<h2>ปฐมา จันทรักษ์ เป็นหนึ่งในผู้บริหารที่โดดเด่น น่าจับตา ประสบการณ์บนเวทีธุรกิจระดับโลกไม่เป็นรองใคร เธอนั่งตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย โดยเฉพาะ Microsoft เป็นผู้บริหารทั้งในไทย และที่ Redmond (สำนักงานใหญ่) ไม่ต่ำกว่า 20 ปี</h2>
ปัจจุบันปฐมากำลังนำพาไอบีเอ็มซึ่งเป็นตำนานของโลกไอทีฝ่าพายุ Digital Disruption ด้วยโจทย์ใหญ่ที่ท้าทาย เดิมพันด้วยตำแหน่ง “รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด” 

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีผู้บริหารหญิงไทยนั่งบริหารในตำแหน่งระดับ Top Management ของบริษัทไอทีระดับโลก เธอต้องทิ้งประเทศไทยไปนานหลายสิบปี สั่งสมประสบการณ์ที่ผ่านการเคี่ยวกรำ ทำงานอย่างใกล้ชิดกับซีอีโอ Microsoft อย่างน้อย 3 คน ก่อนมาถึงวันนี้

“...เป็นตำแหน่งใหม่ที่ไอบีเอ็มไม่เคยมี ท้าทายมาก...” ปฐมากล่าวกับ Forbes Thailand

&nbsp;
<h2>จัดเทคฯ ยุคใหม่เจาะ 20 อุตสาหกรรม</h2>
“ไอบีเอ็มในไทยถ้าพูดถึงความเก่ง หรือเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญ เรามักไม่ค่อยได้รับการพูดถึง คนจะมองแต่ว่า เป็นระบบหลังบ้าน ซึ่งจริงๆ แล้วไอบีเอ็มก็ born in the cloud เหมือนกับ Amazon, Google, Facebook แต่ด้วยความที่ไอบีเอ็มอายุ 107 ปี เราเกิดมานานมาก มีโซลูชั่นมากมายทั้งหลังบ้านและหน้าบ้าน เรามี AI Watson เรามี cloud เรามีบล็อกเชน มี security ที่ใครยังเจาะเราไม่ได้”

“จากนี้ไปเราอยากเห็นโซลูชั่นของไอบีเอ็มเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ไม่ใช่แค่ทางเลือก เราจะเจาะเข้าไปทุกอุตสาหกรรมทุกระดับ จับมือกับพาร์ทเนอร์ที่เขามีลูกค้ารายเล็กๆ แล้วเอาเทคโนโลยีของไอบีเอ็มกระจายให้เขาได้ใช้ ต้องกระจายลงไปในระดับคอนซูเมอร์ให้ได้” หนึ่งในเป้าหมายที่ปฐมามุ่งมั่น

<img class="alignnone size-full wp-image-6223" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/03/IBM-ไทย-ผลประกอบการ.jpg" alt="" width="800" height="440" />

“สิ่งที่ไอบีเอ็มมีอยู่แล้วทุกวันนี้คือจุดเด่นเรื่องโซลูชั่นที่มี เป็นโซลูชั่นที่ครบวงจรรองรับได้มากถึง 20 อุตสาหกรรม เป็นจุดแข็งที่พิเศษมาก บุคลากรในไอบีเอ็มก็เชี่ยวชาญในเชิงลึกทุกอุตสาหกรรม รีเทล แมนูแฟคเจอริ่ง ไปจนถึงการเกษตร นำไปต่อยอดได้ทันที...”

20 อุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายของไอบีเอ็ม ประกอบไปด้วย 1.ยานยนต์ 2.การเงินและธนาคาร 3.ประกันภัย 4.การดูแลสุขภาพ 5.อิเล็กทรอนิกส์ 6.พลังงาน 7.ภาครัฐ 8.การผลิต 9.สื่อและบันเทิง 10.ค้าปลีก 11.โทรคมนาคม 12.ท่องเที่ยว 13.ปิโตรเคมี 14.น้ำามันและก๊าซ 15.ซัพพลายเชน 16.ทรัพยากรบุคคล 17.โฆษณา 18.การเกษตร 19.อาหาร 20.การตลาด

ปฐมาค่อนข้างให้ความสำคัญกับลูกค้าในกลุ่มการดูแลสุขภาพ สถาบันการเงิน รวมถึงภาครัฐ ที่ยังมีช่องโหว่ของข้อมูลที่สุ่มเสี่ยงต่อการโจรกรรม เธอยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นในต่างประเทศหลายรายซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดต้องปิดการให้บริการในประเทศเลยก็มี แต่เมื่อกลับมามองในไทย ยังดูเหมือนว่าตื่นตัวน้อย

