<h2>PSH ตั้ง “รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” นั่งประธานบอร์ด ดึง “แมนพงศ์ เสนาณรงค์” นั่งกรรมการอิสระ ควบ ประธานคณะกรรมการลงทุน เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH มีมติแต่งตั้ง นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท แทน ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ซึ่งเกษียณอายุครบ 72 ปี ตามข้อกำหนดในกฎบัตรคณะกรรมการบริษัท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส สำเร็จการศึกษา MBA จาก Harvard Business School เป็นอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี (ปี พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2566) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญการบริหารจัดการธุรกิจ เศรษฐกิจ และการลงทุนในองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ การต่างประเทศ การบริหารความเสี่ยง การบริหารจัดการในภาวะวิกฤต และการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติแต่งตั้ง นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ ให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการอิสระ รวมทั้งแต่งตั้งเป็น ประธานคณะกรรมการลงทุน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/mAW8jRHdRF2RvSgUXd5u.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mAW8jRHdRF2RvSgUXd5u.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"><figcaption><div>นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ สำเร็จการศึกษา MBA ด้าน Finance and Quantitative จาก Cleveland State University ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอดีตรองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีความรู้ด้านการจัดการโครงสร้างทางการเงิน โครงสร้างธุรกิจ และการวางกลยุทธ์ธุรกิจ รวมถึงมีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารวาณิชธนกิจ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินให้กับบริษัทเอกชน และสถาบันการเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การแต่งตั้งผู้บริหารครั้งนี้มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “อยู่ดี มีสุข Live Well, Stay Well” โดยปัจจุบัน ธุรกิจของพฤกษา โฮลดิ้ง แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เน้นการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีของทุกกลุ่มลูกค้า รวมถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบเวลเนส เรสซิเดนซ์เต็มรูปแบบ โดยใช้จุดแข็งจากการมีโรงพยาบาลวิมุตอยู่ในเครือ เพื่อยกระดับการอยู่อาศัยที่อยู่ดีมีสุข และ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ที่มุ่งยกระดับการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในวงกว้าง เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/pruksa-appoints-thongma-vijitpongphan-as-acting-ceo-of-the-group" alt="‘พฤกษา’ ปรับทิศทาง-กลยุทธ์ธุรกิจ ตั้ง ‘ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์’ เป็นรักษาการซีอีโอกลุ่ม">‘พฤกษา’ ปรับทิศทาง-กลยุทธ์ธุรกิจ ตั้ง ‘ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์’ เป็นรักษาการซีอีโอกลุ่ม</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

พฤกษา โฮลดิ้ง ตั้ง “รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” นั่งประธานบอร์ด

<h2>แมนพงศ์ เสนาณรงค์ เผยศาสตร์ IPO จัดการธุรกิจครอบครัวเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยจากศูนย์สู่ความสำเร็จด้วยยอดระดมทุนหลักหมื่นล้านบาท พร้อมแนะทักษะที่ต้องมีของผู้ต้องการตบเท้าสู่สายงานนี้ และเผยภาพรวมตลาดหลักทรัพย์และการระดมทุนปีนี้</h2>
Forbes Thailand มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ถึงภาพรวมตลาดทุนไทยในปี 2561 “โดยส่วนตัวผมมองว่าตลาดหุ้นในไทยถ้าเทียบกับในปีที่แล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก อาจมีเหตุการณ์โลกที่มากระทบบ้าง เช่น เหตุการณ์ในซีเรียหรือการประกาศเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าโดยสหรัฐอเมริกา แต่ทั้งหมดกระทบแค่ในระยะสั้นเท่านั้น ทำให้ถ้าจะเกิดผลกระทบกับตลาดหุ้นก็จะมาแค่ในระดับเล็กๆ” แมนพงศ์กล่าวและเสริมถึงภาพรวมการระดมทุนในปีนี้

