ายกักกัน Auschwitz ประเทศโปแลนด์ เธอรอดพ้นจากความตายและเดินไปยังสหรัฐฯ ยึดอาชีพนักจิตวิทยาบำบัด เนื้อหาของหนังสือบอกเล่าถึงความชอกช้ำทางจิตใจที่เธอได้รับและการรับมือกับมัน

“ถ้าคุณกำลังจมอยู่กับปัญหาที่แก้ไม่ตก สิ่งเหล่านั้นเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ Eger เด็กสาวที่ต้องเอาชีวิตรอดภายในค่ายกักกันซึ่งโหดร้ายที่สุดของนาซี” Bill Gates กล่าว “ผมคิดว่านี่คือหนังสือเล่มมีความหมายสุดพิเศษช่วยจัดระเบียบความคิดในช่วงเวลาที่เราทุกคนกำลังเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19”

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-30328" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/cloudatlas_01.jpg" alt="" width="600" height="939" />

Cloud Atlas, by David Mitchell

นวนิยายที่ประพันธ์โดย David Mitchell เรื่องราวของ 6 ตัวละคร 6 เรื่องย่อยที่ต่างมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันผ่านยุคสมัยต่างๆ แต่กลับมีบางสิ่งเชื่อมตัวละครทั้งหมดไว้ด้วยกัน

“จุดร่วมของเนื้อหาที่เรียบง่ายคือส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องราวทั้ง 6 แตกต่างและลงตัว” Bill Gates บรรยายเพิ่มเติมไว้ว่า “นี่คือเรื่องราวที่เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์และคุณค่าความเป็นคน บางสิ่งเปลี่ยนแปลง บางสิ่งตั้งอยู่ท้าทายกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านไปนับร้อยหรือพันปี”

 

<img class="alignnone size-full wp-image-30322" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/The-Ride-of-a-Lifetime_01.jpg" alt="" width="600" height="913" />

The Ride of a Lifetime, by Bob Iger

Bill Gates มักบอกเสมอว่าเขาไม่ได้อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับบริหารธุรกิจมากนัก แต่หนังสือ The Ride of a Lifetime ของ Bob Iger เป็นอีกหนึ่งข้อยกเว้นเช่นเดียวกับหนังสือของ Satya Nadella ซีอีโอ Microsoft ที่เขาได้แสดงความคิดเห็นไปก่อนหน้านี้

หนังสือของอดีตซีอีโอท่านนี้ทำให้ผู้อ่านเข้าใจเคล็ดลับการบริหารงานของเขาระหว่างปี 2006 จนกระทั่งต้นปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่ Disney ได้ปรับองค์กรครั้งสำคัญ รวมไปถึงการขยายอาณาจักรแห่งนี้ ด้วยการควบรวมกิจการ Marvel เป็นเงินจำนวน 4.2 พันล้านเหรียญฯ และยังจ่ายอีก 4.1 พันล้านเหรียญฯ ในการซื้อธุรกิจ LucasFilm เจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ Star Wars

“ผมคิดว่าผู้อ่านจะได้รับความเพลิดเพลินจากหนังสือที่มีเนื้อหาเชิงลึกของการสร้างธุรกิจที่สอดแทรกอยู่ภายใน และเรียนรู้หลักคิดของชายผู้มีนิสัยถ่อมตน ผู้ที่ค่อยๆ สร้างองค์กรไต่ระดับความยิ่งใหญ่สู่องค์กรระดับโลก” Bill Gates บรรยาย

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-30321" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/The-Great-Influenza_01.jpg" alt="" width="600" height="928" />

The Great Influenza, by John M. Barry

หนังสือขายดีจาก New York Times ประจำปี 2004 Bill Gates ได้แนะนำหนังสือเล่มนี้สำหรับผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจโควิด-19 ผ่านมุมมองการแพร่ระบาดของไข้หวัดสเปนเมื่อปี 1918 และเรียนรู้ภาวะแห่งผู้นำในการแก้ปัญหา

“โลกเวลานี้ เรามีเครื่องมือจำนวนมากเพื่อสร้างวัคซีนและการรักษา แต่วิทยาศาสตร์ยังทำงานช้ากว่าสิ่งที่เราอยากให้เป็น เพื่อจบการระบาดในครั้งนี้ เราคงต้องรอคอยต่อไป”

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-30319" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/Good-Economics-for-Hard-Times_001.jpg" alt="" width="600" height="862" />

