<h2>ธนาคารกสิกรไทย เพิ่มฟีเจอร์ให้ลูกค้าโอนเงินต่างประเทศผ่าน K PLUS ผ่านระบบ SWIFT โดยไม่ต้องไปทำที่สาขา สามารถโอนเงินไปต่างประเทศได้ทั้งหมด 25 สกุลเงิน ครอบคลุม 150 ประเทศทั่วโลก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank เปิดตัวบริการใหม่ ให้ลูกค้าโอนเงินต่างประเทศผ่านโมบายแบงก์กิ้ง K PLUS โดยไม่ต้องไปทำที่สาขา และสามารถโอนเงินไปต่างประเทศได้ทั้งหมด 25 สกุลเงิน ครอบคลุมทั่วโลกใน 150 ประเทศ/พื้นที่ปลายทาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบ อัตราแลกเปลี่ยน และค่าธรรมเนียมผ่าน K PLUS และไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม โดยสามารถเลือกรูปแบบการโอนเงินบน K PLUS ได้ผ่าน 2 ระบบ&nbsp; &nbsp; 1. โอนผ่านระบบ SWIFT &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- โอนได้ถึง 24 สกุลเงิน ครอบคลุมทั่วโลกในกว่า 150 ประเทศ/พื้นที่ปลายทาง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- เลือกโอนเงินไปต่างประเทศได้ทุกสกุลเงิน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสกุลเงินหลักของประเทศปลายทาง เช่น โอนเงินดอลลาร์สหรัฐไปยังประเทศจีนได้ จากเดิมที่ต้องไปทำรายการลักษณะนี้ที่สาขา &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- โปรโมชันค่าธรรมเนียมราคาพิเศษ เริ่มต้น 100 บาท/รายการ ตั้งแต่ 27 มี.ค. 67 – 31 ก.ค. 67 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. โอนผ่าน FinTech&nbsp;(พันธมิตรของธนาคารกสิกรไทย) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- โอนได้ 15 สกุลเงินหลักที่เป็นที่นิยม ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ ปอนด์ ยูโร หยวน เยน วอน ดอลลาร์สิงคโปร์ ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์ฮ่องกง เปโซฟิลิปปินส์ รูปีอินเดีย รูเปียห์อินโดนีเซีย ดองเวียดนาม ริงกิตมาเลเซีย และเมียนมาร์จ๊าด &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ผู้รับเงินปลายทางได้รับเงินเข้าบัญชีทันทีหรือภายใน 3 วันทำการ และได้รับเงินเต็มจำนวน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ค่าธรรมเนียมราคาพิเศษ เริ่มต้น 250 บาท/รายการ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 – 31 ธ.ค. 67 ยกเว้นการโอนเงินสกุลเมียนมาร์จ๊าด เริ่มต้น 20 บาท/รายการ ตั้งแต่ 1 เม.ย. 67 – 31 ธ.ค. 67 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/business-opportunities-for-single-people" alt="ส่องโอกาสธุรกิจตอบโจทย์ &quot;คนโสด&quot; เมื่อการอยู่คนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/single-economy-thailand-may-2024" alt="สภาพัฒน์เผย คนไทยวัยมีคู่กว่า 40% ยังโสด เหตุ ‘งานหนัก-ไม่เจอคน’ แนะรัฐหนุน Work-life Balance ให้เจอคนที่ใช่"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/mof-credit-bureau-record-npl" alt="คลังพิจารณา ‘ลดเวลา’ เก็บประวัติหนี้เสียค้างในเครดิตบูโรนาน 8 ปี หวังคนเข้าถึงสินเชื่อในระบบ"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kbank-sustainability-thailand-loan-growth-2024" alt="กสิกรไทย รับ 'ระวัง' ปล่อยสินเชื่อเน้นให้กู้ลูกค้ากลุ่มบน แต่ยังขยายสินเชื่อยั่งยืนฯ คาดสิ้นปีนี้แตะแสนล้าน">กสิกรไทย รับ 'ระวัง' ปล่อยสินเชื่อเน้นให้กู้ลูกค้ากลุ่มบน แต่ยังขยายสินเชื่อยั่งยืนฯ คาดสิ้นปีนี้แตะแสนล้าน</a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/magoro-ipo-may-2024" alt="รู้จัก MAGURO เครือร้านอาหารญี่ปุ่นที่รายได้ 1,000 ล้าน และจะเข้า IPO ใน mai 5 มิ.ย. นี้"></a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กสิกรไทย เพิ่มฟีเจอร์ในแอป K PLUS โอนเงินต่างประเทศได้ 150 ประเทศผ่านระบบ SWIFT

