เจาะกลยุทธ์ "อสังหาริมทรัพย์ไทย" ฝ่าวิกฤตโรคระบาด

เอพีสร้างนิวไฮครั้งใหม่ประกาศความสำเร็จครึ่งปีแรก 2561 สร้างรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท ผลจากสินค้าแนวราบและคอนโดร่วมทุนที่โตอย่างต่อเนื่อง ด้านกำไรสุทธิโตขึ้น 72% หรือกว่า 1,980 ล้านบาท ยิ้มรับยอดขาย 7 เดือนแรกกว่า 2.5 พันล้านบาท มั่นใจตลาดอสังหาฯ ระดับกลางถึงไฮเอนด์ดีมานด์ให้การตอบรับดี เตรียมเปิดตัวโครงการไฮไลต์ระดับ Super Luxury ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว THE ADDRESS สยาม - ราชเทวี  และ THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มั่นใจจะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน

อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยทัศนะต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า “ตลาดมีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้นจากปัจจัยบวกหลายประการ กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มากโดยเฉพาะตลาดระดับกลางบนถึงไฮเอนด์ ซึ่งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียม ถือเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงกำลังซื้อที่ยังคงมีอยู่ของสินค้าระดับกลางบนได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เอพีมีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ และกลุ่มคอนโด (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 17,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 12,125 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ (Net Profit) สูงถึง 1,988 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2560 ที่มีกำไรเท่ากับ 1,157 ล้านบาท

<img style="width: 638px; height: 359px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/40f8df875bc857fc0b43e485fcc61fac.jpg" alt="" />

“ภาพรวมตลาดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งอายุของคนซื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ รวมถึงต้นทุนในการสรรหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่ถือเป็นตัวกรองสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดเหลือน้อยลง ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียมของเอพีถือว่าประสบความสำเร็จในสัดส่วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้รวมในครึ่งปีแรกมาจากสินค้าแนวราบมากถึง 8,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% และจากสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมจำนวน 8,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 43% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า”

<img style="width: 638px; height: 359px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/e2d411544694f22f69ea2de8d4f7dbfa.jpg" alt="" />

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 7 เดือนแรก ณ วันที่ 5 สิงหาคมนี้ บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 25,030 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมูลค่า 12,855 ล้านบาท แนวราบมูลค่า 12,175 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 75% ของเป้ายอดขายปี 2561 ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย 33,500 ล้านบาท) หากบริษัทฯยังคงรักษาระดับการขายในปัจจุบันเชื่อว่าจะสามารถ ทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้

หนึ่งใน Key Success ของการพัฒนาโครงการเอพีคือ การมีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของคนเมือง ทั้งในเรื่องของโมเดลสินค้าและจำนวนโครงการในทุกทำเลรอบกรุงเทพ โดยในครึ่งปีหลังนี้เอพีเตรียมเปิดตัว 2 โครงการไฮไลต์ระดับ Super Luxury ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว ด้วยแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคนั่นคือ THE ADDRESS ในทำเลใจกลางเมืองอย่างราชเทวี ภายใต้ชื่อโครงการ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี มูลค่า 8.3 พันล้านบาท และคฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มูลค่า 1,750 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4

“บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการนำพาเอพีก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 ของผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้พันธกิจสำคัญ คือ การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัย ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และวางแผนจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ค้นหา คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมและยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์สู่วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วนด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น” นายอนุพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

<img style="width: 300px; height: 330px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/fd67907d4cb791bd75691d91a9a9a320.jpg" alt="" />

ทั้งนี้ สรุปปี 2561 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 38 โครงการมูลค่า 59,580 ล้านบาท โดยเปิดตัวในครึ่งปีหลังจำนวน 30 โครงการ มูลค่า 49,210 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดตัวในไตรมาส 3 จำนวน 12 โครงการ มูลค่า 17,980 ล้านบาท และในไตรมาส 4 จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 31,230 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับแผนธุรกิจรุกตลาดแนวราบมากยิ่งขึ้น และคอนโดมิเนียมไฮไลต์  จะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

ณ 5 สิงหาคม 2561 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 49,580 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 6,595 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 42,985 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566

‘เอพี ไทยแลนด์’ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท

<div>
<h2 class="ace-copy-paste-skip-this-tag">ช่วงปี 2560-61 ถ้าหากเปิดแผนการเปิดตัวโครงการของเอพี (ไทยแลนด์) จะเห็นได้ว่า พอร์ตแนวราบมีความสำคัญมากขึ้นกับบริษัท และยิ่งในปีนี้ เอพีให้น้ำหนักกับแบรนด์ตลาดกลางถึงกลางล่างสูงขึ้น เพราะปัจจัยที่ดินและพฤติกรรมลูกค้าเริ่มเปลี่ยนไป</h2>
</div>
เอพีเพิ่งปรับแผนการเปิดตัวโครงการไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยเพิ่มจำนวนโครงการที่เปิดในปี 2561 เป็น 43 โครงการ มูลค่ารวม 64,750 ล้านบาท 

ในจำนวนนี้ เฉพาะอสังหาริมทรัพย์แนวราบมีการเปิดตัว 38 โครงการ มูลค่ารวม 39,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเมื่อปี 2560 เอพีเองก็ขยายพอร์ตเปิดตัวใหม่โครงการแนวราบมากขึ้นถึง 93% จากปี 2559 แสดงให้เห็นถึงการขยายงานแนวราบอย่างเข้มข้น 2 ปีติดต่อกัน

เมื่อเจาะลงในแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบปี 2561 ของเอพี จะพบว่าน้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ที่ตลาดกลางจนถึงกลางล่าง โดยกลุ่มสินค้าที่เปิดตัวมากที่สุดคือบ้านเดี่ยวแบรนด์ “เซนโทร” ที่วางแผนเปิดตัว 11 โครงการ มูลค่ารวม 12,460 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 32% จากการเปิดตัวแนวราบทั้งหมด และ ทาวน์เฮาส์แบรนด์ “พลีโน่” วางแผนเปิดตัว 13 โครงการ มูลค่ารวม 11,260 ล้านบาท สัดส่วน 29%

บ้านเดี่ยวเซนโทรนั้นถือเป็นแบรนด์ล่างสุดของตระกูลบ้านเดี่ยวเอพี ด้วยราคาเริ่มต้น 5-9 ล้านบาท ส่วนทาวน์เฮาส์พลีโน่ก็เป็นแบรนด์บุกตลาดกลางล่างของเอพี จับกลุ่มราคาที่ ต่ำกว่า 2 ล้าน จนถึง 4 ล้านบาท

<img style="width: 638px; height: 362px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ba8395a5feddf96a15ec45566fa18a58.png" alt="" />

