<h2>หลังตลาดซบเซามาตลอดสองปีท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 แม้ตลาดบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ จะไปได้ดี ทว่าในทำเลต่างจังหวัดเงียบมาก แต่ล่าสุดกับทำเลแม่ริม จ.เชียงใหม่ ศุภาลัยสามารถขายบ้านหรู “ทัสคานี” ในโครงการ “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” ได้ก่อนเปิดตัว สะท้อนตลาดอสังหาฯ ต่างจังหวัดฟื้นตัวชัดเจน และพบว่าคนกรุงเทพฯ ซื้อเพื่อลงทุนมากขึ้น</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-63040" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/ศุภาลัย-ทัสคานี-วัลเล่ย์_0504.jpg" alt="" width="650" height="487" />

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (20-22 พ.ค.) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) นำสื่อมวลชนจากส่วนกลางไปเยี่ยมชม โครงการที่อยู่อาศัยใหม่ “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่เตรียมจะเปิดขายแบบ Pre-Sales ในวันที่ 28-29 พ.ค.นี้ โดยนับเป็นกิจกรรมการตลาดต่างจังหวัดที่จัดใหญ่เป็นครั้งแรก หลังผ่านช่วงสถานการณ์โควิดตลอดสองปีที่ผ่านมา และพบว่าการตอบรับด้านตลาดและยอดขายดีเกินคาด

<strong>ประทีป ตั้งมติธรรม</strong> ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนพัฒนาโครงการในภูมิภาคอื่นๆ ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตและกระจายความเสี่ยงให้กับบริษัทฯ โดยในปี 2565 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาคเหนือกำลังส่งสัญญาณฟื้นตัวอีกครั้ง เนื่องจากการเปิดตัวโครงการใหม่เริ่มกลับมามีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น บริษัทฯ จึงเดินหน้าเต็มที่ในการเปิดตัวเมกะโปรเจกต์ใหม่ <span style="color: #008000;">“ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์”</span> มูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยโครงการ <span style="color: #008000;">ศุภาลัย เบลล่า ดอนแก้ว-แม่ริม</span> บ้านเดี่ยวและบ้านรุ่นใหม่ 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์น ที่เปิดขายล่วงหน้าไปก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้การตอบรับดีจากลูกค้า

<span style="color: #993300;">“ปกติโครงการในต่างจังหวัด ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ หรือคนกรุงเทพฯ ที่ทำงานในพื้นที่ แต่โครงการนี้พบว่า มีคนกรุงเทพฯ มาซื้อมากขึ้น อาจเป็นเพราะมองเรื่องการลงทุนอสังหาฯ ที่คุ้มค่ากว่าในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำ”</span> ดร.ประทีป อธิบายปรากฎการณ์ตลาดที่พบล่าสุด ซึ่งนอกจากศุภาลัย ทัสคานี แล้ว ในโครงการนี้ยังมีโครงการย่อย ที่จะทยอยเปิดตัวตามมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ ศุภาลัย พรีมา วิลล่า ดอนแก้ว-แม่ริม มีแผนเปิดตัวโครงการในอนาคต ซึ่งมี 4 โครงการในแผนงาน

<img class="alignnone size-full wp-image-63039" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/ศุภาลัย-ทัสคานี-วัลเล่ย์_0503.jpg" alt="" width="650" height="487" />

สำหรับโครงการรลักชัวรี่ <span style="color: #008000;">“ศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว-แม่ริม”</span> เป็นบ้านเดี่ยว 2-3ชั้น ดีไซน์ใหม่ภายใต้แนวคิด “European Artistry Amidst Hillscape Scenery สะท้อนศิลปะหรูแบบยุโรป โอบล้อมด้วยทัศนียภาพแห่งขุนเขา” ด้วยแรงบันดาลใจจาก “ทัสคานี” ในประเทศอิตาลีที่มีงานสถาปัตยกรรมโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่คนทั่วโลกชื่นชอบ เริ่มตั้งแต่ซุ้มทางเข้าที่ดึงมนต์เสน่ห์ของไร่องุ่นมาประยุกต์ใช้กับพันธุ์พืช ต้นไม้สีสันสดใสและน้ำพุเพื่อสร้างบรรยากาศแบบอิตาลี

<span style="color: #993300;">“โครงการนี้ เป็นการซื้อที่ดินที่ผู้ประกอบการรายอื่นเคยพัฒนาค้างไว้ นำมาปรับปรุงและพัฒนาใหม่”</span> ประทีป ย้ำและว่า ไฮไลท์โครงการอยู่ที่บ้านเดี่ยว สไตล์ยูโรเปียน ที่สร้างสรรค์และออกแบบอย่างประณีต โดยมีการปรับองค์ประกอบรูปแบบงานสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปให้มีเส้นสายตามยุคสมัย ตอบรับการใช้ชีวิตทุกช่วงวัย แต่ยังมีกลิ่นอายของบ้านในขุนเขาตามแบบฉบับทัสคานีให้เลือกสรรได้ 9 แบบ พื้นที่ใช้สอย 167-480 ตร.ม. ขนาด 3-5 ห้องนอน 3-7 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2-4 คัน สวนส่วนกลางขนาดใหญ่ใจกลางโครงการ พร้อมคลับเฮ้าส์เรียบหรูแบบคลาสสิค ที่จำลองบรรยากาศมาจาก Forte Dei Marmi หาดทรายขาวที่โด่งดังในแคว้นทัสคานี

<img class="alignnone size-full wp-image-63041" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/ศุภาลัย-ทัสคานี-วัลเล่ย์_0505.jpg" alt="" width="650" height="433" />
<h3>พัฒนาโครงการใหญ่ร่วมชุมชน</h3>
<strong>ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม</strong> กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 13 ปี ที่บริษัทฯ ได้เดินหน้าพัฒนาพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีเสมอมา ด้วยโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงของจังหวัด ประกอบกับกำลังซื้อจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยจริง หรือเรียลดีมานด์และตลาดต่างชาติ แม้ว่าในช่วงวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ความคึกคักของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาคเหนือลดลง จากการชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีหลายพื้นที่ที่ได้รับความสนใจสูงขึ้น

