<h2 dir="auto">สลิงชอท เปิดโปรแกรมใหม่ Leadership Wellness โค้ชชิ่งเปลี่ยนวิธีคิดไปสู่ "สุขภาพกายและจิตผู้นำองค์กร" ที่ดีขึ้น เป็นต้นแบบให้พนักงาน ช่วยสร้างประสิทธิภาพการทำงาน วางเป้าหมายรับสมัคร 60 คนภายในปีนี้</h2>
<div dir="auto">
ดร.สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า สลิงชอทมีการจัดโปรแกรมใหม่สำหรับผู้บริหาร คือ Leadership Wellness โดยเป็นโปรแกรมที่มุ่งเน้นด้านเวลเนส ไม่ใช่เฉพาะด้านความงามหรือชะลอวัย แต่เป็นเวลเนสทั้งด้านร่างกายและจิตใจสำหรับผู้นำองค์กรซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของพนักงาน นำไปสู่ผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัท
สลิงชอทอ้างอิงผลวิจัยจากการสำรวจผู้นำองค์กร พบว่า 88% ของผู้นำมองว่าความเครียดเกิดจากการทำงานในบทบาทผู้นำ และ 66% เชื่อว่าตนเองเครียดมากกว่าเมื่อ 5 ปีก่อน สะท้อนภาพของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วทำให้ผู้นำสะสมความเครียดมากกว่าเดิม ดังนั้น การสร้างวัฒนธรรมเวลเนสจึงเป็นเทรนด์ที่สำคัญของยุคใหม่


<figure><img class="size-full wp-image-12110" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/BID_9806-e1563881306603.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> ดร.สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด</figcaption></figure>
ด้าน มัณฑนา รักษาชัด กรรมการผู้จัดการ กลุ่มกิจการธุรกิจหลัก บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด กล่าวต่อว่า แม้หลายบริษัทจะให้ความสำคัญกับเวลเนสของคนทำงาน โดยมีการให้สิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องแก่พนักงาน เช่น สมาชิกสถานออกกำลังกาย คอร์สโยคะในออฟฟิศ แต่ผลวิจัยพบว่า สุดท้ายแล้วมีพนักงานเพียง 24% ที่เข้าร่วมคอร์สเหล่านั้น
"แม้ว่าจะมีอุปกรณ์อะไรต่างๆ ให้ แต่การเปลี่ยนพฤติกรรมต้องมีกระบวนการ และผู้นำต้องแสดงให้เห็นก่อนเพื่อเป็นแรงบันดาลใจกับพนักงาน" มัณฑนากล่าว “เราอยากให้เขามีพลังในการทำงาน”

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/hr/%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%b3-%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3.html">เปิดบุคลิกผู้นำ 4 แบบแห่ง “ยุคอุตสาหกรรม 4.0” …คุณคือผู้นำธุรกิจแบบไหน?</a></li>
</ul>
สำหรับโปรแกรมของสลิงชอท จะเป็นโปรแกรมระยะยาว 12 เดือน โดยร่วมมือกับ Aro Ha Wellness Retreats ศูนย์ปรับวิธีคิดและวิธีการใช้ชีวิตแบบเวลเนส จัดคอร์สโค้ชชิ่งให้เป็นรายบุคคลที่เข้าร่วมโปรแกรมเพื่อปรับวิธีคิดใหม่ให้มีวิถีชีวิตเวลเนสทั้งกายใจ พร้อมทริปเดินทางไปปรับวิถีชีวิตที่นิวซีแลนด์ 6 วัน 5 คืน คอร์สละ 4 แสนบาท


<figure><img class="size-full wp-image-12111" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/thumb_BID_0047_1024-e1563881346328.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> มัณฑนา รักษาชัด กรรมการผู้จัดการ กลุ่มกิจการธุรกิจหลัก บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด</figcaption></figure>
มัณฑนาแจกแจงว่า ความแตกต่างในโปรแกรมของสลิงชอทคือ เป็นการปรับด้วยวิธีคิดอย่างยั่งยืนไม่ใช่กระบวนการใช้ยาหรืออาหารเสริม ซึ่งยอมรับว่าในช่วงแรกอาจจะยากในการสื่อสารให้เข้าใจถึงความแตกต่าง แต่เชื่อว่าผู้บริหารจะให้ความสนใจในที่สุด
“สิ่งที่ยากคือ ผู้นำมักจะคิดว่าตัวเองไปฟิตเนสอยู่แล้ว กินอาหารดีๆ อยู่แล้ว หรือไปเข้าโปรแกรมลดความอ้วนต่างๆ อยู่ แต่เขาอาจพบว่ามันไม่ได้ผล หรือพอจบโปรแกรมก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เราอยากให้ทราบว่าโปรแกรมนี้ต่างที่เป็นการเปลี่ยน mindset ทั้งหมด” มัณฑนากล่าว