“ส่วนของการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ้าเทียบไตรมาสแรกของปีนี้กับปีที่แล้วถือว่าเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ช้ากว่าเดิมในระดับหนึ่ง สาเหตุอาจเป็นเพราะปีที่แล้วมันเติบโตเร็วและเติบโตสูงมาก นับแค่เฉพาะการระดมทุนผ่าน IPO ก็สูงแบบมหาศาล ซึ่งในหลักของความเป็นจริงมันก็คือวัฏจักร ถ้าช่วงปีไหนดีมาก ปีถัดมาจะขยับตัวช้าลงทันที เพราะทุกอย่างมันกำลังอยู่ในกระบวนการ”

ด้านทิศทางของหุ้น IPO ในปี 2561 นี้ แมนพงศ์มองว่าขนาดของการระดมทุนจะลดลงมาอยู่ที่ 3-8 พันล้านบาท เน้นหนักไปในกลุ่มต่างจังหวัดมากขึ้น ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปีนี้นิ่งกว่าปีที่แล้วทำให้เราจะมุ่งเน้นไปทางอุตสาหกรรมเรื่องไฟฟ้าที่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอน แตกต่างจากสองปีที่ผ่านมาที่จะเน้นหนักไปที่ Consumer Product เพราะเป็นช่วงที่ตลาดกำลังคึกคัก มีการแข่งขันสูง และพวกเขาก็อยากจะได้เงินทุนในการสนับสนุน

“ปีนี้เรื่องของเออีซีและอีอีซีก็เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้นทำให้เรามองตลาดเรื่องโลจิสติกและธุรกิจค้าปลีกมากขึ้นกว่าเดิม แม้ คอนซูเมอร์โปรดักส์ในตลาดเมืองไทยจะเริ่มอยู่ตัวแต่เรายังสนใจอยู่เนื่องจากประเทศรอบข้างกำลังอยู่ในภาวะตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง”

ทิศทางของธุรกิจปี 2561 มูลค่าของการระดมทุนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านที่อยู่ประมาณ 1.58 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่บริษัทเราเตรียมนำเข้าจดทะเบียนในปีนี้ คือ กลุ่มธุรกิจด้านรีเทล ด้านไฟแนนซ์ และด้านเฮลธ์แคร์ ทั้งนี้ยังมีบริษัทที่อยู่ในแผนการนำเข้าจดทะเบียนในปี 2562 อีก 5 ถึง 7 บริษัท

เสน่ห์ IPO

หุ้น IPO หรือ Initial Public Offering เป็นการเสนอขายหุ้นของบริษัทให้กับนักลงทุนเพื่อเป็นการระดมทุน โดยหุ้น IPO ถือเป็นของใหม่ที่เข้ามาในตลาดทุนจึงมีส่วนลดที่น่าสนใจ ต่างจากหุ้นที่อยู่ในกระดานมานาน เนื่องจากสภาพคล่องของ IPO จะถูกจำกัดอยู่ที่ 5 ถึง 7 วันก่อนที่เทรดออกไป ผมมองว่านี่แหละคือเสน่ห์ของ IPO ที่ทำให้ตลอด 3 ถึง 5 ปีผ่านมานี้ หุ้น IPO ได้รับความสนใจอย่างมาก

“วันแรกที่เริ่มต้นเรานับกันจากศูนย์ไม่มีลูกค้าสักรายแต่ในปีนี้บริษัทได้รับเลือกเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ถึง 4 แห่ง ความสำเร็จทั้งหมดนี้ผมเชื่อว่ามันเกิดขึ้นเพราะความมุ่งมั่นของทีม ทุกคนมีความสามารถที่หลากหลายและที่สำคัญทุกคนเข้าใจในเรื่องไฟแนลเชียล โมเดลเป็นอย่างดี” แมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยกล่าว

ทีมงานคือกลยุทธ์

“การเติบโตของเราผมมองว่าทีมคือส่วนสำคัญ” ด้วยการทำงานที่ปรึกษาทางการเงิน แมนพงศ์จึงเน้นหนักในเรื่องของการคัดเลือกพนักงาน “ทักษะที่ต้องมีติดตัวมาเลย คือ ไฟแนลเชียล โมเดล ทุกคนต้องทำเป็นถ้ามีเรื่องนี้แล้วถัดมาผมจะเน้นหนักที่ทัศนคติ ผมอยากได้คนที่พร้อมสู้ไปด้วยกันนานๆ เนื่องจากการทำงานของเราเป็นการทำงานระยะยาว ถ้าเปลี่ยนบุคลากรบ่อย งานจะไม่มีความต่อเนื่องและยังทำให้การส่งต่องานกับลูกค้าไม่ราบเรียบ”