“กลุ่มที่สุ่มเสี่ยงส่วนใหญ่ยังใช้ระบบที่เก่าแก่ ซึ่งมีช่องโหว่มาก ถ้าเกิดการโจรกรรมข้อมูล มันทำให้ชีวิตคนเปลี่ยนไปได้เลย ไฟฟ้าอาจดับทั้งประเทศ วันนี้แค่ใครนั่งอยู่ที่ไหนในโลกก็สามารถทำลายระบบต่างๆ ในประเทศเราได้ ทุกเรื่องมันเป็นประสบการณ์ที่เราเจอมาในต่างประเทศ บางครั้งต้องเสียงบประมาณ เสียค่าใช้จ่ายมหาศาล ต่างประเทศเขาจริงจังกันมาก ถ้าบริษัทถูกแฮก ซีอีโอ ซีไอโอ ต้องลาออกเลย”

&nbsp;
<h2>ชู “AI Watson” เทคฯ พลิกโลก</h2>
“...AI Watson คือมันสมองไอบีเอ็ม พัฒนามาเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เรารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต วันนี้ Watson ก็เป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจมาก” เป็นสาเหตุหนึ่งที่เธอรับตำแหน่งที่ไอบีเอ็มเพราะความฉลาดของ Watson ที่เธอมองแล้วว่าจะนำเทคโนโลยีนี้ช่วยเหลือประเทศ

<figure><img class="size-full wp-image-6224" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/03/watson_the_computer_beats_ken_jennings_and_brad_rutter_at_jeopardy_full-1-e1553709547152.jpg" alt="" width="800" height="473" /><figcaption> IBM Watson ผู้เอาชนะมนุษย์ในเกมโชว์ตอบคำถาม Jeopardy! (PHOTO CREDIT: blog.ted.com)</figcaption></figure>

“...การดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องความปลอดภัยอย่างเดียว แต่ต้องมีความเชี่ยวชาญ และใช้ความฉลาดของ AI มาช่วยในการรักษาพยาบาลด้วย คือการรวมความอัจฉริยะของหมอและแมชีนเลิร์นนิ่งเข้าด้วยกัน”
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/news/it/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-ai-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-ibm-%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B8%97.html">เมื่อ 'หุ่นยนต์ AI' ของ IBM ปะทะ 'แชมป์โต้วาที' ระดับนานาชาติ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?</a></li>
</ul>
ไอบีเอ็ม Watson ถือเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีศักยภาพสูงแตกต่างจากเทคโนโลยีอื่น ปัจจุบันถูกนำไปใช้แล้วกว่า 16,000 องค์กรใน 20 อุตสาหกรรมใน 80 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเงิน ค้าปลีก การดูแลสุขภาพ การโรงแรม เหมืองแร่ ฯลฯ และเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์และบริการที่ผู้บริโภคกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกกำาลังใช้อยู่ในทุกวันนี้

&nbsp;
<h2>สไตล์บริหารใช้ทั้งใจและสมอง</h2>
ย้อนไปถึงวันที่เธอตัดสินใจมารับตำแหน่ง ปฐมายอมรับว่าถูกทาบทามจากผู้บริหารระดับสูงของไอบีเอ็ม ซึ่งสิ่งแรกที่เธอคิด คือ ได้กลับบ้าน และจะได้ใช้เวลาดูแลพ่อแม่ แม้ก่อนหน้านั้น Microsoft แอบเตรียมแผนให้เธอกลับมาดูธุรกิจที่ไทยเช่นกัน

“อยากจะบอกว่าการทำงานกับองค์กรข้ามชาติถือเป็นความท้าทายที่สุด ถึงขนาดคิดว่าถ้าเรารอดจากองค์กรข้ามชาติได้ เราจะใส่เสื้อว่า I survive เพราะมันโหดมาก”

เมื่อถามว่า ธุรกิจของไอบีเอ็มในไทยยังขาดเรื่องอะไร ปฐมาบอกว่าเรื่อง “คน” ทำอย่างไรให้คนเรียนรู้กับเทคโนโลยีไอบีเอ็มได้อย่างเข้าใจและคุ้นเคย ทำอย่างไรให้พาร์ทเนอร์ ภาครัฐ เอกชน มาผนึกกำาลังกันให้เป็นภาพใหญ่ที่ชัดเจนขึ้น และทำอย่างไรให้โซลูชั่นไอบีเอ็มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ขณะที่สไตล์การทำงานในแบบปฐมา เธอบอกว่าต้องใช้หัวใจและสมอง การทำงานต้องระดมสมอง รับฟัง โต้แย้ง และลงมือทำ