อสังหาฯ แนวราบของเอพีนั้นมีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักมาตลอดคือ “บ้านกลางเมือง” ซึ่งเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นทำเลใกล้เมืองในราคา 4-15 ล้านบาท ยึดหัวหาดทาวน์โฮมระดับกลางถึงบน

แต่เหตุที่ปีนี้เอพีขยายพอร์ตลงมาที่ระดับกลางถึงกลางล่างมากขึ้น ภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) อธิบายว่าเกิดจากสองปัจจัย คือ การขยายทำเลใหม่ๆ ของเอพีมีแนวโน้มออกไปนอกเมืองซึ่งเหมาะกับตลาดระดับกลางถึงกลางล่าง และเพราะกลุ่มลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น กำลังซื้อต่อยูนิตจึงอาจจะลดลงจากเดิม

<figure><img style="width: 638px; height: 425px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/01072b0c0599c557051ac1ba100419a0.png" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> คุณ ภมร ประเสริฐสรรค์</figcaption></figure>

ในแง่ปัจจัยที่ดิน เอพีพยายามจะเปิดตลาดใหม่ๆ เติมโครงการในทำเลที่บริษัทขาดสินค้า และด้วยราคาที่ดินที่แพงขึ้น ที่ดินที่ได้มาก็จะห่างเมืองออกไปมากขึ้น ซึ่งทำให้ต้องพิจารณาแบรนด์โครงการที่เหมาะสมกับที่ดินนั้นๆ

“การขยายโครงการเพิ่ม เราดูทำเลเป็นหลักก่อน ทำเลที่ดีดูจากระบบคมนาคมที่เข้าถึง ไม่ว่าจะทางด่วนหรือรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และเป็นทำเลที่เราต้องการขยายตลาดใหม่ๆ เมื่อได้ที่ดินแล้วเราเห็นว่าตรงนั้นเหมาะกับบ้านเดี่ยวแบรนด์เซนโทรหรือทาวน์เฮาส์แบรนด์พลีโน่มากกว่า ทำให้ปีนี้จำนวนโครงการกลุ่มนี้ดูเยอะขึ้น แต่บ้านกลางเมืองเราก็ยังเปิดอยู่ พลีโน่ถือเป็นแบรนด์ที่มาช่วยขยายตลาดมากกว่า” ภมรกล่าว

ทำให้ปีนี้เอพีมีการเปิดตัวในทำเลใหม่ๆ ของบริษัท ในช่วงครึ่งปีแรกมีทำเลไฮไลต์คือย่านรังสิต คลอง 4 และย่านราชพฤกษ์-สวนผัก และในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะบุกหนักทั้งกรุงเทพฯ ตะวันตกและตะวันออก อีกหลายโครงการที่จะเปิดตัวในย่านราชพฤกษ์ และพื้นที่ย่านบางนา รวมถึงกรุงเทพกรีฑา

<figure><img style="width: 638px; height: 359px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/5496d7bc76873ef56ca54d6e624733ac.png" alt="" width="638" height="359" /><figcaption> โครงการ เซนโทร ราชพฤกษ์-สวนผัก เปิดตัวเมื่อไตรมาส 2/61</figcaption></figure>

อีกปัจจัยคือเรื่องกลุ่มผู้ซื้อ เอพีประเมินว่ากลุ่มลูกค้า “New Gen” วัยต่ำกว่า 35 ปีที่ซื้อสินค้าแนวราบของเอพีมีมากขึ้นเป็น 60% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป

“เมื่อก่อนเราเชื่อว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเมื่อจะซื้อที่อยู่อาศัยจะเริ่มจากเลือกคอนโดมิเนียมก่อนแล้วค่อยขยับขยายมาเป็นทาวน์เฮาส์ในภายหลัง แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่มีกลุ่มที่ข้ามมาเลือกทาวน์เฮาส์เลย ยอมอยู่ห่างเมืองออกไป ดังนั้นด้วยกำลังซื้อแล้ว ราคาของพลีโน่จะตอบโจทย์พวกเขามากกว่าบ้านกลางเมือง” ภมรกล่าว

ส่วนบ้านเดี่ยวแบรนด์เซนโทรนั้นก็ตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้เช่นกัน เพราะเป็นวัยที่เตรียมมีลูกคนแรกหรือเพิ่งมีลูกคนแรก ขณะเดียวกันก็ยังมีพ่อแม่อาศัยในบ้านหลังเดียวกัน ทำให้ต้องการพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่ม แต่ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า

ดังนั้น นอกจากจะปรับแบรนด์ลงสนามแข่งขันแล้ว ภมรยังกล่าวถึงการปรับสินค้าทั้งตัวบ้าน/ทาวน์โฮมและส่วนกลางของโครงการเองให้เป็น Universal Design คือเป็นมิตรกับเด็กและผู้สูงอายุ เช่น ปรับห้องน้ำชั้นล่างให้มีส่วนอาบน้ำเพื่อลดการใช้บันไดของผู้สูงอายุ หรือปรับขนาดลู่วิ่งรอบโครงการให้กว้างขึ้น เป็นต้น

การแข่งขันในตลาดแนวราบระดับกลางถึงกลางล่างปีนี้น่าจะยิ่งดุเดือด เมื่อมีผู้เล่นเข้ามาชิงส่วนแบ่งเพิ่มเช่นนี้

คนรุ่นใหม่เลือกทาวน์เฮาส์แทนคอนโดฯ-ที่ดินหายาก สองปัจจัยหนุน ‘เอพี' จัดทัพแนวราบ

<div>
<h2 class="ace-copy-paste-skip-this-tag">เอพีปรับแผนธุรกิจปี 2561 เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มเป็น 43 โครงการ มูลค่ารวม 64,750 ล้านบาท มูลค่ามากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ครึ่งปีหลังยังเหลือแผนเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 30 ทำเล และคอนโดฯ อีก 3 โครงการ ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 1/61 โครงการร่วมทุนดันรายได้โต 27% และยอดขายแตะ 1 หมื่นล้านบาท</h2>
</div>
อนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 2 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นจากปัจจัยบวกหลายประการ กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มาก สถานการณ์โดยรวมของตลาดโดยเฉพาะสินค้าแนวราบมีสัญญาณการตอบรับที่ดีมาก ยอดขายและรับรู้รายได้ฝั่งสินค้าแนวราบของเอพีปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ

ดังนั้น เอพีจึงเดินหน้าปรับแผนธุรกิจด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มจากแผนเดิม โดยแผนธุรกิจใหม่ของเอพีปี 2561 จะมีการเปิดตัวมากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท จำนวนทั้งสิ้น 43 โครงการ มูลค่ารวม 64,750 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 21 โครงการ มูลค่า 18,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 17 โครงการ มูลค่า 20,800 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 25,400 ล้านบาท