<h2>Kristo Kaarmann ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Wise บริษัทฟินเทคพัฒนาระบบโอนเงินข้ามประเทศ ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีชาวยุโรปคนล่าสุด หลังนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนเมื่อวันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2021 ด้วยวิธี Direct Listing</h2>
<figure><img class="wp-image-48065" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Wisewe.jpg" alt="Kristo Kaarmann" width="720" height="480" /><figcaption> Taavet Hinrikus และ Kristo Kaarmann ผู้ร่วมก่อตั้ง Wise บริษัทฟินเทคพัฒนาระบบโอนเงินข้ามประเทศ</figcaption></figure>

ทั้งนี้ การนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์แบบ Direct Listing จะไม่มีการระดมทุนด้วยการออกหุ้น IPO เสนอขายสู่สาธารณะ เนื่องจากมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่ง Wise เป็นบริษัทเทคโนโลยีแรกที่เลือกเข้าตลาดหุ้นลอนดอนด้วยวิธีนี้ เนื่องจากบริษัทสามารถทำกำไรได้อยู่แล้ว อีกทั้งวิธีนี้เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการระดมทุนเหมือนกับการ IPO

ปัจจุบัน Kristo Kaarmann มีสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทร้อยละ 18.8 ซึ่งหลังจากการนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ราคา 11 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น ทรัพย์สินสุทธิของเขาได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญ และกลายเป็นชาวเอสโตเนียคนแรกที่เข้าสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีจากการจัดอันดับของ Forbes พร้อมกับ Taavet Hinrikus ผู้ร่วมก่อตั้งชาวเอสโตเนียอีกคน ผู้ซึ่งถือหุ้นร้อยละ 10.9 และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.1 พันล้านเหรียญ

Wise ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 ในชื่อ Transferwise ผู้ให้บริการโอนเงินใน 56 สกุลเงินด้วยอัตราค่าธรรมเนียมที่ต่ำ “เราไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารในการโอนเงินข้ามประเทศระหว่าง ลอนดอน ซึ่งเป็นที่ที่พวกเราทำงาน และเอสโตเนีย บ้านเกิดของเรา” Kaarmann และ Hinrikus กล่าวถึงวัตถุประสงค์แรกเริ่มในการก่อตั้ง

ปัจจุบัน Wise ให้บริการโอนเงินข้ามประเทศมากกว่า 6 พันล้านเหรียญทุกเดือน ซึ่งในที่นี้ทางบริษัทระบุว่าสามารถประหยัดค่าธรรมเนียมให้กับกลุ่มลูกค้า 10 ล้านรายเป็นมูลค่ามากถึง 1.5 พันล้านเหรียญต่อปี เมื่อเทียบกับบริการโอนเงินระหว่างประเทศของ Western Union โดยระบุว่า บริการของ Wise สามารถโอนเงิน 1,000 ปอนด์ไปยังสหรัฐอเมริกาได้ถูกกว่า 18 เหรียญ

ล่าสุด Wise ก้าวขึ้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 1.1 หมื่นล้านเหรียญ

การเติบโต

<img class="alignnone wp-image-48066" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/Wise-LSE.jpg" alt="Kristo Kaarmann " width="720" height="492" />

การเสนอขายหุ้น IPO ของ Wise เกิดขึ้นจากรายได้และการประเมินมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของบริษัทฟินเทคและธุรกิจรับชำระเงินจำนวนมากในช่วงที่มีการล็อกดาวน์จากการระบาดใหญ่ทั่วโลก 