ทำไมถึงต้องเน้นหนักเรื่องทัศนคติ “เพราะงานของเราต้องเจอกับคนทำธุรกิจหลายรูปแบบ ถ้าคุณมีความคิดจะสู้ มีพลังบวกในตัว ผมเชื่อว่าคุณจะทำทุกเรื่องที่ยากให้สำเร็จได้” แมนพงศ์กล่าวและเสริมว่า

“เรามีทั้งธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ที่ต้องดูแล ในธุรกิจแต่ละประเภทก็มีความต้องการต่างกัน บางธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวที่บริหารงานแบบกงสีเราต้องเน้นหนักในการพูดคุยเพื่อโน้มน้าวเชื่อใจเราในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ขณะที่บางธุรกิจก็เน้นหนักในการทำเอกสาร อยากได้แนวคิดมากมายมารับรอง คนที่จะมาอยู่ตรงนี้ได้ต้องทำทุกอย่างได้ครอบคลุม”

รวมถึงความรู้เรื่องกฎหมายเบื้องต้น มีทักษะด้านบัญชี มีทักษะการโน้มน้าวใจคน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และต้องเป็นคนรู้กว้างและรู้ลึก “ที่นี่เน้นการทำงานแบบ Learn by Job ทุกคนต้องลองแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน จนกระทั่งเข้าตาจนจะมีรุ่นพี่ลงไปช่วย นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาวางใจได้ว่าเราไม่ทอดทิ้งกัน”

Work-Life Balance

สำหรับ Work-Life Balance ของแมนพงศ์ในปัจจุบันเขาเผยว่า ผมตอนนี้มี Life มากกว่า Work เสียอีก นั่นก็เพราะผมสนุกที่จะผลักดันให้ลูกน้องเก่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้าเขายิ่งเก่ง ผมจะยิ่งสบาย และงานก็จะราบรื่นกว่าเดิม” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มเบาๆ หลังเวลางานตอนนี้ผมชอบวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ทำอาหาร และดู Netflix พร้อมกับอ่านหนังสือบ้าง หนังสือส่วนใหญ่ที่ชอบก็เป็นเรื่องการเทรดหุ้น และนิยายฆาตกรรม

“งานของเราสนุกตรงที่ได้ทำงานที่ไม่ซ้ำกัน ได้เจอกับกลยุทธ์ในธุรกิจที่แตกต่างกัน มันทำให้ในแต่ละวันของเราไม่น่าเบื่อ” แมนพงศ์กล่าวพร้อมเผยเคล็ดลับในการทำงานอย่างเดียวคือ “ทำทุกสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดเท่านั้นเองครับนั่นคือเคล็ดลับของผม”

แมนพงศ์ เสนาณรงค์ เผยศาสตร์ที่ปรึกษาทางการเงิน

<h2>บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายสำหรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่ 16.00 บาทต่อหุ้น หลังได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันระดับโลก สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ และศักยภาพในการขยายธุรกิจและความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าระดับภูมิภาค</h2>
จากผลตอบรับดังกล่าว บริษัทฯ จึงได้จัดสรรหุ้นส่วนเกินทั้งหมดจำนวน 651.8 ล้านหุ้นให้แก่นักลงทุนสถาบัน รวมเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายในครั้งนี้ 716.9 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวม 11,470 ล้านบาท

ปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าราคาขายสุดท้ายดังกล่าว ถือเป็นราคาที่เหมาะสม เมื่อคำนึงถึงคุณภาพของนักลงทุนสถาบันที่แสดงความสนใจจองซื้อ ซึ่งทั้งหมดเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสภาวการณ์ตลาดหลักทรัพย์ และเสถียรภาพของราคาหุ้นภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“บี.กริม เพาเวอร์ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในบริษัทฯ บริษัทฯ จะมุ่งหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าให้แล้วเสร็จตามกำหนดและเดินหน้าขยายธุรกิจโดยการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ”

