<h2>บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีและคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ ขยายผลศักยภาพการดำเนินการก่อสร้างในปัจจุบัน 13 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 33,000 ล้านบาท 7 เดือนแรก สร้างยอด Presale กว่า 8,000 ล้านบาท พบตลาดลักชัวรียังมี Real Demand สูง พร้อมขยายพื้นที่พัฒนาบนทำเล ‘พร้อมพงษ์ - เจริญกรุง - กรุงเทพกรีฑา’ เดินหน้าผนึกพันธมิตร 3 กลุ่มทุนจากญี่ปุ่น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ นับเป็นผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีและคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Residences) บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นด้วยจุดยืนสู่การเป็น Lifescape Developer โดยเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี ด้วยแนวคิด Craft &amp; Quality ที่สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและเข้าใจรูปแบบไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้าระดับบนตั้งแต่กลุ่ม High-end จนถึง Ultra-Luxury”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินการก่อสร้างและบริหารการขายโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนา ทั้งสิ้น 13 โครงการ ได้แก่ โครงการแนวสูง ภายใต้แบรนด์ MUNIQ, MARU, MAVISTA, MARQUIS และ METRIS สำหรับโครงการแนวราบ ภายใต้แบรนด์ MALTON, MILFORD และ MAYFIELD รวมถึงโครงการ TEN &amp; ONLY ที่มีจำนวนเพียง 10 หลังเท่านั้น​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/SyHV9buKmWpC85CkQBZH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="SyHV9buKmWpC85CkQBZH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยใน 7 เดือนแรกของปี ได้รับการตอบรับและความเชื่อมั่นในแบรนด์จากกลุ่มลูกค้า ทำให้มี Presale แล้วกว่า 8.000 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากโครงการระดับ Luxury จนถึง Ultra-Luxury จากแบรนด์ MUNIQ, MAVISTA และ METRIS&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ สำหรับโครงการ METRIS DISTRICT LADPHRAO จะเริ่มรับรู้รายได้จากการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ตามแผนการโอนในปี พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป และ ในปี พ.ศ. 2570 - 2572 จะรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไรการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ Presale ของการร่วมทุนโครงการ MUNIQ พร้อมพงษ์, MUNIQ เจริญกรุง และ MAVISTA พร้อมพงษ์ ร่วมมูลค่าโครงการประมาณกว่า 12,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับโครงการ MARU จุฬาฯ และ MARQUIS พญาไท ซึ่งเป็นโครงการไฮไลทของปีนี้ คาดว่าจะเริ่มเปิดขายในไตรมาสที่ 3 - 4 ของปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ได้ศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของตลาดที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง พบว่ายังมี Real Demand อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเป็นกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างเฉพาะตัว ดังนั้น บริษัทฯ จึงทำการศึกษาพฤติกรรม ความต้องการ ประกอบกับการค้นหาพื้นที่ศักยภาพและปัจจัยบวกส่งเสริม เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์และดีไซน์ ที่อยู่อาศัยพร้อมมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ยั่งยืนเหนือกว่าใคร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์พบว่า บนทำเล พร้อมพงษ์ - เจริญกรุง - กรุงเทพกรีฑา นับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีสูง และเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าเป็นจำนวนมาก จึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทฯ จะดำเนินการพัฒนาพื้นที่ โดยมุ่งเป้าหมายสู่การยกระดับโครงการผ่านการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทฯ ที่มีมุมมองตรงกัน และมีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/DBMuhcmztApCvqcmsGkB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="DBMuhcmztApCvqcmsGkB.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ได้เตรียมร่วมทุนกับบริษัทกลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น 3 กลุ่ม ได้แก่ MORI TRUST ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ในมหานครโตเกียว โดยจะดำเนินการพัฒนาโครงการ มอลตัน เกสต์ กรุงเทพกรีฑา 2 (Malton Gates Krungthep Kreetha II) มูลค่าโครงการประมาณ 2,100 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดขายในช่วงต้นปี พ.ศ. 2568 และอยู่ระหว่างการดำนินการเจรจาในรายละเอียดธุรกิจ อีก 2 กลุ่ม โดยมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การที่บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางบวก เกิดจากการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ Diversify Revenue ที่ทำให้พอร์ตของการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนในการพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น สร้างบาลานซ์ รายได้ให้มีความสม่ำเสมอ รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งจากการที่มีพันธมิตรในการร่วมทุนพัฒนาโครงการกับบริษัท ทำให้มั่นใจถึงศักยภาพในการเติบโตของบริษัทที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง” เพชรลดากล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังเผยว่า สามารถคาดการณ์การรับรู้รายได้เพิ่มเติมมากขึ้นจากโครงการแนวราบในช่วงไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2567 และโครงการคอนโดมิเนียมจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป เป็นไปตามเป้าหมายในการบาลานซ์พอร์ตธุรกิจ การพัฒนาโครงการ และสัดส่วนรายได้ที่มาจากโครงการคอนโดมิเนียม 60% และโครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม 40% รวมถึงรายได้ค่าเช่าจากธุรกิจให้เช่าอาคารพาณิชย์ และรายได้จากโรงแรมที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/assetwise-q-2-2024-backlog-23-billion-baht" alt="‘แอสเซทไวส์’ โชว์ศักยภาพ Q2/67 เผยยอด Backlog กว่า 2 หมื่นล้านบาท เตรียมดันเพิ่ม 4 โครงการสร้างเสร็จใหม่">‘แอสเซทไวส์’ โชว์ศักยภาพ Q2/67 เผยยอด Backlog กว่า 2 หมื่นล้านบาท เตรียมดันเพิ่ม 4 โครงการสร้างเสร็จใหม่</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์’ เผยยอด Presale 7 เดือนแรกของปี 2567 รวมกว่า 8,000 ล้านบาท