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/travel/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%a7-movenpick-bdms.html">เปิดแล้ว MÖVENPICK BDMS WELLNESS RESORT BANGKOK หมุดหมายใหม่การพักผ่อนคู่สุขภาพ</a></li>
</ul>
ดร.สุทธิโสพรรณกล่าวว่า สลิงชอทตั้งเป้าที่กลุ่มผู้บริหารเป็นหลัก วางเป้าหมายรับสมัครผู้เข้าร่วมโปรแกรม 60 คน ภายในปีนี้ โดยกลุ่มแรก 20 คนมีผู้สมัครครบเรียบร้อยแล้วและกำลังเริ่มดำเนินโปรแกรม เชื่อว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี ดูจากยอดผู้ลงทะเบียนเพื่อฟังงานสัมมนาแนะนำเรื่องเวลเนสในการทำงาน 300 คน รวมถึงประสบการณ์ 15 ปีของบริษัททำให้มีฐานลูกค้า
นอกจากนี้ ยังมองว่าเรื่องเวลเนสในที่ทำงานเป็นช่องว่างทางธุรกิจ โดยดูจากตลาดสุขภาพในระดับโลก ส่วนใหญ่ที่สุด 3 อันดับแรกจะเป็นกลุ่มธุรกิจความงามและชะลอวัย 25% รองมาคือธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและลดน้ำหนัก 16% ตามด้วยธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 15% แต่ด้านสุขภาพของผู้นำและในที่ทำงานมีเพียง 1% เท่านั้น จึงน่าจะเป็นโอกาส และคาดว่าโปรแกรม Leadership Wellness จะผลักดันรายได้ของสลิงชอทในปีนี้เพิ่มขึ้น 30%

</div>
&nbsp;

<article id="post-11955" class="post-11955 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-it category-news tag-4866 tag-4861 tag-87 tag-4864 tag-4865 tag-4863 tag-4862">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</article>

สลิงชอท จับกระแสเวลเนส จัดคอร์สดูแล "สุขภาพกายและจิตผู้นำองค์กร"

<h2>SEAC หรือ ศูนย์พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารระดับสูง เชิญ Michael Ventura ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท Sub Rosa บรรยายในหัวข้อสัมมนา 'The New Language of Leadership' ทางรอดขององค์กรไทยในสมรภูมิ Disruption</h2>
อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC (South East Asia Center) ศูนย์พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารระดับสูง กล่าวถึงงานสัมมนาด้วยต้องการให้เห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงว่า “เราต้องการปลุกให้ผู้นำลุกขึ้นมาเปลี่ยนเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้อยู่รอดและสามารถต่อกรกับความเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลัน และแสวงหาแนวทางให้สามารถรั้งตำแหน่งผู้นำเอาไว้ได้อย่างมั่นคง พร้อมกระตุ้นให้เกิดการสร้างภาวะผู้นำให้สามารถนำองค์กรสู่การ Transformation ที่สมบูรณ์”

จึงเกิดเป็นที่มาของงานสัมมนาระดับโลกครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “The New Language of Leadership” นำเสนอถึงเรื่องราวของ “ภาษาใหม่” ที่จะเข้ามาทลายกำแพงที่กั้นความคิดของผู้นำให้รู้ทันความเปลี่ยนแปลงอย่างรอบด้าน ภายใต้คำว่า "Empathy" หรือ “การเข้าใจแบบหยั่งรู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่น”

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/f770c2e2793ddaa35326a214b952ad74.jpg" alt="" width="638" height="387" /><figcaption> อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC (South East Asia Center) ศูนย์พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารระดับสูง</figcaption></figure>

Michael Ventura ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแห่ง Sub Rosa บริษัทที่ปรึกษาด้านการสร้างและบริหารแบรนด์ให้กับธุรกิจและองค์กรชั้นนำของโลกและเจ้าของหนังสือ “Applied Empathy: The New Language of Leadership” ขึ้นกล่าวเริ่มต้นในงานสัมมนา

