<h2>หลังใช้เวลาก่อสร้าง 1,825 วัน The Residences Mandarin Oriental Bangkok ฉลองความสำเร็จร่วมกับพันธมิตรธุรกิจอีกครั้ง กับการเข้าอยู่จริงวันที่ 15 ส.ค. 62 ชูความพิเศษ “ที่พักและห้างหรู” แชร์สิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าร่วมกัน บนเวิลด์คลาส เดสติเนชั่น ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และสิทธิประโยชน์ Residences Elite Programme จากทั่วโลก</h2>
เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เป็นการจับมือกันระหว่าง บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ แมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป ก่อสร้างโครงการสูง 52 ชั้น 146 ยูนิต มีมูลค่าโครงการ 1.1 หมื่นล้านบาท

คีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ ประธานผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจงานอสังหาริมทรัพย์และบริการ บริษัทแมกโนเลียฯ กล่าวถึงโครงการเรสเดนซ์หรูแห่งนี้ถือเป็นความภูมิใจของประเทศ ซึ่งเรสสิเดนซ์ระดับซูปเปอร์ลักชัวรีจำเป็นต้องมีในประเทศ โดย The Residences Mandarin แห่งนี้เป็นโครงการลำดับที่ 7 ของโลก และเป็นโครงการแรกในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยแต่ละโครงการของแมนดารินฯ ที่ผ่านมาจะอยู่ในประเทศและโลเคชั่นสำคัญ นิวยอร์ก ลอนดอน โตเกียว เซี่ยงไฮ้ ปัจจุบันโครงการนี้มียอดขายที่ 85% เกินจากเป้าหมายที่คาดไว้ สำหรับห้องเพนท์เฮาส์ และ ดูเพล็กซ์เพนท์เฮาส์ ยังรอการเป็นเจ้าของอยู่ ทั้งนี้โครงการเรสซิเดนซ์นี้ยังเป็นขายเป็น Free Hold ที่มอบกรรมสิทธ์แก่เจ้าของห้อง

“ความพิเศษของโครงการนี้เริ่มตั้งแต่ก่อนการก่อสร้าง เราได้ จอยซ์ แวง ดีไซเนอร์ชาวฮ่องกง เจ้าของรางวัลระดับโลก และดีไซเนอร์ที่สร้าง โครงการ เดอะ แมนดาริน โอเรียนเต็ลฯ ในโครงการก่อนหน้านี้ และรวมไปถึงการออกแบบสำนักงานใหญ่ของ กลุ่มแมนดารินฯ อีกด้วย พื้นที่ส่วนกลางมีมากกว่าโครงการระดับเดียวกัน 3 เท่า” คีรินทร์ กล่าว

ทั้งนี้ภายในโครงการนำระบบป้องกันเตื่อนอัคคีภัยชั้นนำมาใช้ ระบบปรับอากาศแบบ ERV ทั่วทั้งอาคาร และนำเทคโนโลยีการจอดรถเชื่อมเข้ากับแอพฯ เพื่อความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยในการนำรถลงมาโดยแบ่งเป็นลิฟท์แบบรถซีแดนและเอสยูวี รวมถึงการให้บริการ คอนเซียช 24 ชั่วโมง โดยมี เกร็ก ลิดเดลล์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ และผู้จัดการใหญ่ แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เป็นหัวเรือใหญ่

<figure><img class="wp-image-14484 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/The-Residences-Mandarin-Oriental-Bangkok-02.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> จากซ้าย: คีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์, เกร็ก ลิดเดลล์, สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล</figcaption></figure>

Richard Baker ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ จาก กลุ่มแมนดารินฯ เผยว่า ปัจจุบัน Mandarin Oriental Hotel Group หรือ MOHG มีโรงแรมที่บริหาร 32 แห่ง และเรสซิเดนซ์ 6 แห่ง 23 ประเทศ โดยทุกแห่งสะท้อนถึงแบบฉบับอันโดดเด่นและเอกลักลักษณ์ของแบรนด์แมนดาริน โอเรียนเต็ล “สำหรับเจ้าของห้องชุดจะเป็นสมาชิก Residences Elite Programme อาทิ สิทธิประโยชน์มากมายเมื่อเข้าใช้บริการห้องพักโรงแรมในเครือแมนดาริน โอเรียนเต็ล ทั่วโลก”

