<h2>ESTAR เผยผลงานไตรมาส 1/2567 ยอดขายโตทะลุกว่า 510 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 75% พร้อมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ในจ.ระยองและกรุงเทพ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,600 ล้านบาท คาดรายได้สิ้นปีโตเพิ่มกว่า 40%</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;ไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR</strong> เผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ยังเป็นปีที่ESTAR เติบโตอย่างสดใส หลังเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยทำยอดขายทะลุเป้าที่วางไว้อยู่ที่ 1,580 ล้านบาท เติบโตกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งในไตรมาส 1/2567 บริษัทยังสามารถดันยอดขายนิวไฮ แตะถึง 510 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าเพียง 292 ล้านบาท</p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/xHRhz1fj4xYZKkVq8tQB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xHRhz1fj4xYZKkVq8tQB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div><p>​</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านยอดโอนไตรมาสแรก อยู่ที่ 300 ล้านบาท โตเพิ่ม 21% QoQ โดยแบ่งสัดส่วน เป็นยอดขายโครงการในกรุงเทพ ทั้งแนวสูงและแนวราบ ไตรมาสแรก มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท มียอดโอนที่ 165 ล้านบาท สำหรับยอดขายโครงการแนวราบใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จะอยู่ที่กว่า 109 ล้านบาท มียอดโอนที่ มูลค่า 135 ล้านบาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<span style="color: rgb(107, 153, 0);">“ทิศทางอสังหาฯ ปี 2567 นี้ ยังมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง โดยปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภาคอสังหาฯ ให้ดีขึ้นได้ หลักๆ คือ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อบ้าน จากทางภาครัฐ รวมถึงมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% ที่จะทำให้ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์คึกคักอีกครั้ง“ </span><span style="color: rgb(53, 53, 53);">ผู้บริหารของ ESTAR กล่าว</span></p><p><span style="color: rgb(53, 53, 53);"><br></span></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/PUcf1hdtm7iYFfDbrDaD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="PUcf1hdtm7iYFfDbrDaD.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div><p><span style="color: rgb(53, 53, 53);">​<br></span></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ESTAR ยังตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ ในช่วง Q1-Q3/2567 เป็นต้นไป มีมูลค่ารวมกว่า 1,600 ล้านบาทแบ่งออกเป็น ทำเลโซน บ้านฉาง จังหวัดระยองจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว VELANA HYDE อู่ตะเภา-บ้านฉาง ระยอง มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5-9 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว GRAND VELANA POOL VILLA บ้านฉาง ระยอง จำนวน 6 หลัง มูลค่าโครงการ 120 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ อีก 1 โครงการจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ ได้แก่ โครงการ ESTON ลาดกระบัง- สุวรรณภูมิ ทาวน์โฮม 2-3 ชั้น มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 3.29-5 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมดันโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ในมืออีก 11 โครงการ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<span style="color: rgb(107, 153, 0);">&nbsp;“สำหรับยอดขายภาพรวมในปีนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าอยู่ที่กว่า 2,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้อยู่ที่กว่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้แล้ว สำหรับโครงการประเภทคอนโดมีเนียมทำเลใจกลางกรุงเทพ รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท”</span> ไพโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย<br></p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/uXZtVgpPMVE8bDPrQfYZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="uXZtVgpPMVE8bDPrQfYZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/epAjbZUKUdg2j1LLQPW3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="epAjbZUKUdg2j1LLQPW3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"><figcaption><div>​<span style="color: rgb(68, 68, 68)">VELANA HYDE อู่ตะเภา-บ้านฉาง</span>​</div></figcaption></figure></div><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/t1f8n1pNsZct3UcHv4iV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="t1f8n1pNsZct3UcHv4iV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"><figcaption><div>​<span style="color: rgb(68, 68, 68)">โครงการ ESTON ลาดกระบัง- สุวรรณภูมิ</span>​</div></figcaption></figure></div><p><br></p><p>​<br></p><p>​<span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/sansiri-condominium-direction-2024" alt="‘แสนสิริ’ ประกาศแผนธุรกิจคอนโด ปีนี้เปิดตัว 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้าน สูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ">‘แสนสิริ’ ประกาศแผนธุรกิจคอนโด ปีนี้เปิดตัว 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้าน สูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ</a></span>​</p><p>​<span style="color: rgb(68, 68, 68)">​</span><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

ESTAR โชว์ยอดขาย Q1/67 ทะลุ 510 ลบ. พร้อมเปิด 3 โครงการใหม่ ระยอง-กรุงเทพ มูลค่ารวม 1,600 ลบ.

