<h2>โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ และ ฮ่องกงแลนด์ ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงสำหรับตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ ภายใต้แบรนด์เนมใหม่</h2>
โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ เป็นเจ้าของพื้นที่บนถนนวิทยุ ขนาด 3 ไร่  ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบริเวณสถานทูตอังกฤษเดิมที่ทางฮ่องกงแลนด์กำลังจะร่วมพัฒนาที่ดินเพื่อสร้างโครงการ mixed-use ระหว่างพื้นที่ค้าปลีกและพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมี่ยมบนพื้นที่กว่า 20 ไร่

สำหรับการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์นี้  ทางบริษัทร่วมทุนจะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาที่ดินบนถนนวิทยุ บนพื้นที่ 3 ไร่ดังกล่าว โดยคาดว่าจะพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่โดยจะมีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 60,000 ตารางเมตรหรือคิดเป็นมูลค่าโครงการรวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท

เมื่อพัฒนาแล้วเสร็จจะเป็นการเพิ่มเติมส่วนที่พักอาศัยที่เป็นลักษณะการขายขาด (Freehold) ซึ่งจะเป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับโครงการ mixed-use บริเวณสถานทูตอังกฤษ บนถนนวิทยุที่จะถูกพัฒนาขึ้นในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีนับจากนี้

ธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมทุนระหว่างโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ และ ฮ่องกงแลนด์ ครั้งนี้เป็นการร่วมทุนครั้งสำคัญของบริษัทฯ เนื่องจากเป็นการร่วมทุนพัฒนาโครงการครั้งแรกของโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งการร่วมทุนครั้งนี้เป็นการได้ประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย ด้วยการผนึกกำลังความสามารถ ความเชี่ยวชาญ ในการเป็นผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่จะเป็นหนึ่งในโครงการที่ดีที่สุดบนทำเลที่สวยที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ บนถนนวิทยุ ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต

ด้าน Frank Leung รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ และ ฮ่องกงแลนด์ ต่างมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่มากว่าหลายสิบปี ซึ่งโครงการที่ผ่านมาของทั้ง 2 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงเป็นที่จดจำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดี

"เราเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะได้รับความสนใจและการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่รอดูผลสำเร็จของโครงการที่เกิดจากความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทฯในครั้งนี้" Leung กล่าว

&nbsp;

ข้อมูลประกอบภาพ (จากซ้ายไปขวา)
<ol>
 	<li>Frank Leung รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)</li>
 	<li>ธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)</li>
 	<li>Wee Hsien Tan, Head of Development Property, (South Asia), Hongkong Land</li>
 	<li>William Bright, Country Manager, Hongkong Land</li>
</ol>

โนเบิล จับมือ ฮ่องกงแลนด์ ร่วมทุนพัฒนาที่ดินถนนวิทยุ สร้างคอนโดฯ ซูเปอร์ลักชัวรี่

<h2>หลังจาก 8 ปีและศึกใหญ่ในศาลผ่านพ้นไป ชิ้นส่วนสุดท้ายใน ‘โครงการอสังหาฯ Capitol’ ของ Pua Seck Guan ที่เป็นแลนด์มาร์กของสิงคโปร์ก็ได้เปิดบริการ</h2>
ในที่สุดโรงแรมหรูขนาด 157 ห้องใน โครงการ Capitol ก็ได้เปิดบริการเมื่อ 2 เดือนก่อนภายใต้แบรนด์ Kempinski จากสวิตเซอร์แลนด์ และถือเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามที่สร้างความบอบช้ำให้สองยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ซึ่งปะทะกันจนกลายเป็นคดียืดเยื้อในชั้นศาล แม้ Pua Seck Guan จะพ่ายแพ้ แต่สุดท้าย Perennial Real Estate Holdings ของเขาก็ได้ครองโครงการทั้งหมด