Good Economics for Hard Times, by Abhijit V. Banerjee and Esther Duflo

Good Economics for Hard Times หนังสือที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2019 ผลงานเขียนของคู่สามีภรรยาและทีมงาน ซึ่งทำให้พวกเขาได้รับ Nobel Prize ในสาขาเศรษฐศาสตร์ ประจำปี 2019 อีกด้วย โดยทั้งคู่ได้ต่อสู้ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัย ความไม่เสมอภาค และประเด็นการค้า เศรษฐกิจ

หนังสือเล่มนี้ผู้อ่านสามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารโดยไม่ต้องมีภูมิความรู้ใดๆ “Banerjee และ Duflo นำเสนอข้อมูลมหาศาล ทำให้มองเห็นภาพรวมของวิถีมนุษย์ หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่งานทางวิทยาศาสตร์อย่างฟิสิกส์หรือชีวะที่เข้าใจยาก แต่สิ่งผมได้ค้บพบนั้นกลับเป็นประโยชน์และซึมซับเข้าไปในหัวใจ” Bill Gates กล่าวบรรยาย

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/11-%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-bill-gates.html">ถอด 11 บทเรียนจากนักธุรกิจระดับตำนาน Bill Gates</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความด้านธุรกิจ ติดตามได้ที่ Facebook: Forbes Thailand Magazine</a>

มหาเศรษฐีผู้รักการอ่าน: Bill Gates แนะนำหนังสือ 5 เล่มประจำซัมเมอร์ 2020

<h2>Book Value จาก Emily Weiss ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Glossier อดีตสมาชิก Forbes Under 30</h2>
บรรดาผู้นำจากแวดวงธุรกิจ วิชาการ บันเทิง และการเมืองเล่าถึงหนังสือที่วางอยู่ข้างเตียง หากกำลังรู้สึกหดหู่กับรายงานข่าวการก่อการร้าย โรคระบาด ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธ หรือภัยธรรมชาติแนะนำให้ละจากข่าวเหล่านั้นและอ่าน

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-28626" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/shr-said.jpg" alt="" width="300" height="300" />

Book Value
Emily Weiss ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Glossier อดีตสมาชิก Forbes Under 30
&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-28621" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/she-said-01.jpg" alt="" width="300" height="456" />
SHE SAID
ผู้แต่ง Jodi Kantor และ Megan Twohey
หลังจากที่ Kantor และ Twohey สองผู้สื่อข่าว New York Times ออกมาเปิดโปงเรื่องราวของ Harvey Weinstein เมื่อปี 2017 เรื่องราวการล่วงละเมิดทางเพศที่เคยเก็บเงียบไว้ ก็หลั่งไหลพรั่งพรู พร้อมปลุกกระแส #MeToo ในวงกว้าง
She Said  (สำนักพิมพ์ Penguin Press ปี 2019) บอกเล่าเบื้องหลังการบันทึกเรื่องราวเชิงสืบสวนสอบสวน และความกล้าหาญอย่างถึงที่สุดของสตรีผู้ออกมาเปิดเผย สิ่งที่น่าสะเทือนใจมากที่สุดคือ โครงสร้างอำนาจองค์กรและโครงสร้างทางกฎหมายคร่ำครึเหลือเกิน จนกลายเป็นปกป้องพฤติกรรมของผู้คุกคาม
พวกเราที่พยายามสร้างองค์กรที่มีความเข้าใจและครอบคลุมรอบด้าน จะทำเฉยๆ ต่อเรื่องจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ และจะต้องมีการพูดถึงนี้
She Said  คือหนังสือแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงสถานะอันเกินจะยอมรับได้

<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/leaderboard/global-leaderboard/book-value-michael-milken-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87-milken-institute-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%b2.html">Book Value: Michael Milken ผู้ก่อตั้ง Milken Institute และสมาชิกทำเนียบ Forbes 400</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/38hL0Vu">คลิกอ่านบทความทางธุรกิจที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-27443" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/COVER-82-MARCH-.jpg" alt="สรพหล นิติกาญจนา" width="300" height="394" />

Book Value: Emily Weiss ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Glossier อดีตสมาชิก Forbes Under 30

