<h2>MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เผยการก่อสร้างโครงการเมืองต้นแบบธีมโปรเจ็กต์ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” เดินหน้าทุกโครงการคืบหน้าไปมากกว่า 70% โดยสองโครงการแรก Whizdom Destinia และ Mytopia เสร็จสมบูรณ์พร้อมทยอยโอนให้ลูกบ้านแล้วตั้งแต่สิ้นปี 2566 ตามมาด้วยโครงการแบรนด์ต่างๆ ทยอยเสร็จพร้อมโอนตามแผนตั้งแต่ต้นปีนี้ ย้ำทุกโครงการจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมโอนยูนิตให้ลูกบ้านให้เข้าอยู่อาศัยได้ปี 2567</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการสร้าง ‘อาณาจักรป่ากลางเมือง’ ที่ต้องการให้ผู้อยู่อาศัย มีชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนมาใช้ในการพัฒนา ภายในโครงการ ประกอบไปด้วยระบบเทคโนโลยีการจัดการและบริหารพลังงานภายในตัวอาคาร อย่างระบบ Central Utility Plant (CUP) ระบบ Energy Management Unit (EMU) และ Energy Recovery Ventilator (ERV) รวมถึงผืนป่าขนาด 30 ไร่ พร้อมระบบนิเวศสมบูรณ์ภายในโครงการที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว 100% พร้อมรองรับการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ในทุกโครงการภายใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ ด้วยประสบการณ์แห่งความสุข&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กิตติพันธุ์ อุยามะพันธุ์ ประธานผู้อำนวยการ โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า ขณะนี้การก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยภายในโครงการ The Forestias หลายโครงการคืบหน้าไปมาก ซึ่งโครงการที่พร้อมเริ่มโอนให้ลูกบ้านได้ตั้งแต่ต้นปีนี้ ได้แก่ โครงการคอนโดมีเนียมภายใต้แบรนด์ Whizdom สามโครงการ คือ วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ มายโทเปีย (Whizdom The Forestias Mytopia), วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ เดสทิเนีย (Whizdom The Forestias Destinia) และ วิสซ์ดอม เดอะ ฟอร์เรสเทียส์ เพทโทเปีย (Whizdom The Forestias Petopia) ตามลำดับ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/EPdPiKeGnAygL2cUVXdv.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="EPdPiKeGnAygL2cUVXdv.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ สามโครงการแรกดังกล่าว แต่ละโครงการได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีโครงการ มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า (Mulberry Grove The Forestias Villas) ซึ่งเป็นคลัสเตอร์โฮม พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์เพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของครอบครัวใหญ่ หลายเจนเนอเรชั่นอย่างมีความสุข และ มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คอนโดมิเนียม (Mulberry Grove The Forestias Condominiums) ก็มีการก่อสร้างคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วกว่า 70% คาดว่าพร้อมทยอยโอนให้กับลูกบ้านได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้เช่นกัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/tXUpG4E7hGgg49GCUvSX.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="tXUpG4E7hGgg49GCUvSX.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กิตติพันธุ์ กล่าวอีกว่า โครงการที่ร่วมมือกับ Baycrest สถาบันการดูแลสุขภาพคนวัยอิสระ ซึ่งเป็นสถาบันดูแลสุขภาพชั้นนำของโลกจากแคนาดา มาร่วมออกแบบที่อยู่อาศัย พร้อมระบบต่างๆ เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยวัย 50+ หรือวัยอิสระ ให้กับ ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Aspen Tree The Forestias) ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปถึง 70% ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดพร้อมโอนได้ในเดือนเมษายนปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โครงการ ดิ แอสเพน ทรี เป็นที่อยู่อาศัยคอนเซ็ปต์ใหม่ของโลก ที่เน้นการดูแลตลอดชีวิต หรือ Lifetime Care จึงต้องการให้ผู้สนใจได้สัมผัสประสบการณ์จริง ซึ่ง Independent Living Community นี้ จะเน้นสร้างให้เสร็จสมบูรณ์แล้วจึงเปิดขายอย่างเป็นทางการ เนื่องจากการตัดสินใจหลักของผู้ซื้อ จะเน้นไปที่มาตรฐานการดูแล และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการ จึงจะพร้อมเปิดชมภายในโครงการจริงในเดือนกุมภาพันธุ์ 2567 เป็นต้นไป” กิตติพันธุ์ กล่าวเสริม​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/C6unUn6zcXWCBjb1nkKH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="C6unUn6zcXWCBjb1nkKH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกัน โครงการแบรนด์ระดับโลกซิกส์เซนส์ (Six Senses) โครงการที่อยู่อาศัยหรูหราสไตล์รีสอร์ทแห่งแรกของแบรนด์ Six Senses ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการบริหารโดย Six Senses ก็ก่อสร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์ คาดว่าพร้อมทยอยโอนให้กับลูกบ้านได้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีหน้าเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากโครงการข้างต้น เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังได้เริ่มพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา อย่าง “The Forestias Signature Series” (เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์) ซึ่งโครงการเหล่านี้จะทยอยพร้อมโอนให้กับลูกบ้านได้ในปี 2568&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมกันนี้ ยังมี Happitat at The Forestias (แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์) ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร เพื่อให้ทุกคนทุกวัยได้มาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนสัมผัสการช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อทั้งในโลกจริงและโลกดิจิทัล เพราะเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำในคอนเซ็ปต์พิเศษกว่า 300 ร้านค้า รวมทั้งมีแบรนด์แฟชั่นและแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำอีกมากมาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งการเฉลิมฉลองความสุขในทุกเทศกาล โดยจะทำงานร่วมกับศิลปินทั้งในระดับประเทศและระดับโลก รวมถึงการนำความบันเทิงในระดับเวิลด์คลาสเข้ามาจัดแสดงเพื่อตอกย้ำภาพเดสติเนชั่นของความสุขเหนือจินตนาการให้สมบูรณ์แบบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Happitat at The Forestias (แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์) มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วเสร็จ 70% รวมทั้ง The Hilltop Offices พื้นที่ออฟฟิศให้เช่าที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วเสร็จ 60% และจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการในเดือนกันยายนปี 2567 เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/residences-100-millions-bath-demanding-ultra-luxury-customers" alt="5 เหตุผล &quot;บ้านหลังละ 100 ล้าน&quot; ตอบโจทย์ดีมานด์กลุ่มลูกค้าระดับ Ultra Luxury">5 เหตุผล "บ้านหลังละ 100 ล้าน" ตอบโจทย์ดีมานด์กลุ่มลูกค้าระดับ Ultra Luxury</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สิ้นสุดการรอคอย! The Forestias เสร็จสมบูรณ์ พร้อมโอนและเข้าอยู่ในปี 2567