โรงแรมนี้เป็นโรงแรมแห่งแรกของ Kempinski ในสิงคโปร์นับตั้งแต่ขยายธุรกิจเข้ามาในเอเชีย ต่อจาก Kempinski ในกรุงเทพฯ และ Jakarta ส่วนโรงแรมที่ Bali จะตามมาในปีหน้า และที่ Kuala Lumpur ในปี 2020 Kempinski เพิ่งเซ็นสัญญาเมื่อเดือนพฤษภาคม และเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา แผนกการตลาดของ Kempinski กล่าวว่าที่ผ่านมา “มียอดจองห้องและสอบถามข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

<figure><img class="size-full wp-image-4296" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/singapore-capitol-sg-2.jpg" alt="" width="720" height="400" /><figcaption> พื้นที่รีเทล Capitol Piazza ภายในโครงการ Capitol (PHOTO CREDIT: Perennial)</figcaption></figure>

จุดอ่อนของ โครงการอสังหาฯ Capitol คือห้าง Capitol Piazza ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 2015 ห้างนี้อยู่ตรงสี่แยกตัดกับถนน North Bridge ภายในมีร้านค้าระดับสูงอย่าง Cortina Watch, ร้านเครื่องกระเบื้องจากฝรั่งเศสและเครื่องแก้วอย่าง Daum-Haviland และร้านเครื่องใช้สำหรับโต๊ะอาหารจากเยอรมนีอย่าง Villeroy &amp; Boch แต่ส่วน Galleria ที่เป็นถนนคนเดินภายในอาคารกลับไม่ตีตลาดคนรวยเท่าไรนัก

ส่วนคอนโดฯ หรู Eden Residences Capitol ก็ขายได้เพียง 16 จาก 39 ยูนิต โดยยูนิตสุดท้ายขายไปราคา 7.5 ล้านเหรียญเมื่อปี 2015 ขณะเดียวกัน Capitol Theatre อายุ 89 ปีซึ่งปรับปรุงใหม่ด้วยงบประมาณ 45 ล้านเหรียญก็เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปี 2015 เช่นกัน หลังจากโรงภาพยนตร์แห่งนี้ไม่มีการใช้งานมากว่า 1 ทศวรรษแล้ว

เป้าหมายของ Perennial ที่ตั้งไว้สำหรับ Capitol Theatre คือการเป็นสถานที่สำหรับจัดอีเวนต์ โรงภาพยนตร์ขนาด 977 ที่นั่งแห่งนี้ได้จัดงานฉายภาพยนตร์และเดินพรมแดงเรื่อง Crazy Rich Asians ไปเมื่อเดือนสิงหาคม พื้นห้องราคา 10 ล้านได้รับการปรับปรุงให้ย้ายเก้าอี้ 500 ที่นั่งออกไปเก็บเพื่อเปลี่ยนโรงภาพยนตร์ให้กลายเป็นห้องบอลรูมได้ แต่ Perennial ยังไม่ให้คำตอบว่าโรงภาพยนตร์แห่งนี้สร้างกำไรได้หรือยัง

&nbsp;
<h2>โครงการร่วมทุนติดหล่ม</h2>
Pua เล่าถึงเหตุการณ์ในปี 2010 เมื่อเขากับสมาชิกอีก 2 คนของกลุ่มร่วมลงทุน ซึ่งได้แก่ Kwee Liong Seen นักธุรกิจใหญ่ชาวสิงคโปร์แห่ง Pontiac Land Group และ Sukmawati Widjaja ลูกสาวของนักธุรกิจใหญ่ชาวอินโดนีเซีย Eka Tjipta Widjaja แห่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Top Global จับมือกันประมูลโครงการมูลค่า 190 ล้านเหรียญ ชนะคู่แข่ง 14 รายจนได้อาคารที่เป็นทรัพย์สินของรัฐบาลมา

Pua เชี่ยวชาญด้านการค้าปลีก ส่วน Kwee ชำนาญเรื่องโรงแรม และ Sukmawati เก่งเรื่องที่พักอาศัย “เราวางแผนกันอย่างดี” Pua กล่าว “ไม่หวงเงินแม้แต่เซนต์เดียว”

<figure><img class="size-full wp-image-4297" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Banks-Live-in-Singapore-1.jpg" alt="" width="799" height="446" /><figcaption> Capitol Theatre หลังการรีโนเวต</figcaption></figure>