ทั้งนี้ แผนธุรกิจเดิมของเอพีที่ประกาศไว้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เดิมจะมีการเปิดตัวทั้งหมด 34 โครงการ มูลค่า 4.9 หมื่นล้านบาท 

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/61 มีอัตราการเติบโตสูง โดยบริษัทมีรายได้รวมทั้งโครงการแนวราบและคอนโดฯ ร่วมทุน (รวมรายได้ 51% จากคอนโดฯ ร่วมทุน) สูงถึง 6,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านกำไรสุทธิ สูงกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 47% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ด้านยอดขายของไตรมาส 1/61 มียอดขายรวมถึง 1 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 170% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แบ่งเป็นยอดขายฝั่งโครงการแนวราบ 5,200 ล้านบาทซึ่งเติบโต 64% และยอดขายคอนโดฯ 4,800 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 7 เท่า

ส่วนแผนการเปิดตัวโครงการ ช่วงครึ่งปีแรกเอพีมีการเปิดตัวไปแล้ว 7 โครงการ และในเดือนมิถุนายนจะเปิดอีก 1 โครงการคือ บ้านกลางเมือง วัชรพล และเตรียมเปิดตัวในไตรมาส 3 อีก 16 โครงการ มูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาท ปิดท้ายไตรมาส 4 มีแผนเปิดตัว 19 โครงการ มูลค่า 25,380 ล้านบาท

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 เมษายน 2561 บริษัทมีแบ็กล็อกมูลค่ารวม 47,100 ล้านบาท เป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 6,000 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ และยอดขายจากคอนโดฯ มูลค่า 41,100 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2565

‘เอพี’ ปรับแผนธุรกิจปี 2561 เปิดโครงการใหม่เพิ่มเป็น 43 โครงการ มูลค่า 64,750 ล้านบาท

<h2>เอพีxMUJI โครงการไลฟ์ ปิ่นเกล้าเปิดห้องชุดออกแบบพิเศษโดย MUJI ใช้สไตล์การตกแต่งและฟังก์ชันการใช้งานแบบเกิดประโยชน์สูงสุดในพื้นที่ขนาดเล็ก ด้วยวัสดุอิงธรรมชาติและโทนสีสุขุม ตอบสนองชีวิตการทำงานและการพักผ่อนในห้องเดียว</h2>
วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์มากกว่า 25 ปีของบริษัทในการออกแบบพื้นที่การใช้ชีวิตคุณภาพ ในโครงการพิเศษครั้งนี้ เอพีใช้ความเชี่ยวชาญในการบริหาร space ในคอนโดมิเนียม ผนวกกับความเป็น function expert ของ มูจิ ประเทศไทย (MUJI) ที่มีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ด้วยความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่าย แนวคิดการออกแบบที่ละเอียดอ่อน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยยุคใหม่และการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดทุกตารางนิ้ว

<img style="width: 680px; height: 514px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/dce1fa6727b7a2b99d7f144266772bad.png" alt="" />

เกิดเป็นโครงการพิเศษออกแบบห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนพลัส พื้นที่ใช้สอย 35 ตารางเมตร ในโครงการคอนโดมิเนียม ไลฟ์ ปิ่นเกล้า ออกแบบด้วยเอกลักษณ์วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ลวดลายไม้ หิน สวนแนวตั้ง ในสไตล์ของ MUJI ทำให้เกิดความลงตัวของพื้นที่ส่วนตัวกับชีวิตการทำงานในคอนเซปท์ “Co-working Space Insert Layout” จัดสรรพื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ทำงานอย่างลงตัวกับชีวิตประจำวัน

ภายในห้องมีพื้นที่ทำงานขนาดใหญ่รองรับการทำงานเป็นกลุ่มและใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนได้ มีชั้นวางของและตู้เก็บของที่ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน และผนังห้องที่สามารถใช้เขียนหรือปรับเป็นพื้นที่สำหรับฉายโปรเจคเตอร์

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3b27e6f73f1f522e210c3e01141d3a53.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> (ซ้าย) วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) และ (ขวา) Akihiro Kamogari กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

ด้าน Akihiro Kamogari กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แบรนด์ MUJI เติบโตบนแนวคิดที่ชัดเจนในคอนเซปท์ Compact Life ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จึงออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อการใช้งานจริงได้อย่างหลากหลาย เลือกใช้วัสดุอิงธรรมชาติ พร้อมด้วยโทนสีสุขุม ส่งเสริมการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและยั่งยืน

สำหรับโครงการ ไลฟ์ ปิ่นเกล้า เป็นคอนโดฯ สูง 23 ชั้น ที่ดิน 4.3 ไร่ จำนวนห้องชุด 803 ยูนิต ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย) สถานีบางยี่ขัน 40 เมตร ออกแบบภายใต้แนวคิดญี่ปุ่นที่มีความเป็นธรรมชาติด้วยสระว่ายน้ำบรรยากาศในสวนญี่ปุ่นและล็อบบี้ที่เปิดรับวิวต้นไม้ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมการออกแบบของ MUJI ในโครงการได้ที่สำนักงานขายโครงการ ไลฟ์ ปิ่นเกล้า

<img style="width: 680px; height: 455px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/14150375c4258cccad52c0790ab67db8.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 511px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/bfb503bddf30b4c44c9c5f0da1e23699.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c0ca972ad286499c4b2d423b5e562da3.png" alt="" />

เอพีจับมือ MUJI ออกแบบห้องชุดพิเศษในคอนโดฯ ‘ไลฟ์ ปิ่นเกล้า’

<h2>เอพี ร่วมกับ Fabrica ดีไซน์สตูดิโอจากประเทศอิตาลี นำเสนอวิธีคิดในการออกแบบพื้นที่แห่งอนาคตและการคิดค้นนวัตกรรมพื้นที่ที่สาม ผ่านโครงการพิเศษเพื่อสังคม AP Space Scholarship สร้างสรรค์ทุนการศึกษารูปแบบใหม่ที่เป็นการให้ “ที่พักอาศัย” ด้วยห้องชุดในคอนโดฯ เพื่อเชื่อมต่อการใช้ชีวิตของน้องๆ จากต่างจังหวัดที่ต้องย้ายเข้ามาศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในกรุงเทพฯ แต่ขาดแคลนที่พักอาศัยจำนวน 7 คน</h2>
บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ได้ต่อยอดวิธีคิดการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในรูปแบบใหม่ โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์สเปซสำหรับการอยู่อาศัย กับจุดต่างทางความคิดเฉพาะตัวของทีมดีไซเนอร์จาก Fabrica ร่วมกันสร้างสรรค์และยกระดับศักยภาพของเด็กไทยบนพื้นฐานของการให้ ด้วยการออกแบบห้องชุดในโครงการเพื่อสังคม “AP Space Scholarship – ทุนที่พักอาศัย เพื่อการเริ่มต้นของคนคุณภาพ”