ด้าน สุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าว ไอคอนสยามเติมเต็มการพักผ่อนและการช้อปปิ้งเข้าไว้ด้วยกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว เราได้เตรียมผู้ช่วยสำหรับการช้อปปิ้งให้กับเจ้าของห้องพักและสิทธิประโยชน์พิเศษอื่น ผ่านร้านอาหารและร้านค้าแบรนด์ดังจากทั่วโลก

<img class="alignnone size-full wp-image-14488" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/The-Residences-Mandarin-Oriental-Bangkok-06.jpg" alt="" width="638" height="425" />

<img class="alignnone size-full wp-image-14485" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/The-Residences-Mandarin-Oriental-Bangkok-03.jpg" alt="" width="638" height="425" />

<figure><img class="wp-image-14487 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/The-Residences-Mandarin-Oriental-Bangkok-05.jpg" alt="" width="350" height="433" /><figcaption> ห้องนอนหลักของเพ้นเฮ้าส์</figcaption></figure>

<figure><img class="wp-image-14486 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/The-Residences-Mandarin-Oriental-Bangkok-04.jpg" alt="" width="300" height="450" /><figcaption> พื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 36</figcaption></figure>

The Residences Mandarin Oriental Bangkok เรสสิเดนส์หรู เคียงคู่ ไอคอนสยาม

อัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ-วิสซ์ดอม บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) จัดงานแกรนด์โอเพ่นนิ่ง เปิดตัวโครงการ “วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท” (Whizdom Asoke-Sukhumvit) คอนโดมิเนียมสูง 39 ชั้น วิวสวนป่าเบญจกิติ ขนาด 450 ไร่ ใจกลางอโศกและทะเลสาบ มูลค่าโครงการกว่า 1 หมื่นล้านบาท ด้วยสุดยอดทำเลที่ตั้ง การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และคุณภาพระดับพรีเมียม ในคอนเซปต์ “Own the rare” พร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างเป็นครั้งแรก ในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2562 ด้วยราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 9,000,000 บาท ณ วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท เดอะ แกลอรี่ (Whizdom Asoke-Sukhumvit The Gallery)

&nbsp;

อัษฎา แก้วเขียว เปิดตัว “วิสซ์ดอม อโศก-สุขุมวิท” โครงการหมื่นล้านบาท ใจกลางอโศกและทะเลสาบ

<h2>RISC เผยชื่อนักคิด นักวิจัย และนักวิชาการชั้นนำระดับโลก ที่พร้อมเข้าร่วมแบ่งปันไอเดีย แชร์ประสบการณ์ ส่งต่อองค์ความรู้ในการพัฒนาการออกแบบ งานสถาปัตยกรรม และเทคโนโลยี เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนในงาน WATS FORUM 2019 เสวนาระดับนานาชาติ วันที่ 3 มิถุนายนนี้ ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมเปิดให้สำรองที่นั่งแล้ววันนี้ ฟรี !!! รับจำนวนจำกัด</h2>
รศ.ดร. สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนหรือ RISC ภายใต้บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการตอบรับจากสุดยอดกูรู จำนวน 4 ท่าน ซึ่งเป็นทั้งนักวิชาการ นักคิดและนักวิจัย ที่หาตัวจับยาก เนื่องจากเป็นกูรูระดับโลกที่เปี่ยมด้วยองค์ความรู้และมุมมองในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน Well–being จะมาร่วมแบ่งปันแนวคิดทั้งด้านการออกแบบ การสร้างสถาปัตยกรรม รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และเป็นแนวทางในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนที่ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์เท่านั้น แต่รวมถึงทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขอย่างเป็นรูปธรรม โดย กูรูทั้ง 4 คนนี้ ได้แก่

<img class="alignnone size-full wp-image-7787" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/Untitled-2.jpg" alt="" width="835" height="203" />