<img class="alignnone size-large wp-image-63044" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/ไตรเตชะ-ตั้งมติธรรม.jpg" alt="" width="400" height="533" />
โดยเฉพาะที่อำเภอแม่ริม เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีสถานที่สำคัญและสวยงาม จึงมั่นใจปักหมุดเมกะโปรเจกต์ใหม่ล่าสุด “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” บนพื้นที่กว่า 165 ไร่ พร้อมกับเปิดตัวโครงการ “ศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว-แม่ริม” มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท กับบ้านเดี่ยว 2-3 ชั้น ดีไซน์ใหม่ในบรรยากาศโรแมนซ์ราคาเริ่มต้น 4.99-16 ล้านบาท เป็นหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของ อ.แม่ริม ติดถนนโชตนา

แวดล้อมด้วยหลากหลายร้านค้าสถานบริการที่น่าสนใจ โรงพยาบาลชั้นนำ และสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ แม็คโคร แม่ริม, ตลาดแม่ริม, โรงพยาบาลดารารัศมี, โรงพยาบาลนครพิงค์, ที่ว่าการอ าเภอแม่ริม และเหนือกว่าใครด้วยบูทีค ไลฟ์ สไตล์มอลล์ “เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม” ที่พรั่งพร้อมด้วยร้านค้าและร้านอาหารแบรนด์ดังตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ โดยเตรียมเปิดให้บริการในไตรมาสแรก ปี 2566

<img class="alignnone size-full wp-image-63042" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/ศุภาลัย-ทัสคานี-วัลเล่ย์_0506.jpg" alt="" width="650" height="433" />

ด้าน<strong> สายชล ลืมขำ</strong> ผู้อำนวยการฝ่าย สายงานโครงการภูมิภาค 4 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เดินหน้าพัฒนาโครงการ ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์ในพื้นที่ อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะอยู่ร่วมและเติบโตไปพร้อมกับชุมชนรอบข้าง โดยได้มีการทำประชาคมเพื่อวางแผนพัฒนาพื้นที่ร่วมกับชุมชน อาทิ อนุรักษ์อุโมงค์ต้นไม้และต้นไม้ใหญ่ดั้งเดิมที่มีอยู่ก่อนเข้าพัฒนาโครงการเอาไว้ทั้งหมด

พร้อมการออกแบบโครงการให้กลมกลืนกับวัดท่าไคร้ซึ่งอยู่ในพื้นที่ติดกับโครงการ ศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว -แม่ริม อีกทั้งร่วมอนุรักษ์และดูแลศาลเจ้าที่ ซึ่งเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ และยังทำทางน้ำที่ไหลผ่านโครงการไปลงยังแปลงนาของชาวบ้านได้ดังเดิม ด้วยปณิธานการดำเนินธุรกิจด้วยจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรภายใต้แนวคิด “ศุภาลัย ใส่ใจ...สร้างสรรค์สังคมไทย”

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%9f%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%99-%e0%b9%82%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b8%a5-%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%a5.html">ตลาดฟื้น “โนเบิล” ทำพรีเซลไตรมาสแรกโต จับมือกลุ่มบีทีเอสเปิด “โนเบิล ครีเอท”</a>

<hr />
<p class="p1"><span class="s1"><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก<span class="s2"> Forbes Thailand Magazine</span></a></span></p>

อสังหาฯ ภาคเหนือฟื้น ศุภาลัยเปิดโครงการบ้านหรู “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” 3.8 พันล้าน

<h2>ศุภาลัย รุกตลาดแนวราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดคฤหาสน์หรูระดับลักชัวรี่ ภายใต้แบรนด์ ‘พรีมา วิลล่า’ บนทำเลคุณภาพ โซนกรุงเทพฯ ตะวันตก เปิดตัวโครงการหรู ‘ศุภาลัย พรีมา วิลล่า ปิ่นเกล้า-พุทธมณฑล สาย 2’ มูลค่าโครงการกว่า 1,100 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “The New Privacy”</h2>
<strong>ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม</strong> กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ในช่วงหลังการฟื้นตัวของสถานการณ์โควิด-19 ที่ปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและการปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing ทำให้ผู้บริโภคคำนึงถึงความสำคัญของสุขอนามัย และความปลอดภัยในชีวิตส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายโครงการแนวราบของบริษัทที่เติบโตไปในทิศทางที่ดี ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค

สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคนั้นมีอย่างต่อเนื่อง และส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนานกว่า 31 ปี  ทำให้สามารถเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค พร้อมคำนึงถึงรูปแบบที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ในการใช้ชีวิตมากที่สุด อาทิ นวัตกรรมแบบบ้านประหยัดพลังงาน ทั้งยังได้รับรองคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ISO 9001 : 2015

<figure><img class="wp-image-34534 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/คุณไตรเตชะ-2.jpg" alt="" width="216" height="279" /><figcaption> ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

<span style="color: #008000;">สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 นี้ เตรียมเปิดตัว โครงการใหม่ 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งมีการปรับแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบในปีนี้ เป็น 27 โครงการ มูลค่ารวม 21,800 ล้านบาท เ</span>พื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแนวราบ โดยเตรียมจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในช่วงไตรมาสสุดท้าย ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

<figure><img class="wp-image-34536 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/คุณธัญวรัตน์-ปัญญารัตน์-01-247x300.jpg" alt="" width="247" height="300" /><figcaption> ธัญวรัตน์ ปัญญารัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและการขาย</figcaption></figure>

<strong>ธัญวรัตน์ ปัญญารัตน์</strong> ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและการขาย กล่าวถึงการเปิดโครงการใหม่ในทำเล ปิ่นเกล้า-พุทธมณฑล ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพอีกหนึ่งทำเลของโซนกรุงเทพฯ ตะวันตก กับโครงการคฤหาสน์หรูใหม่ล่าสุด <strong>‘ศุภาลัย พรีมา วิลล่า ปิ่นเกล้า-พุทธมณฑล สาย 2’</strong> มูลค่าโครงการกว่า 1,100 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด <strong>“The New Privacy”</strong> บนพื้นที่ 26 ไร่ พร้อมให้ความเป็นส่วนตัวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพียง 56 ยูนิต รองรับยุค New Normal

