<h2>ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) ขยายโรงพยาบาลแห่งที่สองของเครือในต่างประเทศ ร่วมทุนบริษัทอสังหาฯ ท้องถิ่นเปิด “โรงพยาบาล Ar Yu” มูลค่าลงทุน 2 พันล้านบาท โดยเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมา หวังจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางบนขึ้นไป</h2>
<strong>นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์</strong> รองประธานกรรมการ <strong>บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)</strong> หรือ THG เปิดเผยความคืบหน้าการลงทุน<strong> โรงพยาบาล Ar Yu</strong> ของเครือในกรุง Yangon ประเทศเมียนมาว่า โรงพยาบาลได้ก่อสร้างเสร็จพร้อมให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562 โดยเป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง นับเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของเมียนมา ปัจจุบันได้รับการตอบรับที่น่าพอใจ มีผู้ป่วยนอก (OPD) ใช้บริการวันละประมาณ 200 คน และมีผู้ป่วยใน (IPD) แล้ว 25-26 คน

โครงการนี้เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มธนบุรีฯ ถือหุ้น 40% กับกลุ่ม <strong>Ga Mone Pwint Company Limited (GMP)</strong> บริษัทอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นของเมียนมาถือหุ้น 50% และอีก 10% ถือหุ้นโดย<strong> Aryu Ananta Medical Services Company Limited</strong> ซึ่งเป็นบริษัทร่วมกันของทีมแพทย์ที่ร่วมงานในโรงพยาบาลนี้

<figure><img class="size-full wp-image-8003" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/DSC_7599-e1558886269889.jpg" alt="" width="538" height="800" /><figcaption> โรงพยาบาล Ar Yu โครงการร่วมทุนของ THG กับกลุ่มทุนเมียนมา</figcaption></figure>

โรงพยาบาล Ar Yu มีมูลค่าลงทุน 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2 พันล้านบาท) เป็นอาคารสูง 11 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินเช่าสัญญาเช่า 50+10+10 ปี ในกรุง Yangon จำนวนเตียงให้บริการ 200 เตียง ห้องผ่าตัด 8 ห้อง ห้องตรวจโรคทั่วไป 35 ห้อง จำนวนบุคลากรกว่า 400 คน โดย 120 คนในจำนวนนี้เป็นแพทย์ มีเครื่องมือ-อุปกรณ์ศูนย์รักษาเฉพาะทางพร้อมบริการ เช่น ศูนย์หัวใจ ศูนย์กุมารเวชศาสตร์ ศูนย์หู คอ จมูก ศูนย์กระดูกและข้อ เป็นต้น

&nbsp;
<h2>ดึงลูกค้าชาวเมียนมากลุ่มกลางบน</h2>
นพ.ธนาธิปกล่าวต่อว่า การลงทุนครั้งนี้เริ่มศึกษามาตั้งแต่ 5 ปีก่อน เนื่องจากเห็นว่ามีชาวเมียนมาบางส่วนบินไปเข้ารับการรักษาหรือตรวจสุขภาพที่ประเทศไทย ในโรงพยาบาลธนบุรีเองมีลูกค้าชาวเมียนมาราว 20-30 คนต่อวัน คิดเป็น 4-5% ของทั้งหมด

Oxford Business Group ยังรายงานข้อมูลปี 2561 ด้วยว่า ชาวเมียนมาระดับกลางถึงบนมีการเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสู่ประเทศไทย สิงคโปร์ และอินเดีย ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินราว 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี

“ผมมาเดินสำรวจโรงพยาบาลเอกชนที่นี่มีอยู่ 7-8 แห่ง เกือบทั้งหมดเป็นโรงพยาบาลท้องถิ่น มีแห่งเดียวที่เป็นทุนอินโดนีเซีย และทั้งหมดมีขนาด 100 กว่าเตียงเท่านั้น อุปกรณ์และการบริหารก็ยังไม่ดีพอ จึงคิดว่าเรามีโอกาส หากสามารถทำโรงพยาบาลที่ดีไซน์อาคารได้ดีกว่า สะอาด เป็นระเบียบ พัฒนาคนให้บริการได้ดี และโรงพยาบาลไทยถือเป็น perception ที่ดีอยู่แล้วในการทำให้คนไข้เกิดความไว้วางใจ” นพ.ธนาธิปกล่าวถึงการตัดสินใจร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น