แต่ต่อมาในปี 2012 Sukmawati ขายหุ้นให้ Ron Sim มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Osim International ซึ่งขณะนี้เป็นรองประธานของ Perennial และอีกรายคือ Chesham Properties ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Pontiac Land แต่เมื่อ Perennial และ Chesham ถือหุ้นโครงการคนละครึ่ง ความขัดแย้งระหว่าง Pua กับ Kwee จึงตามมา
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม<a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=2741"> ทำเนียบ 10 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดแห่งสิงคโปร์ ปี 2018</a></li>
</ul>
Pua ชะงักเล็กน้อยเมื่อถูกถามเรื่องความขัดแย้งซึ่งตามรายงานกล่าวว่าเริ่มก่อตัวในปีถัดมา “เราพยายามอย่างมาก แม้จะมีหลายฝ่ายพยายามเข้ามาช่วย แต่เราก็ตกลงกันไม่ได้ในขั้นพื้นฐาน” เขาเล่า

จากบันทึกข้อมูลคดีในศาล ความขัดแย้งครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ “ปัญหาสำคัญจำนวนหนึ่ง” ซึ่งรวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายและเรื่องกำหนดเวลาเซ็นสัญญา joint venture แต่ Pua ปฏิเสธที่จะพูดถึงรายละเอียดตามบันทึกดังกล่าว

<figure><img class="size-full wp-image-4295" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Perennial-Pua-Seck-Guan.jpg" alt="" width="800" height="552" /><figcaption> “เราดีใจมากที่สุดท้ายแล้วเราได้มาทั้งโครงการ เพราะมันเป็นแฟล็กชิปของเรา” - Pua Seck Guan</figcaption></figure>

ในปี 2016 Perennial ขึ้นศาลเพื่อขอให้ตุลาการสั่งยุติกิจการของบริษัทร่วม 3 แห่ง แม้ตุลาการจะรับทราบว่า “การสูญเสียความเชื่อใจกันและกัน” ส่งผลให้โครงการนี้ “ดำเนินการต่อไม่ได้” แต่ศาลก็ไม่รับคำร้องและไม่รับการอุทธรณ์ “เราเลยติดหล่ม” Pua กล่าว

Pua กลับไปหา Kwee เพื่อยื่นข้อเสนอที่เคยยื่นมาแล้วครั้งหนึ่งคือให้ Kwee ซื้อหุ้น 50% ในส่วนของ Perennial ด้วยราคา 400 ล้านเหรียญ “แต่พวกเขาตัดสินใจว่าไม่อยากซื้อ เราก็เลยขอซื้อ (หุ้นในส่วนของ Chesham) ในราคาเท่ากัน ด้วยเงื่อนไขเดียวกัน” เขาเล่า ดีลนี้เกิดขึ้นเดือนมีนาคม “เราดีใจมากที่สุดท้ายเราได้มาทั้งโครงการเพราะมันเป็นแฟล็กชิปของเรา”

&nbsp;
<h2>แฟล็กชิปโปรเจ็กต์ที่ฉุดรั้งความสำเร็จ?</h2>
อย่างไรก็ตาม Pua ตัดความกังวลเรื่องโครงการ Capitol ออกไปได้อย่างรวดเร็ว เขากล่าวว่าโครงการนี้คิดเป็นการลงทุนเพียง 10% ของบริษัท และการลงทุน 67% ในพอร์ตโฟลิโอเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการใช้งานแบบผสมผสานในจีน บริษัทมีโครงการ 3 แห่งในเมือง Chengdu, Xi’an และ Tianjin อยู่ใกล้เครือข่ายรางรถไฟความเร็วสูงของจีน ซึ่งในโครงการจะมีทั้งร้านค้า โรงแรม และศูนย์การแพทย์ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการลงทุนในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และกานาด้วย