<h2>Book Value จาก Michael Milken ผู้ก่อตั้ง Milken Institute และสมาชิกทำเนียบ Forbes 400</h2>
บรรดาผู้นำจากแวดวงธุรกิจ วิชาการ บันเทิง และการเมืองเล่าถึงหนังสือที่วางอยู่ข้างเตียง หากกำลังรู้สึกหดหู่กับรายงานข่าวการก่อการร้าย โรคระบาด ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธ หรือภัยธรรมชาติแนะนำให้ละจากข่าวเหล่านั้นและอ่าน


<img class="aligncenter wp-image-28389" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/FO123119_003.jpg" alt="" width="400" height="457" />
Book Value
Michael Milken ผู้ก่อตั้ง Milken Institute และสมาชิกทำเนียบ Forbes 400

<img class="alignnone wp-image-28388 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/หนังสือแนะนำ.jpg" alt="" width="900" height="480" />

Factfulness: Ten Reasons We’re Wrong About the World-and Why Things Are Better Than You Think
(สำนักพิมพ์ Flatiron Books ปี 2018)

ผลงานของแพทย์ชาวสวีเดนผู้ล่วงลับซึ่งเขียนหนังสือเล่มนี้หลังจากที่ตรวจพบโรคมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายเมื่อปี 2016 Rosling ซึ่งสร้างชื่อจากการกล่าวสุนทรพจน์บนเวที TED Talk ได้กลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกจากการทำงานในแวดวงสุขภาพระดับโลกและการพัฒนาในระดับภูมิภาคให้กลายเป็นงานฉลอง

“ปาฏิหาริย์ลับแห่งพัฒนาการมนุษย์” Rosling จะไม่แบ่งโลกออกเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา แต่ได้อธิบายเรื่องการแบ่งชนชั้นของรายได้ออกเป็น 4 ประเภท ซึ่งมีความใกล้เคียงกันมากกว่า และแต่ละประเภทยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Rosling บอกว่าพวกเรามองข้ามทิศทางที่มีแนวโน้มสดใสเหล่านี้ไปเนื่องจากสัญชาตญาณมนุษย์มาบังตาพวกเรา เขาสรุปเอาไว้ว่าให้มองตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่มองจากความรู้สึกกลัว

“เมื่อเรามองโลกตามความเป็นจริง เราจะเห็นว่า โลกไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็น และเราจะเห็นด้วยว่า จะสามารถทำอะไรได้บ้างให้”

<hr />

<a href="https://bit.ly/38hL0Vu">คลิกอ่านบทความทางธุรกิจที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-27443 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/COVER-82-MARCH--229x300.jpg" alt="สรพหล นิติกาญจนา" width="229" height="300" />

Book Value: Michael Milken ผู้ก่อตั้ง Milken Institute และสมาชิกทำเนียบ Forbes 400

<h2>เช้าวันเสาร์อันแสนอบอ้าว ณ ฮ่องกง ผมมีกำหนดการร่วมเวทีเสวนาที่ Chinese University of Hong Kong ซึ่งจัดโดย Harvard Project for Asian &amp; International Relations (HPAIR) หัวข้อเสวนา คือ Bamboo Ceiling หรือข้อกีดกันในหน้าที่การงานของชาวเอเชีย</h2>
แล้วฝรั่งลูกทุ่งจากแดนลุงแซมที่ย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ Silicon Valley ใน California อย่างผมจะไปรู้อะไรเรื่องเพดานไม้ไผ่นี้ ผมตัดสินใจว่าจะพูดเฉพาะข้อเท็จจริง การค้นคว้าทาง Google ช่วยติดอาวุธให้ผมได้มากมายจริงๆ แต่เป็นอาวุธที่ไม่มีประสิทธิภาพเอาเสียเลย เพราะ ณ Silicon Valley นายจ้างรายใหญ่ๆ ทั้งหลายล้วนแต่เป็นบริษัทเทคโนโลยี ไล่ตั้งแต่ Apple, Intel, Google, Facebook ฯลฯ

พนักงานบริษัทเหล่านี้มีถึงร้อยละ 25-30 ที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย โดยมากเป็นประชากรรุ่นที่ 2 แต่มีเพียงร้อยละ 14 ที่อยู่ในกลุ่มชนชั้นนำของบริษัทหรือพวกบอสทั้งหลาย บริษัทที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกอย่าง Apple ไม่มีผู้บริหารที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเลย

ผมมาถึงเวทีเสวนาพร้อมด้วยข้อเท็จจริงที่น่าอับอายเหล่านี้ ความตั้งใจของผมคือผมจะถ่ายทอดข้อมูลที่สืบค้นมาแล้วจะขอหุบปาก ความเห็นของผมคงฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ในสายตาของผู้ดำเนินการเสวนาชาวฮ่องกง บนเวทีที่ประกอบด้วยผู้เสวนาชาวฮ่องกง ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่ทำงานให้บริษัทร่วมลงทุนของเวียดนาม และผู้บริหารจากจอร์แดนซึ่งอาศัยอยู่ในสิงคโปร์

ผู้ฟังที่เป็นนักศึกษา 150 คนส่วนใหญ่มาจากฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ อินเดีย ประเทศในเอเชียและตะวันออกกลางอื่นๆ เมื่อผู้ดำเนินการเสวนาถามคำถามที่คาดเดาได้เสร็จสิ้นแล้ว เธอได้เชื้อเชิญให้นักศึกษายกมือเพื่อถามคำถามเช่นกัน เปรี้ยง! คำถามแรกมาจากนักศึกษาชาวจีน “แล้วความเขินอายแบบเอเชียล่ะ ไม่เห็นพูดถึงเลย นั่นมันเพดานไม้ไผ่ชัดๆ”

เอาล่ะสิครับ จู่ๆ ก็มีคนจับได้เสียแล้ว ผู้ร่วมอภิปรายทุกคนมีชื่อเสียงในหน้าที่การงานต้องปกป้อง เราจึงไม่คิดจะไปแตะหัวข้อที่มันส่วนตัวมากขนาดนั้น แม้ผมเองก็เคยเป็นคนขี้อายเอามากๆ แต่ของผมนั้นเป็นความขี้อายแบบชาวอเมริกันมิดเวสต์เชื้อสายนอร์เวย์ แม้ผมจะมีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับความขี้อาย รากเหง้าของมันและมันเป็นกำแพงปิดกั้นโอกาสอย่างไร แต่จะให้มาพูดในที่นี้ต่อหน้าผู้ร่วมอภิปรายเหล่านี้หรือ?

คำถามของแม่สาวน้อยทำเอาเวทีของเราสะเทือนเลยทีเดียวเพราะหลังจากนั้นจนจบการเสวนา ไม่มีใครอยากพูดเรื่องอื่นอีกเลยความเขินอายเป็นปัญหาที่ผู้คนทุกที่ประสบกันแต่รู้สึกได้รุนแรงกว่าในหมู่ชาวเอเชีย

มีหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับเรื่องเพดานไม้ไผ่และอิทธิพลของความเขินอายและความเป็นคนเก็บตัว ต้องบอกว่าสองสิ่งนี้ไม่เหมือนกัน คนชอบเก็บตัวอาจไม่ได้ขี้อาย พวกเขาแค่ชอบปลีกวิเวกไปอยู่กับตัวเองและหนังสือดีๆ สักเล่ม คนชอบสังคมจะรู้สึกสดใสเมื่อได้พบเจอผู้คน

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการฝ่ายบุคคลบนเวทีวันนั้นยอมรับว่า สิ่งที่แย่ที่สุดคือการเป็นคนชอบสังคมที่ขี้อาย “ผู้คนทำให้คุณกระปรี้กระเปร่า แต่ความกลัวกลับรั้งคุณเอาไว้” เธอเองเอาชนะความอายด้วยการเข้าชั้นเรียนการกล่าวสุนทรพจน์ที่สถาบัน Toastmasters (สถาบันที่เน้นการสอนเรื่องการสื่อสารการพูดในที่สาธารณะและทักษะความเป็นผู้นำ)

&nbsp;

วัฒนธรรมของคุณเป็นแบบไหน

<img style="width: 331px; height: 500px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8f9dcb91f9a0bc980624edd594e75946.jpg" alt="" />

ทุกคนมีสมบัติติดตัวมาจากวัฒนธรรมของตัวเองทั้งดีและไม่ดี หนังสือขายดีประจำฤดูร้อนนี้เป็นหนังสือม้ามืดที่ชื่อ Hillbilly Elegy: A Memoir of a Family and Culture in Crisis เขียนโดย J.D.Vance เนติมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Yale เขาเกิดที่เมืองเล็กๆ ในรัฐ Ohio ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจร่วมลงทุน อาศัยอยู่ใน San Francisco แม่ของเขาแต่งงานและหย่าหลายต่อหลายครั้ง คนๆ เดียวที่เป็นแบบอย่างในชีวิตของเขาคือยายที่เป็นสิงห์อมควันและปากคอเราะร้าย