รศ. ดร. ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ – วิศวกรคนไทยผู้ได้ชื่อว่า เป็นนักซ่อมสมองมนุษย์ ท่านจะมาถ่ายทอดให้เราได้เห็นว่าการนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางด้านคลื่นไฟฟ้าสมองกับวิศวกรรมศาสตร์มาผนวกรวมกันเป็นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเอกที่จะสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนไปตลอดกาลนั้น ทำได้อย่างไร และเราจะมีการส่งต่อแนวคิดและต่อยอดการพัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่องได้อย่างไร อีกท่านหนึ่ง คือ ศาสตราจารย์ ไมเคิล สตีเวน สตราโน – นักวิศวเคมีจาก MIT ผู้ไขความลับสูตรการพัฒนาสิ่งมีชีวิตเรืองแสง ท่านผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนาโนไบโอนิค จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT มีผลงานตีพิมพ์ด้านการวิจัยและประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมกว่า 50 ฉบับ และเป็นผู้ก่อตั้งสาขาวิชา Plant Nanobionics ซึ่งศึกษาและพัฒนาพืชให้มีความสามารถแปลกๆ ในงานเสวนาครั้งนี้ เราจะได้ทราบว่า ศ. ไมเคิล สตีเว่น สตราโน จะนำความมหัศจรรย์ของพืชและสิ่งมีชีวิตเรืองแสงมาสู่การสร้างความอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืนนั้นเป็นอย่างไร

นอกจากนี้ เรายังได้รับการตอบรับจาก มร. เชอริง ต๊อบเกย์ – อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศภูฏาน ผู้ยึดหลักความสุขมวลรวมของชาติสำคัญกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ท่านผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็น นักสร้างความสุข ผู้แบ่งปันเรื่องราวพันธกิจของประเทศภูฏาน ที่ใช้ความสุขของประชากรเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จของประเทศ ดัชนีชี้วัดความสุขนี้เป็นอย่างไร และให้ประโยชน์อะไรและมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ความสุขพื้นฐานของผู้คนและการเจริญของประเทศได้อย่างไร อีกท่านหนึ่ง คือ มร. สเตฟาน เดอ โคนิง – สถาปนิกชาวดัตช์ที่มากด้วยฝีมือและความสามารถ จาก MVRDV สำนักงานออกแบบสถาปัตยกรรมและผังเมืองชื่อดังระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านการเสนอการแก้ปัญหาสถาปัตยกรรมร่วมสมัยและการฟื้นฟูเมือง ที่ฝากผลงานการออกแบบไว้อย่างมากมายจนได้รับรางวัลและเป็นที่รู้จักของนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าดีไซน์สุดล้ำ

The Gyre บนถนนโอโมเตะซันโด ใจกลางกรุงโตเกียว Peruri88 โครงการมิกซ์ยูสใจกลางกรุงจาการ์ตา ที่ประกอบด้วยที่พักอาศัย สำนักงาน พื้นที่เชิงพาณิชย์ และพื้นที่สาธารณะ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการพื้นที่สีเขียวท่ามกลางความหนาแน่นของชุมชนเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะพานข้ามถนน 6 แห่ง ในเมือง Leiria ประเทศโปรตุเกส ที่ถูกออกแบบให้แตกต่างกันตามความเหมาะสมเพื่อการใช้งาน โดยทุกการออกแบบจะต้องร่วมสมัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันเขาได้ดูแลโครงการในประเทศอินเดียและอินโดนีเซีย จนทำให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าแผนกของ MVRDV นอกจากนี้เขายังเป็นติวเตอร์ที่ Delft University อีกด้วย ด้วยผลงานระดับโลกดังกล่าว เราจะได้รู้กันว่า มร. สเตฟาน เดอ โคนิง จะนำองค์ความรู้นี้มากระตุกต่อมคิดด้านสถาปัตยกรรมและผังเมืองเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและยั่งยืนได้อย่างไร

รศ.ดร. สิงห์ อินทรชูโต กล่าวเสริมในท้ายที่สุดว่า การที่จะนำกูรูทั้ง 4 มาอยู่ในฟอรั่มเดียวกันเพื่อถ่ายทอดแนวคิดการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนในแง่มุมต่างๆนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการด้านอสังหาฯ และผู้สนใจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเปลี่ยนชีวิตทั้งภาครัฐ และเอกชน ไม่ควรพลาดที่จะเข้ารับฟังอย่างยิ่ง ซึ่งขณะนี้ทางศูนย์ได้เปิดให้ผู้สนใจสามารถติดต่อสำรองที่นั่งได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ <a href="https://risc.in.th/watsforum/registration/#register">https://risc.in.th/watsforum/registration/#register</a> ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ขอย้ำว่า มีผู้สนใจเข้ารับฟังมีจำนวนมากจริงๆ และที่นั่งมีจำนวนจำกัด ดังนั้น ทางศูนย์ฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการสำรองที่นั่งตามลำดับการจองก่อนหลัง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อขอรายละเอียดได้ที่ ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนหรือ RISC