โครงการมาพร้อมคฤหาสน์หรูซีรีย์ใหม่ <strong>“ศุภมัณฑิรา”</strong> บ้านเดี่ยว 2 ชั้น  พื้นที่ใช้สอย 417 ตร.ม. บนที่ดินขนาด 134 ตร.ว. 5 ห้องนอน  7 ห้องน้ำ 2 พื้นที่พักผ่อนส่วนตัว และ 3 ที่จอดรถ ทางเข้าบ้านมี Drop off ในร่ม เพื่อความสะดวกสบาย  อีกทั้งภายในบ้านยังมีการออกแบบให้โปร่งโล่ง สามารถเชื่อมต่อแต่ละส่วนได้อย่างลงตัว และในส่วนของ ชั้น 2 ประกอบด้วย Master Bedroom พร้อมพื้นที่ห้องน้ำกว้างพิเศษ และ Walk-in Closet ในตัว โดยทุกพื้นที่ภายในบ้านได้สร้างสรรค์มาเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง

<figure><img class="wp-image-34539 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/ศุภมัณฑิรา-01.jpg" alt="" width="600" height="400" /><figcaption> “ศุภมัณฑิรา” บ้านเดี่ยว 2 ชั้น</figcaption></figure>

<figure><img class="wp-image-34533 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/DSC8564-22.jpg" alt="" width="600" height="400" /><figcaption> ภายใน “ศุภมัณฑิรา”</figcaption></figure>

ภายในโครงการยังมีพื้นที่สีเขียว สร้างความร่มรื่นแก่ผู้พักอาศัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่สร้างสรรค์มาเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตระดับพรีเมี่ยมกับโครงการสุดหรู อาทิ ฟิตเนส สระว่ายน้ำระบบน้ำแร่ อุ่นใจกับระบบรักษาความปลอดภัย ที่พร้อมดูแลคุณ และครอบครัวตลอด 24 ชั่วโมง

เหนือกว่าด้วยระบบบ้านอัจฉริยะ Home Automation ยกระดับความปลอดภัยภายในบ้าน และเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้พักอาศัย โดดเด่นด้วยทำเลศักยภาพโซนกรุงเทพฯ ตะวันตก ติดถนนบรมราชชนนี ใกล้ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ทางคู่ขนานลอยฟ้า บรมราชชนนี และส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน สถานีศาลาธรรมสพน์ (ในอนาคต)

<figure><img class="wp-image-34535 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/09/คุณชัยจักร-2.jpg" alt="" width="350" height="431" /><figcaption> ชัยจักร วทัญญู ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์</figcaption></figure>

ด้าน <strong>ชัยจักร วทัญญู</strong> ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ เผยถึงแนวคิดการสร้างสรรค์โครงการ พร้อมคฤหาสน์หรู <strong>“ศุภมัณฑิรา”</strong> โชว์จุดเด่นด้วยรูปแบบบ้านขนาดใหญ่ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์และเติมเต็มความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว พร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอยที่ครบครัน

บริเวณทางเข้าด้านหน้ามีความต่อเนื่องจากชั้นล่างสู่ชั้นบน พร้อมด้วยช่องกระจกสูงจากพื้นถึงเพดาน เชื่อมต่อบรรยากาศภายนอกสู่ภายในอีกทั้งพื้นที่ภายในบ้านมีลักษณะเปิดโล่งถึงกัน  ทำให้เกิดความโปร่งสบายในการพักอาศัยได้มากยิ่งขึ้น

ห้องรับแขกโอ่โถงด้วย Double Volume สูง 6 เมตร มีลักษณะเฉพาะด้วยการกั้นห้องเป็นสัดส่วน พร้อมกระจกโค้งเปิดมุมกว้าง  เพื่อรับทัศนียภาพภายนอก สามารถสร้างความผ่อนคลายแก่ผู้พักอาศัยได้เป็นอย่างดี ครัวภายในบ้านมีขนาดใหญ่ สามารถจัดเคาน์เตอร์กลางห้องได้ ทั้งยังมีความต่อเนื่องกับห้องอาหาร บนชั้น 2 ประกอบด้วย Master Bedroom ขนาดใหญ่ มาพร้อม Walk-in Closet และห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำในตัว

เพิ่มความหรูหราด้วยอ่างล้างหน้าเคาน์เตอร์หินแกรนิต อีกหนึ่งจุดเด่นของแบบบ้านใหม่นี้  ยังมีการออกแบบสีผนังภายนอก ด้วยโทนสีที่แสดงถึงความทันสมัย หรูหรา มั่งคั่ง และดูดีมีระดับ สร้างความพรีเมี่ยมให้กับแบบบ้านสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/property/%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%99-%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%8a%e0%b8%b0%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%9a%e0%b8%a5-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1.html">เบน เตชะอุบล พร้อมเปิดตัวยิ่งใหญ่ 2 โรงแรมริมเจ้าพระยาเชื่อมั่นแบรนด์ระดับโลก</a>

<article id="post-34018" class="post-34018 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-891 tag-11994 tag-11992 tag-1970 tag-11993">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>
</article>&nbsp;

ศุภาลัย รุกตลาดแนวราบ เปิดคฤหาสน์หรูระดับลักชัวรี่

<h2>ศุภาลัย หลังชิมลางการลงทุนพัฒนาอสังหาฯในต่างประเทศที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ล่าสุด บมจ.ศุภาลัยได้ขยายการลงทุนไปยังเวียดนาม และศึกษาโอกาสลงทุนทั่วอาเซียน กำหนดเพดานลงทุนถึง 5 พันล้านบาท ขณะที่ตลาดในประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่องเป้ายอดขายปีนี้ 3.5 หมื่นล้านบาท</h2>
บมจ.ศุภาลัย ถือเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ท็อป 5 ในตลาดเป็นอีกบริษัทที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องแม้ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯปีนี้ค่อนข้างชะลอตัว แต่ผลประกอบการของศุภาลัยในสองไตรมาสที่ผ่านมา ยังคงมีตัวเลขการเติบโตที่น่าพอใจ และมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่า 20,240 ล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อผลักดันให้ทะลุเป้ายอดขาย 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่เพียงการลงทุนในประเทศแต่ศุภาลัยกำลังมองโอกาสขยายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย

ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนในต่างประเทศเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.8 พันล้านบาท ไปยัง 3 ประเทศ คือ <strong>ออสเตรเลีย</strong> มี 9 โครงการ <strong>ฟิลิปปินส์</strong> ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมูลค่ารวมราว 700 ล้านบาท และ <strong>เวียดนาม</strong> โดยมีทั้งการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นนั้นๆ โดยล่าสุดเพิ่งลงทุนในตราสารหนี้ (bond) ในบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ของเวียดนาม บริษัทโนวาแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯ อันดับสองของเวียดนาม มูลค่าลงทุน 100 กว่าล้านบาท ตราสารอายุ 3 ปี ได้ผลตอบแทน 13% ต่อปี ซึ่งปัจจุบันเหลืออายุไม่ถึงสองปี

<span style="color: #993300;">“ถ้ามีโครงการดีเราก็จะลงทุนเพิ่ม”</span> ดร.ประทีป กล่าวและว่า ตลาดอสังหาฯ ที่เวียดนามมีความต้องการเยอะ แต่กำลังซื้อมีน้อยแต่ดอกเบี้ย 10% กว่า ทำให้กำลังซื้อไม่ดี ค่าแรงขั้นต่ำที่เวียดนามอยู่ที่ 100 กว่าบาท ในขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้นไปสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ดร.ประทีป กล่าวว่าทางบริษัทยังมองโอกาสลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่มอาเซียน ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ซึ่งเชื่อว่ามีความต้องการของตลาดที่อยู่อาศัย แต่ยังมีอุปสรรคที่กำลังซื้อแต่ละประเทศยังไม่ดี และความไม่ชัดเจนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่มองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ

<figure><img class="wp-image-14648 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/ประทีป.jpg" alt="" width="300" height="400" /><figcaption> ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

<span style="color: #993300;">“กลุ่มประเทศอาเซียนเป็นกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วในโลก เราไปดูกัมพูชา เมียนมา มาหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่ได้สรุปการลงทุน แต่มีพันธมิตรที่จะร่วมทุนแล้วแต่ยังไม่มีโครงการที่เหมาะสม”</span> ดร.ประทีป กล่าวและว่าอีกปัญหาที่พบคือราคาที่ดินในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนา และเมียนมา ราคาปรับตัวขึ้นไปสูงมากทำให้ตัดสินใจได้ยาก แต่ยังคงมีความสนใจที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่อง

<span style="color: #993300;">“การลงทุนต่างประเทศ เป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มศักยภาพการเติบโต ประเทศไทยบางทีเรามีความเสี่ยงมากกว่าต่างประเทศ จึงมองโอกาสขยายความเสี่ยง”</span> <strong>ดร.ประทีป</strong> ยังกล่าวถึงตลาดต่างชาติที่มาซื้ออสังหาฯไทยว่าเริ่มชะลอตัวลง เพราะค่าเงินบาทแข็งขึ้นทำให้ราคาอสังหาฯไทยแพงขึ้นประมาณ 10% สำหรับต่างชาติทำให้ตลาดหายไป โดยเฉพาะลูกค้าจีน

แต่ภาวะที่ค่าเงินบาทแข็งทำให้เรามองโอกาสขยายการลงทุนไปต่างประเทศ ซึ่งทางบริษัทตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายการลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 10% ของทรัพย์สินที่บริษัทมีอยู่ 50,000 ล้านบาท เท่ากับเราจะสามารถลงทุนต่างประเทศได้ถึง 5,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเพิ่งลงไปยังไม่ถึง 2,000 ล้านบาทจึงมองโอกาสที่จะขยายออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
<h2>ลุยเปิดโครงการใหม่เป้าขายปีนี้ 3.5 หมื่นล้าน</h2>
ขณะที่ <strong>ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม</strong> กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนงานในครึ่งปีหลังว่า บริษัทฯ เร่งรุกตลาดอสังหาฯ โดยเดินหน้าแผนงานเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 21 โครงการ มูลค่ากว่า 20,240 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค อาทิ <strong>“ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย”</strong> ชูจุดเด่น “คอนโดฯ...ที่เพิ่มเวลาการใช้ชีวิตให้กับคุณ” บนทำเลถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย สถานีแยกไฟฉาย เพียง 330 เมตร พร้อมด้วยพื้นที่สีเขียวรวมกว่า 2 ไร่ ใกล้ชิดธรรมชาติ ราคาเริ่ม 2.03 ล้านบาท

ในครึ่งปีหลังเชื่อว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างยอดขายที่เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่ที่ 35,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยสำคัญในเชิงบวก อย่างการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งล่าสุดก็มีการประกาศแผนนโยบายที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และขยายเส้นทางระบบการคมนาคมในปัจจุบัน อาทิ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน บางซื่อ – หลักสอง ที่จะเปิดใช้อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้

รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่จะเปิดให้บริการ สถานีห้าแยกลาดพร้าว อย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม รวมไปถึงโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหลายเส้นทาง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยเติบโตขึ้นในอนาคต เชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้ จะสามารถกระตุ้นกำลังซื้อภาคประชาชนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งในด้านคุณภาพและราคา เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านอสังหาฯ ทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบและคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมไปถึงการเล็งเห็นถึงความสำคัญของจังหวัดสำคัญต่างๆ โดยเปิดตัวไปช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ทั้งหมด 9 โครงการ รวมเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 19,760 ล้านบาท สามารถทำยอดขายอยู่ที่ 13,307 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในส่วนโครงการคอนโดมิเนียม 44% และโครงการแนวราบ 56% สามารถทำรายได้รวม 10,892 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด

ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 55% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 45% ด้านกำไรสุทธิ 2,293 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 38 % ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 2.4 % ต่อปี ณ 30 มิถุนายน 2562

บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (backlog) ประมาณ 43,434 ล้านบาท ณ 30 มิถุนายน 2562 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2562 จำนวน 10,189 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 33,245 ล้านบาท ในอีก 4 ปีถัดไป เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต

นอกจากนี้ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ “ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สุขุมวิท 107” มูลค่าโครงการประมาณ 2,400 ล้านบาท ราคาเริ่ม 1.78 ล้านบาท ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ Smart life

<img class="alignnone size-full wp-image-14646" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/thumbnail_ศุภาลัย-ซิตี้รีสอร์ท-สุขุมวิท-107_2.jpg" alt="" width="638" height="351" />

ศุภาลัย บุกลงทุน ตปท.ขยายทำเลพุ่งเป้าอาเซียน

<h2>เปิดแผน 'ศุภาลัยปี 2562' ปัจจัยลบรอบด้าน วางเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาท โต 5% เปิดตัวใหม่ 34 โครงการ 40,000 ล้านบาท เน้นจับกลุ่มตลาดกลางเสริมด้วยบ้าน-คอนโดฯ หรู ชี้เทรนด์ปีนี้ราคาที่ดินเติบโตแบบชะลอตัวหลังดีเวลอปเปอร์หยุดทุ่มซื้อ</h2>
<strong>ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม</strong> ประธานกรรมการบริหาร และ <strong>ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม</strong> กรรมการผู้จัดการ สองผู้บริหาร <strong>บมจ.ศุภาลัย</strong> ร่วมกันแถลงวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินงานของบริษัทประจำปี 2562 ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจเติบโตลดลง มีปัจจัยลบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์

<strong>ไตรเตชะ</strong> เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัท<strong>ปี 2561 มีการเปิดตัวโครงการทั้งหมด 25 โครงการ มูลค่ารวม 25,980 ล้านบาท</strong> ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ว่าจะมีการเปิดตัวรวม 40,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัท<strong>สร้างยอดขายได้ 33,343 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ 30,000 ล้านบาท และเติบโตขึ้น 8% จากปี 2560</strong> ขณะที่การรับรู้รายได้วางเป้าหมายต้นปี 2561 ไว้ที่ 26,000 ล้านบาทซึ่งต้องรอรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อนรายงานผลการดำเนินงานต่อไป

“เรามีการชะลอการเปิดโครงการออกไปในช่วงไตรมาส 4 ปีก่อน เพราะเห็นแนวโน้มว่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 จากโครงการที่อยู่ระหว่างขาย ทำให้หลายโครงการจะนำมาเปิดตัวในปีนี้แทน” ไตรเตชะกล่าว

สำหรับ<strong>แผนธุรกิจปี 2562 ศุภาลัยเตรียมเปิดตัว 34 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท</strong> แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการทำเลในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลทั้งหมด เช่น พระราม 9, สาทร, ธนบุรี และโครงการแนวราบอีก 28 โครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด <strong>โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 35,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 5% และเป้าหมายรับรู้รายได้ 28,000 ล้านบาท เติบโตจากเป้าของปีก่อนหน้า 7%</strong> พร้อมกำหนดงบซื้อที่ดินอีก 8,000 ล้านบาท

<figure><img class="wp-image-3672 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/ศุภาลัย-2562-ไตรเตชะ-ประทีป-ตั้งมติธรรม.jpg" alt="" width="800" height="546" /><figcaption> (ซ้าย) ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม และ (ขวา) ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม</figcaption></figure>

ทั้งนี้ <span style="color: #ff0000;">เซ็กเมนต์ราคาโครงการส่วนใหญ่จะยังคงเน้นคอนโดมิเนียมราคา 6-8 หมื่นบาทต่อตร.ม. และโครงการแนวราบราคา 4-6 ล้านบาท ซึ่งเป็นจุดแข็งของศุภาลัย แต่จะเสริมด้วยโครงการหรือยูนิตระดับบนขึ้นในบางโครงการ</span> เช่น บ้านเดี่ยวราคามากกว่า 20 ล้านบาทซึ่งบริษัทไม่เคยพัฒนามาก่อน รวมถึงคอนโดฯ ที่คาดว่าจะทำราคา new high ของบริษัทที่คอนโดฯ บนแปลงที่ดินถนนสาทร หลังจากเคยเปิดตัวศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 ในราคา 1.3-1.6 แสนบาทต่อตร.ม.

&nbsp;
<h2>ชิงจังหวะดึงลูกค้าช่วงคู่แข่งผ่อนคันเร่ง</h2>
“เป้ายอดขายโต 5% บางท่านอาจจะมองต่างกันไปว่าเป็นยอดเติบโตที่เยอะหรือน้อย เพราะหลายคนประเมินว่าตลาดอสังหาฯ จะไม่โตเลยด้วยซ้ำ แต่เราคิดว่าปัจจัยลบต่างๆ จะทำให้ซัพพลายเข้ามาน้อยลง ทำให้เป็นโอกาสของเรา” ไตรเตชะคาดการณ์

ปัจจัยลบดังกล่าว ได้แก่ มาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คุมเข้ม LTV สินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้นแล้ว 0.25% และสภาวะเศรษฐกิจที่อาจเติบโตชะลอลง