<figure><img class="size-full wp-image-8004" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190524_133018-01-e1558886861652.jpeg" alt="" width="800" height="600" /><figcaption> แผนกยา</figcaption></figure>

ด้าน <strong>Dr.Nway Nu Wai</strong> ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาล Ar Yu และทายาทบริษัท GMP เปิดเผยว่า บริษัทของครอบครัวเชี่ยวชาญการลงทุนห้างสรรพสินค้า และต้องการขยายไปสู่ธุรกิจการแพทย์ เมื่อพบว่าโรงพยาบาลเอกชนในเมียนมายังมีคุณภาพไม่ดีพอ

“ครอบครัวมีการพูดคุยกับกลุ่มทุนด้านธุรกิจโรงพยาบาลจากหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ไทย แต่<span style="color: #333333;">สุดท้ายตัดสินใจร่วมทุนกับ THG เพราะโรงพยาบาลบริการในราคาเหมาะสมกับตลาดของเราและมีคุณภาพ และแนวทางการบริหารของ THG มีการส่งทีมงานทั้งทีมเข้ามาช่วยจัดการดูแลเองโดยตรง” </span>Dr.Nway กล่าว

เธอประเมินด้วยว่า <span style="color: #ff0000;">ประชากร Yangon ราว 6 ล้านคนนี้น่าจะเป็นคนระดับกลางบนขึ้นไปราว 30% ของทั้งหมด ซึ่งจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของโรงพยาบาล Ar Yu โดยเป็นผู้มีรายได้ 1,200-2,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน</span>

<figure><img class="size-full wp-image-8005" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190524_134009-01-e1558886910340.jpeg" alt="โรงพยาบาล Ar Yu" width="800" height="600" /><figcaption> เครื่องซีที สแกน</figcaption></figure>

นพ.ธนาธิปเสริมว่า ค่ารักษาพยาบาลของ Ar Yu ค่ารักษา OPD จะอยู่ที่เฉลี่ย 1,200 บาท/ครั้ง ส่วนค่าห้องพักฟื้นมีตั้งแต่ 2,000-8,000 บาทต่อคืน โดยมีห้องวีไอพีไว้คอยบริการ

เป้าหมายของโรงพยาบาล Ar Yu นอกจากจะดึงลูกค้ากลุ่มที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนอื่น ยังต้องการดึงลูกค้าที่ปัจจุบันบินไปรักษาพยาบาลที่ไทยให้มาที่นี่แทนอีกด้วย ซึ่งกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่เป็นประชากรใน Yangon ยังหมายรวมถึงคนไข้จากทั้งประเทศ

&nbsp;
<h2>คู่แข่งเปิดใหม่-ปรับตัวรับดีมานด์ “ไม่ง่าย”</h2>
ข้อมูลจากผู้บริหารโรงพยาบาล Ar Yu ระบุว่า นอกจากกลุ่มธนบุรีฯ แล้ว ก่อนหน้านี้มีเครือโรงพยาบาลไทยเข้ามาเปิดกิจการในเมียนมาเช่นกัน แต่เป็นในลักษณะเล็กกว่าโรงพยาบาล <span style="color: #ff0000;">โดยรพ.บำรุงราษฎร์และรพ.สมิติเวช มีเปิดคลินิกตรวจสุขภาพและส่งตัวผู้ป่วยสู่ไทย รวมถึงรพ.กรุงเทพที่เปิดศูนย์ส่งตัวผู้ป่วยรับการรักษาต่อที่ไทยเช่นกัน</span>

<figure><img class="size-full wp-image-8006" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/IMG_20190524_135323-01-e1558886971303.jpeg" alt="" width="800" height="600" /><figcaption> ห้องเดี่ยวมาตรฐานในโรงพยาบาล Ar Yu ราคาประมาณ 2,000 กว่าบาทต่อคืน</figcaption></figure>