<h2>MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศวันนี้ว่า กำลังเร่งเครื่องการก่อสร้างพื้นที่ส่วนทาวน์ เซ็นเตอร์ ในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ขนาด 398 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.7 ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับรางวัลยกย่องมากมาย และเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มูลค่า 125,000 ล้านบาท</h2> <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/PagFVmK9ehywWEoXDA7P.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="PagFVmK9ehywWEoXDA7P.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1500,981" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งนอกจากทาวน์ เซ็นเตอร์แล้ว ในพื้นที่ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังประกอบไปด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายแบรนด์ โรงแรม พื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมถึงป่าพื้นที่ 30 ไร่ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทาวน์ เซ็นเตอร์ ในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ มีขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 46 ไร่ โดย MQDC ได้ทุ่มเงินลงทุนประมาณ 20,000 ล้านบาทในการพัฒนาส่วนแรกของทาวน์ เซ็นเตอร์ ซึ่งมีกำหนดที่จะเปิดก่อนสิ้นปี 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp; กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC เปิดเผยว่า “ทาวน์ เซ็นเตอร์ เป็นแนวคิดใหม่ที่พัฒนาในสเกลที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญก้าวใหม่ ในการวางแผนพัฒนาสังคมแห่งสุขภาพที่ดีและความสุข โดยทาวน์ เซ็นเตอร์ เป็นแก่นสำคัญของโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่ทำหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์ในชุมชนแห่งนี้ และนำพาครอบครัวให้มาอยู่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงออกแบบพื้นที่ส่วนนี้ให้เป็นที่ที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สมาชิกทุกคนในครอบครัวจากทุกเจเนอเรชั่น จะสามารถมาทำกิจกรรมที่ตอบโจทย์ชีวิต การพักผ่อนหย่อนใจ และความบันเทิง ตามที่ตัวเองต้องการได้ นอกจากนั้น เรายังได้สร้างสรรค์ให้พื้นที่ส่วนนี้ช่วยสร้างโอกาสให้ผู้คนได้มามีปฏิสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมประจำวัน หรือกิจกรรมทางสังคม และกิจกรรมนันทนาการต่างๆ หรือแม้กระทั่งจะมาเดินเล่นเฉยๆ ก็ได้”&nbsp;&nbsp;&nbsp; กิตติพันธุ์กล่าวว่า เทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้าน คือนอกจากการให้ความสำคัญกับคุณภาพของบ้าน หรืออาคารคอนโดมิเนียมแล้ว ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพทั้งหมดของทำเลที่บ้านของตนเองตั้งอยู่ด้วย ซึ่งทาวน์ เซ็นเตอร์ ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ มุ่งที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทาวน์ เซ็นเตอร์ ประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายตามแบบฉบับของการเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของเมืองในยุคใหม่ที่ทันสมัย มีชีวิตชีวา มีการวางผังต่างๆ อย่างดี และจะได้รับการดูแลรักษาในระดับมาตรฐานเดียวกันกับเมืองล้ำๆ ตามที่ต่างๆ ในโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมทั้งได้เพิ่มความพิเศษอย่างมากเข้าไปด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ร่มรื่นและสดชื่น องค์ประกอบส่วนภายในอาคารและภายนอกอาคารได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อกันอย่างกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ทั้งยังใกล้กับผืนป่าขนาด 30 ไร่ใจกลางเดอะ ฟอเรสเทียส์ ในระยะเดินเพียงสั้นๆ” <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/9tJKiym4kf5BYnoxbxhL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="9tJKiym4kf5BYnoxbxhL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="1590,951"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp; ด้าน อรดา เกิดหงษ์ ประธานผู้อำนวยการ – Storied Place Management, MQDC เปิดเผยว่า “ทาวน์ เซ็นเตอร์ ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ มีพื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมต่างๆ ที่หลากหลายเป็นอย่างมาก เป็นทาวน์ เซ็นเตอร์ อย่างแท้จริง ที่มีความผสมผสาน แต่ก็เป็นแต่เป็นสัดเป็นส่วน และมีประสบการณ์ที่น่าค้นหาและรู้สึกเซอร์ไพรส์ได้ตลอดเวลา”&nbsp;&nbsp;&nbsp; นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับกิจกรรมประจำวันแล้ว ยังมีพื้นที่มาร์เก็ตให้ได้จับจ่ายใช้สอยอยู่อีกมากมายหลายจุด รวมไปถึงธีมมาร์เก็ตฮอลล์ ลานกิจกรรม และขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งปี&nbsp;&nbsp;&nbsp; ยังมีพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับกีฬาและการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงพื้นที่สำหรับการศึกษาเรียนรู้ และความบันเทิง พื้นที่เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต โคเวิร์คกิ้ง สเปซ ตลอดจนแอมฟิเธียเตอร์สำหรับจัดกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp; อรดากล่าวต่อไปว่า เพื่อให้เป็นทาวน์ เซ็นเตอร์อย่างแท้จริง เราได้เน้นเป็นอย่างมากกับการสร้างสรรค์ สถานที่แฮงค์เอาท์หลากหลายรูปแบบ พร้อมเมนูอาหารและทางเลือกในการดื่มกินแบบต่างๆ ตอบโจทย์ทุกสไตล์ และหลากหลายราคา&nbsp;&nbsp;&nbsp; มีการใส่ใจเป็นพิเศษกับการออกแบบและผสมผสานสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสวัสดิภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยง และเพื่อความสะดวกสบายของเจ้าของสัตว์เลี้ยง เนื่องจากการมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของความสุขสำหรับหลายๆ คน&nbsp;&nbsp;&nbsp; ในบรรดาพื้นที่ที่ก่อสร้างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เป็นส่วนแรกๆ ได้แก่ โรงละครอเนกประสงค์ภายในอาคาร ซึ่งสามารถใช้เป็นสถานที่จัดการแสดงต่างๆ ได้ รวมถึงจัดแสดงงานศิลปะ งานแสดงสินค้า นิทรรศการ การประชุม และงานแต่งงาน รวมทั้งให้ผู้อยู่อาศัยในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ใช้เป็นเวทีจัดแสดงละครเองได้ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของการออกแบบพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในรูปแบบที่เอื้อให้สังคมในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้ใกล้ชิดสนิทกัน” นางสาวอรดากล่าว และ “สิ่งที่แน่ใจได้ก็คือ ไม่ว่าคุณจะแวะมาทำอะไรก็ตามที่ทาวน์ เซ็นเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์เลี้ยง ทาวน์ เซ็นเตอร์ จะเป็นที่ที่คุณได้เติมพลังชีวิต ด้วยการพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางพื้นที่สีเขียวที่เงียบสงบ หรือบรรยากาศที่น่าตื่นเต้น ทุกประสบการณ์สามารถพบได้ที่นี่” <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/pWjUezE7EzrtwUsJxHdd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="pWjUezE7EzrtwUsJxHdd.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1600,899" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp; ทั้งนี้ ธันวาคมที่ผ่านมา เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้เปิดตัวแนวคิดใหม่ของการอยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์ “มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า” ซึ่งนำเสนอบ้านในรูปแบบคลัสเตอร์โฮม ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกในครอบครัวเดียวกัน จากหลายเจเนอเรชั่น ได้อยู่อาศัยในบ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน สามารถใช้เวลาร่วมกันได้มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวในบ้านแยกหลังของตัวเอง ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีการใช้ชีวิตของครอบครัวไทยดั้งเดิมนั่นเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp; บ้านเดี่ยวในโครงการมัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่ามีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร จนถึงประมาณ 1,700 ตารางเมตร ราคาขายตั้งแต่ประมาณ 185 ล้านบาทไปจนถึง 310 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมี มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คอนโดมิเนียม ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิดคล้ายๆ กัน โดยมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 63 ตารางเมตรไปจนถึง 1,027 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิลล่าอื่นๆ ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างในพื้นที่โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ได้แก่ ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ ที่สุดหรูหรา ซึ่งเป็นซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์แห่งแรกที่สร้างขึ้นในประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนโครงการที่พักอาศัยอื่นๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์วิสซ์ดอม จำนวน 3 อาคาร ซึ่งออกแบบเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนเริ่มทำงาน คู่สมรสใหม่ที่เริ่มสร้างครอบครัว และมีหนึ่งอาคารที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ประมาณ 35 ตารางเมตรไปจนถึง 205 ตารางเมตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ดิ แอสเพนทรี และสกายวิลล่า ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การมอบบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการดูแลผู้พักอาศัยอย่างครบวงจรตลอดชีวิต​อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8" alt="“ซิตี้แบงก์” อัปเดตภาพรวมเศรษฐกิจไทยล่าสุด หลังจีนเปิดประเทศ">“ซิตี้แบงก์” อัปเดตภาพรวมเศรษฐกิจไทยล่าสุด หลังจีนเปิดประเทศ</a>​ <hr class="__se__solid">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine​