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1cbe03fa2de5ed7e7a7842363f0949a9.png" alt="" />

โดยโครงการดังกล่าวจะมอบทุนการศึกษาเป็นตารางเมตรในคอนโดมิเนียมที่บริหารจัดการโดยบริษัทในเครือเอพี เพื่อเชื่อมต่อการใช้ชีวิตของน้องๆ ที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด มีผลการเรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์โดยเฉพาะเรื่องที่พักอาศัย จำนวน 7 คน ซึ่งต้องย้ายเข้ามาศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานคร ได้เริ่มต้นชีวิตระหว่างเรียนร่วมกันได้อย่างมีความสุข สร้างสรรค์ และปลอดภัย ภายในห้องชุดที่ได้รับการออกแบบพื้นที่ใช้สอยเป็นพิเศษโดยทีม AP Design Lab ร่วมมือกับ Fabrica ดีไซน์สตูดิโอที่รวบรวมหนุ่มสาวนักคิด นักออกแบบ เพื่อสร้างสรรค์พื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าใน 2 โครงการที่ใกล้สถานศึกษา ได้แก่ โครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 และ Aspire สาทร-ตากสิน

สรรพสิทธิ์ ฟุ้งเฟื่องเชวง ผู้อำนวยการคอร์ปอเรทมาร์เก็ตติ้ง และเอพี ดีไซน์ แล็บ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า โปรเจคต์นี้เอพีมุ่งนำเสนอการออกแบบที่อยู่อาศัยร่วมกันแห่งอนาคต ผ่านการศึกษาและค้นหาพื้นที่ที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ หรือที่ทางเอพีเรียกว่า ‘พื้นที่ที่สาม’ และวิธีการมองสเปซในทุกมิติด้วยประสบการณ์ 25 ปีของบริษัทที่เข้าใจการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์คนเมือง มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่การใช้ชีวิตคุณภาพ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมที่ทุกตารางนิ้วมีคุณค่าจึงต้องใช้ได้อย่างมากประโยชน์

<figure><img style="width: 350px; height: 525px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/87a36d35cdd03f6ea3d641c279208ec6.png" alt="" width="350" height="525" /><figcaption> สรรพสิทธิ์ ฟุ้งเฟื่องเชวง ผู้อำนวยการคอร์ปอเรทมาร์เก็ตติ้ง และเอพี ดีไซน์ แล็บ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์)</figcaption></figure>

“ในครั้งนี้เราได้ผสานความเชี่ยวชาญของ Fabrica ที่มีจุดเด่นทางความคิดที่เชื่อมโยงความต่างทางวัฒนธรรม ก่อเกิดผลงานที่เข้าถึงและกินใจคนทั่วโลก มาร่วมกันสร้างสรรค์พื้นที่อยู่อาศัยสำหรับน้องๆ นักศึกษาทั้ง 7 คนที่เดินทางมาจากคนละจังหวัดให้อยู่อาศัยร่วมกันอย่างมีความสุข และพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตในเมืองใหญ่ได้อย่างมั่นใจ

เอพีให้ความสำคัญกับการออกแบบและก่อสร้างห้องของน้องๆ เด็กทุน AP Space Scholarship เป็นอย่างมาก ทีมเอพี ดีไซน์ แล็บ ของเราจึงเลือกร่วมงานกับดีไซน์สตูดิโอชื่อดังระดับโลกอย่าง Fabrica ที่เป็นศูนย์รวมของเหล่านักคิด นักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์จากทั่วโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี นำโดย Sam Baron ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ Fabrica ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกในวงการออกแบบ เป็นไอดอลของนักออกแบบรุ่นใหม่ และได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ที่มีความสามารถแห่งทศวรรษมาช่วยในการออกแบบ ให้สามารถค้นพบและนำพื้นที่ที่สามที่เกิดจากการทับซ้อนของการออกแบบ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทุกตารางนิ้ว และมีดีไซน์สวยงามล้ำสมัย” สรรพสิทธิ์กล่าว

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/10f0be20ba879a1cf5d41eaeeff1a96f.png" alt="" />

Sam Baron ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ Fabrica กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนจากทีมงาน Fabrica ผมขอชื่นชมเอพี (ไทยแลนด์) ที่สร้างสรรค์โครงการดีๆ เพื่อสังคมอย่าง AP Space Scholarship ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนในสังคมไทย เป็นส่วนหนึ่งในการมอบ โอกาสในชีวิต รวมถึงการสร้างคนคุณภาพ

โครงการ AP Space Scholarship ค่อนข้างท้าทายวิธีคิดในการออกแบบของทีมงาน Fabrica เพราะโจทย์ในการออกแบบคือ การออกแบบพื้นที่พักอาศัยในคอนโดมิเนียมสำหรับการอยู่อาศัยร่วมกันของเด็ก 7 คนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน และเดินทางมาจากคนละจังหวัด มีภูมิหลังและวัฒนธรรมที่ต่างกัน โดยแบ่งเป็นห้องสำหรับการอยู่ร่วมกันสำหรับเด็กผู้ชาย 4 คน 1 ห้อง  และสำหรับเด็กผู้หญิง 3 คน 1 ห้อง ซึ่งปรัชญาการออกแบบอย่างหนึ่งของทีม Fabrica คือการเชื่อมโยงความต่างทางวัฒนธรรมให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจุดเด่นอย่างหนึ่งที่ทำให้ Fabrica สามารถสร้างผลงานที่เข้าถึงคนทั่วโลกได้ คือ  Fabrica Design Team เกิดขึ้นจากรวมตัวกันของหนุ่มสาวนักคิด นักออกแบบจากหลากหลายเชื้อชาติมาร่วมกันสร้างสรรค์งานดีไซน์ที่เข้าใจและสะท้อนคุณค่าทางวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน

<figure><img style="width: 350px; height: 525px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/69a94ddcddd0072aba3a6dcf3dbd0ce3.png" alt="" width="350" height="525" /><figcaption> Sam Baron ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ Fabrica</figcaption></figure>

“สำหรับคอนเซปท์ในการออกแบบของโครงการ AP Space Scholarship เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘SUM’ (Some of Small Parts) ซึ่งสิ่งที่แนวคิด ‘SUM’ ตั้งคำถามคือเราจะสร้างพื้นที่แห่งการแบ่งปันไปพร้อมๆ กับการสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยได้อย่างไร ‘SUM’ จึงสะท้อนวิธีคิดในการจัดวางพื้นที่สำหรับการอยู่ร่วมกัน ที่ช่วยส่งเสริมการสื่อสาร และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์

โดยผลรวมของสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมด ในห้องชุดคือการเรียบเรียงองค์ประกอบอันหลากหลายให้เติมเต็มและเพิ่มคุณค่ากันและกัน เกิดเป็นสังคมใหม่ เป็นทั้งพื้นที่แห่งการเรียนรู้ การสร้างสรรค์ การแบ่งปัน และการอยู่ร่วมกัน ซึ่งเมื่อห้องชุดก่อสร้างแล้วเสร็จ เด็กๆ ย้ายเข้าอยู่เราก็เริ่มเห็นผลจากงานดีไซน์ที่เชื่อมความต่างของทุกคนเข้าหากันได้อย่างลงตัว ซึ่งเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการเพื่อสังคมดีๆ นี้” Baron กล่าว

<img style="width: 350px; height: 525px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/735c595339be37a42ce179cf70ccea28.png" alt="" />

บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) มุ่งหวังว่าโครงการเพื่อสังคม AP Space Scholarship จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ส่งเสริมความกล้าในการที่จะคิดและทำต่างอย่างสร้างสรรค์ นับว่าเป็นการต่อยอดวิสัยทัศน์ในการ “คิดต่าง” (Think Different) ของเอพี ในการเดินหน้า คิดค้นและนำเสนอนวัตกรรมเพื่อการใช้ชีวิตของคนเมือง ที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งในด้าน คุณภาพ บริการ ความสะดวกสบาย และ ความปลอดภัย โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับการอยู่อาศัยในเมือง

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/943b7f989fc12cd7038abd995a186465.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 407px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a290c40b1ad36045f0aa9529856b277a.png" alt="" />

‘เอพี’ ร่วม ‘Fabrica’ มอบทุนการศึกษาเป็นที่พักอาศัย ดีไซน์พื้นที่อยู่ร่วมกันได้แม้มาจากต่างวัฒนธรรม

<h2>เอพีเปิดตัวโครงการแนวราบปี 2560 รวม 22 โครงการ มูลค่ากว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ระดมเปิดตัวเพิ่มจากปีก่อน 93% ส่งผลยอดขายแนวราบ 9 เดือนแรกเติบโต 16% ชี้กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่มาแรง นิยมซื้อทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ราคา 4-9 ล้านบาท</h2>
ภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรก ปี 2560 เฉพาะโครงการแนวราบ เปิดตัวแล้ว 17 โครงการ มูลค่ารวม 17,240 ล้านบาท และช่วงไตรมาสสุดท้ายจะเปิดเพิ่มอีก 5 โครงการ มูลค่า 7.7 พันล้านบาท รวมเป็น 22 โครงการ มูลค่า 24,940 ล้านบาทตลอดปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 93% จากปี 2559 ที่เปิดตัวโครงการแนวราบไปเพียง 14 โครงการ มูลค่ารวม 12,950 ล้านบาท เนื่องจากมีการเลื่อนเปิดตัวโครงการตามสถานการณ์ของประเทศ

ภมรกล่าวว่า ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมายอดขายโครงการแนวราบของบริษัทเติบโตขึ้น 25% จากปีก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ตลาดคึกคักขึ้นและกลับเข้าสู่ช่วงปกติ ส่งผลให้ยอดขายพอร์ตแนวราบของเอพีช่วง 9 เดือนแรกปี 2560 ทำได้ 12,700 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 16% และคิดเป็น 95% จากเป้าหมายยอดขายแนวราบ 13,600 ล้านบาทที่ตั้งไว้ จากแผนการเปิดตัวที่ยังเหลืออยู่อีก 5 โครงการช่วงท้ายปีทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้า

<figure><img style="width: 350px; height: 524px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1eea8c97dad73f268ba9a5f8f457bca4.png" alt="" width="350" height="524" /><figcaption> ภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>

สำหรับความเคลื่อนไหวของตลาดแนวราบ เอพีพบว่ามีกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ (new gen) วัยต่ำกว่า 35 ปี เป็นผู้ซื้อทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นระดับไฮเอนด์ ราคา 4-9 ล้านบาทแบรนด์บ้านกลางเมืองของบริษัทมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากปี 2553 ลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ซื้อทาวน์เฮาส์ระดับราคานี้มีเพียง 39% ของผู้ซื้อทั้งหมด ขณะที่ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมาตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% จนถึงไตรมาส 3/60 สัดส่วนขยับขึ้นไปถึง 70% แล้ว ถือเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญที่เอพีจะคงรักษาตลาดไว้และพยายามขยายดึงลูกค้าช่วงอายุอื่นเข้ามามากขึ้น

“ปี 2560 นี้กลุ่มคนรุ่นใหม่ new gen ที่ซื้อบ้านกลางเมืองราคา 4-9 ล้านบาทมีมากถึง 70% ของผู้ซื้อทั้งหมด แสดงว่าคน new gen ยอม trade off เปลี่ยนจากการได้อยู่คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้ากลางเมืองมาเป็นการซื้อทาวน์เฮาส์ใกล้เมือง ใกล้ทางด่วน” ภมรกล่าว

ด้าน 5 โครงการสุดท้าย มูลค่ารวม 7.7 พันล้านบาทที่เอพีจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 โครงการ มูลค่ารวม 5.3 พันล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ มูลค่ารวม 2.4 พันล้านบาท

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9d3b1586b4316af57e8bff0a8bc33ee7.png" alt="" width="680" height="456" /><figcaption> ตัวอย่าง Pocket Garden - สวนขนาดเล็กบนทาวน์เฮาส์บ้านกลางเมืองโมเดลเทอราเรีย (Terraria)</figcaption></figure>

ภมร กล่าวว่า ทาวน์เฮาส์ที่เริ่มเปิดขายแล้วในเดือนพฤศจิกายน ได้แก่ บ้านกลางเมือง สาทร - สุขสวัสดิ์ มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท โครงการทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด 3 ชั้น จำนวน 204 ยูนิต ราคาเริ่ม 4.99-9.29 ล้านบาท และ บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว – เสรีไทย มูลค่าโครงการ 1.4 พันล้านบาท โครงการทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น จำนวน 334 ยูนิต ราคาเริ่ม 4.29 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทั้ง 2 โครงการดังกล่าว เอพีได้พัฒนาการออกแบบบ้านโมเดลใหม่ “เทอราเรีย” โดยมีไฮไลต์สำคัญคือ เป็นทาวน์เฮาส์ที่มีสวนขนาดเล็ก (Pocket Garden) บนชั้น 2 และ 3 สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่ได้ และมี Flexible Wall กำแพงผนังเบาบนพื้นที่ชั้น 2 ที่ทำให้ออกแบบการใช้พื้นที่ของบ้านเอง ปรับแต่งพื้นที่ในรูปแบบต่างๆ กันตามความต้องการ เช่น เป็นห้องทำงานส่วนตัว ปรับให้เชื่อมต่อกับห้องนอนรองเพื่อเป็น walk-in closet หรือปรับเป็นห้องนั่งเล่นของครอบครัวแยกจากห้องรับแขกที่ชั้น 1