ทั้งนี้ ปรียนาถ กล่าวเสริมถึง นักลงทุนรายใหญ่ (cornerstone investor) ที่เข้ามาเซ็นสัญญาก่อนคือ Asian Development Bank (ABD),  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  รวมกันราว 30 % โดยส่วนที่เหลือเป็นนักลงทุนสถาบันอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความมีศักยภาพที่นักลงทุนรายใหญ่มาร่วมลงทุนกับเรา

“ถือเป็นการกลับมาลงทุนของ ABD ในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมาในเอเชีย โดยการเข้ามาของ ADB เป็นการเข้ามาในลักษณะการให้บริการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft Loan ที่ 20 ล้านเหรียญต่อ 1.8 %  ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่ต่ำมาก ทั้งยังเป็นตัวเลขสำคัญที่สะท้อนการเติบโตของเรา โดย 80 % เป็นนักลงทุนระยะยาวซึ่งไม่เก็งกำไร ส่วนอีก 20 % เป็น Multi-Strategy Fund นำไปสู่ความเสถียรภาพของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่เป็นที่น่าเชื่อถือได้ หลังการเปิดขาย IPO”  ปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวและเสริมถึงเงินที่ได้การระดุมทุนแบ่งใช้เป็น 3 ส่วน โดยนำไปชำระเงินกู้ธนาคารราว 6-7 พันล้านบาท นำไปลงทุนโครงการที่ระหว่างก่อสร้าง และ SPP Replacement ซึ่งเป็นสัญญา 25 ปี 3 โครงการ ประมาณ 3 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นส่วนของเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการลงทุนในอนาคต

ด้าน แมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมถึงการเสนอขายในครั้งนี้เป็นการเสนอขายหุ้นใหม่ทั้งหมด 651.8 ล้านหุ้น และมีหุ้นเป็นการจัดสรรหุ้นส่วนเกินเป็น option ที่ 65.1 ล้านหุ้น หรือคิดประมาณ 10%

“โดยภาพรวมหุ้นถูกกระจายไปภายในประเทศที่ 65% ต่างประเทศ 45%  แต่ถ้าคิดเป็นสัดส่วนระหว่างนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนธรรมดา โดยนักลงทุนสถาบันระหว่างไทยและเทศที่ 77 % และบุคคลธรรมดาที่ 33 % ส่วนราคาที่เสนอขายราคาสุดท้ายที่ 16 บาท” แมนพงศ์ เสนาณรงค์ กล่าวและเสริมว่า

“ในฐานะที่ปรึกษาทางด้านการเงินทั้งไทยและเทศต้องเรียนว่าเป็นความสำเร็จของผู้บริหารได้ทำหน้าที่สามารถนำเสนอข้อมูลบริษัทได้อย่างดี โดยต้องให้เครดิตกับผู้บริหารเป็นอันดับที่หนึ่งเรื่องที่สองเป็นเรื่องของการกระจายที่ได้คุณภาพซึ่งนักลงทุนที่เข้าเป็นสถาบันที่ถึง 77 % การที่มีสถาบันที่มีคุณภาพเข้ามาลงทุนทำให้เราเชื่อว่าในการลงทุนระยะยาว ทำให้ผู้หุ้นได้รับโอกาสสูงสุด”

บี.กริม เพาเวอร์ เคาะราคา IPO สุดท้ายที่ 16.00 บาท ต่อหุ้นได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกอย่างท่วมท้น โดยมีความต้องการซื้อหุ้นมากกว่า 6.5 เท่า

แมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (คนที่ 2 จากซ้าย) เป็นตัวแทนรับ รางวัล Thailand Capital Market Deal of The Year - BANPU Power's IPO - BPP จากงาน IFR Awards 2016 ซึ่งเป็นการมอบรางวัลที่สุดแห่งปีของวงการตลาดเงินและตลาดทุนเอเชียที่จัดขึ้นโดย IFR Asia ซึ่งเป็นองค์กรผู้นำด้านข้อมูลข่าวสารตลาดเงินและตลาดทุนที่ได้รับความเชื่อถือจากทุกกลุ่มธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย  ณ Four Season Hotel  Hong Kong