MQDC ทุ่ม 2 หมื่นล้าน เร่งเครื่องสร้าง "ทาวน์ เซ็นเตอร์" ใน เดอะ ฟอเรสเทียส์

เมื่อคนทั้งโลกต่างพูดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ในฐานะหนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์    ชั้นนำของประเทศไทย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) จึงพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญไม่ใช่แค่ในระดับประเทศ แต่ในระดับ Talk of the world เนรมิตโครงการเมืองแห่งแรกของโลกที่ออกแบบทุกมิติมาเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและการมีความสุขอย่างยั่งยืน

ล่าสุด MQDC ได้ประกาศเพิ่มเงินลงทุนโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ขยายมูลค่าโครงการจากเดิม 90,000 ล้านบาท พุ่งทะยานสู่ 125,000 ล้านบาท ทำให้เดอะ ฟอเรสเทียส์ กลายเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และมีขนาดพื้นที่โครงการเพิ่มขึ้นอีก 98 ไร่ กลายเป็น 398 ไร่ ปักหมุดบนทำเลทอง บนถนนบางนา-ตราด กม. 7 ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก

โครงการเมืองแห่งความมหัศจรรย์ในผืนป่า

นางทิพพาภรณ์ อริยวรารมย์ ประธานกรรมการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า เดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการออกแบบและก่อสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้รับการยอมรับและยกย่องมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก รวมทั้งสถาบันต่างๆ ที่เป็นสถาบันชั้นนำระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าทุกองค์ประกอบของโครงการจะส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งการออกแบบโครงการได้รับการยอมรับจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ใน T.H. Chan School of Public Health ว่าเป็นโครงการที่มีวิสัยทัศน์ดีเยี่ยม