<h2>ESTAR โชว์รายได้หลังทำนิวไฮกว่า 700 ล้านบาท ใน 5 โครงการฝั่งตะวันออก "บ้านฉาง-ระยอง" พร้อมเร่งเครื่องเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องมูลค่ากว่า 1.2 พัน ล้านบาทในช่วงปลายปี</h2><p>​</p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;ไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR</strong>&nbsp;เผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ สามารถปิดยอดขายโครงการพื้นที่ฝั่งระยอง-บ้านฉาง อาทิ โครง การบ้านสินทวี การ์เด้นท์ 2 โครงการแฮมเล็ต 3 โครงการเวลาน่า กอล์ฟ เฮ้าส์ ที่ปัจจุบันปิดโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกันกับโครงการ บรีซ แอท อีสเทอร์น สตาร์ ฟอเรสโต้ ที่ตอนนี้ยอดขายอยู่ที่ 99% ซึ่งคาดว่าจะปิดได้ สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ สำหรับโครงการเวลาน่า อะโมด้า อู่ตะเภา-บ้านฉาง ยอดขายตอนนี้ขึ้นมาที่ 96% และในส่วน ของโครงการแกรนด์ เวลาน่า ยอดขายตอนนี้อยู่ที่ 80%&nbsp;</span></p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/w6eiefZ9jF5ZrMdEV5uZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="w6eiefZ9jF5ZrMdEV5uZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">​<br></span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการที่เพิ่งเปิดใหม่ ได้แก่ โครงการเธร่า พรีม่า บูรพาพัฒน์-สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ที่ตอนนี้ทำยอดขายได้แล้ว 75% ของเฟสแรก เช่นเดียวกับโครงการบรีซ ชาเล่ต์ บูรพาพัฒน์-สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ที่ตอนนี้ยอดขายแตะอยู่ที่ 80% ของเฟสแรกเช่นกัน</span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);"><span style="color: rgb(68, 68, 68);">&nbsp; &nbsp; ซึ่งภาพรวมสำหรับโครงการอีสตาร์ในพื้นที่ระยองปีนี้ "คาดว่าจะทำนิวไฮของบริษัทฯ กว่า 700 ล้านบาท นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯ ยังมีการลงทุนเพิ่มสำหรับขยายโครงการ เพื่อตอบรับผู้อยู่อาศัย ในทุกเซกเมนท์โดยมีจะการออกโปรดักส์ในราคาเริ่มตั้งแต่ 2 ล้านบาทต้นๆ ไปจนถึง 12 ล้านบาท ซึ่งตามคาดการณ์ จะสามารถรับรู้รายได้อยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท" ผู้บริหารของ ESTAR กล่าวเสริม</span></span></p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/51Zk4yhfwZMzWPsfiaKN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="51Zk4yhfwZMzWPsfiaKN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div><p><span style="color: rgb(68, 68, 68); background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">​<br></span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp; &nbsp; จากการสำรวจพื้นที่ทำเลในบริเวณรัศมีรอบโครงการอีสเทอร์น สตาร์ พบว่า โซนระยอง-บ้านฉาง มีศักยภาพทำเลสูง เนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมและประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น อีกทั้งยังมีเส้นทางคมนาคมที่หลากหลาย โดย เฉพาะสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาที่ตอนนี้กำลังจะมีโปรเจกต์ในการสร้างส่วนต่อขยาย&nbsp;</span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้งยังมีโครงการใน อนาคตที่เป็นเมกะโปรเจกต์ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เชื่อม กทม. สู่ EEC คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2029 ซึ่งหากมีเมกะโปรเจกต์เหล่านี้มาก็จะสร้างแหล่งงานมากขึ้นในพื้นที่ ทำให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงเป็นผลให้บริษัทเดินหน้าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง&nbsp;</span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp; &nbsp; ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจ.ระยองมีมูลค่าราว 25,000 ล้านบาท เฉพาะในส่วนของพื้นที่ "บ้านฉาง" คิดเป็นมูลค่า 2,700 ล้านบาท โดยทาง ESTAR ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ราวๆ 25% คิดเป็นมูลค่า 700 ล้าน ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักนั้น ผู้บริหารของ ESTAR ยังเผยด้วยว่า เน้นเป็นกลุ่มผู้บริหารบริษัทในนิคมฯ มาบตาพุด กลุ่มหมอ และพนักงานสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ตั้งแต่ช่วงวัยทำงาน อายุ 30-55 ปี รายได้เดือนละ 7 หมื่น-3 แสนบาท ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามี กำลังซื้อศักยภาพสูง และโอกาสรีเจ็กต์เรตอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก&nbsp;</span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2567 สัดส่วนของอสังหาฯ แนวราบในระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปจะเพิ่มเป็น 80% จากปัจจุบันที่มี 75% และสัดส่วนของบ้านในราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท จะลดลงเหลือ 20% จากปัจจุบันที่มี 25% พร้อมวางแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการในปี 67 ในกรุงเทพฯ ที่จะพัฒนาเป็นทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวส่วนคอนโดมิเนียมนั้นอาจจะชะลอการพัฒนาออกไปก่อน</span></p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/JHR3siLK6GaRiV8XpLyk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="JHR3siLK6GaRiV8XpLyk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/FwHwkp2onXkkqe1V3Snt.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="FwHwkp2onXkkqe1V3Snt.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/dV9bQNQFtnWog4pLEJ2s.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="dV9bQNQFtnWog4pLEJ2s.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"></figure></div><p>​<br></p><p>​<br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/property/news/awc-q-3-2023-revenue" alt="AWC ไตรมาส 3/2566 กำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องแม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น">AWC ไตรมาส 3/2566 กำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องแม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น</a></span><br></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