<h2>บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีและคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Family Residences) ประเมินความต้องการเช่าคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ (Gross Rental Yield) ระหว่างปี พ.ศ. 2566 – 2567 โตต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่โซนรามคำแหง ลาดพร้าว และพัฒนาการ รับปัจจัยบวกจากผู้เช่ากลุ่ม Pets Parents ทั้งคนทำงานและนักศึกษาที่เริ่มกลับมาทำงานที่ออฟฟิศและเรียนหนังสือในสถานศึกษามากขึ้น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยมุมมองของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้มุ่งมั่นเพื่อพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันภายใต้แนวคิด CRAFTING LIFESCAPE TO EXCELLENCE ตอบโจทย์ Lifescape ในทุกมิติ ประกอบกับทุกโครงการของบริษัทฯ ที่พัฒนาไปแล้วกว่า 50 โครงการ เป็น Pet Family Residences ที่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยง 100% เพื่อสร้างความสุขอย่างเท่าเทียม ส่งผลให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่เลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองสูงถึง 43% และมี 37% ที่เป็นการซื้อเพื่อการลงทุนทั้งในกลุ่ม Resale และให้เช่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทำการศึกษาอัตราผลตอบแทนจากการให้เช่า (Gross Rental Yield) ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2566 – 2567 พบว่ามีดีมานต์ความต้องการเช่าคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้สูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่โซนรามคำแหง ลาดพร้าว และพัฒนาการ เนื่องด้วยปัจจัยพื้นฐานที่เป็นพื้นที่ศักยภาพที่มีการเติบโตของซิตี้ไลฟ์สไตล์ที่สูง สิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน ทั้งศูนย์การค้า ระบบคมนาคม รวมทั้งปัจจัยบวกอย่างผู้เช่ากลุ่ม Pets Parents ทั้งคนทำงานและนักศึกษาที่เริ่มกลับมาทำงานที่ออฟฟิศและเรียนหนังสือในสถานศึกษามากขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย 3 ทำเลศักยภาพของคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ที่น่าสนใจ มีดังต่อไปนี้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-โซนรามคำแหง ด้วยคาแรคเตอร์ของย่านรามคำแหงที่เตรียมขึ้นเป็น “ครีเอทีฟ ฮับ (Creative HUB)” ซึ่งรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าและไลฟ์สไตล์มอลล์ แหล่งช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ขนาดใหญ่อย่างตลาดนัด และร้านอาหาร เรียกว่าครบครันและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักศึกษา และผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมทั้งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีเหลือง และสีน้ำตาล เป็นปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยและการรองรับแรงงานหนาแน่นขึ้น อัตรา Gross Rental Yield เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.6% - 6.0%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ โครงการ เมทริส พระราม 9 – รามคำแหง (METRIS Rama 9 – Ramkhamhaeng) เป็นที่ต้องการของผู้เช่าจำนวนมาก โดยในกลุ่มห้อง 1-Bedroom อยู่ที่ 4.27% – 8.15% เฉลี่ยราคาเช่าต่อเดือนอยู่ที่ 14,500 – 18,000 บาท และกลุ่ม 2-Bedroom อยู่ที่ 3.87% - 6.66% หรือประมาณ 20,000 – 23,000 บาทต่อเดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-โซนลาดพร้าว พื้นที่ส่วนขยายที่นับเป็นย่าน NEW CBD ของกรุงเทพฯ ที่รายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์ข้าราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย และห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ตลอดจนยังเป็นจุดเชื่อมต่อทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว สีน้ำเงิน และสีเหลือง ทำให้ Gross Rental Yield ปี 2567 มีการปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 4.7% – 5.0%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมีโครงการ เมทริส ลาดพร้าว (METRIS Ladprao) ที่โดดเด่นเรื่องดีไซน์แบบการผสาน Modernist และ Retro เข้าด้วยกัน สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยง แถมใกล้ห้าแยกลาดพร้าว โดยมีอัตราผลตอบแทนของกลุ่มห้อง 1-Bedroom เฉลี่ยอยู่ที่ 4.52% - 5.06% หรือประมาณ 15,000 – 18,000 บาทต่อเดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และห้องแบบ 2-Bedrooms ได้รับความสนใจจากกลุ่ม Pets Parents สูงมากกว่า ทำให้มีอัตราเฉลี่ยที่ 4.81% - 5.96% หรือประมาณ 26,000 – 28,000 บาทต่อเดือน สอดคล้องกับห้องแบบ 2-Bedrooms ของโครงการ เอ็ม ลาดพร้าว (M Ladprao) และโครงการ เอ็ม จัตุจักร (M Jatujak) อยู่ที่ 7.25% หรือ 44,000 ต่อเดือน และ 6.56% หรือ 37,000 ต่อเดือน ตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-โซนพัฒนาการ นับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยและการซื้อเพื่อลงทุน โดยเป็นจุดกึ่งกลางที่สามารถเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็วและเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งมีเส้นทางคมนาคมเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายอย่างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สีแดงอ่อน และ Airport Rail Link รวมทั้งศูนย์การค้า และโรงเรียนนานาชาติจำนวนมาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเฉลี่ยผลตอบแทนของการค่า Gross Rental Yield เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5% - 6% และด้วยความต้องการเช่าคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ ทำให้โครงการ เมทริส พัฒนาการ – เอกมัย (METRIS Pattanakarn – Ekkamai) มีอัตราผลตอบแทนของห้องเดี่ยวแบบ 1-Bedroom อยู่ที่ 4.40 - 5.44% คิดเป็น 12,000 – 15,500 บาทต่อเดือน และห้องแบบ 2-Bedroom อยู่ที่ 3.77% – 5.99% หรือประมาณ 22,000 – 30,000 บาทต่อเดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพชรลดา กล่าวต่อไปว่า “ที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้ไม่ได้นับเป็นเทรนด์อีกต่อไป แต่ถูกจัดว่าสัตว์เลี้ยง คือหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว ดังนั้นเราจะเห็นว่าการเติบโตของที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมเพิ่มตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มผู้เช่าที่มีสัตว์เลี้ยงเริ่มมองหาคอนโดมิเนียมที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ และต้องเอื้อต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมต่างๆ ของสัตว์แต่ละสายพันธุ์ที่เพิ่มสูงขึ้นตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยไม่ใช่เพียงแต่ 3 พื้นที่ อย่างรามคำแหง ลาดพร้าว และพัฒนาการ เท่านั้น แต่ในพื้นที่ใจกลางเมือง อย่าง สีลม พญาไท สาทร และอนุเสาวรีย์ ก็เริ่มมีดีมานต์ของผู้ที่มองหาคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ในระยะยาวเช่นกัน และมีค่า Gross Rental Yield สูงกว่าตลาด ” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/dusit-central-park-view-on-rama-iv-silom-super-core-cbd" alt="‘ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค’ พาเจาะลึก ‘พระราม 4 - สีลม’ พื้นที่ยุทธศาสตร์ Super Core CBD แห่งแรกของกรุงเทพฯ">‘ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค’ พาเจาะลึก ‘พระราม 4 - สีลม’ พื้นที่ยุทธศาสตร์ Super Core CBD แห่งแรกของกรุงเทพฯ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้มาแรง! โดยเฉพาะโซน “รามคำแหง-ลาดพร้าว-พัฒนาการ” Gross Rental Yield ปี 67 พุ่ง 4.6-6%