ความทรงจำของ Vance เกี่ยวกับชนชั้นล่างที่เป็นคนขาวในอเมริกา โดยเฉพาะชาวสก็อตจากไอร์แลนด์ที่มาตั้งรกรากใน Appalachia หัวใจของวัฒนธรรมของพวกเขาคือเกียรติยศ แต่ Vance บอกว่าขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจตกต่ำ เกียรติยศได้ถูกยึดถืออย่างผิดๆ กลายไปสู่การตอบสนองของร่างกายในการเลือกที่จะสู้หรือหนี (fight-or-fight response)

เมื่อเจอมรสุมในชีวิต การต่อสู้นี้มักเป็นการลงไม้ลงมือและถูกกระตุ้นโดยแอลกอฮอล์ ลงเอยด้วยการที่ผู้คนผละงาน หัวหน้าครอบครัวทิ้งความรับผิดชอบ ในยุคที่การเหยียดหยันผู้ที่แตกต่างเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ แต่การจะประสบความสำเร็จในเศรษฐกิจที่มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างเข้มข้นนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของเราในการดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดจากมรดกทางวัฒนธรรมออกมาใช้

มรดกจากวัฒนธรรมของคุณเป็นแบบไหน มันส่งเสริมอาชีพ การงานของคุณอย่างไร ลองเขียนมาเล่าให้ผมฟังบ้าง
<img style="width: 200px; height: 233px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/432321de160377a3103b9e50b008a56e.png" alt="" />
RICH KARLGAARD
ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของ Forbes กับผลงานหนังสือเล่มล่าสุด TEAM GENIUS : THE NEW SCIENCE OF HIGH-PERFORMING ORGANIZATIONS

<hr />

<a href="https://goo.gl/sfeKXF">คลิกอ่านบทความทรงคุณค่าทางด้านธุรกิจ ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559</a>
<a href="https://goo.gl/sfeKXF"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0ce5c1a4150dcc466dc17fc7774e169e.png" alt="" /></a>

วัฒนธรรมและความสำเร็จ

ตั้งแต่รายการ Oprah’s Book Club เริ่มออกอากาศเมื่อ 19 ปีก่อน ก็ทำให้นักเขียนหลายคนสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำไปแล้วเป็นจำนวนมาก แล้วสองมหาเศรษฐีชื่อดังจากวงการไอทีจะสร้างกระแสแบบเดียวกันได้หรือไม่?

ในปีนี้ Mark Zuckerberg ตั้งเป้าประกาศว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ 1 เล่มทุกสองสัปดาห์ การโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือที่เขาเลือกอ่านจะเข้าถึงผู้ติดตามบนเฟซบุ๊กกว่า 34 ล้านคน ส่วนโพสต์บนเพจ “A Year of Books” ของเขามีการโต้ตอบและสนทนากับเจ้าของหนังสือและสมาชิกที่กดไลค์ ติดตามเพจกว่า 470,000 ราย ขณะที่บล็อกหนังสือส่วนตัวของ Bill Gates (gatesnotes.com/books) มีผู้โต้ตอบบนเว็บไซต์น้อยกว่า ตัวเลขนี้อาจนำไปสู่ความคิดที่ว่าเจ้าพ่อสื่อสังคมออนไลน์น่าจะมีชัยชนะเหนือราชาแห่งวงการคอมพิวเตอร์

เราทำการเปรียบเทียบหนังสือ 6 เล่มล่าสุดที่สองมหาเศรษฐีเชิญชวนให้อ่าน เพื่อประเมินว่าใครส่งผลผลักดันยอดขายหนังสือได้มากกว่ากัน เราสรุปได้ 2 ประเด็น ข้อแรกคือ แม้ว่าบุคคลดังผู้ก่อตั้ง Facebook และ Microsoft จะแนะนำแนวหนังสือที่แตกต่างกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันเลยทีเดียว ส่วนข้อสองซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญกว่าก็คือ ทั้งสองมหาเศรษฐีเทียบชั้นไม่ได้กับ Oprah ที่ทำให้หนังสือของ Jonathan Franzens ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า น่าแปลกใจไหม? เราก็ไม่แปลกใจเหมือนกัน
<img class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/DECEMBER%202015/Book.jpg" alt="" />