RISC เผยชื่อ 4 สุดยอดกูรูชั้นนำระดับโลก ในงาน WATS Forum 2019

ชวัลวัฒน์-ทิพพาภรณ์ นิรมิตอภิโปรเจกต์พลิกโลก

<h2>1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ฯ จับมือ แมกโนเลียฯ เปิดตัว คอนโดมิเนียมหรู มูลค่าโครงการ 4,800 ล้านบาท ต้นทองหล่อ ภายใต้การพัฒนาโครงการในรูปแบบ Ultra-Luxury Project ผนึก 4 พาร์ทเนอร์ใหญ่ ลงทุนและออกแบบโครงการ ผสานนวัตกรรม Intelligent Technology</h2>
บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ลงทุนและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม THE STRAND THONGLOR  มูลค่ามากกว่า 4,800 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “Essentially More” นำเสนอประสบการณ์การอยู่อาศัยในรูปแบบ Mixed-Use บนพื้นที่ “ทองหล่อ” มุ่งเจาะคนรุ่นใหม่ คาดยอดขายภายในปลายปี'61 มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

<img style="width: 638px; height: 483px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/0b5127b25540b9fe4e642c8615abf829.jpg" alt="" />

ธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นที่จะนำมาตรฐานระดับโลกมาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ด้วยมุมมองในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เปรียบดั่งการสร้างสรรค์งานศิลปะและงานฝีมือชั้นสูง เราจึงได้สร้างสรรค์โครงการที่เข้าใจถึงธรรมชาติและสามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มคนที่นิยมการใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการมาอยู่อาศัยในย่านทองหล่อได้เป็นอย่างดี”

“เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ นับเป็นโครงการคอนโดมิเนียมมิกซ์ยูส ในรูปแบบไฮไรส์ ครบวงจรระดับอัลตร้าลักชัวรี่ ที่ผสมผสานทั้งพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่มิกซ์ยูสได้อย่างลงตัว เน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสไลฟ์สไตล์ที่โอบล้อมไปด้วยความมีชีวิตชีวาของย่านทองหล่อแบบออลเดย์และออลไนท์” ธัญทิพ กล่าวเสริม

โครงการฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 198 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 330,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราว 16.5 ล้านบาท แบ่งเป็นห้องชุด 4 รูปแบบ ทั้งแบบ 1 และ 2 ห้องนอน รวมไปถึง แบบ Duplex และ Penthouse ขนาด 184.20 ตารางเมตร เพียง 6 ห้อง ธัญทิพ เสริมกล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะทำโครงการคอนโดที่อยู่อาศัยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีแค่ The Strand โครงการเดียว โดยโครงการถัดไปอาจจะเริ่มต้นปี 2562 ซึ่งอยู่ระหว่างการดูทำเล ที่ตั้ง ไม่ได้จำกัดว่าจะอยู่แค่ในกรุงเทพฯ ซึ่งยังคงคอนเซปต์ความ Luxury

“เราต้องขายสิ่งที่เป็นจริง แตะต้องได้ ดีไซน์โดดเด่น ของที่ใช้ หรือวัสดุต่างๆ ทั้งหมดเป็น Top spec เป็นของดี และใช้ได้นาน” ธัญทิพ กล่าว

<img style="width: 638px; height: 442px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/b7e118f8ece4e37c1c0ead21308bae7b.jpg" alt="" />

ด้าน ชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า โครงการ เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ เป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ HB Design ที่ปรึกษาด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมของโครงการ PIA Interior ซึ่งรับผิดชอบด้านการออกแบบภายใน โดยได้ TROP มาดูแลในด้านภูมิสถาปัตยกรรมของโครงการ เรายังได้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่าง บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC ที่มาร่วมลงทุนในการพัฒนาโครงการดังกล่าว โดย MQDC ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน แบ่งปันองค์ความรู้ที่ยอดเยี่ยมในการออกแบบและการก่อสร้างในระดับสากล ตลอดจนให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาดและกลยุทธ์การขาย

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานเพื่อให้โครงการ The Strand Thonglor บรรลุเป้าหมาย ชวินได้กำหนดกลยุทธ์ไว้ 3 รูปแบบ คือ กลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นการสร้างความน่าเชื่อถือของโครงการ การประชาสัมพันธ์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และการสร้างกิจกรรมการขายที่ตรงเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย โดยเราตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างยอดขายภายในปลาย 2561 ได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งโครงการมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2564