แม้ว่าจะมีความต้องการในตลาด แต่ใช่ว่าจะลงทุนได้ง่าย โดยนพ.ธนาธิปกล่าวว่า การลงทุนในเมียนมามีความท้าทาย หลักๆ มาจากเรื่องข้อกฎหมายการลงทุนและระเบียบธรรมเนียมปฏิบัติทางราชการ ซึ่งทำให้<strong>ผู้ลงทุนต่างชาติต้องมีพาร์ทเนอร์ที่ดีและเข้าถึงระบบนิเวศได้จริง</strong>
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/commentaries/thought-leaders/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2.html">โอกาสความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเมียนมา</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/dine-with-the-boss/%E0%B8%A0%E0%B8%8D-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B1.html">ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ เติมความอัจฉริยะให้ "บำรุงราษฎร์"</a></li>
</ul>
นอกจากนี้ ธุรกิจการแพทย์ยังอิงกับตัวบุคลากรเป็นหลัก ซึ่งโรงพยาบาล Ar Yu เกิดขึ้นได้จากการดึงตัวบุคลากรการแพทย์ชาวเมียนมาที่ดำเนินธุรกิจคลินิกแห่งหนึ่งอยู่แล้วมาร่วมหุ้น โดยเป็นแพทย์ที่จบจากต่างประเทศทั้งสิ้น และนพ.ธนาธิปเชื่อว่า หากมีโอกาสทำงานในประเทศบ้านเกิด แพทย์เมียนมาที่ยังคงทำงานอยู่ในต่างประเทศจะเลือกเดินทางกลับมา เป็นโอกาสเสริมศักยภาพธุรกิจในเมียนมาของบริษัท

&nbsp;
<h2>เห็นกำไรสุทธิภายในปี 2563</h2>
ด้านการคืนทุนของโรงพยาบาล Ar Yu รวมถึงโรงพยาบาล Welly ในจีนที่บริษัทร่วมลงทุนและเปิดบริการมาแล้ว 1 ปีครึ่ง นพ.ธนาธิปเชื่อว่าโรงพยาบาลในต่างประเทศทั้งสองแห่งจะเริ่มแสดง EBITDA เป็นบวกภายในสิ้นปีนี้ และน่าจะเห็นกำไรสุทธิเข้ามาใน bottom line ของบริษัทได้ในสิ้นปี 2563

ส่วนภาพรวมผลประกอบการของ THG นพ.ธนาธิปคาดว่าจะเริ่มกลับมาเติบโตในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากที่โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองมีรายได้เป็นขาขึ้น รวมถึงโรงพยาบาลธนบุรี บูรณาและศูนย์สุขภาพ Jin Wellness Institute ในโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ จะสร้างเสร็จพร้อมให้บริการราวเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้

&nbsp;

<strong>Forbes Facts</strong>
<ul>
 	<li>โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดใน Yangon เป็นโรงพยาบาลรัฐขนาด 1,000 เตียง</li>
 	<li>เมียนมายังไม่มีระบบประกันสุขภาพของเอกชน ยกเว้นเป็นวงเงินประกันสุขภาพที่นายจ้างออกให้ลูกจ้างซึ่งมักจะมีสวัสดิการนี้ในองค์กรข้ามชาติ</li>
 	<li><a href="http://www.gmp-myanmar.com/business.php">Ga Mone Pwint</a> เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจหลากหลาย เน้นหนักด้านอสังหาฯ โดยเป็นผู้พัฒนาห้างสรรพสินค้า 5 แห่ง โรงแรมขนาด 220 ห้อง และคอนโดมิเนียม ทำธุรกิจเทรดดิ้งสินค้าวัสดุก่อสร้างตกแต่งภายใน เสื้อผ้า รถยนต์ ฯลฯ รวมถึงธุรกิจรับพัฒนาแบรนด์สินค้า</li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events