<figure><img style="width: 680px; height: 456px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9d3b1586b4316af57e8bff0a8bc33ee7.png" alt="" width="680" height="456" /><figcaption> ตัวอย่าง Pocket Garden - สวนขนาดเล็กบนทาวน์เฮาส์บ้านกลางเมืองโมเดลเทอราเรีย (Terraria)</figcaption></figure>

Forbes in Details
<ul>
 	<li>สำหรับการเปิดตัวโครงการตลอดปี 2560 ของเอพีทั้งแนวราบและแนวสูง มี 25 โครงการ มูลค่ารวม 49,040 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการมูลค่ารวม 24,100 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 13 โครงการ มูลค่ารวม 12,590 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่ารวม 12,350 ล้านบาท</li>
 	<li>ยอดขายรวมทั้งบริษัทมีการเติบโตเช่นกัน ยอดขายรอบ 9 เดือนแรกของปี 2560 ทำได้ 30,100 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 46% โดยพอร์ตฝั่งโครงการแนวสูงมียอดขาย 17,400 ล้านบาท เติบโตถึง 80% จากการที่ปีนี้เอพีเน้นเปิดตัวคอนโดฯ ระดับกลางแบรนด์ “ไลฟ์” มูลค่าโครงการสูงลงสู่ตลาดใน 3 ทำเล คือ อโศก – พระราม 9, วิทยุ และลาดพร้าว</li>
</ul>

‘เอพี' ปี 2560 ระดมเปิดพอร์ตแนวราบ 2.5 หมื่นล้านบาท ดันยอดขาย 9 เดือนแรกโต 16%

“เอพี ไทยแลนด์” เปิดขาย ‘LIFE ONE WIRELESS’ ไฮเอนด์คอนโดมิเนียมบนที่ดินแปลงสวยถนนวิทยุ

หากคุณเชื่อว่าบ้าน คือ หนึ่งในรากฐานสำคัญของชีวิตที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันคุณไปสู่ความสำเร็จ แล้วบ้านแบบไหนคือ คำตอบที่ใช่สำหรับคุณ?

ในฐานะผู้บุกเบิกในตลาดคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้าเป็นรายแรก ทำให้วันนี้บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง ไม่เพียงมีประสบการณ์ในการออกแบบคอนโดมิเนียมที่ทันสมัย แต่ยังมั่นใจว่าพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการที่คนเมืองยุคใหม่มองหาอย่างเข้าใจกว่าที่เคย โดยในปีนี้ เอพี พร้อมสร้างปรากฏการณ์ทอล์กออฟเดอะทาวน์เขย่าวงการที่อยู่อาศัยบ้านเราอีกครั้ง ด้วยการปลุกกระแสแบรนด์ Life Condo มิติใหม่ มาช่วยสร้างสีสันในการใช้ชีวิตของคนเมืองให้สนุกกว่าที่เคย ภายใต้แนวคิด “Platform of Success” คอนโดมิเนียมเหนือระดับที่เป็นที่สุดในเรื่องความสมบูรณ์ แบบพร้อมสนับสนุนการใช้ชีวิตคนใหม่ยุคใหม่เพื่อทะยานไปสู่เป้าหมายความสำเร็จของชีวิต

<img style="width: 680px; height: 475px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/157bfcffbb79982a81b906d0d5e81e53.png" alt="" />

วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เอพี เริ่มเปิดตัวโครงการ Life ท่าพระ คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าครั้งแรกเมื่อปี 2549 ก่อนจะต่อยอดมาสู่โครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ภายใต้แบรนด์ Life อีก 12 โครงการ ประสบการณ์ที่ยาวนานทำให้เราเข้าใจความต้องการและสิ่งที่ลูกค้ามองหาเป็นอย่างดี รู้ว่าสิ่งที่ลูกค้าของเราซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัย 30-40 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเติบโตในโลกของการทำงาน และแสวงหาความสำเร็จของชีวิตต้องการอะไร เราจึงมั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าของเราได้อย่างแท้จริง ผ่านโครงการ “ไลฟ์ ลาดพร้าว” สุดยอดคอนโดมิเนียมที่เราผนึกกำลังกับ “มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป” รังสรรค์ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางห้าแยกลาดพร้าว ที่มาพร้อมทุกคำตอบที่คนเมืองมองหา

“เราเชื่อว่าบ้านเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้คนๆหนึ่งมีความรู้สึกมั่นคงและมั่นใจที่จะพาตัวเองเป็นสู่ความสำเร็จ เราจึงตั้งใจพัฒนาโครงการให้พร้อมเป็นตัวช่วยพาทุกคนที่มีความฝันไปสู่ความสำเร็จ สำหรับคอนโดมิเนียมแบรนด์ Life โครงการแรกที่จะเปิดตัวในปีนี้ คือ “Life ลาดพร้าว” คอนโดคุณภาพแห่งแรกที่สมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน ด้วยนวัตกรรมที่อยู่อาศัยที่พร้อมเชื่อมต่อทุกมิติชีวิตยุคดิจิตอลอย่างไร้รอยต่อ ผสานนวัตกรรมดีไซน์ทุกพื้นที่ใช้สอยให้ปรับเปลี่ยนได้ตามสไตล์การใช้งานอย่างลงตัว”

<img style="width: 350px; height: 462px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/37a8c4d6bed41f26672317210e9dbc8b.png" alt="" />
วิทการ จันทวิมล
รองกรรมการผู้อำนวยการ
สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)

วิทการ บอกเล่าถึงความพิเศษของโครงการซึ่งเชื่อว่าจะเป็นมิติใหม่ของที่อยู่อาศัยที่รอให้ลูกค้าได้มาสัมผัสว่า โครงการนี้โดดเด่นตั้งแต่ทำเลที่ตั้ง ซึ่งได้ชื่อว่าอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ตรงข้ามโรงเรียนหอวัง และเซ็นทรัลลาดพร้าว ห้อมล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าและแหล่งช็อปปิ้ง โรงเรียน อาคารสำนักงาน และยังใกล้กับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ไม่ว่าสวนจตุจักรหรือสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เหมาะกับการพักผ่อนและการออกกำลังกาย ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคม สะดวกทั้งการใช้รถยนต์ส่วนตัว และระบบขนส่งสาธารณะ เพราะเพียงหนึ่งก้าวก็ถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS และเพียง 5 นาทีก็เดินทางถึง MRT