ธนาคาร 2 แห่งที่วิเคราะห์หุ้นของ Perennial แนะนำให้ “ซื้อ” โดย DBS เรียกโครงการของ Perennial ในจีนว่าเป็น “อัญมณีที่ซ่อนเร้น” ส่วนรายงานของ CIMB กล่าวว่า “การเร่งทำโครงการ Capitol ในสิงคโปร์ซึ่งเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด” จะเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นที่มีศักยภาพให้เกิดการเติบโต
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม: <a href="http://www.forbesthailand.com/news-detail.php?did=2704">ทำไมผู้เล่นในตลาดอสังหาฯ สิงคโปร์ถึงหันมาไล่ซื้อ 'ตึกแถว' ทรงอนุรักษ์</a></li>
</ul>
อย่างไรก็ตาม มีคนในวงการที่ยังไม่มองสถานการณ์ของ Perennialในแง่ดี คู่แข่งรายหนึ่งก็พูดถึงสิ่งที่น่ากังวลเกี่ยวกับการลงทุนในจีนของ Perennial โดยชี้ไปที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งชะลอตัวลงการที่รัฐบาลเข้ามาควบคุมมากขึ้น และการที่ผู้บริโภคเลือกช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น

คู่แข่งอีกรายตั้งข้อสงสัยว่าโครงการ Capitol จะไปได้สวยตามที่คาดไว้หรือไม่ เพราะร้านค้าระดับสูงจะระมัดระวังเรื่องการเข้าไปแทนที่ร้านค้าระดับกลาง ส่วน Kempinski ก็ต้องแข่งขันอย่างดุเดือดกับโรงแรมหรูอีกหลายแห่งในย่านนี้

<figure><img class="size-full wp-image-4298" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/05_Capitol_Redevelopment_02-e1549213534270.jpg" alt="" width="800" height="427" /><figcaption> Eden Residences Capitol พื้นที่ที่อยู่อาศัยเพื่อขายภายในโครงการ Capitol (PHOTO CREDIT: a61.com.sg)</figcaption></figure>

ขณะเดียวกัน ผู้มีประสบการณ์ในฐานะนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ Samuel Eyo กรรมการผู้จัดการของ Lighthouse Property Consultants กล่าวว่าคอนโดฯ Eden Residences Capitol นี้สามารถ “ปรับตำแหน่งในตลาด” เพื่อเจาะกลุ่มเศรษฐีใหม่รุ่น Millennial ได้ แต่ต้องทำหลังจากอัพเกรดร้านค้าปลีกในโครงการ Capitol แล้วเท่านั้น

“เศรษฐีรุ่นใหญ่กว่านั้นไม่เลือก North Bridge เป็นที่อยู่อาศัยระดับหรูหรอก” เขากล่าว และเสริมว่าปัจจุบันคอนโดฯ แห่งนี้ต้องแข่งกับโครงการ South Beach ที่ตั้งอยู่ใกล้กัน ซึ่งเพิ่งปล่อยห้องหรูจำนวน 190 ยูนิตออกสู่ตลาด “ตึกคู่แข่งยังใหม่เอี่ยม แต่ Eden เปิดขายมานานแล้ว ดังนั้นก็ต้องทำตลาดอย่างหนัก”

เมื่อถามถึงบทเรียนที่ได้รับจากโครงการ Capitol สิ่งแรกที่ Pua เอ่ยถึงคือความอดทนในการแก้ปัญหาขัดแย้ง เมื่อถามว่ามีบทเรียนอื่นอีกไหม เขาตอบว่า “ผมคิดว่า ถ้ามีหุ้นส่วนที่เราไม่เคยดีลด้วยมาก่อน สิ่งสำคัญคือต้องอุดช่องโหว่ทุกอย่างตั้งแต่ในกระดาษ และเราเชื่อใจหุ้นส่วนระยะยาวได้แค่บางรายเท่านั้น”

&nbsp;

เรื่อง: Jane A. Peterson
เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง

<hr />

<a href="http://bit.ly/ForbesTHJan2019">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มของ "หลุดจากหล่ม" ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มกราคม 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://bit.ly/ForbesTHJan2019"><img class="alignnone wp-image-4278" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Forbes-Thailand-ฉบับมราคม-2562-Bill-Heinecke.jpg" alt="" width="250" height="328" /></a>