“เน้น 3D เพราะเราเชื่อว่า การทำงานต้องคุยกัน ต้อง discuss, debate และ design ถ้ามี 3D นี้จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ถ้าสั่งงานทั้งที่เราไม่เห็นด้วย มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะไม่ได้มีการระดมสมอง ไม่ได้มีการโต้เถียง ทำอย่างไรให้คนของเรามีความเห็นแล้วแสดงออกมา กล้าพูด กล้าแสดงความเห็น เราพยายามจะสร้างให้คนไอบีเอ็มกล้าที่จะไม่เห็นด้วย เราต้องบริหารในแบบให้สิทธิการแสดงความเห็น และมองความเห็นของทุกคนมีค่า”

<img class="alignnone size-full wp-image-6225" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/03/ปฐมา-จันทรักษ์-IBM-Forbes-Facts.jpg" alt="" width="400" height="662" />

ภาพประกอบ: มังกร สรพล

<hr />

<a href="http://bit.ly/ForbesthailandFEB19">คลิกอ่านฉบับเต็ม "ปฐมา จันทรักษ์ เดิมพันครั้งใหญ่กับตำนานไอทีโลก ไอบีเอ็ม" ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<img class="alignnone wp-image-5124 size-medium" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/ชวัลวัฒน์-ทิพพาภรณ์-เนรมิตฝัน-MQDC-แสนล้าน-พลังจอเงินสู่โปรเจกต์พลิกโลก-228x300.jpg" alt="" width="228" height="300" />

“ปฐมา จันทรักษ์” เดิมพันครั้งใหญ่กับตำนานไอทีโลก “ไอบีเอ็ม”

Samsung Electronics และ Harman International Industries ร่วมกันแถลงข้อตกลงสำคัญทางธุรกิจ โดย Samsung จะซื้อกิจการของ Harman ด้วยเงินสด 112 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้นหรือคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อกระบวนการเข้าซื้อหุ้นสิ้นสุดลง Samsung  จะก้าวเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมที่สำคัญยิ่งคืออุตสาหกรรมของอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของ Samsung  ตามกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท อีกทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2025

ปัจจุบัน Harman เป็นผู้นำตลาดโซลูชั่นอัจฉริยะภายในห้องโดยสารของรถยนต์ โดยมีรถยนต์กว่า 30 ล้านคันที่ติดตั้งโซลูชั่นอัจฉริยะภายในห้องโดยสารรูปแบบต่างๆ ที่ผลิตโดย Harman ทั้งแบบระบบอินโฟเทนเมนต์บนคอนโซล ระบบโทรมาตรสำหรับการนำทาง และระบบเพื่อความปลอดภัยของรถแบบอัจฉริยะ รวมถึงเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ทั้งด้านการออกแบบและการผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่ภายในห้องโดยสารของรถยนต์

อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับผู้ผลิตรถยนต์ระดับชั้นนำของโลกหลายราย ทั้งประสบการณ์และความสัมพันธ์ทางธุรกิจเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับ Samsung เนื่องจากการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยพัฒนาความเชี่ยวชาญในธุรกิจและบริการประเภทต่างๆ ทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมของอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ  สารกึ่งตัวนำ ประสบการณ์การใช้งาน หน้าจอ และช่องทางการจัดจำหน่ายในระดับสากลให้กับ Samsung

นอกเหนือไปจากนี้ การผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านเสียงรวมทั้งแบรนด์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงในเครือฮาร์แมนเข้ากับความเชี่ยวชาญในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือนของ Samsung ยังจะช่วยมอบผลประโยชน์หลากหลายประการให้กับผู้บริโภคและยกระดับประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์หรือโซลูชั่นต่างๆ ของ Samsung ทั้งในระดับผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้มืออาชีพ

ในโอกาสนี้ Oh-Hyun Kwon รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Samsung Electronics กล่าวว่า “ฮาร์แมนเป็นบริษัทที่สามารถช่วยเติมเต็มองค์ประกอบต่างๆ ที่ซัมซุงขาดไปได้ ทั้งทางด้านเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่น การเข้าซื้อกิจการของฮาร์แมนในโอกาสนี้จะช่วยให้ซัมซุงพัฒนากลยุทธ์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เราพยายามพัฒนามาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ ฮาร์แมนเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ในระดับเทียร์ 1 ที่มีความสัมพันธ์อันดียิ่งกับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำหลายราย

นอกจากนี้ ฮาร์แมนยังมีแบรนด์ในเครือที่แข็งแกร่ง มีเทคโนโลยีระดับสูง และยังเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศมากมาย ดังนั้น การเข้าซื้อกิจการของฮาร์แมนจะส่งผลให้ซัมซุงมีรากฐานที่แข็งแรงสำหรับการเสริมสร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์   ยิ่งไปกว่านี้ Dinesh Paliwal ประธาน ประธานบริหาร และกรรมการผู้จัดการของบริษัทฮาร์แมน ยังเป็นผู้บริหารองค์กรที่เก่งกาจอย่างยิ่ง ซัมซุงให้ความเคารพทั้งตัวเขา ผู้บริหารท่านอื่นๆ และบุคลากรทุกคนของฮาร์แมนเป็นอย่างมากหลังจากพูดคุยกันหลายต่อหลายครั้ง  การเติบโตอย่างรวดเร็วของฮาร์แมนเป็นผลลัพธ์จากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำและกระบวนการสรรสร้างโซลูชั่นอัจฉริยะภายในห้องโดยสารของรถยนต์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการสรรสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ตามความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง”

ในโอกาสเดียวกัน Young Sang ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์ของ Samsung Electronics กล่าวเสริมว่า “รถยนต์แห่งยุคอนาคตจะเป็นรถยนต์ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมายและคุณสมบัติด้านการเชื่อมต่อที่หลากหลาย การเปลี่ยนแปลงนี้จะคล้ายคลึงกับการเปลี่ยนผ่านจากฟีเจอร์โฟนสู่สมาร์ทโฟนที่เกิดขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมา ซัมซุงมองเห็นโอกาสสำหรับการเติบโตระยะยาวที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์เนื่องจากซัมซุงได้รับคำสั่งซื้อชิ้นส่วนอิเลคโทรนิคส์และโซลูชั่นที่มีรูปแบบเฉพาะเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการทำงานร่วมกันระหว่างเราและฮาร์แมนจะส่งผลให้เราก้าวขึ้นไปเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ในระดับเทียร์ 1 ได้สำเร็จด้วยการนำเสนอโซลูชั่นที่มีคุณภาพและรองรับการเชื่อมต่อหลากหลายรูปแบบในอนาคต”

ด้าน Dinesh Paliwal ประธาน ประธานบริหาร และกรรมการผู้จัดการของ Harman International Industries กล่าวเสริมว่า “การเข้าซื้อกิจการของฮาร์แมนด้วยเงินสดในครั้งนี้มอบผลประโยชน์มหาศาลให้กับผู้ถือหุ้นของเราและยังช่วยเปิดโอกาสให้พนักงานของเราได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่มีขนาดใหญ่และมีธุรกิจที่หลากหลายยิ่งขึ้น การประกาศเข้าซื้อกิจการโดยซัมซุงในวันนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของเราและยังสะท้อนถึงคุณค่าของบริษัทของเราที่ผู้ถือหุ้นของเราสามารถสัมผัสได้”

ผลประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับและโอกาสในการเติบโตจากการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้

ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์: Samsung สามารถผสานนวัตกรรมของตนด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สาย เช่นสัญญาณโทรศัพท์มือถือยุค 5 จี การออกแบบประสบการณ์การใช้งาน/ส่วนประสานผู้ใช้งาน เทคโนโลยีหน้าจอ และโซลูชั่นเพื่อความปลอดภัยเข้ากับนวัตกรรมในห้องโดยสารของรถยนต์ที่พัฒนาโดย Harman

ด้านอุตสาหกรรมเครื่องเสียง: Harman เป็นบริษัทที่มีแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำอยู่ในเครือมากมาย อันได้แก่ JBL®, Harman Kardon®, Mark Levinson®, AKG®, Lexicon®, Infinity®, และ Revel® ยิ่งไปกว่านี้ ฮาร์แมนยังเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิ์ให้ผลิตชุดเครื่องเสียงติดรถยนต์ให้กับผู้ผลิตเครื่องเสียงชั้นนำ 2 รายคือ Bowers &amp; Wilkins® และ Bang &amp; Olufsen®

ด้านบริการภาพและเสียงแบบมืออาชีพ: Samsung และ Harman จะร่วมกันยกระดับบริการแบบ B2B เนื่องจากทั้ง 2 องค์กรจะสามารถนำเสนอบริการภาพและเสียงแบบมืออาชีพสำหรับการแสดงในสนามกีฬา สถานที่แสดงคอนเสิร์ต รวมไปถึงโรงมหรสพต่างๆ

ด้านอุตสาหกรรมของอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ  และบริการที่เกี่ยวข้อง: การเข้าซื้อกิจกรรมครั้งนี้ส่งผลให้ Harman สามารถร่วมงานกับนักออกแบบซอฟต์แวร์และวิศวกรกว่า 8 พันคนของ Harman ได้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของซัมซุงในตลาดอุปกรณ์ IoT ความร่วมมือกันระหว่าง 2 องค์กรจะช่วยพัฒนาบริการคลาวด์แบบใหม่ๆ ทั้งสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปและองค์กรธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยพัฒนาบริการใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์จากการผสมผสานกันระหว่างรูปลักษณ์ อุปกรณ์ที่ติดตั้ง และข้อมูลสารสนเทศ

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events