“ปัจจุบันในองค์กรมีคนหลายเจนเนอเรชั่นอยู่ร่วมกัน และแต่ละเจนเนอเรีชั่นมีความต้องการและประสบการณ์การคาดหวังที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น ผู้นำที่ดีจะต้องมีวิธีหรือแนวทางในการโค้ชให้กับแต่ละคนไม่เหมือนกัน และผู้นำที่ดีต้องรู้จักมองตัวเองเหมือนมองกระจกสะท้อนถึงข้อดีและข้อด้อยอย่างแท้จริงเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไป ซึ่งผู้นำต้องมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและยอมรับความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้น รวมถึงพร้อมที่จะเรียนรู้จากความล้มเหลว สู่ความสำเร็จในอนาคต”

Michael Ventura กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเข้าใจแบบหยั่งรู้ถึงความรู้สึกคนอื่น” มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้คนในองค์กรเพื่อก่อให้เกิดการพลวัตรของการเปลี่ยนแปลงรวมกันอย่างแท้จริง

Michael เผยด้วยว่าวิธีการของเขาในการให้คำปรึกษากับลูกค้า คือการให้ลูกค้าหาคำตอบต่อไปนี้ให้กับตัวเองให้ได้ ซึ่งประกอบด้วย ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบริษัทเป็นอย่างไร ผู้บริโภคเป็นใครและมีบุคคลิกแบบใด และ บริบทที่เกี่ยวข้อกับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ คู่แข่งทั้งทางตรงและทางอ้อม และเหตุการณ์สำคัญของโลก ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลทั้งสามส่วนมาประมวล จะพบจุดกึ่งกลางที่เป็นโอกาสทางธุรกิจ

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/290a35633db8a80f74dd954775b544d3.jpg" alt="" />

โดยสรุปการใช้ Empathy ในสถานการณ์ปัจจุบัน คือ ผู้นำจะต้องมีความสามารถในการมองหาช่องว่างต่างๆ ให้เจอภายในทีม รู้ว่าบุคลากรเป็นอย่างไร และรู้จักใช้คนให้เหมาะสมเพื่ออุดรูรั่วขององค์กร เนื่องจากหลายองค์กรมีความยากในการเปลี่ยนแปลง เพราะในทีมผู้บริหารเองมีการแข่งขันกัน มองต่างกัน ดังนั้น ผู้นำจึงต้องเร่งสร้างวัฒนธรรมองค์กร และค่านิยมร่วมให้เกิดขึ้นให้ได้

นอกจากนี้ "Empathy" หรือ "การเข้าใจแบบหยั่งรู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่น" ยังสามารถนำไปใช้เพื่อดูแลลูกค้าได้ Micheal ยกตัวอย่างกรณี GE ที่ประสบปัญหาสัดส่วนทางการตลาดที่น้อยจากคู่แข่งอื่นๆ ทำให้บริษัทต้องสร้างรูปแบบของธุรกิจใหม่ เปลี่ยนโมเดลทางธุรกิจและต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพื่อกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้ได้รับความนิยมในตลาด

Micheal ยกตัวอย่างบทเรียนเพื่อกระตุ้นยอดขายเครื่องตรวจมะเร็งเต้านมของ GE ผ่านการซักถามอย่างลึกซึ้งกับผู้ใช้งานตรงทำให้ได้พบว่ามีพบปัญหาผู้ใช้งาน 3 ข้อสำคัญคือ ความทรงจำถึงความเจ็บปวดจากการใช้เครื่องมือตรวจ เครื่องมือตรวจทำจากโลหะและห้องตรวจมีอุณหภูมิค่อนข้างต่ำ และ คนที่ติดต่อหรือตามนัดผู้ตรวจที่มีการสื่อสารที่น่ากลัวพูดย้ำถึงความรุนแรงของการเป็นมะเร็งเต้านม

เมื่อได้ข้อสรุปเหล่านี้ GE ได้นำ “การเข้าใจแบบหยั่งรู้ถึงความรู้สึกคนอื่น” เข้าไปปรับเปลี่ยนกระบวนการตรวจใหม่ เน้นขายประสบการณ์ใหม่ในการตรวจสุขภาพ ด้วยการปรับรูปแบบการตรวจ การสื่อสาร ให้เหมาะกับผู้ตรวจแต่ละราย เน้นให้รู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลาย ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดจากการใช้เครื่องมือลงได้จากเดิม และเมื่อผู้ตรวจรู้สึกผ่อนคลายทำให้ผลตรวจออกมาแม่นยำมากยิ่งขึ้น พร้อมกับตั้งศูนย์ทดสอบเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับผู้ใช้งาน