&nbsp;
<h2>ปัจจัยลบแวดล้อมแต่ไม่สาหัส</h2>
อย่างไรก็ตาม เอ็มดีศุภาลัยมองว่าปัจจัยลบต่างๆ ไม่ได้ส่งผลหนักอย่างที่หวั่นวิตกกัน เช่น <strong>มาตรการคุมอัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน หรือ LTV</strong> หลังจาก ธปท. พิจารณาให้การทำสัญญาซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่สองสามารถกู้สินเชื่อบ้านได้ 90% หากผ่อนชำระหลังแรกไปแล้วเกิน 3 ปี<span style="color: #ff0000;"> ทำให้กลุ่มลูกค้าที่จะได้รับผลกระทบมีราว 10% เท่านั้น ขณะที่กลุ่มลูกค้าบ้านแนวราบซึ่งปกติมักจะวางเงินดาวน์เพียง 3-5% และกู้สินเชื่อเพื่อโอนทันที บริษัทจะปรับตัวให้ลูกค้าผ่อนได้ยาวขึ้นเป็น 6-8 เดือน โดยแบ่งไซต์ก่อสร้างมีทั้งโซนบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่และบ้านระหว่างสร้างเพื่อแก้โจทย์มาตรการ LTV</span>
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="http://forbesthailand.com/news/property/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%89.html">เคาะแล้ว! นโยบายแบงก์ชาติคุมปล่อยกู้สินเชื่อบ้าน เริ่ม 1 เม.ย. 62</a></li>
</ul>
<strong>ดร.ประทีป</strong> กล่าวว่า สำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อลูกค้า และอัตราดอกเบี้ย MLR ที่ลูกค้าผ่อนบ้านได้รับยังอยู่ที่ราว 4-5% มองว่าอยู่ในระดับที่ ‘ไม่เลวร้าย’

&nbsp;
<h2>จับตาราคาที่ดินเติบโตชะลอลง</h2>
ด้านต้นทุนของภาคอสังหาริมทรัพย์ ดร.ประทีปเปิดเผยว่า ปีนี้ต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างถูกลงหลังจากราคาเหล็กปรับลดลงมาตามราคาน้ำมัน และภาคแรงงานพ้นช่วงวิกฤตขาดแคลน

แต่ราคาที่ดินยังคงเป็นปัจจัยสำคัญของอสังหาฯ โดยชี้ว่าที่ผ่านมาในรอบ 20 ปี (2541-2561) ดัชนีราคาที่ดินปรับขึ้นมา 100% แต่ราคากลางของบ้านและคอนโดฯ ขึ้นมาเพียง 30% เท่านั้น

<img class="alignnone size-full wp-image-3673" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/IMG_20190114_103751_1-01-e1547457981685.jpeg" alt="" width="800" height="600" />

“เท่ากับดีเวลอปเปอร์จะพัฒนายากขึ้น คือต้องลดกำไรตัวเอง หรือต้องขายแพงขึ้น แต่จะเสี่ยงเพราะขายยากขึ้น<strong> ราคาที่ดินขึ้นสูงเพราะเจ้าของที่ดินมองว่าเป็นราคาที่ขายได้ และช่วงที่ผ่านมามีดีเวลอปเปอร์ที่กล้าซื้อเพราะเชื่อว่าขึ้นราคาขายก็ยังขายได้ แต่ปีนี้คงจะต้องปรับตัว</strong> คนกินข้าวจานที่ 3 ไปแล้วมันเริ่มตื้อแล้ว จะกินจานที่ 4 ก็ต้องรอย่อยก่อน เจ้าของที่ดินก็ต้องยอมปรับลง” ดร.ประทีปกล่าว

&nbsp;
<h2>เปิดตัวคอนโดฯ แรกของปี โครงการตึกเตี้ยย่านพระราม 9</h2>
สำหรับโครงการแรกของบริษัทที่จะเปิดในปีนี้ คือ <strong>ศุภาลัย ไพรม์ พระราม 9</strong> มูลค่าโครงการ 770 ล้านบาท ทำเลริมถนนพระราม 9 ด้านหน้าโครงการศุภาลัย เวอเรนด้า พระราม 9 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2559 ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า รฟม. (สายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี) 350 เมตร

เนื้อที่ดิน 2 ไร่ครึ่ง ออกแบบเป็น 2 อาคาร สูง 8 ชั้น จำนวน 217 ยูนิต ห้องชุดฟังก์ชัน 1-2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 31-67 ตร.ม. ราคาเฉลี่ย 83,100 บาทต่อตร.ม. หรือเริ่มต้น 2.53 ล้านบาทต่อยูนิต เปิดพรีเซลวันที่ 26-27 มกราคมนี้

<figure><img class="size-full wp-image-3674" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Supalai-Prime-Rama-9_Aerial-e1547458013982.jpg" alt="" width="800" height="528" /><figcaption> ศุภาลัย ไพรม์ พระราม 9</figcaption></figure>

ไตรเตชะกล่าวว่า เดิมที่ดินแปลงนี้ตั้งใจจะก่อสร้างเป็นอาคารพาณิชย์แต่มีการปรับแผน หลังจากมีลูกค้าสอบถามมีความต้องการห้องชุด จึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็นคอนโดฯ แต่เลือกพัฒนาเป็นตึกเตี้ย เพื่อให้ไม่บังวิวของลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในศุภาลัย เวอเรนด้า พระราม 9 ไปแล้ว

นอกจากโครงการนี้ บริษัทยังมีแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 5 แห่งภายในไตรมาส 1/62

&nbsp;

ศุภาลัยปี 2562 พลิกปัจจัยลบเป็นโอกาส ตั้งเป้ายอดขายโต 5%

เอพี-ศุภาลัย-พฤกษา ประกาศผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2561 เติบโตถ้วนหน้า

<h2>ศุภาลัยประเดิมเปิดแผนปี 2561 เพิ่มพอร์ตรายได้จากอสังหาฯ เช่า เร่งร่างแบบโครงการ “ศุภาลัย ไอคอน” Mix-used บนที่ดินสถานทูตออสเตรเลียเดิม สรุปยอดขายปี 2560 กว่า 3 หมื่นล้านบาทโตทะลุเป้า ปี 2561 กางแผนเปิดตัว 35 โครงการมูลค่ารวม 4 หมื่นล้าน ชิมลางขยายพอร์ตแนวราบระดับบน</h2>
<strong>ประทีป ตั้งมติธรรม</strong> ประธานกรรมการบริหาร <strong>บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)</strong> เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561 ว่า บริษัทจะมุ่งหน้าในแนวทาง <strong>Sustainable Growth 2018</strong> หรือการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เช่น ยอดขาย กำไร สินทรัพย์ ฯลฯ