ยกตัวอย่างเช่น ในยุโรป นักลงทุนได้ผลักดันมูลค่าของ <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/daviddawkins/2021/04/07/checkoutcoms-guillaume-pousaz-emerges-as-one-of-europes-leading-billionaire-fintech-founders/?sh=6711e2519f5f">Checkout.com</a> สตาร์ทอัพการชำระเงินออนไลน์จาก 5.5 พันล้านเหรียญในเดือนมิถุนายน 2020 เป็น 1.5 หมื่นล้านเหรียญในเดือนมกราคม 2021 ในขณะที่ฟินเทค Klarna มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากถึง 3 เท่าในเวลาเพียง 6 เดือนจาก 1.1 หมื่นล้านเหรียญเป็น 3.1 หมื่นล้านเหรียญในเดือนมีนาคม

ด้าน Wise ก็ได้จับกระแสการเติบโตดังกล่าว โดย บริษัทมีรายได้สิ้นสุด ณ เดือนมีนาคม 2019 ที่ 177.9 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 302.6 ล้านปอนด์ในปีถัดมา และล่าสุดในเดือนมีนาคม 2021 ก็ได้เติบโตขึ้นมากถึงร้อยละ 136 ในระยะเวลาเพียง 2 ปี ด้วยมูลค่าบริษัท 5 พันล้านเหรียญ ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในฟินเทคชั้นนำของยุโรป 

ในเดือนกรกฎาคม 2020 Wise ตีมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ที่นำโดยนักลงทุน ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในฟินเทคชั้นนำของยุโรป

ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้ได้รับอานิสงส์จากการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2019 ลูกค้า 6 ล้านรายของ Wise ดำเนินการโอนเงินข้ามสกุลเงินมูลค่า 3.7 หมื่นล้านเหรียญ (ธุรกิจและส่วนบุคคล) ขณะที่ในปีงบประมาณ 2020 จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านราย และมีมูลค่าการทำธุรกรรมมากถึง 5.8 พันล้านเหรียญ และล่าสุดในปี 2021 Wise มีลูกค้าถึง 10 ล้านราย และมียอดธุรกรรมราว 7.4 พันล้านเหรียญ

2 พันล้านเหรียญ, 1.3 ล้านเหรียญ

<figure><img class="wp-image-48064" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-60e571016fde9d49c0049065-0x0.jpgcropX10cropX22355cropY1134cropY21858.jpg" alt="Kristo Kaarmann " width="720" height="527" /><figcaption> Kristo Kaarmann ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Wise</figcaption></figure>

ผู้ก่อตั้งให้สัมภาษณ์กับ Forbes ในปี 2016 ว่า Wise เติบโตขึ้นจากความต้องการประหยัดเงินของชาวเอสโตเนีย 2 คนในลอนดอน ระหว่างที่ Kaarmann ทำงานที่ Deloitte และ Hinrikus ทำงานที่ Skype ทั้งคู่ได้คิดค้นระบบเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าธรรมเนียมระหว่างร้อยละ 10 ถึงร้อยละ 12 ต่อเดือน

“เราตระหนักดีว่าไม่จำเป็นต้องย้ายเงิน ไม่จำเป็นต้องทำการโอนเงินระหว่างประเทศ เพราะเงินมีอยู่แล้วในที่ที่จำเป็น” Hinrikus กล่าวในปี 2016

Hinrikus วิศวกรซอฟต์แวร์เอสโตเนียคิดค้นวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการโอนเงินยูโรจากบัญชีธนาคารเอสโตเนียของเขาไปยังบัญชีเอสโตเนียของ Kaarmann ในขณะที่ Kaarmann จะโอนเงินปอนด์จากบัญชี HSBC ของอังกฤษไปยังบัญชีของ Hinrikus ที่ Lloyds 

กระบวนการนี้ได้ช่วยให้พวกเขาประหยัดค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนสกุลเงิน เนื่องจากพวกเขาใช้อัตราแลกเปลี่ยนจริงหรือที่เรียกว่าอัตราตลาดกลาง