"The Strand มียอดขายเบื้องต้นแล้วประมาณ 1,800 ล้านบาทแล้ว คิดเป็น 90% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้เฉพาะช่วงนี้ เป็นการแนะนำโครงการผ่านผู้ถือหุ้น และตัวแทนขาย โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย 80% และต่างชาติ 20% โดยบริษัทจะจัดงานพรีเซลวันที่ 18-19 สค.นี้ คาดว่าจะทำยอดขายได้ 40% ภายในปีนี้

“โครงการนี้เราไม่ได้รีบขาย อยากให้ก่อสร้างให้เสร็จก่อน แต่ก็มียอดพรีเซลเกิดขึ้นในช่วงนี้เกินกว่าที่เราตั้งเป้าไว้” ชวิน กล่าว

ทั้งนี้ The Strand THONGLOR เตรียมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างราวปลายเดือนกันยายนนี้ สำหรับที่ดินแปลงนี้เป็นการซื้อที่ดินแปลงใหม่มาพัฒนา ไม่ใช่ที่ดินของตระกูล สำหรับบริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ ก่อตั้งด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท บริษัทฯ แมกโนเลียถือหุ้นใหญ่ 75%

<img style="width: 638px; height: 425px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/876fa006cb5f3fa39bc3c547b44235a8.jpg" alt="" />

ธัญทิพ เจียรวนนท์ และ ชวิน อรรถกระกวีสุนทร เปิดตัว THE STRAND THONGLOR คอนโดฯ หรู ระดับอัลตร้าลักชัวรี่

<h2>MQDC พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ คอนโดมิเนียม วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นิวเจนเนอเรชั่น ทำเลติดสถานีรถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าว พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ 1,700 ตารางเมตร รับประกันโครงสร้างอาคารนาน 30 ปี มอบส่วนลดสูงสุด 5 แสนบาทตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 60</h2>
อัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ-วิสซ์ดอม บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ถือเป็นโครงการที่เจาะกลุ่มเป้าหมายคนเมืองและคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย และพิถีพิถันในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง โดยมี 5 ปัจจัยหลักที่ตอบโจทย์  ได้แก่

1.ทำเลโครงการ ติดสถานี MRT ลาดพร้าว ทางออกหมายเลข 1 หนึ่งก้าวจากรถไฟฟ้าอย่างแท้จริง และในอนาคต โครงการจะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่จะเชื่อมต่อการคมนาคมเส้นลาดพร้าวไปยังสำโรงอีกด้วย โครงการยังตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าว แยกรัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพแห่งหนึ่งของกรุงเทพที่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง และสามารถเชื่อมต่อไปยั่งพื้นที่อื่นๆได้สะดวก-รวดเร็ว

2.รับประกันนานถึง 30 ปี ซึ่งถือเป็นผู้นำธุรกิจอสังหาฯ รายแรกที่กล้าให้การประกันคุณภาพยาวนานที่สุด โดยรับประกันด้านคุณภาพโครงสร้างอาคาร ใน 4   เรื่องหลัก  คือ รอยร้าว และกำลังคอนกรีต เสา คาน พื้น, เรื่องความแข็งแรงทั่วไปและการรั่วซึมของหลังคาและดาดฟ้า, การรั่วซึมของท่อน้ำในระบบประปาและสุขาภิบาล การรั่วของกระแสไฟฟ้า และ การใช้งานและการรั่วซึมของน้ำฝน ของบานวงกบ ประตู และหน้าต่าง
<img style="width: 680px; height: 407px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a00648ffad5164db1b9ea7f88f724398.png" alt="" />

3.การออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผสมผสานการวิจัยและพัฒนา เข้ากับการดีไซน์ และความใส่ใจในเรื่องการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ออกแบบตามมาตรฐาน “สถาบันอาคารเขียวไทย” (Thai Green Building Institute) เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้

