ฉลอง 5 ปี LINE BK เผย ปล่อยสินเชื่อแล้ว 855,000 ราย โดย 50% คือ ลูกค้ารายย่อย รายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือน

<h2>หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.00% เหลือ 1.75% ต่อปี ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 2 ติดต่อกันในปีนี้ เพื่อปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มเติบโตลดลง จากการชะลอตัวของภาคการผลิต การส่งออก และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง รวมถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลักโดยเฉพาะนโยบายการค้าของสหรัฐฯ แม้ล่าสุดสหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการลดภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกัน ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในระยะสั้นได้บางส่วน แต่สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทยได้ในอนาคต</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย&nbsp;หรือ KBank เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าว และเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงในหลาย ๆ ด้าน ธนาคารจึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.15% เพื่อส่งผ่านต้นทุนทางการเงินที่ลดลงและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อไปยังภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการแบ่งเบาภาระเพื่อให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น และช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและบริหารจัดการรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนาคารจึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อมีผลวันที่ 16 พ.ค. 2568 โดยมีรายละเอียด ดังนี้&nbsp; &nbsp; - อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลด 0.08% จาก 7.05 % เป็น 6.97%&nbsp; &nbsp; - อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลด 0.15% จาก 7.09% เป็น 6.94%&nbsp; &nbsp; - อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลด 0.05% จาก 7.08% เป็น 7.03%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ธนาคารได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.05%-0.20% ให้สอดคล้องกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนาคารกสิกรไทยมีความห่วงใยและพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสมเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับมือและบริหารจัดการภาระหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถดำเนินการติดต่อผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคารได้ทุกช่องทาง ภาพ: KBank​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/ttb-interest-rate-may-2025" alt="ทีทีบี สั่งลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.15% ต่อปี แถมประกาศขึ้นดอกเบี้ยฯ ออมทรัพย์ทีทีบี โนฟิกซ์ สูงสุด 0.40% ต่อปี">ทีทีบี สั่งลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.15% ต่อปี แถมประกาศขึ้นดอกเบี้ยฯ ออมทรัพย์ทีทีบี โนฟิกซ์ สูงสุด 0.40% ต่อปี</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ธ.กสิกรไทยประกาศปรับลดดอกเบี้ยฯ 2 ขา 'เงินกู้ลดสูงสุด 0.15% - เงินฝากลดสูงสุด 0.20%'

<h2>ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.25% มาอยู่ที่ 2.00% ต่อปี เพื่อให้ภาวะการเงินลดความตึงตัว สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ กนง. ประเมินไว้และสามารถรองรับความไม่แน่นอนข้างหน้าได้อย่างเหมาะสม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์&nbsp;กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มเติบโตไม่สูงนักจากปัจจัยท้าทายภายนอกและความเปราะบางภายในประเทศ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดต้นทุนทางการเงิน สนับสนุนการใช้จ่ายและการลงทุนให้เกิดสภาพคล่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยจะช่วยบรรเทาความตึงตัวของภาวะการเงินในปัจจุบัน และช่วยให้ภาคธุรกิจและประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ต้องเผชิญกับปัญหาการแข่งขันและข้อจำกัดด้านสภาพคล่องของธุรกิจ รวมถึงลูกค้ารายย่อยที่รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และต้องรับภาระหนี้สูง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบสนองต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารไทยพาณิชย์จึงได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR : Minimum Overdraft Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.325% เป็น 7.075% ต่อปี&nbsp; &nbsp; - อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR : Minimum Retail Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.175% เป็น 7.075% ต่อปี&nbsp;&nbsp; &nbsp; - อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR : Minimum Loan Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.925% เป็น 6.825% ต่อปี &nbsp; &nbsp; ทั้งนี้&nbsp;จะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ภาพ: ธนาคารไทยพาณิชย์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/scb-wealth-plan-2026-feb-2025" alt="SCB WEALTH ชู 3 กลยุทธ์รุกธุรกิจเวลธ์ ตั้งเป้าปี 69 สินทรัพย์ลงทุนนอกแตะ 1.8 แสนล้าน">SCB WEALTH ชู 3 กลยุทธ์รุกธุรกิจเวลธ์ ตั้งเป้าปี 69 สินทรัพย์ลงทุนนอกแตะ 1.8 แสนล้าน</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แบงก์แรก! ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% ต่อปี มีผล 3 มี.ค. 68 นี้

กรณีศึกษา เมื่อ “เงินร้อน” อาจเป็น “มะเร็ง” ต่อสถาบันเงินฝาก?