<h2>​เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ผนึกกำลัง MORI TRUST ทุนยักษ์จากญี่ปุ่น ประเดิมปั้นโครงการแนวราบระดับลักชัวรี 'มอลตัน เกสต์ กรุงเทพกรีฑา 2' มูลค่า 2.1 พันล้าน </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (MJD) เผยว่า ได้ร่วมลงนามสัญญาร่วมทุนกับ มิวาโกะ ดาเตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ MORI TRUST ประเทศญี่ปุ่น โดยการร่วมทุนในครั้งนี้ จะเริ่มต้นที่ โครงการ มอลตัน เกสต์ กรุงเทพกรีฑา 2 (Malton Gates Krungthep Kreetha II) มูลค่าโครงการ ประมาณ 2,100 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2567 ซึ่งถือว่าเป็นการต่อยอดความสำเร็จในการพัฒนาโครงการแนวราบของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มเป้าหมาย โดยจะเริ่มดำเนินการเปิดขายโครงการได้ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2568&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ MORI TRUST ถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น โดยพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ในมหานครโตเกียว และดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทหลากหลายแห่ง ภายใต้แนวคิด "Craft the Future" นอกจากนี้ MORI TRUST ยังมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการมาแล้วกว่า 66 แห่ง ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ รวมถึงโรงแรมและรีสอร์ท 31 แห่ง โดยมีธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การพัฒนาโรงแรมและรีสอร์ท และการลงทุน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/AUu9Rnb8vb3U7a3U4GsU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="AUu9Rnb8vb3U7a3U4GsU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"><figcaption><div>​มิวาโกะ ดาเตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ MORI TRUST ประเทศญี่ปุ่น</div></figcaption></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน มิวาโกะ ดาเตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ MORI TRUST ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “MORI TRUST มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ลงทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นครั้งแรก ซึ่งภายใต้ความร่วมมือกับเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ นับว่าโครงการนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งแรกของ MORI TRUST ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับลักชูรีในต่างประเทศ เราดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามกลยุทธ์ "Advance 2030" ในระยะกลางถึงระยะยาว โดยมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างแข็งขันต่อไป”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม โครงการ มอลตัน เกสต์ กรุงเทพกรีฑา 2 (Malton Gates Krungthep Kreetha II) เป็นการขยายความสำเร็จจากโครงการ มอลตัน เกสต์ กรุงเทพกรีฑา ที่แรก ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากทั้งในแง่ของยอดขาย งานดีไซน์ที่มีความโดดเด่น เหนือกาลเวลา รวมถึงฟังก์ชั่นของตัวบ้านที่ตอบโจทย์ Well-living ให้กับผู้อยู่อาศัย พร้อมกันนี้ ยังตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ โรงเรียนนานาชาติและคอมมูนิตี้มอลล์ สะดวกในการเดินทางเข้า-ออกเมือง ซึ่งความพิเศษของทำเลดังกล่าวนี้ ผนวกกับคุณภาพและความปราณีตในการออกแบบ พร้อมความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีให้กับแบรนด์เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จึงเกิดเป็นการต่อยอดโครงการมอลตัน เกสต์ กรุงเทพกรีฑา 2 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่ยังมีอยู่ในพื้นที่ทำเลดังกล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/6qEZVDxTLuWoYvDJhYiN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6qEZVDxTLuWoYvDJhYiN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/origin-raked-18-3-billion-baht-first-half-revenue-2024" alt="ออริจิ้น กวาดรายได้ครึ่งแรกปี 67 ราว 1.83 หมื่นล้าน คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้-หัวเมืองท่องเที่ยวดันยอดขายหลัก 79%">ออริจิ้น กวาดรายได้ครึ่งแรกปี 67 ราว 1.83 หมื่นล้าน คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้-หัวเมืองท่องเที่ยวดันยอดขายหลัก 79%</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เมเจอร์ ผนึกกำลังทุนญี่ปุ่น 'MORI TRUST'  ปั้นโครงการแนวราบระดับลักชัวรี 'ย่านกรุงเทพกรีฑา' มูลค่า 2.1 พันล้าน