อาทิ รูปแบบและการจัดวางพื้นที่ภายในห้องพักสอดคล้องกับหลักสรีระศาสตร์ของมนุษย์เพื่อความสะดวกสบายสำหรับทุกกิจกรรม อยู่สบายและไม่รู้สึกอึดอัด การวางตำแหน่งไฟ ตำแหน่งแอร์ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย ทิศทางการวางตำแหน่งตัวตึกสอดคล้องกับทิศทางแสงอาทิตย์และทิศทางลม การจัดวางห้องพักซึ่งเริ่มต้นที่ชั้น 5 เพิ่มความเป็นส่วนตัวและห่างไกลจากเสียงรบกวน มีการออกแบบสวนและแนวต้นไม้ช่วยบังแนวเสียงและฝุ่นละอองในอากาศที่จะพัดเข้าสู่ตัวอาคาร เป็นต้น

4.กิจกรรมและบริการเพื่อลูกค้า เป็นกิจกรรมที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่ (New Generation) ที่มีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบทั้งด้านองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตการทำงาน Entertainment สุขภาพ Networking, knowledge sharing และอื่นๆ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใส่ใจการอยู่อาศัยจริงของคนในคอนโดฯ เช่น พื้นที่สำหรับล้างรถ ที่ชงชากาแฟที่ล็อบบี้ เตาบาร์บีคิว เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญพร้อมที่อบผ้า อุปกรณ์ปฐมพยาบาล First aid kit, อุปกรณ์ซ่อมบำรุงที่ลูกค้าใช้ได้ง่ายๆ

<img style="width: 680px; height: 505px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3b50d132e3304ba29f9b0d2186cd8bbd.png" alt="" />

5.เสริมทัพด้วย Zero Defects Delivery เป็นการรับประกันว่าลูกค้าสามารถตรวจรับห้องได้ด้วยความพึงพอใจสูงสุด ด้วยการใช้ technology ต่างๆมาช่วยตั้งแต่ขั้นตอนแรก เช่น การออกแบบเพื่อลดสิ่งที่จะก่อให้เกิด defects ตั้งแต่แรกและด้วยการนำ BIM (Building Information Model) มาใช้เพื่อขึ้นรูปแบบ 3 มิติก่อนสร้างจริง พร้อมทั้งขั้นตอนการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพงานก่อสร้างในทุกขั้นตอนโดยทีม MQDC ลดงาน re-work ที่อาจจะกระทบงานตกแต่งอื่นๆ การติดตามงานแก้ไข ด้วยโปรแกรม "Novade” ซึ่งเป็นโครงการแรกของประเทศไทยที่นำโปรแกรมนี้มาใช้ในการตรวจ defects

โครงการวิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท มียอดขายแล้วกว่า 90% และโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ และ MQDC จะจัดกิจกรรมกระตุ้นการขายอีกครั้งในวันที่ 2 กันยายน 2560 เปิดชมห้องตัวอย่าง 7 แบบที่โครงการร่วมกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ CK Furniture ในการสร้างสรรค์แบบห้องเป็นไอเดียสำหรับแต่งห้องชุดให้กับลูกค้า พร้อมมีโปรโมชันพิเศษแพคเกจตกแต่งห้องจาก CK Furniture อีกด้วย

<figure><img style="width: 340px; height: 510px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/28fe63a22c74c41adf3a98743f8064b1.png" alt="" width="340" height="510" /><figcaption> อัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ-วิสซ์ดอม บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) </figcaption></figure>

นอกจากนี้ อัษฎา ยังกล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรก 2560 ว่า ภาพสรุปของอสังหาฯในกรุงเทพ ครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการขยายโครงการใหม่ต่อเนื่องจากหลายปัจจัย อาทิ การลงทุนโครงการรถไฟฟ้าหลายสายของภาครัฐ โดยที่ตลาดคอนโดมิเนียมเป็นตลาดหลักที่ใหญ่ที่สุดประมาณ 60% ของตลาดอสังหาฯรวม

การขยายตัวของภาคอสังหาฯ ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลโดยตรงต่อราคาที่อยู่อาศัย จากสภาวะปัจจุบันโอกาสในการเกิดโครงการในใจกลางเมืองจึงลดลง แต่การเปิดโครงการมีมากขึ้นบริเวณส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าต่างๆ

“วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว” คอนโดฯ พร้อมอยู่จาก MQDC ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นิวเจนฯ