ESTAR รุกตลาด EEC ต่อเนื่อง หลัง 5 โครงการบ้านฉาง-ระยองกวาดรายได้กว่า 700 ล้าน

<h2>ปี 2562 ปีปราบเซียนทางเศรษฐกิจ “อนันต์ อัศวโภคิน” ผู้ก่อตั้งหลักสูตรผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ The NEXT Real วิเคราะห์ตลาดเข้าสู่ช่วงถดถอย บริษัทจัดสรรแบกสต็อกอื้อ แนะรับมืออสังหาฯ ขาลงระมัดระวังกระแสเงินสด-ตัดรายจ่ายไม่จำเป็น</h2>
บนเวทีสัมมนาเปิดหลักสูตรนักพัฒนาจัดสรร<strong> The NEXT Real</strong> มหาวิทยาลัยชินวัตร รุ่น 7 และ 8<strong> อนันต์ อัศวโภคิน</strong> ผู้ก่อตั้งหลักสูตรฯ ร่วมด้วยผู้ประกอบการศิษย์เก่าหลักสูตรฯ วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ไทยปี 2562 และเทคนิครับมือ ดำเนินรายการโดย <strong>บริสุทธิ์ กาสินพิลา</strong> ผู้อำนวยการหลักสูตรฯ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด

<strong>อนันต์</strong> ฉายภาพก่อนว่า ปีนี้เป็นปีที่เศรษฐกิจส่งสัญญาณลบชัดเจนมาตั้งแต่ปลายปี 2561 ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาการลงทุนจากต่างประเทศ แม้การขอใบอนุญาตเพื่อเตรียมการลงทุนต่างๆ จะดูเหมือนมีมากแต่ไม่ได้เกิดการลงทุนจริง ขณะที่ทิศทางการส่งออกยังไม่สม่ำเสมอ เหลือเพียงการลงทุนภาครัฐที่มีการตอกเข็มก่อสร้างจำนวนมาก รวมถึงภาคท่องเที่ยวที่ยังเดินได้ต่อเนื่อง

เมื่อมุ่งประเด็นเฉพาะภาคอสังหาฯ หนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูง แม้แต่หนี้บ้านก็กลายเป็นหนี้เสียได้ง่ายกว่าในอดีต ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้นสำหรับสินเชื่อบ้าน โดยการ<a href="http://forbesthailand.com/news/property/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%89.html">จำกัดอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ LTV</a> ดังที่ประกาศไปเมื่อปีก่อน ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่ออสังหาฯ

<strong>“สัญญาณเมฆครึ้มมาตั้งแต่ปีก่อน ถ้าปลายปีคือฝนเริ่มตก ปีนี้ก็คือฝนตกแล้วจริงๆ”</strong>

<figure><img class="wp-image-3466 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/IMG_20190108_145138-01-e1546945094845.jpeg" alt="" width="800" height="600" /><figcaption> (ซ้าย) บริสุทธิ์ กาสินพิลา ผู้อำนวยการหลักสูตรฯ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด และ (ขวา) อนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งหลักสูตร The NEXT Real</figcaption></figure>