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/bbfeb4378eca8e5e8ef821e267509923.jpg" alt="" />

ทั้งนี้ ภายในการบรรยายสัมมนา Micheal เผยด้วยถึง ลักษณะ 7 ประการของผู้นำ ที่ต้องมี เพื่อนำองค์กรผ่านยุคเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแข่งขัน
<ul>
 	<li>ผู้นำอยู่ในเหตุการณ์หรือสถานการณ์ ณ วินาทีสำคัญเพื่อทำความเข้าใจทุกอย่างอย่างลึกซึ้ง</li>
 	<li>ผู้นำต้องมีมีลักษณะตั้งคำถามได้เก่ง เพื่อให้ได้ซึ่งคำตอบที่ตรงจุดที่สุด</li>
 	<li>ผู้นำที่ดีคอยดูแลถามไถ่เข้าใจและดูแลทุกข์สุขของพนักงาน</li>
 	<li>ผู้นำมีลักษณะเป็นผู้ฟังที่พร้อมรับฟังอย่างแท้จริง</li>
 	<li>ผู้นำที่พร้อมเผชิญหน้ากับความเสี่ยงและความท้าทาย</li>
 	<li>ผู้นำมีความสามารถในการมององค์กรในภาพใหญ่ เพื่อผลักดันให้เติบโต สามารถนำคนให้ไปสู่ปลายทางที่ถูกต้อง</li>
 	<li>ผู้นำต้องเป็นนักทดลองเพื่อหาสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้จากการสร้างสรรค์และความผิดพลาด</li>
</ul>

SEAC เชิญ Michael Ventura นักคิดผู้สร้างแบรนด์กับองค์กรระดับโลก เผยทางรอดในสมรภูมิ Disruption

<h2>ศูนย์พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารระดับสูง หรือ SEAC จับมือ The Ken Blanchard Companies บริษัทพัฒนาผู้นำและบุคลากรระดับโลก ส่ง 4 หลักสูตรสำคัญ กระตุ้นภาวะผู้นำ ด้านสองผู้บริหาร อริญญา เถลิงศรี และ Howard Farfel เผยถึงหัวใจการแก้ปัญหาและพาองค์กรผ่านยุค Disruptive</h2>
อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC (South East Asia Center) ศูนย์พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารระดับสูง กล่าวว่า หัวใจสำคัญที่ไม่ได้อยู่ไกลแต่หลายองค์กรกลับมองผ่านหรือแก้ปัญหาไม่ถูกจุดคือการปรับทิศหัวเรือใหญ่อย่างผู้นำองค์กรให้เพียบพร้อมด้วยภาวะผู้นำที่มีศักยภาพ รู้เท่าทันสถานการณ์ และสามารถมองเห็นเทรนด์และโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงต้องกล้าตัดสินใจและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อนำองค์กรทลายทางตันสู่การหยัดยืนเป็นผู้นำทางธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

“ภาวะผู้นำในที่นี้หมายถึงการตั้งเป้าหมายต่างๆ ในชีวิตทั้งการทำงาน การใช้ชีวิต และครอบครัว ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจความหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของคำว่าผู้นำกับภาวะผู้นำอย่างถ่องแท้เสียก่อน โดยคำว่าผู้นำส่วนมากหมายถึงตำแหน่งหน้าที่การงาน ส่วนภาวะผู้นำจะเป็นเรื่องของสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่เกี่ยวข้องกับวุฒิภาวะ ซึ่งรวมรายละเอียดของบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัย การวางตัว แนวความคิด ตลอดจนมุมมองและวิธีการแก้ไขปัญหามารวมไว้ด้วยกัน ซึ่งภาวะผู้นำมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะถ้าทุกคนหรือทุกตำแหน่งมีภาวะผู้นำกับการพัฒนาองค์กรไปสู่เป้าหมายเป็นอย่างมาก” อริญญา กล่าว

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9a43282a6cabe3c4e1e7d929db9356d5.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC (South East Asia Center) ศูนย์พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารระดับสูง</figcaption></figure>

