<h2>เดินทางมาครึ่งปี 2561 เอสซี แอสเสทสรุปผลครึ่งปีแรกเก็บรายได้ 6,652 ล้านบาทจากบ้านแนวราบ-โอนคอนโดฯ ศาลาแดง วัน ครึ่งปีหลังโหมเปิด 15 โครงการ ดันยอดขาย-รายได้สู่เป้า 1.7 หมื่นล้าน แย้มราคาคอนโดฯ ที่ดินหลังสวนเกิน 6 แสนบาท/ตร.ม.</h2>
<strong>ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์</strong> ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร <strong>บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)</strong>เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในทิศทางที่ดี เป็นผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

ทำให้เอสซี แอสเสทเองมีผลประกอบการที่ดีเช่นกัน โดยสามารถสร้างยอดพรีเซลได้ 7,235 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 1.7 หมื่นล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 70% และโครงการแนวสูง 30%

ในขณะที่รายได้ครึ่งปีแรกของบริษัททำได้ 6,652 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 1.7 หมื่นล้านบาท รายได้ครึ่งปีแรกเติบโตขึ้น 44% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตสูงของกลุ่มโครงการแนวราบราคา 8-20 ล้านบาท และราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ประกอบกับการโอนคอนโดมิเนียมศาลาแดง วัน ทำให้รายได้เติบโตกว่าปีก่อน

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8496648c2d72280bb0bc253ca5c4e648.png" alt="" width="638" height="387" /><figcaption> เป้าหมายรายได้ 1.7 หมื่นล้านของเอสซี แอสเสท ยังต้องมียอดขายจากโครงการพร้อมโอนเข้ามาเสริมอีก 31%</figcaption></figure>

<span style="color: #ff0000;">ส่วนรายได้ในครึ่งปีหลังมีแผนจะไปให้ถึงตามเป้าที่วางไว้ โดยมาจากแบ็กล็อกรอโอนในปีนี้รวมกับรายได้ค่าเช่าคิดเป็นมูลค่า 5,507 ล้านบาท ทำให้เหลือช่องว่างรายได้อีก 31% หรือประมาณ 5,270 ล้านบาทที่เอสซี แอสเสทจะผลักดันการขายโครงการพร้อมอยู่ทั้งแนวราบและแนวสูงเพื่อเป็นรายได้ของปีนี้</span>

&nbsp;
<h2>การตลาดออนไลน์: เพิ่มลูกค้า-ลดค่าใช้จ่าย</h2>
สำหรับกำไรสุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 704 ล้านบาท เติบโต 107% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเติบโตสอดคล้องกับรายได้ที่สูงขึ้น และการลดค่าใช้จ่ายภายในบริษัท ทั้งส่วนค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง -13% เนื่องจากเอสซี แอสเสทหันมาทำตลาดออนไลน์มากกว่าเดิม และค่าใช้จ่ายการก่อสร้างที่ลดลง -15%

“การตลาดออนไลน์เรามีการทำ JBP (Joint Business Partner) กับ <strong>Google </strong>นำทีมการตลาดของเราไปเรียนกับ Google โดยตรง ทำให้ทำงานได้ดีขึ้น จนเราเป็น 1 ใน 4 แบรนด์อสังหาฯ ที่มีคนค้นหาใน Google สูงที่สุด และทำให้ยอด walk-in เข้าชมโครงการเรามาจากการตลาดออนไลน์และการบอกต่อเพิ่มเป็น 45% ของทั้งหมด รวมทั้งยอดจองโครงการจากสองช่องทางนี้รวมกันเพิ่มเป็น 60% แล้ว” ณัฐพงศ์กล่าว

&nbsp;
<h2>เปิดคอนโดฯ อ่อนนุช – ปูพรมบ้านทุกระดับราคา</h2>
ด้านโครงการเปิดตัวช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเปิดตัวไปแล้ว 3 โครงการ ครี่งปีหลัง 2561 เอสซี แอสเสทจะเปิดอีก 15 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท

แบ่งเป็นคอนโดฯ 1 โครงการ คือ <strong>แชมเบอร์ส อ่อนนุช สเตชั่น</strong> มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ราคา 3-5 ล้านบาท ทำเลห่างจากสถานีบีทีเอสอ่อนนุช 230 เมตร โครงการพัฒนาเป็น 3 อาคาร ซึ่งปีนี้จะเปิดขาย 1 อาคารสำหรับลูกค้าเก่า พนักงาน และลูกค้าต่างชาติก่อน

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/edc6d053ba0ceafc838cda62808c6bb5.jpg" alt="" width="638" height="338" /><figcaption> ภาพจำลองส่วนล็อบบี้อาคารของคอนโดฯ แชมเบอร์ส อ่อนนุช สเตชั่น</figcaption></figure>