<img class="alignnone size-full wp-image-25011" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Waterfall-night.jpg" alt="" width="720" height="480" />

หนึ่งในองค์ประกอบที่มีความพิเศษและมีความโดดเด่นอย่างมากของเดอะ ฟอเรสเทียส์ คือ ผืนป่า    ขนาดใหญ่ พื้นที่ 30 ไร่ บริเวณใจกลางของโครงการ ใช้งบประมาณมากกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนา เนื่องจากทางโครงการเลือกปลูกต้นไม้ตั้งแต่เป็นเมล็ดและต้นกล้า เพื่อสร้างความหลากหลายและความ    อุดมสมบูรณ์ให้แก่ระบบนิเวศน์

“ถือว่าเป็นครั้งแรกในโลกก็ว่าได้ ที่มีการนำผืนป่าขนาดใหญ่เช่นนี้มาหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเมือง เพื่อนำธรรมชาติกลับคืนสู่ชุมชนและพื้นที่ที่เป็นเมือง ทำให้โครงการเแห่งนี้ได้รับการขนามนามว่า โครงการเมืองแห่งความมหัศจรรย์ในผืนป่า”

<figure><img class="wp-image-25012 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/กิตติ.jpg" alt="" width="320" height="480" /><figcaption> กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ ⠀เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC</figcaption></figure>

ผสานเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเพื่อการใช้ชีวิตในอนาคต

เพื่อความสมบูรณ์ในทุกมิติ กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC เสริมว่า ทุกองค์ประกอบภายในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ได้รับการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ อาทิ การจัดวางพื้นที่สาธารณะ การจัดวางพื้นที่ที่อยู่อาศัย การบริหารจัดการแสงธรรมชาติ เสียง ความร้อน การหมุนเวียนของอากาศ คุณภาพอากาศ และคุณภาพน้ำ โดยเดอะ ฟอเรสเทียส์ มีพื้นที่กักเก็บน้ำทิ้งขนาดใหญ่ สามารถรองรับน้ำได้มากกว่า 10 ล้านลิตร และสามารถป้องกันไม่ให้โครงการเกิดน้ำท่วมแม้ต้องเผชิญกับพายุฝนครั้งใหญ่ก็ตาม

“เหตุผลที่ทางโครงการทุ่มงบประมาณก้อนใหญ่เพื่อสร้างระบบการป้องกันน้ำท่วมโดยเฉพาะ แทนที่จะปล่อยให้น้ำฝนไหลออกจากโครงการและระบายออกไปในพื้นที่อื่น สะท้อนถึงการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนโดยรอบอย่างเกื้อกูล นอกจากนี้ ยังหวังให้ผืนป่าแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นปอดสีเขียวให้แก่เดอะ ฟอเรสเทียส์ และชุมชนโดยรอบ ตลอดจนช่วยฟื้นฟูธรรมชาติในภาพรวมเพื่อประโยชน์ของทุกคน ควบคู่ไปกับการเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกอย่างยั่งยืนด้วยการนำระบบพลังงานที่ล้ำสมัยมาใช้ในโครงการ เพื่อช่วยลดการปล่อย        ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปริมาณที่เทียบเท่ากับปริมาณที่พื้นที่ปลูกต้นไม้ขนาด 30,000 ไร่ดูดซับได้”

<img class="alignnone size-full wp-image-25013" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Amphitheatre.jpg" alt="" width="720" height="480" />

พร้อมกันนี้ ยังมาพร้อมนวัตกรรมที่ช่วยนำพาสมาชิกในครอบครัวจากหลากหลายเจเนอเรชั่นมาอยู่ใกล้ชิดกัน ด้วยการวางผังองค์ประกอบของพื้นที่ที่อยู่อาศัยโดยรอบโครงการอย่างพิถีพิถัน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของคนแต่ละช่วงวัยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นวัยเริ่มต้นทำงาน คู่สมรสใหม่ วัยสร้างครอบครัว หรือพ่อแม่สูงวัย ทำให้ทุกคนได้อยู่ใกล้ชิดกับลูก หลาน และพ่อแม่ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังสามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างมีอิสระและมีพื้นที่ส่วนตัว สอดคล้องกับผลวิจัยที่ชี้ชัดว่าองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้นก็คือ ความใกล้ชิดกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวและคนที่เรารัก