นอกจากนี้ความเคยชินกับการทำงานในรูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ของผู้นำและบุคลากรในองค์กร หรือการยึดติดกับความสำเร็จในอดีต ที่ทำให้ “ผู้นำ” ยังคงอยู่ในวังวนของแนวคิดและวิธีการทำงานแบบเดิม โดยละเลยถึงบริบทและห้วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป และประเด็นสำคัญ

ด้าน Howard Farfel ประธาน The Ken Blanchard Companies กล่าวว่า “ความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน นับเป็นความท้าทายอย่างเร่งด่วนที่ทุกองค์กรต้องเผชิญ แต่ใครจะปรับตัวได้รวดเร็วและมากน้อยขนาดไหน ขึ้นอยู่กับการค้นหาโอกาส แบบอย่างในการพัฒนาและความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งใหม่ๆ โดยทางสถาบันฯ ได้ให้คำปรึกษาแก่องค์กรชั้นนำของโลกมากมาย โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในการจัดอันดับให้เป็น 500 องค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก Fortune Global 500 มามากกว่า 40 ปี"

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/349d17d0d8df244c9527e8183b53b4d1.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> Howard Farfel ประธาน The Ken Blanchard Companies</figcaption></figure>

ภาวะผู้นำ หรือ Leadership จึงเป็นเรื่องที่หลายๆ องค์กรไม่ควรมองข้าม โดยสถาบันฯ ได้นำทฤษฎีภาวะผู้นำมาประยุกต์ ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มุ่งสอนเรื่องการเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผู้นำที่เท่าทันโลกได้อย่างครอบคลุม จนเกิดเป็นหลักสูตรทั้ง 4 หลักสูตร ได้แก่ 1. Self Leadership 2. Situational Leadership® II Experience 3. Management Essentials และ 4. Coaching Essentials® แต่สำหรับหลักสูตรในไทยจะพิเศษมากขึ้น เพราะเราเชื่อมั่นให้ทาง SEAC ซึ่งเป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของ The Ken Blanchard Companies ในประเทศไทยประยุกต์เนื้อหาให้เข้ากับสังคมและวัฒนธรรมของประเทศไทยและประเทศอาเซียน

อริญญากล่าวเสริมอีกว่า “หัวใจสำคัญของหลักสูตรนี้ คือการนำประสบการณ์จริงในโลกธุรกิจ งานวิจัยทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถปฏิบัติได้จริง มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์กับผู้นำองค์กรที่เข้าร่วมอบรม เพื่อให้สามารถก้าวทันสถานการณ์สู่การสร้างและเป็นผู้นำในวงการธุรกิจในยุค Disruptive”

พลิกเกมโลกธุรกิจในยุค Disruptive 'SEAC' ดึงหลักสูตร 'Ken Blanchard' ติดอาวุธทางความคิด

<div>
<h2 class="ace-copy-paste-skip-this-tag">ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหาร SEAC วางเป้าขยายตลาดเมียนมา-เวียดนามเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% ภายใน 2 ปี เตรียมปรับหลักสูตร Outward Mindset ฝึกมุมมองความคิดแบบใหม่เพื่อเข้าใจผู้อื่น สามารถรองรับผู้เรียนแบบ B2C ในปีหน้า</h2>
</div>
อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหาร SEAC (South East Asia Center) เปิดเผยว่า SEAC ได้เปลี่ยนชื่อมาจาก บริษัท เอพีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด เมื่อ 2 ปีก่อน เพื่อมุ่งเป้าขยายตลาดไปในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยปัจจุบัน SEAC ได้เริ่มขยายไปแล้ว 2 ประเทศคือ เมียนมา และ เวียดนาม

สัดส่วนลูกค้าในต่างประเทศดังกล่าวยังมีเพียง 4-5% ในขณะนี้ แต่บริษัทกำลังวางแผนรุกหนักเพื่อขยายสัดส่วนเป็น 30% ภายใน 2 ปี