ไม่นานหลังจากนั้น แนวคิดนี้ก็ได้แพร่กระจายไปยังชาวต่างชาติชาวเอสโตเนียคนอื่นๆ (ผ่านการแชทผ่าน Skype) ซึ่งเห็นการประหยัดเงินจำนวนมากในการแลกเปลี่ยนเงินด้วยวิธีนี้ ในที่สุดแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนเงินที่เชื่อมโยงกับ Skype ก็ได้ก่อตั้งเป็น TransferWise ในปี 2011 และทั้งคู่จึงตัดสินใจลาออกจากงานและหาทุนด้วยตนเองเป็นเวลา 1 ปีก่อนที่จะเข้าสู่รอบการระดมทุนที่กวาดเงินทุนราว 1.3 ล้านเหรียญ

สตาร์ทอัพแห่งนี้ด้รับความสนใจจากทั่วโลกในอีก 1 ปีต่อมา เมื่อมหาเศรษฐี Peter Thiel เป็นผู้นำในการระดมทุน Series C มูลค่า 6 ล้านเหรียญ ก่อนที่ต่อมาในปี 2014 มหาเศรษฐี Richard Branson จะเข้าลงทุน 26 ล้านเหรียญในหุ้นของบริษัทที่ไม่ได้รับการเปิดเผย

Jeppe Rindom ผู้ก่อตั้ง Pleo ฟินเทคจากเดนมาร์ก กล่าวกับ Forbes ว่า Wise ถือกำเนิดขึ้นในช่วง “เหตุการณ์หงส์ดำ” ระหว่างวิกฤตการณ์ทางการเงิน และเสริมว่า “มีความเหมาะสมที่จะเสนอขายหุ้นต่อในครั้งที่สอง” พร้อมชื่นชมเบื้องหลังของความสำเร็จว่า “พวกเขาก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ โดยไม่สร้างศัตรู ทำงานร่วมกับสื่อ โดยไม่สร้างความปั่นป่วน และลงทุนในวัฒนธรรมองค์กร ไม่ใช่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขา”

นอกจากนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังเป็นข่าวดีสำหรับพนักงาน 2,400 คนของ Wise ทั่วโลก ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากส่วนแบ่งในหุ้นของพนักงานร้อยละ 9.8 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

ในทำนองเดียวกัน Wise ได้ขยายบริการนอกเหนือจากบริการโอนเงิน อาทิ การเสนอบัญชีธนาคารหลายสกุลเงินและบัญชีธุรกิจที่ออกแบบมาสำหรับการดำเนินงานทั่วโลก เข้าไปยังพื้นที่ที่ดำเนินการโดยธนาคารแบบดั้งเดิม และมีการออกบัตรเดบิตเป็นที่เรียบร้อยแล้วราว 1.6 ล้านใบ

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Founders Of Money Transfer Service Wise Become Estonia’s First Billionaires After London IPO เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/technology/asia-technology/pierre-chen-มหาเศรษฐีเทคโนโลยี-ไต.html">Pierre Chen มหาเศรษฐีเทคโนโลยีไต้หวัน หนึ่งในนักสะสมงานศิลปะชั้นนำของเอเชีย</a>

Kristo Kaarmann ผู้ก่อตั้งบริการโอนเงิน Wise มหาเศรษฐีคนแรกของเอสโตเนีย

ไทยพาณิชย์ฯ ประกาศความร่วมมือกับ GUAVAPAY ผู้ให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศชั้นนำจากประเทศอังกฤษ เปิดให้บริการรับเงินโอนเข้าจากประเทศอังกฤษและกลุ่มประเทศในยุโรปมายังประเทศไทย โดยต้นทางสามารถโอนเงินและติดตามสถานะการโอนได้ด้วยตนเองผ่านช่องทางของ GUAVAPAY

ศิโรตม์ วิชยาภัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน GTS and Ecosystems ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “การเข้ามาของดิจิทัลเทคโนโลยีทำให้ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รูปแบบและพฤติกรรมในการทำธุรกรรมทางการเงินเปลี่ยนไป จากเดิมที่นิยมไปสาขาก็หันมาใช้บริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มมากขึ้น เพื่อมอบบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด ล่าสุด ธนาคารได้จับมือกับ GUAVAPAY ผู้ให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศชั้นนำจากประเทศอังกฤษ เปิดให้บริการ “รับเงินโอนจากประเทศอังกฤษและกลุ่มประเทศในยุโรปมายังประเทศไทย”