หลุดจากหล่ม: Perennial ปิดคดียืดเยื้ออุปสรรค ‘โครงการอสังหาฯ Capitol’

เพอร์เฟค ปี 2562 ‘play safe’ ตั้งเป้ายอดขาย ‘ไม่เติบโต’ หลังตลาดคอนโดฯ ซบเซา

<h2>Shinwa Group บริษัทอสังหาฯ-รับเหมาก่อสร้างจาก Osaka แถลงความสำเร็จคอนโดฯ ร่วมทุนกับวรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้แห่งแรกในไทยขายหมด 100% เล็งที่ดินขึ้นโครงการต่อเนื่อง 2 แห่งปี’61 เปิดกว้างรับผู้ร่วมทุนไทยรายใหม่</h2>
Tomoyasu Yamabe ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ดับเบิ้ลยู-ชินวะ จำกัด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชินวะ ดิเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า โครงการคอนโดมิเนียม รูเนะสุ ทองหล่อ 5 มูลค่าโครงการ 1.2 พันล้านบาท เนื้อที่ 1 ไร่ จำนวน 156 ยูนิต ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง Shinwa Group ประเทศญี่ปุ่น กับ บริษัท วรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้บริษัท ดับเบิ้ลยู-ชินวะ จำกัด ปัจจุบันขายหมด 100% แล้ว อยู่ระหว่างรอรับใบอนุญาตก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถตอกเข็มได้ภายในเดือนนี้และก่อสร้างแล้วเสร็จ ไตรมาส 1 ปี 2562

โดยคอนโดฯ รูเนะสุ ทองหล่อ 5 ถือเป็นโครงการแรกที่ Shinwa Group เข้ามาลงทุนในประเทศไทย มีจุดเด่นที่การใช้นวัตกรรมการก่อสร้างและวัสดุจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะนวัตกรรม รูเนะสุ ซึ่งผลิตจากเหล็กรูปแบบพิเศษ Sigma Beam ลิขสิทธิ์ของ Shinwa Group ที่ทำให้อาคารสามารถเปลี่ยนช่องว่างระหว่างพื้นกับคานมาใช้สำหรับเป็นพื้นที่เก็บสิ่งของใต้พื้นห้องได้ เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมซึ่งมีพื้นที่จำกัด

<figure><img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/47d28052b5d11c705f397e063bc9e285.png" alt="" width="680" height="454" /><figcaption> ตัวอย่างนวัตกรรมพื้นรูเนะสุ สามารถเก็บของใต้พื้นห้องชุดคอนโดมิเนียมได้</figcaption></figure>

Yamabe กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนในประเทศไทยจะยังมีอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายระยะสั้น 2-3 ปีจากนี้ต้องการลงทุนราว 2-3 โครงการต่อปี โดยปี 2561 มีแผนลงทุนแล้ว 2 โครงการ คือ โครงการแนวสูงบริเวณเอกมัย ทองหล่อ หรือพร้อมพงษ์ และโครงการโฮมออฟฟิศย่านศรีนครินทร์ มูลค่ารวมทั้ง 2 โครงการประมาณ 2-3 พันล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน

ทั้งนี้ การร่วมทุนกับบริษัทไทยจะเจรจาเป็นรายโครงการ โดยให้สิทธิวรลักษณ์ พร๊อพเพอร์ตี้ซึ่งเป็นพันธมิตรรายแรกของ Shinwa Group ได้พิจารณาการร่วมทุนก่อน แต่ยังเปิดกว้างให้บริษัทไทยอื่นๆ ติดต่อร่วมเป็นพันธมิตรกันได้