<h2>เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ คอนโดฯ ระดับซูเปอร์ลักเซอรีริมน้ำในโครงการ ไอคอนสยาม พัฒนาโดย MQDC ประกาศยอดขายทะลุ 70% ชี้เศรษฐีไม่หวั่นเศรษฐกิจ กำลังซื้อดีต่อเนื่อง ชะลอการขายหวังปั๊มราคาเพ้นท์เฮ้าส์หรูแตะ 7 แสนบาทต่อตร.ม.</h2>
วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า ปัจจุบันคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักเซอรี เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ของบริษัท มูลค่า 9,000 ล้านบาท จำนวน 146 ยูนิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมิกซ์ยูส ไอคอนสยาม ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนเจริญนคร คอนโดฯ แห่งนี้ได้สร้างยอดขายไปถึง 70% แล้ว หลังจากเปิดตัวมา 2 ปี ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย

<figure><img style="width: 680px; height: 443px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ccfb0cde75ece0a2383e8884c75233c2.png" alt="" width="680" height="443" /><figcaption> เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ</figcaption></figure>

โดยเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เปิดตัวด้วยราคาเฉลี่ยห้องชุดทั่วไป 3.5 แสนบาทต่อตร.ม. ปัจจุบันมีการปรับขึ้นราคาประมาณ 4% เพิ่มเป็น 3.8 แสนบาทต่อตร.ม. และสำหรับห้องชุดเพ้นท์เฮ้าส์ ราคาเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 5.5-6.2 แสนบาทต่อตร.ม.

แผนการขายหลังจากนี้ จะเริ่มรื้อเซลส์แกลลอรี่ลงในเดือนพฤษภาคม เพื่อรอก่อสร้างเซลส์แกลลอรี่แห่งใหม่ในอาคารคอนโดฯ ซึ่งมีความคืบหน้าการก่อสร้างคิดเป็น 28% โดยคาดว่าคอนโดมิเนียมเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ จะสร้างเสร็จราวเดือนสิงหาคมปี 2561

ในระหว่างนี้โครงการยังเปิดขายตามปกติ แต่จะชะลอการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ เนื่องจากมองว่าการก่อสร้างของส่วนรีเทลในโครงการไอคอนสยามมีความคืบหน้ามาก และหากเริ่มเปิดใช้บริการศูนย์การค้าจะยิ่งทำให้การปรับราคาคอนโดฯ ทำได้ดีขึ้น เชื่อว่าสามารถปรับราคาขึ้นได้อีก 5-10% โดยเฉพาะห้องเพ้นท์เฮ้าส์ซึ่งมีเหลือเพียง 5 ยูนิต อาจแตะระดับราคา 7 แสนบาทต่อตร.ม.ได้

<figure><img style="width: 340px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/038d97ca6ae6392d595399e11e112173.png" alt="" width="340" height="453" /><figcaption> โมเดลอาคาร เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ</figcaption></figure>

วิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ตลอดการเปิดขายคอนโดฯ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ พบว่าการขายไม่เคยชะลอตัวลง สามารถขายได้ 2-5 ยูนิตต่อเดือนอย่างสม่ำเสมอ สะท้อนให้เห็นว่าแม้สภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมซึมลงในหลายปีที่ผ่านมา แต่กำลังซื้อระดับบนยังดีอยู่ เพียงแต่ลูกค้ามีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อ ใช้เวลาในการตัดสินใจพอสมควร

ด้าน ภีชภัตธา ผกากาญจน์ ผู้ช่วยรองประธานกรรมการ ฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า ห้องชุดเหลือขายปัจจุบันแบ่งเป็น ห้องชุดแบบ 2-3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 127-228 ตร.ม. ราคา 50-80 ล้านบาท และห้องชุดแบบเพ้นท์เฮาส์และเพ้นท์เฮาส์ดูเพล็กซ์ ไซซ์ 380-707 ตร.ม. ราคา 200-450 ล้านบาทต่อห้อง เหลือเพียง 5 ยูนิตสุดท้าย โดยมีลูกค้า 2 รายที่กำลังให้ความสนใจซื้ออยู่ขณะนี้

<figure><img style="width: 680px; height: 510px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f29658d3c0df500ef5c2150908535918.png" alt="" width="680" height="510" /><figcaption> วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ภีชภัตธา ผกากาญจน์ ผู้ช่วยรองประธานกรรมการ ฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) </figcaption></figure>

ทั้งนี้ คอนโดฯ แรกในโครงการไอคอนสยาม คือ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2557 และปิดการขายไปแล้วนั้น มีการซื้อขายใบจองในกลุ่มลูกค้ารายย่อยจำนวนมาก ทำให้ราคาจากช่วงเปิดตัว 2.4-2.5 แสนบาทต่อตร.ม. ขึ้นมาเป็น 2.8 แสนบาทต่อตร.ม. สะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมโครงการไอคอนสยาม ซึ่งเป็นมิกซ์ยูสระดับแลนด์มาร์กของไทย สามารถดันราคาห้องชุดเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