ธิดา แก้วบุตตา แจงพร้อมปรับโครงสร้างองค์กรสู่สถาบันการเงินที่ได้การรับรองจากธนาคารแห่งประเทศ ประกาศรวบเงินทุนศรีสวัสดิ์ พร้อมเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งสินเชื่อและเงินฝาก ตั้งเป้าขยายสู่ 3,500 สาขาใน 3-5ปี ด้านรายได้รวมปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,300 ล้านบาท

ธิดา แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการสินเชื่อ เผยถึงภาพรวมธุรกิจโดย บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ได้รวมกับ บมจ.เงินทุนศรีสวัสดิ์ จัดตั้งกลุ่มธุรกิจการเงิน เพื่อเป็นสถาบันการเงินทางเลือกใหม่ที่ให้เงินกู้แก่คนในชุมชนที่ต้องการเงินด่วนภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย ในการบริการด้านสินเชื่อและเงินฝาก

“การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ กรรมการบริษัทและทีมผู้บริหารของ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น และ ทีมบริหาร บมจ.เงินทุนศรีสวัสดิ์ มุ่งมั่นทำงานร่วมกัน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ออกมาเสนอต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า, นักลงทุน, ผู้ถือหุ้นกู้, พันธมิตรทางธุรกิจ มั่นใจในการดำเนินงานมากขึ้น” ธิดา แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวและเสริมด้วยว่า “ตอนนี้เรากำลังอยู่ระหว่างขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทย ก่อตั้งเป็นกลุ่มธุรกิจทางการเงิน”

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/793de0f7a96f935b18db2428302f0f2b.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> ธิดา แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น</figcaption></figure>

“การเข้ามาของเงินทุนศรีสวัสดิ์ที่มีไลเซนส์ของการให้บริการเงินฝากทำให้ศรีสวัสดิ์คอร์ปอเรชั่นสามารถให้บริการทางด้านการเงินภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย” ธิดา แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวและเสริมว่า "การได้ร่วมกับเงินทุนศรีสวัสดิ์จะทำให้ลูกค้าและกลุ่มธุรกิจมีความมั่นใจในตัวเรามากยิ่งขึ้น"

ทั้งนี้แผนดำเนินธุรกิจในช่วง 3-5 ปี บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 3,500 สาขาทั่วประเทศจากเดิมที่มีสาขาอยู่ที่ 2,300 สาขา และคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอยู่ที่ 2-3 ล้านราย จากปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าราว 4 แสนราย โดย 80% ไม่มีรายได้ประจำ อาทิ พ่อค้าแม่ค้าเสื้อผ้าในตลาดนัด

ทั้งนี้ ธิดา กล่าวเสริมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการอนุมัติวิเคราะห์สินเชื่อโดยตั้งเป้าวิเคราะห์สินเชื่อได้ภายใน 10 นาที นอกจากนี้แผนขยายตลาดต่างประเทศในกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม สำหรับประเทศเวียดนามในปัจจุบันมี 4 สาขาตั้งอยู่ตอนใต้ของเวียดนามให้บริการสินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์และมีแผนขยายสาขาที่ 10 สาขาภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงการขยายกิจการไปที่ประเทศอินโดนีเซียด้วย อย่างไรก็ตามปีที่ผ่านมามีรายได้รวมปีที่ผ่านมา 5,335.35 ล้านบาท มีกำไรสุทธิที่ 2,004.62 ล้านบาท

<figure><img style="width: 680px; height: 457px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/74a9831d1288babe13ec35df2b297bf8.png" alt="" width="680" height="457" /><figcaption> ธิติธรรม โรจนพฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เงินทุนศรีสวัสดิ์</figcaption></figure>

ด้าน ธิติธรรม โรจนพฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เงินทุนศรีสวัสดิ์ หรือ บริษัท เงินทุนกรุงเทพธนาธร จํากัด (มหาชน) เดิม กล่าวเพิ่มเติมบนเวทีว่า “เรามีประสบการณ์และพร้อมที่จะทำตามนโยบาย ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น เพื่อร่วมกันโตต่อไป”

ธิดา แถลงปรับทัพ พร้อมยกระดับ ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น สู่สถาบันการเงิน

ธนาคารทางเลือก 
ธุรกิจให้สินเชื่อทางเลือกถือกำเนิดขึ้นเพื่อแสวงหาประโยชน์จากช่องว่างในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งแม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่ช่วยให้ลูกค้าสะดวกสบายมากขึ้นแต่ก็ต้องแลกกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่แพงขึ้นด้วยเช่นกัน 
&nbsp; 
เงินสดเบิกล่วงหน้า/ เงินกู้ระยะสั้นผ่านระบบออนไลน์ 
มีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ให้สินเชื่อหรือให้เบิกถอนเงินสดล่วงหน้าโดยพิจารณารายได้หรือการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตของบริษัทผู้ขอกู้ ส่วนการชำระเงินคืนจะใช้วิธีหักจากบัญชีธนาคารของบริษัทผู้ขอกู้โดยอัตโนมัติ 
 