มหาเศรษฐีชวนอ่านหนังสือ

รายชื่อหนังสือด้านการลงทุนที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา รวบรวมโดยบรรณาธิการ Forbes 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/Sep%202015/Irrational-Exuberance%2C-3rd-Edition-re.jpg" /> 
Irrational Exuberance, 3rd Edition โดย Robert J. Shiller สำนักพิมพ์ Princeton University Press ปี 2015 
ผู้เขียนเจ้าของรางวัลโนเบลเพิ่มบทวิเคราะห์ฟองสบู่ในตลาดพันธบัตร ในงานชิ้นเยี่ยมที่เจาะลึกภาวะฟองสบู่หลายๆ ครั้งในตลาดการเงิน 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/Sep%202015/john-bogle.jpg" /> 
John Bogle on Investing: The First 50 Years โดย John C. Bogle สำนักพิมพ์ Wiley ปี 2015 
รวบ รวม 25 สุนทรพจน์เด็ดๆ ที่กล่าวโดยผู้ก่อตั้ง Vanguard ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องเด่นๆ อย่างกองทุนดัชนี และเรื่องเด่นน้อยกว่าอย่างการบริจาคอวัยวะ 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/Sep%202015/The-Physics-of-Wall-Street-re.jpg" /> 
The Physics of Wall Street โดย James Owen Weatherall สำนักพิมพ์ Mariner Books ปี 2014 
Weatherall ศาตราจารย์ด้านปรัชญา อธิบายความซับซ้อนทางการเงินสำหรับผู้อ่านทั่วไป โดยเน้นที่บรรดานักลงทุนแบบคณิตศาสตร์ หรือ Quants 
อิทธิพลอันไร้ขอบเขตของคนเหล่านี้ได้พลิกโฉมการลงทุนในโลกปัจจุบัน 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/Sep%202015/The-Hedge-Fund-Mirage-re.jpg" /> 
The Hedge Fund Mirage โดย Simon Lack สำนักพิมพ์ Wiley ปี 2012 
Lack กล่าวว่า โอกาสในตอนนี้น่าจะเป็นขาขึ้นของกองทุนเก็งกำไร พร้อมทั้งชี้ว่า นักลงทุนในกองทุนเก็งกำไรส่วนใหญ่จะทำกำไรได้ดีกว่าจากตั๋วเงินคลัง 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/Sep%202015/The-Big-Short-re.jpg" /> 
The Big Short โดย Michael Lewis สำนักพิมพ์ W.W. Norton ปี 2011 
Lewis ชำแหละวิกฤตการเงินสหรัฐช่วงปี 2007-2008 และโยนบาปให้กับ &ldquo;Doomsday Machine&rdquo; ซึ่งก็คือตลาดอนุพันธ์ที่มักจะถูกเข้าใจอย่างคลาดเคลื่อน เขาเชื่อว่าตลาดพวกนี้เป็นต้นเหตุแห่งความล่มสลายของเศรษฐกิจสหรัฐ 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/Sep%202015/the-little-book-re.jpg" /> 
The Little Book That Still Beats the Market โดย Joel Greenblatt สำนักพิมพ์ Wiley ปี 2010 
ผู้ จัดการกองทุนมือทองที่ประสบความสำเร็จอย่างมโหฬารแจกแจงกฎของความสำเร็จใน ตลาด หนึ่งในนั้นก็คือการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (value investing) หนังสืออ่านง่ายเล่มนี้เหมาะสำหรับคนรุ่นหนุ่มสาวที่ต้องการหาความรู้ด้าน การเงิน 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/Sep%202015/Pioneering-Portfolio-Management-re.jpg" /> 
Pioneering Portfolio Management โดย David F. Swensen สำนักพิมพ์ Free Press ปี 2009 
ชาย ผู้อยู่เบื้องหลังกองทุนการกุศลของมหาวิทยาลัย Yale (Yale&rsquo;s Endowment) เผยกลยุทธ์การลงทุนสำหรับสถาบันที่ต้องการสร้างผลตอบแทนยาวนานหลายทศวรรษได้ เช่นเดียวกับเขา