<img style="width: 680px; height: 637px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9f96571514ec6479078cbcae042cb300.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/21e61deea956d2243704705fcc7cca8a.png" alt="" />

ไม่เพียงที่ตั้งของโครงการจะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจจนไม่อาจปฏิเสธ สุนทรียภาพของการใช้ชีวิตที่จะเกิดขึ้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วย 4 แนวคิดการออกแบบที่จะช่วยปลดล็อกและสร้างความแตกต่างในการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง เริ่มจาก i-facility ผสานเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต ครั้งแรกกับการใช้ชีวิตในแบบ Digital Community ที่พร้อมตอบโจทย์ชีวิตไร้สายอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการติดตั้งสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของโครงการให้พร้อมรองรับหลากหลายแก็ดเจทของมนุษย์ดิจิตอล ด้วยการดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางให้มีสัญญาณ Wi-fi  ทุกจุด ทำให้ทุกการเชื่อมต่อไม่สะดุด ชวนฉีกกรอบโลกการทำงานที่แสนจำเจ ด้วย Sky Working Space &amp; Cocoon Space ออฟฟิศชิดขอบฟ้าบนชั้น 45 มาพร้อม Cocoon Space สเปซที่จะช่วยให้คุณพักผ่อนได้แบบไม่ถูกรบกวน หรือถ้าเป็นสายชิลชอบชีวิตเอาท์ดอร์ อย่าพลาด Outdoor Facility เพิ่มพื้นที่ชีวิตให้ออกแบบกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ได้อย่างไม่จำกัด บนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 3 ไร่ ที่ให้คุณอิงแอบกับสายลม สายน้ำ แต่ยังสามารถใช้ Wi-fi ได้เสมือนอยู่ภายในอาคารอีกด้วย

<img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8aad3f4c938dd24805ffa7953ac8c959.png" alt="" />

ถัดมาคือ i-Control ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นอีกขั้น เมื่อทุกอย่างควบคุมได้เพียงปลายนิ้ว ผ่าน AP Community Application ตัวช่วยที่มากกว่าแค่ความสะดวกสบาย แต่มาพร้อมความปลอดภัย ด้วยมือถือเครื่องเดียวสามารถทำหน้าที่เป็นคีย์การ์ดช่วยให้คุณสั่งเปิดและปิดประตูได้ตั้งแต่ประตูทางเข้าคอนโดมิเนียม ประตูห้องพัก ใช้จองเพื่อเข้าใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในโครงการ พร้อมเป็นสื่อกลางในการติดต่อกับผู้ดูแลคอนโดมิเนียม ฯลฯ

<img style="width: 680px; height: 447px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b40079332be537e1758062390464011e.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 447px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/40d6fe6a5b9b4a4be62c1afa2061b0cf.png" alt="" />

มาถึง i-SPACE อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของโครงการ ที่นับเป็นครั้งแรกของวงการคอนโดมิเนียมไทยที่เปลี่ยนข้อจำกัดของพื้นที่สู่การออกแบบห้องพักขนาด 35 ตร.ม. ให้สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นของห้องให้ตรงตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนห้องรับแขกเป็นห้องนอนอีก 1 ห้อง เป็นห้องทำงาน หรือ ห้องแต่งตัวได้แบบไร้ขีดจำกัด เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตยิ่งขึ้นด้วยระบบ AP Master Switch สวิตช์อัจฉริยะที่ควบคุมไฟทุกดวงในห้อง นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกกับการเปิดตัวนวัตกรรม AP CORRIDOR WINDOW INNOVATION ที่คิดค้นขึ้นเพื่อลดทอนปัญหาความร้อนและความอับชื้นภายในโถงทางเดิน ด้วยการออกแบบบานหน้าต่างรูปแบบพิเศษที่ช่วยให้อากาศในแต่ละชั้นถ่ายเทหมุนเวียนตามธรรมชาติตลอด 24 ชั่วโมง ลดการสะสมของแบคทีเรีย และความร้อน ไม่ต้องกลัวฝนสาดเข้าภายในอาคารเพราะมาพร้อมนวัตกรรมที่ช่วยหักเหทิศทางของลม

<img style="width: 680px; height: 460px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/443ee500f4c4abb8d16852e1f114858c.png" alt="" />

ใครที่ไม่อยากพลาดโอกาสจับจองข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ โครงการ “Life ลาดพร้าว” ซึ่งประกอบด้วยอาคารที่พักจำนวน 2 อาคาร สูง 45 ชั้นและ 46 ชั้น จำนวน 1,615 ยูนิตขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 26 – 75 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท พร้อมแล้วที่จะให้จับจองเป็นเจ้าของ โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการ 20–21 พ.ค.นี้ ณ สำนักงานขายโครงการ Life ลาดพร้าว โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ <a href="http://www.apthai.com/คอนโด/life/life-ladprao/">http://www.apthai.com/คอนโด/life/life-ladprao/</a>

เอพี เปิดตัว “Life ลาดพร้าว” สุดยอดคอนโดฯ คุณภาพ ฉีกกรอบที่อยู่อาศัย ก้าวสู่การเป็นรากฐานความสำเร็จ

“25 ปี เอพี  กับการไม่หยุดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย”

ความสำเร็จของธุรกิจนั้นมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงหลายอย่างเจ้าของธุรกิจที่ใส่ใจทุกรายละเอียดเท่านั้นที่จะสามารถครองใจทั้งลูกค้าและพนักงานได้ และนั่นก็รวมถึงการเลือกออฟฟิศที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจและตรงใจพนักงานด้วย 
 
จากที่กล่าวมาเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้อีกทางหนึ่ง อย่างเช่น คุณพสิษฐ์ รัตนจารุพงศ์ เจ้าของธุรกิจผ้าพันคอ Kiss Me Doll ให้กลายเป็นธุรกิจแฟชั่นที่โด่งดัง และ คุณณัฐวุฒิ์ มโนสุทธิ นักธุรกิจหนุ่มยุคใหม่ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจสุขภาพและความงามมูลค่ากว่า พันล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 ได้มาเล่าเรื่องราวถึงแรงบันดาลใจสำคัญในการทำธุรกิจที่ไม่ควรมองข้ามคือ &ldquo;ออฟฟิศหรือสถานที่ทำงาน&rdquo; ซึ่งเป็นเหมือนประตูบานแรกสู่ความสำเร็จ 
 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/01.jpg" /> 
คุณพสิษฐ์ รัตนจารุพงศ์ เจ้าของ Kiss Me Doll เล่าว่าออฟฟิศนั้นสามารถออกแบบให้ตอบโจทย์ธุรกิจแฟชั่นได้เป็นอย่างดีโดย มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับบุคคลากรกับพื้นที่ในที่ทำงานเป็นหลักเริ่มต้นตั้งแต่การมองหาโลเคชั่นที่เดินทางง่ายมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมมีสภาพแวดล้อมที่ดีรวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจด้วย 
 