โครงการต้นแบบพร้อมสร้างชื่อในเวทีโลก

ด้านนายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC กล่าวว่า โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นการดำเนินโครงการตามปรัชญาของ MQDC ที่มุ่งเป็นองค์กรซึ่งไม่เพียงสร้างสรรค์โครงการที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นองค์กรที่ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมและให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของทุกคน

“ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำระดับโลกได้ด้วยแนวคิดอันก้าวล้ำในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและของชุมชนที่อยู่โดยรอบ พร้อมกับส่งเสริมในเรื่องนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน สำหรับเดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการระดับโลกอย่างแท้จริงที่บุกเบิกแนวคิดใหม่นี้ และกำลังนำชื่อเสียงที่ดีงามบนเวทีระดับโลกมาสู่ประเทศไทย” นายวิสิษฐ์กล่าว

ควมสมบูรณ์แบบในเดอะ ฟอเรสเทียส์

ไม่เพียงหลากหลายความพิเศษที่กล่าวมา ภายในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ประกอบด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม ซึ่งมุ่งตอบสนองความหลากหลายของไลฟ์สไตล์และขนาดของครอบครัวที่แตกต่างกัน รวมทั้งยังมีพื้นที่สำหรับการอยู่อาศัยซึ่งถูกออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้ผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งกว่าที่เคย รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกเฉพาะทางสำหรับกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน คลับเฮาส์ และผู้ดูแลที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน

<img class="alignnone size-full wp-image-25014" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/Skywalk.jpg" alt="" width="720" height="480" />

นอกจากนี้ยังมี โรงแรมระดับ 5 ดาว และศูนย์การแพทย์และสุขภาพขนาดใหญ่ที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด ตลอดจนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย พื้นที่เชิงธุรกิจสำหรับสำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ กิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ        ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงพื้นที่สำหรับกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนุกและสร้างสรรค์ของครอบครัว ใน Family Life Center พื้นที่ Town Center สำหรับจัดกิจกรรมชุมชนและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ โรงละคร อีเว้นต์ฮอลล์ ตลาด รวมถึงทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร    เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ ภายในโครงการ รวมถึงเส้นทางเดินเท้าท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทอดตัวอยู่เหนือผืนป่าซึ่งอยู่บริเวณใจกลางโครงการ

ทั้งหมดนี้ คือ ความสมบูรณ์พร้อมที่จะเกิดขึ้นในเดอะ ฟอเรสเทียส์ ที่สุดแห่งโครงการที่อยู่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดของไทยที่พัฒนาโดยภาคเอกชน และเป็นโครงการแรกของโลกที่เนรมิตผืนป่าไว้ในพื้นที่โครงการ

MQDC ทุ่มงบเพิ่ม เนรมิต “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ที่สุดแห่งโครงการที่ครบทุกมิติของการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น ผสมผสานผืนป่าแห่งแรกในโลก

<h2>MQDC บริษัทอสังหาฯ ตระกูลเจียรวนนท์ เปิดโครงการขนาดใหญ่ริม ถ.บางนา-ตราด กม.7 มูลค่า 9 หมื่นล้านบาท Mixed-use บนที่ดิน 300 ไร่ คอนเซปท์ใหม่สร้างเมืองในป่า พัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อคนทุกวัย</h2>
วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias)มูลค่าโครงการ 9 หมื่นล้านบาท บนที่ดินเนื้อที่กว่า 300 ไร่ ริม ถ.บางนา-ตราด กม.7 ใกล้ศูนย์การค้า เมกาบางนา

โดยโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์เป็นโครงการ Mixed-use รูปแบบใหม่ที่ต้องการแก้โจทย์คนเมือง 3 ประการ คือ พื้นที่สีเขียวขาดแคลน, ครอบครัวใช้ชีวิตห่างเหินโดยเฉพาะเด็กที่เติบโตอย่างโดดเดี่ยว และกระแสการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส MQDC กล่าวต่อว่า โครงการนี้มีจุดเด่นคือ พื้นที่กว่า 60% จะได้รับการจัดสรรเป็นพื้นที่สีเขียว โดยมีป่าปลูกส่วนกลางเนื้อที่ 30 ไร่ที่เป็นป่าแท้จริงมีระบบนิเวศสมบูรณ์และมีสัตว์-พืชพันธุ์ธรรมชาติมากกว่า 250 สายพันธุ์ และพื้นที่สีเขียวในลักษณะป่าไม้อยู่ร่วมกับโครงการที่พักอาศัยและโครงการพาณิชย์ที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณ

&nbsp;

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7c1082062dd7105414c6f73c1ad36952.png" alt="" width="680" height="452" /><figcaption> แบบแปลนพื้นที่สีเขียวที่ผสมผสานกับพื้นที่ก่อสร้างภายในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์</figcaption></figure>

&nbsp;

สำหรับพื้นที่อีก 40% ที่เหลือซึ่งจะใช้ในการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ มีพื้นที่ก่อสร้างรวมกว่า 6 แสนตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ 1.8 แสนตร.ม. และอีก 4.2 แสนตร.ม.เป็นพื้นที่โครงการที่พักอาศัย

รายละเอียดโดยคร่าวภายใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะประกอบไปด้วย
<ul>
 	<li>สำนักงานให้เช่า</li>
 	<li>โรงแรม 4 ดาว</li>
 	<li>โรงแรมบูทีค 6 ดาว</li>
 	<li>พื้นที่รีเทล ซึ่งจะมีร้านอาหาร ร้านขายสินค้า ตลาดนัดชุมชน และพื้นที่ทำกิจกรรมสำหรับครอบครัว</li>
 	<li>Mulberry Grove Residence ที่พักอาศัยรูปแบบบ้านเดี่ยวผสมผสานคอนโดมิเนียม จับกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน 40 ปีขึ้นไป</li>
 	<li>คอนโดมิเนียมแบรนด์ Whizdom เจาะกลุ่มลูกค้าวัยหนุ่มสาว</li>
 	<li>คอนโดมิเนียมแนวใหม่ Aspen Tree Residence ที่พักอาศัยเพื่อผู้สูงอายุ</li>
 	<li>Medical Complex ศูนย์ดูแลสุขภาพ</li>
 	<li>โรงเรียนอนุบาล</li>
</ul>
โดยโครงการจะเริ่มทยอยลงทุนในปี 2561 และคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จพร้อมเปิดใช้งานปี 2565 ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างออกแบบรายละเอียดของแต่ละส่วนภายในโครงการ และเจรจาพันธมิตรที่จะเข้าร่วมบริหารศูนย์ฯ สุขภาพกับโรงเรียนอนุบาล ส่วนราคาอสังหาฯ ทั้งในส่วนที่พักอาศัยและอสังหาฯ เพื่อเช่าจะทยอยเปิดตัวในปีหน้า

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6564a73b567c0470a91ac9b3ec3f3e5f.png" alt="" width="680" height="457" /><figcaption> (ซ้าย) กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ และ (ขวา) วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์</figcaption></figure>

&nbsp;

สำหรับรายละเอียดคอนเซปท์การพัฒนาโครงการโดยรวมจะประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ

1. 50 Shades of Nature พื้นที่ป่า 60% ของที่ดินซึ่งเป็นป่าไม้ที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์

2. Connecting 4 Generationsการสานสัมพันธ์ระหว่างเจนเนอเรชั่น โดยมีพื้นที่ทำกิจกรรมและพักผ่อนให้กับคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็ก

3. Community of Dreams ชุมชนที่มีความสุข มีพื้นที่สนับสนุนการออกกำลังกายและใช้ชีวิตนอกอาคาร การเดินทางภายในโครงการสนับสนุนการเดินเท้าและทางจักรยานที่ปลอดภัย

4. Sustainovation for Well-being รักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อาทิ การฝั่งท่อและสายไฟไว้ใต้ดินทั้งหมด, บำบัดน้ำเสียไม่ให้มีผลกระทบต่อชุมชนเดิมโดยรอบ, ระบบการนำความร้อนจากคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศกลับมาใช้เป็นพลังงาน ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และลดอุณหภูมิโดยรอบคอมเพรสเซอร์ลง เป็นต้น

กิตติพันธุ์กล่าวปิดท้ายว่า โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะเป็นโครงการเรือธงสำหรับขยายไปในภูมิภาคเอเชียในอนาคต แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยแผนการที่ชัดเจนได้

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events