โดยศุภาลัยมีกลยุทธ์สร้างความยั่งยืนคือ 1.จัดสมดุลพอร์ตแนวราบและแนวสูง 2.Recurring Income หรือรายได้สม่ำเสมอจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า เช่น อาคารสำนักงานให้เช่า ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ และโครงการใหม่ ศุภาลัย ไอคอน <a href="http://forbesthailand.com/news/property/%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99.html">บนที่ดินเดิมของสถานทูตออสเตรเลีย ถนนสาทร ที่บริษัทเป็นผู้ชนะประมูล</a>

3.จัดสมดุลพอร์ตทำเลในกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัด โดยปัจจุบันรายได้จากต่างจังหวัดคิดเป็น 30% ของรายได้รวม และ 4.ลูกค้าต่างชาติ ดำเนินการใน 2 แนวทางคือ ลูกค้าต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมในไทย และการเข้าลงทุนในต่างประเทศของศุภาลัยในประเทศออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงในอนาคตอาจมีการลงทุนในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม

&nbsp;
<h2>เร่งแผน “ศุภาลัย ไอคอน”</h2>
ด้าน <strong>ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม</strong> กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย กล่าวว่า สำหรับ <strong>ศุภาลัย ไอคอน</strong> โครงการ Mix-used บริเวณที่ดินเนื้อที่ 7 ไร่ของสถานทูตออสเตรเลียเดิม บนถนนสาทร  ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ คาดว่าจะเป็นโครงการผสมผสานการใช้งานทั้งพื้นที่รีเทล อาคารสำนักงาน และส่วนที่พักอาศัย มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท

โดยช่วงที่ผ่านมามีบริษัทจำนวนมากเข้ามาเสนอแผนร่วมเป็นพันธมิตรในการดำเนินงาน แต่ทั้งนี้บริษัทยังไม่ได้พิจารณารายใดเป็นพิเศษเพราะต้องการออกแบบโครงการให้ชัดเจนก่อน โดยวางแผนว่าโครงการจะผ่านการประเมินรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) พร้อมเปิดตัวโครงการได้ภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะก่อสร้างเสร็จสามารถรับรู้รายได้ราวปี 2564

&nbsp;
<h2>ยอดขายปี’60 ทะยานจากความมั่นใจผู้ซื้อ</h2>
<span style="color: #ff0000;">ไตรเตชะกล่าวต่อถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 ว่า บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าที่คาด โดยมียอดขาย 30,777 ล้านบาท เติบโต 27% จากปี 2559 และโตมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 27,000 ล้านบาท 14%</span> ทำให้มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (แบ็กล็อก) สะสม 39,881 ล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ถึงปี 2564

ขณะที่การเปิดตัวโครงการปีก่อน ศุภาลัยเปิดตัวทั้งหมด 20 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 15 โครงการ และแนวสูง 5 โครงการ มูลค่ารวม 31,220 ล้านบาท ทั้งนี้ ศุภาลัยได้เลื่อนการเปิดตัวโครงการแนวราบไป 7 โครงการในช่วงปลายปีก่อนมาเปิดตัวในช่วงไตรมาส 1/61 ทดแทน

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/78d4a5ed0a65b86a1f6ca626c38bc8df.png" alt="" width="680" height="450" /><figcaption> (ซ้าย) ประทีป ตั้งมติธรรม และ (ขวา) ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม</figcaption></figure>

“ปีก่อนยอดขายอสังหาฯ เติบโตมากกว่าเป้ากันเกือบทั้งตลาด เกิดจากทั้งแนวราบยังขายได้สม่ำเสมอ และคอนโดฯ ที่เปิดตัวใหม่มียอดขายช่วงเปิดตัวดีขึ้นมากเทียบกับปี 2558-59 เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในอนาคตเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงจากโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ มีการก่อสร้างและเปิดประมูล ทำให้ตลาดคอนโดฯ คึกคัก” ไตรเตชะกล่าว

&nbsp;
<h2>ปี’61 เปิดตัวแตะ 4 หมื่นล้านบาท</h2>
ด้านแผนศุภาลัยปี 2561 ตั้งเป้ายอดขาย 33,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 7% เป้าหมายรายได้ 26,000 ล้านบาท มาจากแบ็กล็อกคอนโดฯ 8 โครงการที่จะโอนในปีนี้มูลค่ารวม 10,900 ล้านบาทและส่วนที่เหลือจะมาจากการขายโครงการแนวราบ

<span style="color: #ff0000;">ขณะที่เป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 35 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 28% </span>และมีงบจัดซื้อที่ดิน 9,000 ล้านบาท โดยคอนโดมิเนียมยังเน้นกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาทต่อยูนิต หรือราคาไม่เกิน 1 แสนบาท/ตร.ม. เป็นหลัก ส่วนโครงการแนวราบจะเป็นทำเลที่ใกล้เมืองมากขึ้น หลังจากปีก่อนเน้นเปิดตัวบริเวณชานเมือง

&nbsp;
<h2>ลุยบ้านเดี่ยว-บ้านแฝดกลุ่มราคา 10 ล้านบาท</h2>
ไตรเตชะกล่าวเสริมว่า โครงการแนวราบปีนี้จะเพิ่มแบรนด์ใหม่เป็นกลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้แบรนด์ <strong>ศุภาลัย เอสเซ้นส์</strong> เป็นบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด 3 ชั้น 3-4 ห้องนอน ราคา 8 ล้านบาทจนถึง 10 กว่าล้านบาท ในทำเลใกล้เมืองมากขึ้น เช่น ย่านลาดพร้าว

ถือเป็นการขยายพอร์ตของศุภาลัย จากปกติพอร์ตแนวราบบริษัทจะเกาะกลุ่มราคา 3-6 ล้านบาทเป็นส่วนใหญ่ 60-70% ของทั้งหมด ขณะที่บ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาทมีเพียง 2% เท่านั้น เชื่อว่าใน 1-2 ปีนี้ บ้านกลุ่มราคานี้จะขยายเป็น 5% ของรายได้รวม และถ้าหากได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าก็อาจขยายโครงการมากขึ้น