<h2>ของสะสมแต่ละอย่างมีเรื่องราวและเสน่ห์เฉพาะตัว ในโลกของ Designer Toys ทุกชิ้นล้วนมีที่มา และเป็นภาพสะท้อนความทรงจำของนักสะสม ที่บางครั้งมูลค่าหลักแสนหลักล้าน อาจแทนที่ไม่ได้กับความสุขที่เกิดขึ้น</h2>
จุดเริ่มต้นเล็กๆ จากความชื่นชอบ “ไอรอนแมน” ซูเปอร์ฮีโร่ตัวแรกที่นำทางมาสู่อาณาจักรของสะสมสุดรัก จนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 10 ปีที่ Designer Toys เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ผู้บริหารหญิงคนเก่งแห่งเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในบทบาทผู้บริหารสร้างยอดขายหลายพันล้านบาทต่อปี แต่ในมุมเล็กๆ ส่วนตัวมีความรักและชื่นชอบการสะสมของเล่นเป็นอย่างมาก

<img class="size-full wp-image-48495 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Designer-Toys-01.jpg" alt="" width="720" height="480" />

“เริ่มสะสมไอรอนแมนใส่ชุดเกราะสีแดง เพราะดูภาพยนตร์แล้วชอบคาแรกเตอร์ เป็นครั้งแรกในปี 2551 จากนั้นก็เริ่มขยายมาเป็นกัปตันอเมริกา ตามมาด้วย Astro Boy เจ้าหนูอะตอม เพราะเป็นการ์ตูนที่ชอบมาก เป็นความทรงจำตั้งแต่เด็กๆ ปัจจุบันมี Designer Toys ที่สะสมไว้เกือบ 100 ชิ้น” เพชรลดาเล่าถึงความสุขที่เพียงแค่นั่งมอง ก็สามารถยิ้มได้โดยไม่รู้ตัว

หลังจากสะสมไอรอนแมน เพชรลดา เริ่มสนใจสะสมของเล่นในคาแรกเตอร์อื่นๆ ที่ทำให้ย้อนระลึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก โดยทยอยเก็บสะสมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งขณะนี้มี Designer Toys รวมเกือบ 100 ตัว ซึ่งมีหลายตัวที่เป็น Limited Edition จำนวนจำกัดเพียง 200 ตัวในโลก รวมถึงเดินทางเสาะหาเองที่งาน Comic ประเทศญี่ปุ่น และงาน Designer Toys อื่นๆ เช่น Bearbrick ทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่จำนวนมาก

“ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งชอบงานพวกตุ๊กตา การ์ตูนต่างๆ เหมือนย้อนกลับไปวัยเด็ก...หุ่นยนต์สีแดงชื่อ โรโบคอน เป็นอีกตัวที่ชอบมาก เพราะตอนเด็กๆ แม่บังคับให้อ่านหนังสือ แต่เราอยากจะดูหนังในเรื่องที่แม่ไม่อยากให้ดู เพราะมันไร้สาระ ทำให้ใช้วิธีแอบแม่เพื่อจะดูให้ได้ เวลาเห็นเจ้าตัวนี้ทีไร ทำให้นึกถึงโมเมนต์ดีๆ อยู่ตลอด” เพชรลดาย้ำถึงภาพจำดีๆ ในวัยเด็กที่กลายเป็นแรงบันดาลใจของการสะสม

&nbsp;
<ul>
 	<li>มากกว่าของสะสม</li>
</ul>
แม้จะเป็นของสะสมที่มีมูลค่าทางใจ มากกว่าการตีราคา แต่ด้วยความต้องการของตลาดที่มีอยู่มาก ส่งผลให้มี Designer Toys บางตัวราคาพุ่งไปไกลมาก โดยเฉพาะหากเป็นสินค้าที่ผลิตจำนวนจำกัด หรือผลิตเพียงครั้งเดียว ยิ่งทำให้กลายเป็นของสะสมหายาก มูลค่าสูง