<figure><img class="wp-image-35077 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/ไทยพาณิชย์-0221.jpg" alt="" width="600" height="400" /><figcaption> ศิโรตม์ วิชยาภัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน GTS and Ecosystems ธนาคารไทยพาณิชย์</figcaption></figure>

ไทยพาณิชย์ฯ จะเป็นสื่อกลางในการกระจายเงินเข้าสู่บัญชีผู้รับปลายทางในประเทศไทยผ่านระบบพร้อมเพย์เป็นสกุลไทยบาทแบบเรียลไทม์ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ไม่ต้องไปสาขา นอกจากนี้ยังได้ผสานความแข็งแกร่งและเชื่อมต่อเทคโนโลยีอันทันสมัยของ RippleNet เครือข่ายการชำระเงินและการโอนเงินชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรของธนาคาร มาช่วยให้ลูกค้าของ GUAVAPAY สามารถทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

จากความร่วมมือในครั้งนี้ ธนาคารคาดหวังว่าจะสามารถช่วยยกระดับประสบการณ์การทำธุรกรรมรับเงินโอนต่างประเทศแบบไร้รอยต่อให้กับลูกค้า (Seamless Global Payment Experience) เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มศักยภาพการให้บริการทางการเงินครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด”

ด้าน วูการ์ แมมมาดซายิป Head of Global Partnerships GUAVAPAY กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารไทยพาณิชย์หนึ่งในธนาคารชั้นนำของประเทศไทย ในการเปิดให้บริการโอนเงินจากประเทศอังกฤษและกลุ่มประเทศในยุโรปผ่านช่องทางของ GUAVAPAY มายังประเทศไทยโดยปลายทางจะได้รับเงินในสกุลไทยบาท ลูกค้าสามารถโอนเงินและติดตามสถานะการโอนได้ด้วยตนเอง เรามุ่งมั่นที่จะมอบบริการที่ดีที่สุด ด้วยค่าธรรมเนียมและอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีในการโอนเงินระหว่างประเทศให้กับลูกค้าของเรา”

<figure><img class="wp-image-35076 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/ไทยพาณิชย์-002.jpg" alt="" width="600" height="400" /><figcaption> วูการ์ แมมมาดซายิป Head of Global Partnerships GUAVAPAY</figcaption></figure>

โดย Guavapay Limited ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ถือใบอนุญาตของ FCA’s Small EMI และเป็นสมาชิกหลักของ UnionPay International และ MasterCard ซึ่งให้บริการทางการเงินเต็มรูปแบบสำหรับสถาบันการเงิน รวมถึงการเป็น Outsource เพื่อให้บริการระบบการชำระเงินระหว่างประเทศสำหรับบัตรและร้านค้าของ Visa, MasterCard และ UnionPay International

นอกจากนั้น Guavapay ยังเป็น Agent และสามารถให้บริการ Affiliate Programs สำหรับบริษัทที่ต้องการออกบัตร UnionPay และ MasterCard อีกด้วย โดย Guavapay มีสถานะเป็น MSP ใน VISA International Payment System, TPP ใน MasterCard International Payment System และ TPSP ใน UPI International Payment System

ทั้งนี้การให้บริการของ Guavapay ไม่จำกัดอยู่แค่การให้บริการทางด้านระบบการชำระเงินเพียงอย่างเดียว ทางบริษัทยังให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศ การโอนเงินไปยังต่างประเทศโดยการใช้ SWIFT, SEPA, CHAPS, BACS, FASTER PAYMENT เครดิตบัญชีธนาคาร การเติมเงินใน e-Wallet และการโอนเงินระหว่างประเทศ รองรับ 33 สกุลเงิน ด้วยอัตราค่าบริการที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/property/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%94-%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B2.html">เปิดทางรอด ธุรกิจอสังหาฯ ฝ่าโควิด-19</a>

<article id="post-34018" class="post-34018 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-891 tag-11994 tag-11992 tag-1970 tag-11993">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">
<div>

<hr />

ไม่พลาดบทความด้านกลยุทธ์องค์กรและธุรกิจ ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003366;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine </a>
และ <a style="color: #33cccc;" href="https://twitter.com/Forbes_TH">ทวิตเตอร์ Forbes Thailand</a>

</div>
</div>
</article>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events