&nbsp;

สัญญาณตลาดอสังหาฯ สดใส ‘ศุภาลัย’ ปี 2561 ระดมเปิดตัว 4 หมื่นล้าน ชิมลางขยายพอร์ตบ้านเดี่ยวตลาดบน

นับตั้งแต่เขาจำความได้ ภารกิจการสืบทอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหมื่นล้านถูกวางไว้ในหัวแล้ว จนมาวันนี้ <strong>"ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม"</strong> คือกรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ <strong>บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)</strong>

“เรารู้เองตั้งแต่ 5-6 ขวบ ไม่ต้องไปเรียน คุณพ่อให้แปลนบ้านมา เรารู้ว่าตรงนี้คือประตู สัญลักษณ์นี้เป็นหน้าต่าง โต๊ะอาหาร ท่านให้มาดูว่าเป็นเราจะจัดห้องอย่างไร เราก็ไปวาดบนแปลนบ้านที่มีอยู่ เราก็อยู่ในโครงการบ้านตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงมืด วิ่งเล่นในบ้าน ดูห้องนอน ห้องรับแขก”

ไตรเตชะเล่าถึงการซึมซับรับงานต่อจากบิดา<strong> "ประทีป ตั้งมติธรรม"</strong> หนึ่งในขุนพลใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์

&nbsp;

<hr />

<div>

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/93ea9f4f-49cd-45ad-a4ad-9fb54af6bbd8/december-2014">ติดตามอ่านเรื่องราวของเขาได้ใน “The Next Tycoons ลูกไม้หลายพันล้าน” ที่ Forbes Thailand ฉบับ DECEMBER 2014</a>

</div>
&nbsp;

&nbsp;

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม: “อำนาจใหม่" ของศุภาลัย

<h2>ชายหนุ่มที่เติบโตมากับไซต์งานก่อสร้างบ้าน หัดวาดแปลนบ้านตั้งแต่ 5 ขวบ วันนี้ "<strong>ไตร-เตชะ ตั้งมติธรรม</strong>" วัย 36 ปี ได้พิสูจน์ฝีมือให้พนักงานศุภาลัยเห็นถึงความพร้อมในฐานะจอมทัพคนต่อไปของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์</h2>
ในวัยเด็กสนามเด็กเล่นของไตรเตชะ ตั้งมติธรรม คือบ้านตัวอย่างที่เขาวิ่งเข้าออกทุกวัน ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนมืดค่ำ แถมพักเหนื่อยด้วยการวาดรูปสัญลักษณ์บนแปลนบ้านแต่ละห้อง นอกจากจะเป็นบุตรคนโตของประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) แล้ว ในวันนี้เขายังดำรงตำแหน่งกรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)

“เรารู้เองตั้งแต่ 5-6 ขวบ ไม่ต้องไปเรียน คุณพ่อให้แปลนบ้านมา เรารู้ว่าตรงนี้คือประตู สัญลักษณ์นี้เป็นหน้าต่าง โต๊ะอาหาร ท่านให้มาดูว่าเป็นเราจะจัดห้องอย่างไร เราก็ไปวาดบนแปลนบ้านที่มีอยู่" ไตรเตชะเล่าถึงเส้นทางอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มต้นด้วยการซึมซับจากบิดา อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ยังเล็ก สำนึกในการสืบทอดธุรกิจเกิดขึ้นนับตั้งแต่ที่เขาจำความได้

แม้จะเป็นลูกชายของท่านประธาน แต่การสืบทอดบริษัทมหาชนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดถึง 4.4 หมื่นล้านบาทนั้น หาใช่เรื่องง่าย ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นแรงกดดันที่ต้องใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์

“หลังเรียนจบปริญญาตรี ผมเป็นเซลล์ ทำการตลาด ดูแลโครงการศุภาลัยพาร์ค พหลโยธิน รับลูกค้าติดต่อหน้าสำนักงาน พาไปดูห้อง เป็นคนขาย ไม่ใช่เป็นลูกท่านประธานแล้วได้อภิสิทธิ์ ในความเป็นจริง ผมโดนหนักกว่าคนอื่นเสมอ บางคนอาจจะคิดว่าเลี้ยงมาแบบไม่ให้มือเปื้อนดิน แต่ไม่ใช่แบบนั้น เพราะฉะนั้น เราผ่านมาทั้งหมดแล้ว”

<iframe src="http://www.youtube.com/embed/wP7TrZUhcfo" width="560" height="315" frameborder="0" allowfullscreen="allowfullscreen" data-mce-fragment="1"></iframe>

บทพิสูจน์ฝีมือของเขาเริ่มเมื่อ 7 ปีก่อน กับตำแหน่งกรรมการบริษัทศุภาลัย อิสาน จำกัด ด้วยโจทย์ท้าทายยิ่ง นั่นคือต้องทำกำไรให้กับบริษัทในเครือที่ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นหัวใจการลงทุนไปที่ทำเล รุดเข้าถึงทุพื้นที่ก่อนตัดสินใจเก็บที่ดินเข้าพอร์ตของบริษัท เมื่อตีโจทย์แตก ผลสอบมิใช่ผ่านแค่ตัวเลขผลกำไรเท่านั้น แต่ยังรวมการตอบรับจากคนในพื้นที่ ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจเดินหน้าโครงการในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และขอนแก่น

"เราเป็นลูกท่านประธาน ลูกเจ้าของบริษัท แต่จริงๆ ความคาดหวังมากกว่า ถ้าผมทำอะไรได้ไม่ดีกว่าคนอื่น จะเป็นเพราะผมเป็นลูกคุณพ่อทันที ดังนั้นความกดดันมีมากกว่า ต้องพิสูจน์ตัวเองตลอด”

<hr />

อ่าน <strong>"ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม “อำนาจ” ใหม่ของศุภาลัย"</strong> ฉบับเต็มใน <em>Forbes Thailand</em> ฉบับ DECEMBER 2014

<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/Covers/COVER%20MARCH-12025.jpg" alt="" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events