<h2>แม้จะมีการรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงภัยเงียบของโรคเบาหวานอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนผู้ป่วยกลับเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นเดียวกับทั่วโลก โดยสถิติล่าสุดในปี 2568 มีผู้เป็นเบาหวานกว่า 6.1 ล้านคน และ ยังมีผู้เป็นเบาหวานถึง 27% หรือ 1.6 ล้านคนที่ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรคเบาหวานมักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่ค่อยๆ สะสมจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารปริมาณมากเกินควร อ้วนลงพุง ขาดการออกกำลังกาย และเครียดเรื้อรัง ปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเบาหวานและโรคเรื้อรังอื่นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ในฐานะผู้นำด้านการแพทย์เชิงป้องกัน ขอเชิญชวนให้ทุกคนหันมาใส่ใจและดูแลตัวเอง “รู้ก่อน ปรับก่อน ป้องกันได้” เพื่อห่างไกลจากโรคเบาหวาน “Theptarin Model” ต้นแบบการแพทย์เชิงป้องกันที่เน้นให้คนไทยดูแลตัวเองได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความเชี่ยวชาญของ โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ไม่ได้อยู่ที่การรักษาโรคเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันโรคมากกว่าการรอรักษาเมื่อเจ็บป่วย โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.เทพ หิมะทองคำ อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อ และผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ได้กล่าวถึงแนวคิดที่แตกต่างนี้ว่า "โรงพยาบาลส่วนใหญ่เน้นให้คนกลับมาใช้บริการ แต่ Theptarin Model มุ่งให้คนดูแลตัวเองได้ เราเชื่อว่าการให้ความรู้และการปรับพฤติกรรมเป็นหัวใจสำคัญของการชะลอและหยุดยั้งโรคเรื้อรัง หรือหากเป็นแล้วก็จะสามารถควบคุมโรค ชะลอภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศ.เกียรติคุณ นพ.เทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า “โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่สร้างภาระด้านสุขภาพเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ปัจจุบันคนไทยมีภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน 45% หรือ 27.4 ล้านคน และมีคนที่เสี่ยงเป็นเบาหวานในอนาคตถึง 5.7 ล้านคน การเข้าใจกลไกของโรคและลงมือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ คือ กุญแจสำคัญในการลดภาระด้านสุขภาพของประเทศ”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 480px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/11/86ZAMFQUHVo4Jgtu9mAm.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="480px,720px" data-align="center" data-index="0" data-file-name="86ZAMFQUHVo4Jgtu9mAm.jpg" data-file-size="0" origin-size="480,720" data-origin="480px,720px" style="width: 480px; height: 720px; transform: rotate(0deg);"><figcaption style="margin-top: 0px;"><div>ศ.เกียรติคุณ นพ.เทพ หิมะทองคำ</div></figcaption></figure></div> ​เข้าใจ “ภาวะดื้ออินซูลิน” จุดเริ่มต้นของโรคเบาหวานประเภทที่ 2&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อินซูลินคือฮอร์โมนที่ช่วยนำน้ำตาลในเลือดเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่เมื่อร่างกายเกิดภาวะดื้ออินซูลิน เซลล์จะไม่ตอบสนองต่ออินซูลินตามปกติ ส่งผลให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักขึ้น หลั่งอินซูลินเพิ่มขึ้นแต่อินซูลินทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และในที่สุดกลายเป็นโรคเบาหวาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภาวะนี้มักเกิดขึ้นเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว และไม่ใช่แค่เรื่องของคนที่เป็นโรคเบาหวานเท่านั้น เพราะภาวะดื้ออินซูลินยังเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร่วมที่เรื้อรังอีกหลายโรค อาทิ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ตับอักเสบจากไขมัน รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สัญญาณเตือนของภาวะดื้ออินซูลินที่ไม่ควรมองข้าม ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• ไขมันสะสมในช่องท้อง หรือ อ้วนลงพุง ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน เช่น ไขมันบางชนิดทำให้ความไวต่ออินซูลินลดลง กรดไขมันอิสระในกระแสเลือดที่นำไปตับ จะทำให้ตับสร้างน้ำตาลกลูโคสเพิ่มขึ้น และดื้อต่ออินซูลิน เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• หิวบ่อย อยากกินของหวาน แม้เพิ่งรับประทานอาหาร เพราะภาวะดื้ออินซูลินทำให้กลูโคสเข้าถึงเซลล์ได้ไม่เต็มที่ ร่างกายเลยสั่งให้หิวอีก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• นอนพอแต่ไม่สดชื่น เหนื่อยง่าย เพลียเรื้อรัง เป็นผลจากน้ำตาลในเลือดที่ไม่คงที่ และอินซูลินที่ทำงานได้ไม่เต็มที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• ผิวคล้ำบริเวณคอ รักแร้ ข้อพับ เกิดจากอินซูลินที่สูงไปกระตุ้นการเจริญของเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนาและคล้ำขึ้น มีลักษณะคล้ายขี้ไคล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• ผลตรวจสุขภาพผิดปกติ เช่น ไตรกลีเซอไรด์สูง ไขมันดี (HDL) ต่ำ ความดันโลหิตสูง หรือมีภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งทั้งหมดนี้มีต้นตอร่วมจากการที่อินซูลินสูงเรื้อรัง “รู้ก่อน ปรับก่อน” เปลี่ยนพฤติกรรมวันนี้ เพื่อสุขภาพดีวันหน้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรคเบาหวานเป็นโรคที่ป้องกันได้ โดยโรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ได้แนะแนวทางปฏิบัติที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคเบาหวาน ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• กินอาหารให้ถูกสัดส่วน ลดน้ำตาลและแป้งขัดขาว กินผักใบเขียว อาหารที่มีใยอาหารสูง โปรตีนคุณภาพ และไขมันดี เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อ เช่น การเดินเร็ว หรือเวทเทรนนิ่งเบาๆ เพราะกล้ามเนื้อจะดูดซึมกลูโคสจากเลือดไปใช้เป็นพลังงาน ทำให้ร่างกายต้องการอินซูลินน้อยลง และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• ลดน้ำหนักส่วนเกิน เพราะไขมันที่มากเกินไปทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลินง่าย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• จัดการความเครียด เพราะฮอร์โมนคอร์ติซอลจากความเครียดเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 699px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/11/KTKT31gLKgd8KEQDfJZ4.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="699px,466px" data-align="center" data-index="1" data-file-name="KTKT31gLKgd8KEQDfJZ4.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="699px,466px" style="width: 699px; height: 466px;"></figure></div> ​ตรวจสุขภาพก่อนโรคถามหา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรคเบาหวานไม่ใช่โรคที่ไกลตัว การตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนับเป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกัน สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงหรือเริ่มมีสัญญาณเตือน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจคัดกรองที่แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น การตรวจค่า A1C เพื่อหาค่าเฉลี่ยน้ำตาลสะสมในเลือดตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ถ้าน้ำตาลสูงกว่าปกติ ควรตรวจความทนต่อระดับน้ำตาลในเลือด (OGTT)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานแล้ว ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับพฤติกรรมควบคู่กันไป เพื่อคุมระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด ภาพ: รพ.วิมุต-เทพธารินทร์ และ&nbsp;<a href="https://unsplash.com/@towfiqu999999?utm_source=unsplash&amp;utm_medium=referral&amp;utm_content=creditCopyText">Towfiqu barbhuiya</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/a-man-holding-his-stomach-with-his-hands-J6g_szOtMF4?utm_source=unsplash&amp;utm_medium=referral&amp;utm_content=creditCopyText">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/forbes-life/living/world-obesity-day-2025-thai-health-statistics" alt="‘โรคอ้วน’ ใกล้ตัวกว่าที่คิด! กว่า 50% ของหญิงไทย ‘อ้วนลงพุง’ โดยเฉพาะสาวๆ ในกรุงเทพฯ">‘โรคอ้วน’ ใกล้ตัวกว่าที่คิด! กว่า 50% ของหญิงไทย ‘อ้วนลงพุง’ โดยเฉพาะสาวๆ ในกรุงเทพฯ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สถิติใหม่! คนไทยเป็นเบาหวาน ทะลุ 6.1 ล้านคน เจาะ 5 สัญญาณเตือน ‘ดื้ออินซูลิน’ ต้นตอโรค