บล.กสิกรไทยคว้ารางวัลสุดยอด IPO แห่งปี ของภูมิภาคเอเชีย

เรื่อง: กชกร บุญลาย ภาพ: Bangkok Post, บล. กสิกรไทย (สมภพ กีระสุนทรพงษ์, แมนพงศ์ เสนาณรงค์, สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม) 
การทำ IPO ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพียงมีหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีอยู่ในมือเท่านั้น แต่การมองแนวโน้มตลาดได้อย่างแม่นยำ คือความสามารถสำคัญซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินจะต้องมี สมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (จำกัด) มหาชน หนึ่งใน FA ที่ประสบความสำเร็จในการทำดีลขายหุ้น IPO และนำบริษัทลูกค้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อปีที่ผ่านมามองว่า ปีนี้และปีหน้าทิศทางตลาดหุ้น IPO ยังดีด้วยเหตุที่ว่าขนาดของเศรษฐกิจไทยใหญ่ขึ้นและกำลังฟื้นตัว รวมทั้งผู้ประกอบการมีมากขึ้น การส่งเสริมให้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนให้กับกิจการโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินกู้เพียงอย่างเดียว 
 
หลักสำคัญของการเข้าตลาด คือการหาทุนเพื่อใช้ขยายกิจการ โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งมีจำนวนมากที่ต้องการทุน เห็นได้ว่าในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา กิจการขนาดกลางและเล็กเข้าตลาดหุ้นกันมาก ขณะที่กิจการขนาดใหญ่นั้น รู้ดีอยู่แล้วว่าการเข้าตลาดหุ้นได้เปรียบอย่างไร 
 
&ldquo;กิจการขนาดใหญ่เขารู้ดีว่าอยู่ในตลาดได้เปรียบในแง่การแข่งขันลองสังเกตอุตสาหกรรมเดียวกัน คนหนึ่งเข้าเดี๋ยวอีกคนก็ตามมา มีโรงน้ำตาลโรงแรก ก็มีโรงที่สอง และที่สามมันเป็นเรื่องของต้นทุนคนที่ระดมทุนจากตลาดโดยไม่ต้องควักกระเป๋าของตัวเอง ได้เงินทีหลายพันล้านมาต่อยอดธุรกิจของตัวเอง วันนี้คนเข้าใจอยู่นอกตลาดแข่งไม่ได้&rdquo; 
 
สิ่งแรกที่เจ้าของกิจการต้องมี คือความตั้งใจจริงที่จะนำธุรกิจของตัวเองเข้าตลาด ต้องพร้อมที่จะปรับระบบบัญชีให้ได้มาตรฐานปรับปรุงระบบควบคุมภายในให้เป็นไปตามเกณฑ์พร้อมสำหรับการถูกตรวจสอบการทำงานให้เป็นไปอย่างโปร่งใส และสุดท้ายต้องพร้อมในแง่ของบุคลากรที่จะรองรับการเติบโต 
 
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งปีที่แล้วดีลหุ้น IPO ภายใต้การดูแลของเขาที่กล่าวถึงมาก คือ บมจ. เซ็บเป้ (SAPPE) เพราะทำกำไรให้นักลงทุนอย่างงามเทรดวันแรกราคาปิดสูงกว่าราคาจอง 105.56% เขามีมุมองที่สอดคล้องกับสมภพว่า หุ้น IPO ปีนี้ยังสดใส โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี ที่ประเมินว่าจะเห็นความชัดเจนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศ ช่วยหนุนการลงทุนในตลาดหุ้น 
 
&ldquo;ตอนแรกเราคิดว่าครึ่งปีแรกคงจะฟื้น แต่ในวันนี้ภาพความชัดเจนยังไม่ได้ 100% ถามว่างบประมาณที่รัฐตั้งขึ้นมามีไหม ก็มีอยู่ อย่างไรโครงการต่างๆ ก็ต้องเกิดถ้าความชัดเจนออกมาว่าเริ่ม implement ตรงนั้น น่าจะทำให้ทุกอย่างโอเค&rdquo; 
 