Yamabe กล่าวต่อว่า ด้านแผนระยะยาวในระยะ 10 ปี บริษัท ชินวะ ดิเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด ต้องการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร นั่นคือเป็นดีเวลลอปเปอร์ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้บริหารจัดการอาคาร (นิติบุคคล) และรับบริหารจัดการปล่อยเช่าแบบเซอร์วิส อะพาร์ตเมนท์ด้วย คล้ายคลึงกับธุรกิจของ Shinwa Group ในเมือง Osaka ประเทศญี่ปุ่น โดยมีแกนหลักของธุรกิจคือการพัฒนาจัดสรร ปัจจุบันได้รุกคืบสู่ธุรกิจบริหารปล่อยเช่าแล้วโดยทดลองซื้อห้องชุด 7 ยูนิตในคอนโดฯ แห่งหนึ่งมาบริหารเพื่อทดลองการทำงานในตลาดไทย

ทั้งยังมองว่าอนาคตอาจมีการขายลิขสิทธิ์นวัตกรรมพื้น-คานรูเนะสุของบริษัทให้ดีเวลลอปเปอร์รายอื่นทั้งในไทยและประเทศอื่นในอาเซียนนำไปใช้ได้ เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งในการทำธุรกิจ

<figure><img style="width: 680px; height: 510px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6fbe4c8ad93d5efafb775622f7253b87.png" alt="" width="680" height="510" /><figcaption> (ซ้าย) Tomoyasu Yamabe  และ (ขวา) วิชัย จุฬาโอฬารกุล</figcaption></figure>

“Shinwa Group มีนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ แต่หลังจากศึกษาหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาะกวม จีน ไทย สุดท้ายตัดสินใจเลือกประเทศไทยเพราะมีบริษัทญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นอยู่มาก ทำเลประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน และตลาดอสังหาฯ ของไทยยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว อนาคตการพัฒนาโครงการจัดสรรของบริษัทยังมีนวัตกรรมนำเสนออีกมาก ทั้งในคอนโดฯ บ้าน ทาวน์เฮาส์ และบ้านพักผู้สูงอายุ (Long Stay Home) ที่เราต้องการนำเสนอความแปลกใหม่ให้กับประเทศไทย” Yamabe กล่าว

ด้าน วิชัย จุฬาโอฬารกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ดับเบิ้ลยู-ชินวะ จำกัด และ กรรมการ บริษัท ชินวะ ดิเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า โครงการรูเนะสุ ทองหล่อ 5 ปิดยอดขายโครงการทั้งหมดแล้ว แบ่งเป็นยอดขายจากลูกค้ารายบุคคล 65% และลูกค้าเอเย่นต์ซื้อแบบบิ๊กล็อต 35% โดยโครงการได้รับความสนใจทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น ฮ่องกง จีน ยุโรป ปัจจุบันราคาห้องชุดเฉลี่ยอยู่ที่ 2.4 แสนบาท/ตร.ม. (ราคาขายรีเซลจากเอเย่นต์)

<figure><img style="width: 680px; height: 510px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ca037466d1f7ce5788d41bed07b0e8bf.png" alt="" width="680" height="510" /><figcaption> พื้นรูเนะสุในห้องตัวอย่างโครงการรูเนะสุ ทองหล่อ 5 ทำให้ออกแบบห้องชุดเล่นระดับความสูงต่ำได้</figcaption></figure>

<img style="width: 680px; height: 510px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/20ba43c18f63c8962a974efa7cd05605.png" alt="" />

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d0e1eb07c64ceb4b3f4b306ab2be5262.png" alt="" width="340" height="453" /><figcaption> ห้องน้ำสำเร็จรูปติดตั้งด้วยวัสดุกระเบื้อง Mushu-kan Tile เทคโนโลยีญี่ปุ่นที่ช่วยควบคุมความชื้นและดูดซับกลิ่น</figcaption></figure>

&nbsp;

Forbes Facts

Shinwa Group เป็นบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ใน Osaka ประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ.2494 พื้นฐานธุรกิจเริ่มต้นจากการเป็นรับเหมาก่อสร้าง ก่อนจะขยับมาเป็นดีเวลลอปเปอร์เมื่อ 23 ปีก่อน และยังขยายธุรกิจไปสู่การบริหารอาคารและบริหารการปล่อยเช่า รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า เช่น โรงแรม และธุรกิจสปา รายได้ปี 2559 อยู่ที่กว่า 1.13 หมื่นล้านบาท

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events