<h2>รพ. เทพธารินทร์ ดันมาตรฐาน Hygienic Solution ครบวงจร จับมือพันธมิตร ร่วมสร้างความมั่นใจ สร้างมาตรฐานใหม่หลังเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19</h2>
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รพ. เทพธารินทร์ พระราม 4 ดันมาตรฐาน Hygienic Solution ครบวงจร ฉีดฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา ไวรัส และแบคทีเรียของ โดยใช้เทคโนโลยีที่มีความทันสมัย เช่น การพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในอาคาร การใช้โดรนพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแบบ 360 องศา ระบบประตูฆ่าเชื้อที่ให้คนเดินผ่าน ซึ่งมีทั้งแบบฆ่าเชื้อทั้งตัว และแบบเฉพาะส่วนของเท้า

รวมถึงการใช้หุ่นยนต์เพื่อฉายรังสียูวีภายในอาคาร โดยน้ำยาฆ่าเชื้อนี้สกัดจากกรดไขมันมะพร้าว และสารประกอบออกไซด์ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราได้ถึง 99.99% สามารถทำลายผนังเซลล์ของไวรัสได้ดี มีความปลอดภัยกับคน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารตกค้าง เพราะย่อยสลายเหลือเพียงอากาศและน้ำเท่านั้น รวมถึงได้มาตรฐานรับรองทั้งในไทยและต่างประเทศอีกด้วย

<img class="alignnone wp-image-30833 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/ฆ่าเชื้อ-เทพธารินทร์-01.jpg" alt="รพ. เทพธารินทร์" width="600" height="800" />

นอกจากนี้โรงพยาบาลเทพธารินทร์ยังมีบริการ Med to Home ที่ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งในสถานที่และนอกสถานที่ ผ่านรถยนต์ Mobile Lab สามารถทราบผลได้อย่างรวดเร็ว มีความถูกต้อง รวมถึงมีความสะดวก เพราะสามารถให้บริการได้ทุกๆ ที่

นอกเหนือจากการตรวจเชื้อโควิด-19 แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญคือ เรื่องความสะอาด โรงพยาบาลเทพธารินทร์จึงได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Kill &amp; Klean เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นที่ในโรงพยาบาล เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ป่วยคนอื่นๆ ว่าจะไม่มีเชื้อโควิด-19 ปะปนอยู่ในโรงพยาบาล

&nbsp;

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events