“กัปตันอเมริกา ไม่ได้ชอบมากนัก แต่ตัวที่ได้มามีดีเทลที่เจ๋งมากและหาซื้อยากมากในตลาด ทำให้ราคาปรับตัวค่อนข้างสูง เพราะความชอบไม่ได้มองที่ราคาเป็นอย่างแรก ตัวไหนราคาปรับขึ้นก็ถือว่าฟลุกไป แต่ไม่คิดที่จะขายอยู่แล้ว ทำให้เราไม่คอยสนใจเรื่องราคาขายต่อ มีแต่เพื่อนที่ไปเห็นมาจะคอยบอกว่าตัวนี้หายากนะในตลาด”

ขณะเดียวกัน เพชรลดายังยกตัวอย่าง Designer Toys ที่เพิ่มมูลค่าสูงขึ้นอย่าง Balloon Dogs ของ Jeff Koons ซึ่งเธอมีอยู่ในครอบครองเพราะความชอบ โดยไม่ได้มองที่มูลค่าในอนาคต แต่เนื่องจากเป็นสินค้าที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 2,000 ชิ้น ทำให้ราคาคาดการณ์น่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่าจากราคาซื้อขายเริ่มต้นจำนวนแสนต้นๆ แต่ในปัจจุบันราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 440,000 บาท และยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

<img class="size-full wp-image-48496 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Designer-Toys-03.jpg" alt="" width="720" height="480" />

“เราชอบ Balloon Dogs ของ Jeff Koons เพราะตอนนั้นไปมิวเซียมที่ฝรั่งเศส เจอที่เป็นตัวโชว์ขนาดใหญ่ แต่พอเขาปรับมาเป็น Smaller Size ก็รู้สึกว่าสวยดี แล้วเราก็ชอบอะไรที่เป็น Smaller Size อยู่แล้ว ตัวนี้ซื้อมาเพราะน่ารักก่อนมองเรื่องของการลงทุน ไม่ได้คิดอะไรมาก เป็นความสุขความชอบล้วนๆ”

นอกจากนี้ เพชรลดายังกล่าวถึง Designer Toys ราคาแพงที่สุด ซึ่งเธอยกให้กับ “กัปตันอเมริกา” เนื่องจากเป็นตัวที่มี รายละเอียดเครื่องแต่งกายมาก ไม่ว่าจะเป็น เข็มขัด กางเกง รองเท้า หมวก ซึ่งแทบไม่มีแล้วในปัจจุบัน โดยเฉพาะกัปตันอเมริการุ่นวินเทจที่หายากมาก

“Astro Boy บางตัวเป็นงาน Limited มีเพียง 200 ตัวในโลก ตัวที่ได้มาเป็นตัวที่ 58 การที่ Astro Boy ได้รับความสนใจจาก นักสะสม เป็นเพราะมีหลายคาแรกเตอร์ ตัวที่มีอยู่ก็มีรุ่นคนไทย คาแรกเตอร์ยืนไหว้ นอกจากท่าทาง ยังมีหลายขนาดให้เลือก” เพชรลดากล่าวถึง Designer Toys ราคาแพง ที่มีอยู่จะเป็นงานของอาร์ทิสต์ที่มีชื่อเสียงจากเพื่อนที่มอบให้ เพราะรู้ว่าชอบจึงทำให้เป็นพิเศษ

ขณะที่ความยากง่ายในการได้มาไว้เป็นของสะสม โดยรายละเอียดแต่ละตัวจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งเพชรลดายกตัวอย่าง Astro Boy ซึ่งมีชุดที่หลากหลายและจำนวนมากในการสะสม โดยหากเป็นการสะสมครบคอลเล็กชันจะมีทั้งหมด 4 ตัว แต่เพชรลดายังมีเพียงแค่ 2 ตัว

“เราซื้อไม่ทัน เพราะขายออกเร็วมาก ถ้าจะหาซื้อมือ 2 ตอนนี้ก็ไม่มีขาย ตอนนี้อยู่ที่เรามีแค่ 2 ตัว แล้วอีก 2 ตัวที่ไม่มี คือตัวหนึ่งเป็นเสื้อสีเหลือง อีกตัวคือเสื้อกีฬา”