อนันต์กล่าวว่า สุขภาพของบริษัทอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสะท้อนจากรายงานการเงินบริษัท <span style="color: #ff0000;">หลายแห่งมีตัวเลขสินทรัพย์ที่สูงขึ้นและหนี้ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่กำไรเติบโตน้อยกว่าหรือทรงตัว นั่นแสดงให้เห็นว่าบริษัทเหล่านั้นมีสต็อกที่อยู่อาศัยในมือมากเกินไป ซึ่งปีนี้น่าจะเกิดปัญหาทางการเงินในบริษัทชัดเจนขึ้น</span> อย่างไรก็ตาม มองว่าเป็นเรื่องปกติของเศรษฐกิจที่เป็นวัฏจักรขึ้นลง หลังจากบริษัทอสังหาฯ มียอดขายเติบโตดีมาแล้ว 4-5 ปีจึงเป็นช่วงที่ยอดขายจะโตช้าลง

“แต่คิดว่าสถานการณ์ไม่แย่เท่าปี 2540 เพราะรอบนี้ธนาคารยังแข็งแรง ปัญหาจะน้อยกว่าเยอะ น่าจะเป็นการ soft landing มากกว่าล้มพับไปเหมือนคราวก่อน

&nbsp;
<h2>ระวังกระแสเงินสด ตัดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น</h2>
อนันต์กล่าวต่อว่า<span style="color: #ff0000;"> ในสถานการณ์เช่นนี้ ธนาคารจะมีความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อทั้งสินเชื่อโครงการและสินเชื่อบ้านรายย่อย สิ่งสำคัญของผู้ประกอบการจึงเป็นการรักษากระแสเงินสด และระวังอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ซึ่งมองว่าควรจะรักษาให้อยู่ที่ราว 1.0 กว่าๆ ไม่ควรให้เพิ่มไปจนถึง D/E 2.0</span>
<ul>
 	<li>อ่านประกอบ <a href="http://forbesthailand.com/news/property/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%89.html">เคาะแล้ว! นโยบายแบงก์ชาติคุมปล่อยกู้สินเชื่อบ้าน เริ่ม 1 เม.ย. 62 อสังหาฯ งัดกลยุทธ์รับมือ</a></li>
</ul>
นอกจากนี้ <strong>ควรจะตัดค่าใช้จ่ายที่สูงของบริษัท</strong> เช่น โปรโมชันและงบโฆษณา เน้นการบอกปากต่อปาก มากกว่าทุ่มงบโฆษณาในส่วนที่ไม่จำเป็น หรือการบริหารคน ช่วงที่ผ่านมาบางบริษัทอาจขยายตัวมากทำให้มีบุคลากรในบริษัทมาก เมื่อเผชิญสถานการณ์อสังหาฯ ขาลงจึงมีการแบกภาระค่าใช้จ่ายบุคลากร ซึ่งในอนาคตหากปรับบางส่วนมาใช้พนักงานเอ้าท์ซอร์สจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้

“สุดท้ายถ้าใครมีปัญหาทางการเงินจริงๆ ให้รีบบอกธนาคารให้เขารับทราบ เพราะถ้าเขาตกใจตอนเราแย่แล้ว เขาจะดึงเงินกลับหมดเลย แต่ถ้าเราเตือนไว้แต่เนิ่นๆ เขาจะช่วยเราแก้ปัญหา” อนันต์กล่าว

&nbsp;
<h2>เพิ่มฟังก์ชันให้ลูกค้า เปิดโครงการไซซ์เล็ก แนวราบมาแรง</h2>
สำหรับศิษย์เก่าหลักสูตร The NEXT Real ต่างมีมุมคิดถึงการรับมือตลาดอสังหาฯ ขาลงในปี 2562 เริ่มจาก <strong>วิชัย จุฬาโอฬารกุล</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม <strong>บริษัท ดับเบิ้ลยู-ชินวะ จำกัด</strong> เปิดเผยว่า เชื่อว่าถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวแต่กลุ่มเรียลดีมานด์ยังต้องการมีบ้าน จึงต้องพัฒนาโครงการให้เป็นตัวเลือกที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อ โดยอาจปรับฟังก์ชันหรือเพิ่มสิ่งที่พิเศษในโครงการมากกว่าการเร่งลดราคา

ขณะที่ตลาดกลุ่มนักลงทุน ที่ผ่านมาดีเวลอปเปอร์จะขายโดยไม่ได้ดูแลการปล่อยเช่าให้ต่อ ถ้าหากพัฒนาช่วยเหลือเรื่องการปล่อยเช่าได้จะเป็นการแก้โจทย์ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้

นอกจากนี้ ดับเบิ้ลยู-ชินวะ ยังมองลู่ทางทำธุรกิจใหม่ๆ เช่น <strong>การขายอสังหาฯ แบบ B2B</strong> โดยพัฒนาโครงการและขายให้นักลงทุนแบบเหมาตึก หรือการรับจ้างออกแบบและพัฒนาโครงการให้กับเจ้าของที่ดิน เป็นต้น