หนังสือขึ้นหิ้ง

หนังสือเล่มล่าสุดจากหัวหน้าผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคลของ Google เจาะลึกกลยุทธ์และหลักการดำเนินงานที่อาศัยข้อมูลช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งทำให้บริษัทขึ้นแท่นอันดับบริษัทที่น่าทำงานด้วยที่สุดในอเมริกา ไม่ใช่เพราะตัวเลขเงินเดือนหรือโบนัสตอบแทน 
&nbsp; 
หนังสือด้านการบริหารส่วนใหญ่มักเต็มไปด้วยการพร่ำพรรณนาถึงการทำงานเป็นทีม (เห็นได้ว่าไม่มีตัวอักษร &ldquo;I&rdquo; หรือฉันในคำว่าทีม) และคำแนะนำที่น่าเบื่อเกี่ยวกับการติดตามผลการดำเนินงาน หรือไม่ก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการฝึกฝนพัฒนาลักษณะอุปนิสัยต่างๆ ตามบุคคลที่มีศักยภาพสูง 
&nbsp; 
ดังนั้นเป็นเรื่องน่ายินดีที่จะรายงานว่าหนังสือ Work Rules!: Insights From Inside Google That Will Transform How You Live and Lead โดย Laszlo Bock ได้ออกวางแผงแล้ว หนังสือเล่มนี้เจาะรายละเอียดถึงหลักขั้นตอนการทำงานในบริษัท Work Rules! อัดแน่นไปด้วยข้อมูลและผลสรุปที่อาจฟังดูขัดต่อหลักเหตุผลทั่วไป ซึ่งเหมาะสำหรับผู้กำลังมองหาวิธีที่จะทำให้คนอยากร่วมงานกับบริษัทมากขึ้น &ldquo;มีผู้มาเยี่ยมชม Google อยู่ตลอดเวลา และหลังจากนั้นพวกเขาจะกลับไปติดตั้งโคมไฟลาวาและซื้อเบาะ beanbag มาไว้ที่สำนักงาน&rdquo; Bock กล่าว &ldquo;แต่หลักสำคัญที่พวกเขาไม่ได้จากการเยี่ยมชมคือ &lsquo;หลักในการสร้างสิ่งที่น่าอัศจรรย์ได้รวบรวมอยู่ในตำราเล่มนี้&rsquo;&rdquo; 
 
ตัวอย่างหลักการที่เราชื่นชอบมีดังต่อไปนี้: 
 
4 
คือจำนวนครั้งที่เหมาะสมที่สุดในการสัมภาษณ์ผู้สมัครงาน Google เคยสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้าทำงานมากถึง 25 รอบ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเชิงสถิติชี้ว่าสามารถรับพนักงานเข้าทำงานที่ระดับความเชื่อมั่น 86% หลังสัมภาษณ์ 4 รอบ โดยแต่ละรอบการสัมภาษณ์งานที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นจะเพิ่มความเชื่อมั่นได้เพียง 1% 
 
100 
คือร้อยละของจำนวนพนักงาน Google ที่มีอัตราเงินเดือนไม่เท่ากันโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งงาน โดยค่าตอบแทนจะขึ้นอยู่กับผลงาน ไม่ใช่ตำแหน่งหรือหน้าที่การทำงาน แม้ว่าสิ่งนี้จะหมายถึงบางคนจะได้รับค่าเหนื่อยสูงกว่าเพื่อนร่วมงานในตำแหน่งเดียวกัน 
 
0 
จำนวนครั้งที่ควรประกาศตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเว็บไซต์หางานทั่วไป ผู้สมัครงานที่ดีที่สุดจะรู้ตัวดีว่าอยากทำงานที่ไหน และพวกเขาจะไม่สนใจแหล่งหางานประเภทนี้ 
 
 
10 
จำนวนวินาทีที่คนเราตัดสินใจภายใต้จิตสำนึกในการรับคนเข้าทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด Google ป้องกันปัญหาการตัดสินใจที่อิงข้อมูลจากความประทับใจครั้งแรกด้วยการเตรียม &ldquo;แนวทางการสัมภาษณ์งาน&rdquo; ให้กับผู้จัดการฝ่ายจ้างงานที่จะรับพนักงานใหม่ ซึ่งพร้อมด้วยคำถามที่ &ldquo;ผ่านการพิสูจน์&rdquo; แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการระบุตัวผู้สมัครที่มีศักยภาพ
<hr />

	<a href="http://goo.gl/JeQCAL">คลิ๊ก!! เพืออ่าน บทความสร้างแรงบันดาลใจทางธุรกิจจาก Forbes Thailand ในรูปแบบ E-Magazine</a>

หนังสือเล่มล่าสุดจาก  Laszlo Bock หัวหน้าผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคลของ Google

ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ Forbes Thailand Magazine ในวาระการครบรอบ 2 ปี ที่ได้สร้างแรงบันดาลใจของผู้ใฝ่ความสำเร็จ โดยความคิดเห็นบางส่วนจะได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ June 2015 และพร้อมกันนี้ Forbes Thailand ขอมอบหนังสือ สร้างล้านแรกต้องแหกกฎ The Risk Taker &amp; IDOL making โดย ภาววิทย์ กลิ่นประทุม &amp; ดร.ต้อง &ldquo;The Filters&rdquo; จำนวน 5 รางวัล 
 
การแสดงความคิดเห็น 
- สามารถส่งความคิดเห็นต่อ Forbes Thailand ได้ที่กล่องข้อความของ Forbes Fanpage: <a href="http://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine">www.facebook.com/ForbesThailandMagazine</a> 
- หมดเขตร่วมแสดงความคิดเห็น วันที่ 3 พฤษภาคม 2558 เวลาเที่ยงคืน และสุ่มจับรายชื่อผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อรับหนังสือจำนวน 5 รางวัล โดยประกาศผลวันที่ 4 พฤษภาคม 2558 
<hr />
บทนำ: สร้างล้านแรกต้องแหกกฎ The Risk Taker &amp; IDOL making 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/Cover%20-%20%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%8E-01.jpg" /> 
 
หนังสือ เล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อตอบโจทย์ที่คนรุ่นใหม่อยากรู้มากที่สุดใน วันนี้สองเรื่อง!! เดี๋ยวนี้สิ่งที่คนรุ่นใหม่อยากได้มากที่สุดมี 2 ประการ คือ หนึ่ง &ldquo;อยากรวย&rdquo; และ สอง &ldquo;อยากดัง&rdquo; เพราะเงินในยุคนี้คือทุกอย่างและความดังก็ช่วยให้หาเงินได้ง่ายขึ้น 
 
คำ ถามคือ ในเมื่อทุกคนมีเป้าหมายเหมือนกัน คือ &ldquo;รวยและดัง&rdquo; จะทำอย่างไรให้เราเป็นคนที่ไปถึงเป้าหมายได้จริงๆ ...เพราะในโลกนี้มีคนแค่ 20% เท่านั้นที่รวยที่สุดและมีชื่อเสียง ส่วนอีก 80% นั้นไม่สามารถทำตามที่ฝันไว้ ก็กลายเป็น 80% ที่ไม่รวยและก็ไม่มีชื่อเสียง 
 
ถ้าจะให้ผมแยกแยะความแตกต่างระหว่างกลุ่มคน 20% ที่ทำได้กับ 80% ที่ทำไม่ได้ สามารถแยกได้ง่ายๆ เนื่องจาก &ldquo;วิธีคิด&rdquo; ของคนทั้งสองกลุ่มนี้ตรงข้ามกันราวฟ้ากับเหว ...นอกจากวิธีคิดต่างกันแบบสุดๆ แล้ว การเดินทางสู่เป้าหมายของคนทั้งสองกลุ่มนี้ก็ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงด้วย 
&nbsp; 
ใช่!! ผมเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่อยากจะทำงานไป 20 ปี แล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพบว่า สิ่งที่ทำและมุ่งมั่นมาตลอด จริงๆ แล้วเป็นการเดินมาผิดทาง จากนั้นก็พบว่า หมดแรงที่จะถอยกลับแล้วเดินทางใหม่ ก็เลยก้มหน้ารับชะตาชีวิต ยอมจำนน ตัดพ้อ--&ldquo;ก็เรามันโชคไม่ดี ถึงได้ไม่รวย &hellip;ไม่ดังเสียที&rdquo; 
 
จริงๆ เคล็ดลับของเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องของวิธีคิด ไม่ได้เกี่ยวกับโชคชะตาแต่อย่างใด &hellip;และนี่แหละที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมกับ ดร. ต้อง ช่วยกันเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา 
 
ผมและ ดร. ต้อง พยายามถกไอเดียต่างๆ เพื่อสร้างเป็นเครื่องมือง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถหาเงินล้านแรกได้ด้วยตัวเอง และรวมเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้างเวทีให้กับตัวเอง ซึ่งในยุคนี้เรียกว่าเป็น Idol นั่นแหละ &hellip;Yes!! ทั้ง &ldquo;รวย และ ดัง&rdquo; ตูก็ทำได้ ประมาณนั้น 
&nbsp; 
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ความฟลุ้กครับ แต่มันเป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุมีผลชัดเจน ว่าถ้าเราทำอย่างนี้แล้วสุดท้ายผลก็จะออกมาเป็นแบบนี้ชัดเจน

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events