ทั้งนี้ โครงการ <strong>เดอะ เครสท์ สุขุมวิท </strong><strong>23</strong> จะเลื่อนไปเปิดตัวปี 2562 เนื่องจากปีหน้าบริษัทจะเปิดตัวเดอะ เครสท์พร้อมกัน 2 ทำเล คือ สุขุมวิท 23 และลาดพร้าว <span style="color: #ff0000;">ด้านโครงการบนที่ดินซอยหลังสวนซึ่งเอสซีฯ ซื้อที่ดินมาในราคา 3.18 ล้านบาทต่อตร.ว. และให้บริษัทร่วมทุน บริษัท สโคป จำกัด เป็นผู้ดูแลการพัฒนา จะเปิดตัวช่วงครึ่งปีแรก 2562 โดยณัฐพงศ์คาดว่าจะเป็นคอนโดฯ ราคาไม่ต่ำกว่า 6 แสนบาทต่อตร.ม.</span>

ส่วนอีก 14 โครงการเปิดตัวปีนี้ เป็นโครงการแนวราบ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 10 โครงการ กระจายระดับราคาครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ เช่น <strong>เดอะ เจนทริ เอกมัย</strong><strong>-</strong><strong>ลาดพร้าว</strong> ราคาเริ่ม 30 ล้าน, <strong>บางกอก บูเลอวาร์ด ศรีนครินทร์</strong><strong>-</strong><strong>บางนา</strong> ราคาเริ่ม 8 ล้าน, <strong>เวนิว พระราม </strong><strong>9</strong> ราคาเริ่ม 6 ล้าน, <strong>เพฟ มอเตอร์เวย์</strong><strong>-</strong><strong>ฉะเชิงเทรา</strong> ราคาเริ่ม 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่สองของบริษัทที่บุกฉะเชิงเทรา

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6593df08dba2b251a4ffa1b22d9270f8.jpg" alt="" width="638" height="352" /><figcaption> คลับเฮาส์ของแบรนด์ใหม่ วี คอมพาวด์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า</figcaption></figure>

นอกจากนี้เป็นกลุ่มทาวน์เฮาส์-โฮมออฟฟิศ 3 โครงการ ในราคาเริ่มต้น 2-6 ล้านบาท และแบรนด์ใหม่ <strong>วี คอมพาวด์</strong> ทำเลราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นแบรนด์ผสมทาวน์โฮมกับบ้านแฝดในโครงการเดียวด้วยราคาเริ่ม 3 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้จะทำให้เอสซี แอสเสทมีโครงการระหว่างขายรวม 51 โครงการ มูลค่ารวม 4.7 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้มีคอนโดฯ <strong>ศาลาแดง วัน</strong> และ <strong>บีทนิค สุขุมวิท </strong><strong>32</strong> ที่สร้างเสร็จพร้อมโอนแล้ว และเป็นคอนโดฯ ระดับซูเปอร์ลักชัวรี ทำให้เชื่อว่าจะช่วยสร้างรายได้หนุนบริษัทให้ทำได้ตามเป้าหมาย

เอสซี แอสเสท เดินเครื่องล่าเป้ายอดขาย-รายได้ 1.7 หมื่นล้าน เปิดตัวเพิ่มอีก 15 โครงการ

<h2>ศุภาลัยประเดิมเปิดแผนปี 2561 เพิ่มพอร์ตรายได้จากอสังหาฯ เช่า เร่งร่างแบบโครงการ “ศุภาลัย ไอคอน” Mix-used บนที่ดินสถานทูตออสเตรเลียเดิม สรุปยอดขายปี 2560 กว่า 3 หมื่นล้านบาทโตทะลุเป้า ปี 2561 กางแผนเปิดตัว 35 โครงการมูลค่ารวม 4 หมื่นล้าน ชิมลางขยายพอร์ตแนวราบระดับบน</h2>
<strong>ประทีป ตั้งมติธรรม</strong> ประธานกรรมการบริหาร <strong>บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)</strong> เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561 ว่า บริษัทจะมุ่งหน้าในแนวทาง <strong>Sustainable Growth 2018</strong> หรือการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เช่น ยอดขาย กำไร สินทรัพย์ ฯลฯ

โดยศุภาลัยมีกลยุทธ์สร้างความยั่งยืนคือ 1.จัดสมดุลพอร์ตแนวราบและแนวสูง 2.Recurring Income หรือรายได้สม่ำเสมอจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า เช่น อาคารสำนักงานให้เช่า ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ และโครงการใหม่ ศุภาลัย ไอคอน <a href="http://forbesthailand.com/news/property/%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99.html">บนที่ดินเดิมของสถานทูตออสเตรเลีย ถนนสาทร ที่บริษัทเป็นผู้ชนะประมูล</a>

3.จัดสมดุลพอร์ตทำเลในกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัด โดยปัจจุบันรายได้จากต่างจังหวัดคิดเป็น 30% ของรายได้รวม และ 4.ลูกค้าต่างชาติ ดำเนินการใน 2 แนวทางคือ ลูกค้าต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมในไทย และการเข้าลงทุนในต่างประเทศของศุภาลัยในประเทศออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงในอนาคตอาจมีการลงทุนในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม

&nbsp;
<h2>เร่งแผน “ศุภาลัย ไอคอน”</h2>
ด้าน <strong>ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม</strong> กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย กล่าวว่า สำหรับ <strong>ศุภาลัย ไอคอน</strong> โครงการ Mix-used บริเวณที่ดินเนื้อที่ 7 ไร่ของสถานทูตออสเตรเลียเดิม บนถนนสาทร  ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ คาดว่าจะเป็นโครงการผสมผสานการใช้งานทั้งพื้นที่รีเทล อาคารสำนักงาน และส่วนที่พักอาศัย มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท

โดยช่วงที่ผ่านมามีบริษัทจำนวนมากเข้ามาเสนอแผนร่วมเป็นพันธมิตรในการดำเนินงาน แต่ทั้งนี้บริษัทยังไม่ได้พิจารณารายใดเป็นพิเศษเพราะต้องการออกแบบโครงการให้ชัดเจนก่อน โดยวางแผนว่าโครงการจะผ่านการประเมินรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) พร้อมเปิดตัวโครงการได้ภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จสามารถรับรู้รายได้ราวปี 2564

&nbsp;
<h2>ยอดขายปี’60 ทะยานจากความมั่นใจผู้ซื้อ</h2>
<span style="color: #ff0000;">ไตรเตชะกล่าวต่อถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 ว่า บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าที่คาด โดยมียอดขาย 30,777 ล้านบาท เติบโต 27% จากปี 2559 และโตมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 27,000 ล้านบาท 14%</span> ทำให้มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (แบ็กล็อก) สะสม 39,881 ล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ถึงปี 2564

ขณะที่การเปิดตัวโครงการปีก่อน ศุภาลัยเปิดตัวทั้งหมด 20 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 15 โครงการ และแนวสูง 5 โครงการ มูลค่ารวม 31,220 ล้านบาท ทั้งนี้ ศุภาลัยได้เลื่อนการเปิดตัวโครงการแนวราบไป 7 โครงการในช่วงปลายปีก่อนมาเปิดตัวในช่วงไตรมาส 1/61 ทดแทน

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/78d4a5ed0a65b86a1f6ca626c38bc8df.png" alt="" width="680" height="450" /><figcaption> (ซ้าย) ประทีป ตั้งมติธรรม และ (ขวา) ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม</figcaption></figure>

“ปีก่อนยอดขายอสังหาฯ เติบโตมากกว่าเป้ากันเกือบทั้งตลาด เกิดจากทั้งแนวราบยังขายได้สม่ำเสมอ และคอนโดฯ ที่เปิดตัวใหม่มียอดขายช่วงเปิดตัวดีขึ้นมากเทียบกับปี 2558-59 เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในอนาคตเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงจากโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ มีการก่อสร้างและเปิดประมูล ทำให้ตลาดคอนโดฯ คึกคัก” ไตรเตชะกล่าว

&nbsp;
<h2>ปี’61 เปิดตัวแตะ 4 หมื่นล้านบาท</h2>
ด้านแผนศุภาลัยปี 2561 ตั้งเป้ายอดขาย 33,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 7% เป้าหมายรายได้ 26,000 ล้านบาท มาจากแบ็กล็อกคอนโดฯ 8 โครงการที่จะโอนในปีนี้มูลค่ารวม 10,900 ล้านบาทและส่วนที่เหลือจะมาจากการขายโครงการแนวราบ

<span style="color: #ff0000;">ขณะที่เป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 35 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 28% </span>และมีงบจัดซื้อที่ดิน 9,000 ล้านบาท โดยคอนโดมิเนียมยังเน้นกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาทต่อยูนิต หรือราคาไม่เกิน 1 แสนบาท/ตร.ม. เป็นหลัก ส่วนโครงการแนวราบจะเป็นทำเลที่ใกล้เมืองมากขึ้น หลังจากปีก่อนเน้นเปิดตัวบริเวณชานเมือง

&nbsp;
<h2>ลุยบ้านเดี่ยว-บ้านแฝดกลุ่มราคา 10 ล้านบาท</h2>
ไตรเตชะกล่าวเสริมว่า โครงการแนวราบปีนี้จะเพิ่มแบรนด์ใหม่เป็นกลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้แบรนด์ <strong>ศุภาลัย เอสเซ้นส์</strong> เป็นบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด 3 ชั้น 3-4 ห้องนอน ราคา 8 ล้านบาทจนถึง 10 กว่าล้านบาท ในทำเลใกล้เมืองมากขึ้น เช่น ย่านลาดพร้าว

ถือเป็นการขยายพอร์ตของศุภาลัย จากปกติพอร์ตแนวราบบริษัทจะเกาะกลุ่มราคา 3-6 ล้านบาทเป็นส่วนใหญ่ 60-70% ของทั้งหมด ขณะที่บ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาทมีเพียง 2% เท่านั้น เชื่อว่าใน 1-2 ปีนี้ บ้านกลุ่มราคานี้จะขยายเป็น 5% ของรายได้รวม และถ้าหากได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าก็อาจขยายโครงการมากขึ้น

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events