ข้อดี: รอบการชำระเงินคืนเร็วขึ้น คะแนนเครดิตต่ำของลูกค้าไม่เป็นอุปสรรคในการปล่อยกู้ 
ข้อเสีย:&nbsp; ค่าใช้จ่ายแพงขึ้น ระยะเวลาชำระหนี้สั้นลง 
กลุ่มธุรกิจที่ให้สินเชื่อประเภทนี้: <a href="https://www.cancapital.com/">CAN Capital</a>, <a href="https://www.merchantcashandcapital.com/">Merchant Cash &amp; Capital</a>, <a href="https://www.ondeck.com/">OnDeck</a> 
ค่าใช้จ่าย: คิดค่าธรรมเนียมต่อปีตั้งแต่ 30% - 200% 
&nbsp; 
 
วงเงินสินเชื่อ 
สินเชื่อแบบนี้จะแตกต่างกับสินเชื่อแบบมีกำหนดเวลาตรงที่สามารถเบิกถอนเงินกู้ได้ทันทีที่ต้องการใช้เงิน 
 
ข้อดี: ชำระดอกเบี้ยเฉพาะเงินที่เบิกใช้ ได้รับเงินเร็ว 
ข้อเสีย:&nbsp; ผู้ให้สินเชื่อสามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงวงเงินได้ทุกเมื่อตามที่ผู้ให้สินเชื่อเห็นสมควร 
กลุ่มธุรกิจที่ให้สินเชื่อประเภทนี้: <a href="https://www.ondeck.com/">OnDeck</a>, <a href="https://www.kabbage.com/">Kabbage</a>, <a href="http://www.headwaycap.com/">Headway Capital</a> 
ค่าใช้จ่าย: คิดค่าธรรมเนียมต่อปีตั้งแต่ 7% - 80% 
&nbsp; 
 
สินเชื่อแบบมีกำหนดเวลา 
มีลักษณะแบบเดียวกับสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ 
 
ข้อดี: ระยะเวลาชำระหนี้นานขึ้น วงเงินสินเชื่อที่ได้รับสูงขึ้น 
ข้อเสีย:&nbsp; ต้องเสียดอกเบี้ยแพงกว่าการขอสินเชื่อจากธนาคาร 
กลุ่มธุรกิจที่ให้สินเชื่อประเภทนี้: <a href="https://www.fundingcircle.com/uk/">Funding Circle</a>, <a href="https://www.lendingclub.com/">Lending Club</a>, <a href="http://www.fundation.com/">Fundation</a> 
ค่าใช้จ่าย: คิดค่าธรรมเนียมต่อปีตั้งแต่ 6% - 30% บวกด้วยค่าธรรมเนียมอื่นๆ 
&nbsp; 
การระดมทุนจากประชาชนรายย่อย (Crowdfunding) 
เป็นวิธีการระดมเงินทุนจากนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก 
 
ข้อดี: ถ้าไอเดียคุณเจ๋ง เงินทุนมันจะไหลมาเอง 
ข้อเสีย:&nbsp; มีข้อยุ่งยากแบบเดียวกับช่องทางระดมทุนเดิมๆ 
กลุ่มธุรกิจที่ให้สินเชื่อประเภทนี้: <a href="https://www.kickstarter.com/">Kickstarter</a>, <a href="https://www.indiegogo.com/">Indiegogo</a> 
ค่าใช้จ่าย: คิดค่าธรรมเนียมต่อปีตั้งแต่ 4% - 5% บวกด้วยค่าดำเนินการ 
&nbsp; 
 
ตลาดนัดสินเชื่อออนไลน์ (Marketplaces) 
เป็นแหล่งรวมสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็กเพื่อเพิ่มทางเลือกที่หลากหลาย 
 
ข้อดี: สามารถเปรียบเทียบง่าย ผู้กู้สามารถเลือกใช้บริการจากหลายแห่ง 
ข้อเสีย: ขั้นตอนดำเนินการช้าเนื่องจากเงินให้สินเชื่อไม่ใช่ของ Marketplaces 
กลุ่มธุรกิจที่ให้สินเชื่อประเภทนี้: <a href="http://www.lendio.com/homepage-2/">Lendio</a>, <a href="https://www.fundera.com/">Fundera</a> 
ค่าใช้จ่าย: ผู้ให้กู้เป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้จัดหาลูกค้า
<hr />

	<a href="http://goo.gl/JeQCAL">คลิ๊กอ่าน Forbes Thailand ในรูปแบบ E-magazine ได้ที่นี่</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events