อริญญากล่าวว่า ขณะนี้บริษัทที่รับการเทรนนิ่งจาก SEAC ในประเทศอาเซียน มักจะเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีสาขาในประเทศเหล่านั้นอยู่แล้ว และเห็นผลจากสาขาในไทยที่เทรนนิ่งกับ SEAC แล้วมีผลลัพธ์ที่ดีจึงบอกต่อให้สาขาต่างประเทศเทรนนิ่งด้วย เช่น Amway หรือ Marigot (เจ้าของแบรนด์ Swarovski) หรือเป็นบริษัทไทยที่มีการขยายสาขาในต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะสามารถขยายฐานไปสู่บริษัทท้องถิ่นในเมียนมาและเวียดนามได้
<h2>Outward Mindset ปรับมุมมองผู้นำ</h2>
อริญญากล่าวต่อว่า สำหรับหลักสูตรที่ SEAC มีกว่า 30 หลักสูตร เนื้อหามีทั้งกลุ่มพัฒนาภาวะความเป็นผู้นำ (Leadership) และพัฒนาการคิดค้นนวัตกรรม (Innovation) 

โดยมีหลักสูตรเด่นที่มองว่าผู้เรียนควรเรียนก่อนที่จะไปสู่หลักสูตรเชิงลึกอื่นๆ คือหลักสูตร Outward Mindset หรือ การปรับมุมคิดด้วยการยึดความต้องการของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง

“Outward Mindset คือหลักสูตรการเปลี่ยนวิธีมอง จากที่เรามองโลกผ่านเลนส์ของตัวเองเท่านั้น มาเป็นการมองผ่านเลนส์ใหม่ มองในมุมของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งจะทำให้เราเปลี่ยนวิธีแก้ปัญหา เห็นเรื่องราวต่างไป แต่การเปลี่ยนเลนส์เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนให้เคยชิน เหมือนกับเวลาเราใส่แว่นตาเป็นครั้งแรกก็ต้องใช้เวลาปรับตัว” อริญญากล่าวถึงนิยามของหลักสูตรนี้

<figure><img style="width: 638px; height: 423px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/36def0f52e8f525b7db9215f3d014808.jpg" alt="" width="638" height="423" /><figcaption> (ซ้าย) อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC (ขวา) สิรยา คงสมพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส SEAC</figcaption></figure>

โดย Outward Mindset เป็นหลักสูตรที่พัฒนาโดย Terry Warner อาจารย์นักวิจัยด้านจิตวิทยาผู้ก่อตั้งสถาบัน Arbinger Institute ประเทศสหรัฐอเมริกา และ SEAC ได้นำมาปรับใช้เพื่อสร้างคอร์สเรียนเฉพาะองค์กรในมุมที่องค์กรนั้นๆ ต้องการ เช่น พัฒนาผู้นำ พัฒนาการร่วมมือระหว่างแผนกเพื่อนำไปสู่การสร้างกลยุทธ์ พัฒนามุมมองพนักงานเพื่อยกระดับงานบริการ

อริญญากล่าวว่า บริษัทเริ่มเปิดรับสมัครเรียนแบบ B2B เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน มีบริษัทในไทยที่ใช้หลักสูตรนี้แล้ว เช่น แอมเวย์ (ประเทศไทย) เอพี (ไทยแลนด์) ฟู้ดแพชชั่น ล่าสุดคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งปี 2562 บริษัทจะเริ่มเปิดให้เป็นหลักสูตร B2C คนทั่วไปสามารถลงสมัครเรียนได้ และคาดหวังเป้าหมายมีผู้เข้าร่วมเรียนหลักสูตร Outward Mindset 3-5 หมื่นคนภายใน 2-3 ปีข้างหน้า

ด้าน สิรยา คงสมพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโส SEAC กล่าวเสริมว่า หลักสูตรนี้จะปรับมุมมองของคนที่มองแบบยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง จูงใจให้ลองมองจากมุมอื่นบ้าง

“การมองแบบ Outward Mindset จะทำให้เกิดผลลัพธ์คือ วัฒนธรรมชี้นิ้วว่าคนอื่นเป็นคนผิดจะลดลง เพราะมีความเข้าใจเกิดขึ้น ซึ่งผู้นำระดับสูงองค์กรควรจะเริ่มเป็นตัวอย่างก่อน” สิรยากล่าว 

“มุมมองความคิดหรือ mindset จะนำไปสู่พฤติกรรม และพฤติกรรมจึงนำไปสู่ผลลัพธ์ mindset เป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ถ้าทราบ how to หรือวิธีปฏิบัติแต่ไม่ได้เปลี่ยน mindset มาก่อน ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเหมือนเดิม จะเกิดเหตุการณ์ที่เอ่ยปากขอโทษแต่ไม่ใช่การขอโทษจากใจ เป็นต้น”

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events