&ldquo;เราให้ความสำคัญกับความรู้สึกของทีมงานของเรามากๆ อย่างดีไซเนอร์ก็ต้องนั่งคิดงานอยู่ที่ทำงานเลยต้องทำสถานที่ให้น่าอยู่ซึ่งจริงๆ แต่ละคนมีความสามารถเป็นคนเก่ง เขาสามารถเลือกบริษัทที่จะอยู่ได้ได้เงินเดือนพอๆ กันหรือมากกว่านิดหน่อย แต่ถ้าความเป็นอยู่ดีอยู่ในสภาพแวดล้อมดีเขาก็เลือกที่จะอยู่ที่นั่นซึ่งมันคือองค์ประกอบหลักของความสุขในออฟฟิศ&rdquo; 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/kmd-02.jpg" /> 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/kmd-03.jpg" /> 
ก่อนหน้านี้ คุณพสิษฐ์ ชั่งใจอยู่ระหว่างการเลือกหาซื้อที่ดินแล้วสร้างออฟฟิศขึ้นมาใหม่หรือมองหา โครงการที่พัฒนาไว้แล้วและตอบโจทย์ความต้องการของเขาและธุรกิจที่กำลังขยาย ตัวขึ้นในที่สุดก็ตัดสินใจเลือก District Sriwara ออฟฟิศ 4 ชั้น บนพื้นที่กว่า 500 ตร.ม. ที่จอดรถส่วนตัวถึง 6 คัน ของเอพี ที่ตอบโจทย์ธุรกิจเขาได้อย่างลงตัวที่สุดโดยออกแบบชั้น 1 เป็นพื้นที่สำหรับรับแขกชั้น 2 เป็นพื้นที่สำหรับพักอาศัยของคุณพสิษฐ์ เอง ชั้น 3 เป็นพื้นที่สำหรับออฟฟิศ ส่วนชั้น 4 เป็นสตูดิโอสำหรับถ่ายภาพสินค้า ห้องสมุดห้องประชุมและมุมพักผ่อน 
 
"ที่นี่เหมาะกับเรา ด้วยขนาดที่กำลังพอดี เราเป็นเหมือนคนไซส์เอ็มหรือแอลซึ่งที่นี่เป็นขนาดที่พอเหมาะกับพนักงาน 20-25 คน เราแบ่งพื้นที่ได้ลงตัวมาก เราทำเป็นพื้นที่สำหรับพักอาศัยและพื้นที่ทำงานรวมถึงพื้นที่สำหรับรีแล็กซ์ด้วย โดยเราทำเป็นห้องสมุดและคอฟฟี่คอนเนอร์เป็นพื้นที่ให้พนักงานเราได้ผ่อนคลายเวลาคิดงานไม่ออก" 
<hr />
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/PKPW-27-RE.jpg" /> 
อีกหนึ่งมุมมองในการเลือกออฟฟิศของ คุณณัฐวุฒิ์ มโนสุทธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร &nbsp;บริษัทพีเคพีดับบลิว&nbsp;แอสเสท กรุ๊ป&nbsp;(ไทยแลนด์)&nbsp;จำกัด&nbsp;อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจด้านสุขภาพและความงามผู้ก่อตั้ง &ldquo;ศูนย์เภสัชกรรมฟาร์แมกซ์&rdquo; 
 
และอีกหลายกลุ่มบริษัทในเครือคุณณัฐวุฒิ์เล่าว่าโครงการนี้ตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งของโครงการหรือการออกแบบ &ldquo;เราอยากได้ที่ทำงานในฝันที่พนักงานทุกคนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมีความสุขและสามารถสร้างผลงานที่ดีมีคุณค่าให้กับองค์กร&rdquo; คุณณัฐวุฒิ์ กล่าวว่าเมื่อได้มาดูโครงการ District Sriwara แล้วก็ใช้เวลาตัดสินใจเพียงไม่กี่วัน เนื่องจากมองหาโครงการแบบนี้มานานแล้ว และที่นี่ตอบโจทย์ความต้องการทุกด้านคุณณัฐวุฒิ์ออกแบบจัดพื้นที่โดยเน้น ความสะอาดและสะดวกสบายและมีพื้นที่สันทนาการในรูปแบบคอฟฟี่เฮ้าส์ตกแต่งภายใต้คอนเซ็ปต์ Work &amp; Relax ให้พนักงานได้มานั่งประชุมกลุ่มย่อยๆ ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย หรือสามารถมานั่งพักผ่อนในช่วงระหว่างพักกลางวัน และยังมีเครื่องดื่มฟรีให้บริการอีกด้วย 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/pkpw-02.jpg" /> 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/pkpw-03.jpg" /> 
&ldquo;เราเชื่อว่าบรรยากาศของสถานที่ทำงานที่ดีจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของทีมงานเราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ผมคิดว่า ณ วันนี้ มันก็กลายเป็นสำนักงานใหญ่ที่มีความสุขแบบที่เราและทีมงานของเราต้องการแล้ว&rdquo; คุณณัฐวุฒิ์ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจจากแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จของชีวิต 
 
การสร้างสรรค์ออฟฟิศที่สะดวกสบายท่ามกลางบรรยากาศการทำธุรกิจและการอยู่อาศัยพร้อมการออกแบบให้พื้นที่ตอบสนองทุกช่วงจังหวะของชีวิต Style Modern Luxury เพื่อสะท้อนถึงตัวตนของธุรกิจอย่าง District ออฟฟิศสำหรับคนรุ่นใหม่เป็นแบรนด์น้องใหม่มาแรงซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มเจ้าของธุรกิจอย่างดีมากทำให้ปิดการขายโครงการแรกบนทำเลศรีวราไปอย่างรวดเร็ว 
 
เตรียมพบกับโครงการใหม่ &ldquo;DISTRICT เอกมัย&ndash; รามอินทรา&rdquo; โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น ที่ออกแบบให้ทุกอาคารมีที่จอดรถส่วนตัวพร้อมฟังก์ชั่นภายในที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้มีพื้นที่ส่วนกลางสวนร่มรื่น และ Fitness Club พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานบวกกับทำเลที่เดินทางสะดวกทำให้คุณ ต่อติดกับการทำธุรกิจได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นสนใจสอบถามเพิ่มเติม 
 
โทร 1623 หรือ <a href="http://www.apthai.com/home">www.apthai.com/home</a> เพื่อรับเอกสิทธิ์พิเศษก่อนใคร

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events