แมนพงศ์ บอกถึงความมั่นใจของเขาที่มีต่อการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ ทั้งนี้ มาตรการคิวอีในยุโรป จะทำให้มีเม็ดเงินส่วนหนึ่งไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งไทยน่าจะเป็นประเทศหนึ่งที่น่าสนใจจากประเด็นการลงทุนของภาครัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง ส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการถูกลง ในแง่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะปรับตัวดีขึ้น 
 
&ldquo;เราไม่ได้มองว่าตลาดจะแย่ ถ้าซึมๆ การขายหุ้น IPO ไม่มีปัญหา อยู่ที่ว่าเรากำหนดราคาให้สอดคล้องกับพื้นฐานและภาวะตลาดในช่วงนั้น แต่ถ้าตลาดไม่ดีจริง เช่น เศรษฐกิจถูกกระทบอย่างแรงหรือมีสถานการณ์เกิดขึ้น กระทบต่อสังคมรุนแรง ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะให้ลูกค้าชะลอไปก่อน&rdquo; 
 
หุ้น IPO ภูธร 
 
ปี 2542 Market for Alternative Investment หรือ MAI ก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับกิจการขนาดกลางและเล็ก ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนใน MAI รวม113 บริษัท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 4.2 แสนล้านบาท ตลาด MAI เติบโตเร็วมาก เพราะหลักเกณฑ์คุณสมบัติบริษัทที่จะเข้าตลาด ผ่อนคลายมากกว่าตลาดใหญ่ จึงเอื้อต่อกิจการขนาดกลางและเล็ก ที่จะใช้เป็นแหล่งระดมทุนตั้งแต่ 100-1,000 ล้านบาท 
 
&ldquo;บริษัทเล็กกว่าจะกู้เงินได้เป็นเรื่องยาก เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ไม่มีใครแนะนำ เรียกว่าลูกเมียน้อยยังไม่ได้เลย ต้องเรียกว่าเป็นลูกที่ถูกลืมถึงจะถูก เราเองเคยทำสินเชื่อมาก่อน ไปมาทุกจังหวัด จึงมีความคิดว่า เราอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันกิจการเหล่านี้ ให้เข้าตลาด&rdquo; สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม CEO บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM กล่าวไว้ 
 
&ldquo;เป็นนโยบายของเราที่บุกภูธร เพราะเราเป็น firm เล็ก และเราได้ไปสัมผัสลูกค้ามานาน เข้าถึงลูกค้าแนะเขาได้เรื่องแหล่งเงิน เราถูกฝึกมาไม่ให้สำอางนี่คือสิ่งที่ทำให้ APM ไม่เหมือนองค์กรอื่น เลยโดนใจลูกค้าภูธร&rdquo; สมภพ พูดถึงจุดแข็งของเขา 
 
สมภพ บอกว่า หุ้น IPO ที่จะเข้าตลาด MAI ยังคึกคัก การที่มีนักลงทุนเข้ามาในตลาดมากขึ้นย่อมมองหาหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี มีสภาพคล่องสูง ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโต ดังนั้นบริษัทที่จะเข้าตลาดไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ หากมีรายได้ประมาณ 150-200 ล้านบาทต่อปี ทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ก็เข้าตลาดหุ้นได้ ขอให้มีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจและเตรียมตัวตามคำแนะนำของที่ปรึกษาทางการเงิน โดยเฉพาะเรื่องการปรับระบบบัญชี ที่บริษัทในต่างจังหวัดยังไม่ค่อยได้มาตรฐาน 
 
&ldquo;บริษัทดีๆ ในต่างจังหวัดยังมีอีกเยอะ ช้างเผือกที่ซ่อนอยู่ในป่ายังมีอีกมาก เราจะค้นหาช้างเผือกเหล่านี้ เพื่อนำมาอวดโฉมให้นได้รู้จัก&rdquo; สมภพ บอกในตอนท้ายก่อนจบการสนทนา 
<hr />

	<a href="http://goo.gl/1z6SSr"><img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/JUNE%202015/15JC015-1-re.jpg" /></a> 
	<a href="http://goo.gl/1z6SSr">อ่านฉบับเต็ม "มุมมอง FA กับทิศทาง IPO ครึ่งหลังปีแพะ" Forbes Thailand: The Essential Guide for Enrichment ฉบับพิเศษประจำ JUNE 2015</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events