<figure><img class="wp-image-3467" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/IMG_20190108_150429_1-01.jpeg" alt="" width="800" height="600" /><figcaption> (ที่ 2 จากซ้าย) ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) , (ที่ 2 จากขวา) วิชัย จุฬาโอฬารกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ดับเบิ้ลยู-ชินวะ จำกัด และ (ขวาสุด) กฤศธนฎา สื่อไพศาล ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจองค์กร บริษัท พี พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด สามศิษย์เก่าหลักสูตร The NEXT Real</figcaption></figure>

ด้าน <strong>ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์</strong> กรรมการผู้จัดการ <strong>บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)</strong> กล่าวว่า บริษัทนั้นเติบโตมาจากทำเลภาคตะวันออกซึ่งกำลังได้อานิสงส์จากนโยบายเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของรัฐบาล ส่วนโครงการที่ขยายเข้ามาในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมาเน้นพัฒนาเฉพาะอาคารชุด แต่ปีนี้จะเริ่มมองการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น อย่างไรก็ตาม <strong>จะเน้นการเปิดตัวโครงการเล็กๆ กระจายทำเลไปหลายจุด </strong>มากกว่าการพัฒนาโครงการใหญ่เพื่อกระจายความเสี่ยง

ปิดท้ายที่<strong> กฤศธนฎา สื่อไพศาล</strong> ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจองค์กร <strong>บริษัท พี พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด</strong> ซึ่งเปิดโครงการแรกคือ เดอะ ไพรม์ อ่อนนุช-มอเตอร์เวย์ ไปเมื่อปี 2561 เธอกล่าวว่า มองปัญหาในตลาดอสังหาฯ ที่ผ่านมาคือการสร้างดีมานด์เทียมขึ้นมากทำให้ราคาที่ดินย่านกลางเมืองปรับตัวขึ้นไปสูง คอนโดมิเนียมต้องปรับไซซ์เล็กลงเหลือ 20 กว่าตารางเมตร ซึ่งลูกค้าเรียลดีมานด์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้จริง

เป็นผลให้ลูกค้ากลับมามองทำเลที่นอกเมืองออกไป แต่อยู่ในแพ็กเกจราคารับได้ ในพื้นที่ใช้สอยที่ใช้ได้จริง ดังนั้นบริษัทจะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่องในปีนี้ 2-3 โครงการ

<strong> </strong>
<h2>ม.ชินวัตรสานต่อหลักสูตร The NEXT Real</h2>
สำหรับหลักสูตรผู้ประกอบการอสังหาฯ The NEXT Real นั้น <strong>รศ.ดร.บุญสม เลิศหิรัญวงศ์</strong> อธิการบดี <strong>มหาวิทยาลัยชินวัตร </strong>กล่าวว่า เป็นการจัดอบรมต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปี มีนักศึกษาที่อบรมแล้ว 6 รุ่น รวมกว่า 700 คน และขณะนี้กำลังรับสมัครรุ่นที่ 7 และ 8 โดยรุ่น 7 จะรับสมัครถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ส่วนรุ่น 8 รับสมัครถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2562

<figure><img class="size-full wp-image-3472" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/S__1916936-e1546945520830.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> รศ.ดร.บุญสม เลิศหิรัญวงศ์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยชินวัตร</figcaption></figure>

“Keyword ของหลักสูตรนี้ 3 อย่างคือ Adult Learning, Innovation และ Connection หลักสูตรเป็นแบบผู้ใหญ่ไม่มีการเช็กเวลาเรียน เป็นการเรียนเพื่อแลกเปลี่ยนเสริมสร้างประสบการณ์” รศ.ดร.บุญสมกล่าว

โดย The NEXT Real ที่ผ่านมานั้นมีผู้เรียนทุกช่วงวัยตั้งแต่อายุ 35 ปีจนถึงมากกว่า 60 ปี และมีการกำหนดสัดส่วนคุณสมบัติผู้เรียนชัดเจน แบ่งเป็นนักพัฒนาจัดสรร 60% ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอสังหาฯ 20% ผู้มีที่ดินต้องการพัฒนา 10% และผู้สนใจทั่วไป 10% ซึ่งทำให้ระบบนิเวศในห้องเรียนมีความหลากหลาย สามารถบูรณาการความรู้จากหลายอาชีพ และสร้างคอนเน็กชันได้จริง

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events