อย่างไรก็ตาม การเป็นนักสะสมทำให้รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้ได้มาครอบครอง เช่น การจองคิวกับเจ้าของสินค้าหรือร้านรับพรีออร์เดอร์ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีร้านนำเข้าของเล่นในประเทศไทยจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะ Bearbrick หรือแม้แต่ Astro Boy ที่กลับมาได้รับความนิยมในกลุ่มนักสะสมเมืองไทยมากขึ้น

<img class="size-full wp-image-48497 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Designer-Toys-02.jpg" alt="" width="720" height="480" />

“บางครั้งร้านประจำส่งของมาให้ดูทางไลน์ ราคาที่ได้มามีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหลายแสน ตระกูลอเวนเจอร์สเป็นของสะสมที่คนเล่นเยอะ ขายดีมาก ถ้าคิดจะขายต่อก็ได้ราคาดี ซึ่งเรื่องนี้ไม่ค่อยรู้มากเท่าไหร่ ซื้อมาเพราะความชอบ ไม่ได้ซื้อมาเพราะมองเป็นการลงทุน”

เพชรลดาปิดท้ายถึงคุณค่าที่ได้รับทางจิตใจ ด้วยราคาและความยากง่ายกว่าจะได้มาของแต่ละตัวแตกต่างกัน เธอจึงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาทำความสะอาดของสะสมเป็นประจำ โดยเฉพาะตัวที่มีราคาสูงจะเก็บไว้ในกล่องก่อนเก็บใส่ตู้โชว์ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและการแตกหักเสียหาย

“เมื่อเรายิ่งโตความสุขยิ่งหายาก เพราะทุกคนยุ่งอยู่กับงาน จึงต้องพยายามทำอะไรบางอย่างเพื่อดึงความทรงจำดีๆ กลับมา โดยในมุมมองของนักสะสม ท้ายที่สุดแล้ว คนจะมองหาอะไรที่ให้ความสุข จับต้องได้ และเตือนตัวเองให้นึกถึงช่วงความสุขในอดีต อย่างหุ่นยนต์สีแดง โรโบคอน เห็นทุกครั้งก็รู้สึกดี เพราะเป็นตัวที่ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเรามีความสุขที่ได้เห็นทุกวัน แค่มองก็ยิ้มได้ เวลาทำงานมาเหนื่อยๆ เห็นแล้วก็มีความสุข ตัวที่โชว์เราก็ไม่ค่อยให้ใครจับอยู่แล้ว เราดูแลเอง เก็บเอง”

&nbsp;

เรื่อง: กัญสุชญา สุวรรณคร ภาพ: กิตติเดช เจริญพร
อ่านเพิ่มเติม:

<ul id="crumbs">
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/commentaries/special-report/%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b9%82%e0%b8%88.html">โครงสร้างเศรษฐกิจไทย โจทย์ท้าทายสู่โลกใหม่หลังโควิด-19</a></li>
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/leaderboard/global-leaderboard/5-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%9f%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%b2.html">5 อันดับ บุคคลที่ร่ำรวยสูงสุดในทวีปแอฟริกา ประจำปี 2021</a></li>
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/news/it/%e0%b8%99%e0%b8%b9%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%84%e0%b8%8b%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%84%e0%b8%b1%e0%b8%8d%e0%b9%84.html">นูทานิคซ์ ประเทศไทย เผยสาระสำคัญไฮบริดคลาวด์ต่อธุรกิจองค์กร</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/3ifeb3R">คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับพิเศษประจำเดือนมิถุนายน 2564 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone size-full wp-image-48480 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Forbes-Thailand-WEALTH-2021.jpg" sizes="(max-width: 400px) 100vw, 400px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Forbes-Thailand-WEALTH-2021.jpg 400w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Forbes-Thailand-WEALTH-2021-229x300.jpg 229w" alt="" width="400" height="525" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Forbes-Thailand-WEALTH-2021.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Forbes-Thailand-WEALTH-2021.jpg 400w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Forbes-Thailand-WEALTH-2021-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 400px) 100vw, 400px" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events