<figure><img style="width: 680px; height: 330px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d0a82fb57a1050d34a7079d75b10aa48.png" alt="" width="680" height="330" /><figcaption> ภายในห้องชุดตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอน</figcaption></figure>

<figure><img style="width: 680px; height: 510px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/07ef9edd02cb5fb2508b64eab83bdc5b.png" alt="" width="680" height="510" /><figcaption> ความคืบหน้างานก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนสิงหาคม 2561</figcaption></figure>

Forbes in Details
<ul>
 	<li>ไอคอนสยาม เป็นโครงการมิกซ์ยูสบนพื้นที่ 50 ไร่ ร่วมทุนกันระหว่าง สยามพิวรรธน์ เครือซีพี และ MQDC มูลค่าโครงการกว่า 5 หมื่นล้านบาท ภายในประกอบด้วยศูนย์การค้า หอประชุมและจัดแสดง คอนโดมิเนียม 2 แห่ง พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ และยังมีทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาความยาว 500 เมตร หวังเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก</li>
 	<li>นอกจากนี้ กลุ่มผู้ร่วมทุนจะลงทุนสร้าง รถไฟฟ้าสายสีทอง เชื่อมกรุงธนบุรี-คลองสาน ผ่านหน้าโครงการไอคอนสยาม</li>
 	<li>คอนโดฯ ที่แพงที่สุดในไทยขณะนี้คือ 98 ไวร์เลส บนถนนวิทยุ พัฒนาโดย บมจ.แสนสิริ ราคาเฉลี่ย 5.8 แสนบาทต่อตร.ม. ส่วนราคาสูงสุดอยู่ที่ 7.25 แสนบาทต่อตร.ม.</li>
</ul>

ปั้นให้ถึง 7 แสนบาทต่อตร.ม.! คอนโดฯ หรูในโครงการ 'ไอคอนสยาม' สร้างยอดขายทะลุ 70%

&ldquo;เขยเล็กซีพี&rdquo; ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ พร้อมภรรยา ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทดีที (DT Group) พร้อมผู้มีเกียรติ ร่วมเปิดตัว 4 คอนโดมิเนียมจาก Whizdom ในงาน WHIZDOM DAY กับ 4 โครงการติดรถไฟฟ้า ชั้น 1 (Fashion Hall) SIAM PARAGON 
&nbsp; 
ประกอบไปด้วย Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao ใกล้ MRT ลาดพร้าว กับราคาเริ่มต้นเพียง 3.8 ล้านบาท, และอีก 3 โครงการใกล้ BTS ปุณณวิถี Whizdom Connect Sukhumvit เริ่มต้นที่ 3 ล้านบาท, Whizdom The Exclusive เริ่มต้นที่ 3-12 ล้านบาท และ Whizdom @ Punnawithi Station เริ่มต้นที่ 3-5 ล้านบาท 
&nbsp; 
4 Condominium จาก Whizdom ก่อเกิดภายใต้แนวคิด "คิดและสร้างเพื่อความยั่งยืนของมนุษย์" โดยการคำนึงถึงคุณค่าในการพัฒนาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ ด้วยการยึดหลักการให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันของคนทั้ง 3 รุ่น (3 generations) และสภาพแวดล้อมโดยรวม ความเป็นอยู่ที่สุขสบายและสุขภาพที่ดี รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก และการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และสร้างชุมชนให้เป็นสังคมที่น่าอยู่ 
&nbsp; 
ทั้งนี้ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อการขายและให้เช่า อาคารชุด (คอนโดมิเนียม) รวมถึงโรงแรม และรีสอร์ท ซึ่งแต่ละประเภทได้เตรียมไว้เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทุกท่าน ภายใต้แบรนด์แมกโนเลียส์ และวิสซ์ดอม บ้านแมกโนเลียส์ เซาท์เทิร์น แคลิฟอร์เนีย, แมกโนเลียส์ เซาท์เทิร์น แคลิฟอร์เนีย คอนโดมิเนียม, บ้านพักตากอากาศ แมกโนเลียส์ เฟรนช์ คันทรี่ เขาใหญ่, แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด คอนโดมิเนียม

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events