<h2>ไมเนอร์ โฮเทลส์ (Minor Hotels) วางศิลาฤกษ์โครงการโรงแรมอวานีแห่งแรกในสิงคโปร์&nbsp;โรงแรมไลฟ์สไตล์ขนาด 200 ห้อง คาดเปิดให้บริการในไตรมาส 2 ปี 2570&nbsp;</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไมเนอร์ โฮเทลส์ (Minor Hotels) บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมระดับโลก ที่มีโรงแรม รีสอร์ต และเรสซิเดนซ์ รวมมากกว่า 640 แห่งใน 57 ประเทศ ฉลองก้าวสำคัญด้วยพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการโรงแรมอวานีแห่งแรกในสิงคโปร์ ซึ่งจัดขึ้น ณ ที่ตั้ง เลขที่ 24 ถนน Peck Seah ในย่านตันจงปาการ์ (Tanjong Pagar) อันคึกคัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิธีนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างโรงแรมไลฟ์สไตล์สูง 14 ชั้น ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 2 ปี 2570 โดยโครงการนี้เป็นการพัฒนาโดยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง ไมเนอร์ โฮเทลส์ บริษัท Kajima Development จากสิงคโปร์ และบริษัท Al Wathba Investment จากอาบูดาบี ช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อศักยภาพของตลาดการท่องเที่ยวในสิงคโปร์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิธีดังกล่าวมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานกว่า 50 ท่าน โดยมีผู้บริหารและพันธมิตรโครงการร่วมเป็นประธานในพิธี ได้แก่ นายวิลเลียม อี. ไฮเน็ค (William E. Heinecke) ประธานและผู้ก่อตั้ง ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Minor International) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ (Minor Hotels), นายดิลิป ราชากาเรีย (Dillip Rajakarier) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล,&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฯพณฯ โมฮาเหม็ด ไซฟ์ อัล สุไวดี (H.E. Mohamed Saif Al Suwaidi) กรรมการผู้จัดการ Al Wathba Investment; นายชูอิจิ โออิชิ (Shuichi Oishi) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Kajima Development, นายวินสตัน จู เหวินติง (Winston Zhu Wenting) กรรมการผู้จัดการ Kim Hua Construction Pte. Ltd. และนางแองเจลีน ชาน (Angelene Chan) ประธานกรรมการ DP Architects&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่แขกพิเศษที่ให้เกียรติเข้าร่วมงาน ได้แก่ ฯพณฯ ฮิโรชิ อิชิกาวะ (H.E. Hiroshi Ishikawa) เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำสิงคโปร์ และ ฯพณฯ นางอุรีรัตน์ เจริญโต เอกอัครราชทูตไทยประจำสิงคโปร์​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/08/itmkQD1X4VFtDNNrEq5p.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="itmkQD1X4VFtDNNrEq5p.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิธีสำคัญนี้เริ่มต้นด้วยคำกล่าวต้อนรับโดยนายไฮเน็ค ซึ่งได้เน้นย้ำถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของโครงการและการขยายแบรนด์อวานี ในเมืองสำคัญทั่วโลก ต่อด้วยการนำเสนอภาพรวมของโครงการและวิสัยทัศน์เบื้องหลังโรงแรมแห่งใหม่นี้โดยตัวแทนจากทีมพัฒนา ก่อนแขกผู้มีเกียรติได้ร่วมกันตักดินเพื่อเป็นสัญลักษณ์ประกาศการเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของโครงการใหม่ที่น่าตื่นเต้นของ อวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท (Avani Hotels &amp; Resorts) ณ หนึ่งในเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดของเอเชีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยนายวิลเลียม อี. ไฮเน็ค ประธานและผู้ก่อตั้ง ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้กล่าวว่า “พิธีวางศิลาฤกษ์ในวันนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ที่ได้นำแบรนด์อวานีมาสู่สิงคโปร์ ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรที่ไว้วางใจได้อย่าง Kajima และ Al Wathba เรากำลังสร้างสรรค์โครงการที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในด้านนวัตกรรมและความเป็นเลิศ แต่ยังเฉลิมฉลองเอกลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมและความทันสมัยของเมืองแห่งนี้อีกด้วย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฯพณฯ โมฮาเหม็ด ไซฟ์ อัล สุไวดี กรรมการผู้จัดการ Al Wathba Investment กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของก้าวสำคัญนี้ พิธีวางศิลาฤกษ์ครั้งนี้ไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้างประสบการณ์ด้านการบริการและการต้อนรับที่มีเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของสิงคโปร์และพลังแห่งความร่วมมือของเรา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายชูอิจิ โออิชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Kajima Development ยังได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า “พิธีวางศิลาฤกษ์ครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของเราต่อสิงคโปร์ และความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตระยะยาวของวงการการบริการของที่นี่ เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เริ่มต้นโครงการที่มีส่วนส่งเสริมอนาคตของเมืองในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกร่วมกับพันธมิตรของเรา”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/08/nn2amnVxGjFVE2FYdf3K.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="nn2amnVxGjFVE2FYdf3K.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมอวานี สิงคโปร์ แห่งใหม่ ขนาด 200 ห้องพัก ซึ่งจะตั้งอยู่ใจกลางย่านตันจงปาการ์ จะมอบประสบการณ์การพักผ่อนในเมืองระดับพรีเมียมที่ผสานเสน่ห์ของมรดกทางสถาปัตยกรรมของย่านอาคารเก่าแก่ของสิงคโปร์เข้ากับสไตล์ร่วมสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ของอวานี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วยสระว่ายน้ำบนดาดฟ้า ห้องออกกำลังกาย อวานี ฟิต (AvaniFit) ร้านอาหารที่มีคอนเซ็ปต์ และทางเดินเชื่อมระหว่างถนน Peck Seah และ Tras Street ทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินตันจงปาการ์ไม่ถึง 200 เมตร และห่างจากสถานีแมกซ์เวล (Maxwell) เพียง 350 เมตร จะช่วยมอบการเชื่อมต่อที่สะดวกสบายไปยังย่านดาวน์ทาวน์ มารีน่า เบย์ และย่านสำคัญอื่นๆ ทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ภาพ: Minor Hotels เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/travel/saha-group-mou-thaiobayashi-to-build-hotel" alt="&quot;ไทยโอบายาชิ&quot; จับมือ “เครือสหพัฒน์” ลงนาม MOU ร่วมทุนกันครั้งแรก ลุยสร้างโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว บนทำเลศักยภาพย่านราชดำริ คาดเปิดให้บริการปี 2572">"ไทยโอบายาชิ" จับมือ “เครือสหพัฒน์” ลงนาม MOU ร่วมทุนกันครั้งแรก ลุยสร้างโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว บนทำเลศักยภาพย่านราชดำริ คาดเปิดให้บริการปี 2572</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ไมเนอร์ โฮเทลส์ ปักธง ‘อวานี’ แห่งแรกในสิงคโปร์! เตรียมเปิดประตูรับนักเดินทางปี 2570!

<h2>หลังก่อนหน้านี้ บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือกับ ไมเนอร์ โฮเทลส์ (Minor Hotels) โดยดึงไมเนอร์เข้าบริหารโรงแรมเครือฟอร์จูน ผ่านการรีแบรนด์เป็นแบรนด์ ‘อวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท’ (Avani Hotels &amp; Resorts) ซึ่งเริ่มรีแบรนด์ที่โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ เป็นที่แรก ล่าสุดหลังรีแบรนด์ได้เปิดตัวโรงแรม ‘อวานี รัชดา กรุงเทพฯ’ อย่างเป็นทางการ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับโรงแรม ‘อวานี รัชดา กรุงเทพฯ’ ตั้งอยู่ในย่านใจกลางย่านธุรกิจใหม่ของกรุงเทพฯ (CBD) ซึ่งเป็นแหล่งรวมห้างสรรพสินค้า ไนท์มาร์เกต ร้านอาหาร ไปจนถึงโรงละครและสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม จึงเหมาะสำหรับทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่ตั้งของโรงแรมซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินยังช่วยให้การเดินทางไปยังจุดต่างๆ ง่ายดายและสะดวกสบาย โดยโรงแรม อวานี รัชดา กรุงเทพฯ ซึ่งประกอบด้วยห้องพักจำนวน 402 ห้องนี้ นับเป็นโรงแรมอวานีแห่งที่สามในกรุงเทพฯ ต่อจากโรงแรม อวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ และ โรงแรม อวานี สุขุมวิท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 497px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/JbT6y146iakDiV2P4BJp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="497px,331px" data-align="center" data-file-name="JbT6y146iakDiV2P4BJp.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="497px,331px" style="width: 497px; height: 331px;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ มอบประสบการณ์ทางด้านอาหารที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดยมีห้องอาหาร วัน รัชดา (One Ratchada) ให้บริการอาหารนานาชาติและอาหารไทยตลอดทั้งวัน ห้องอาหารจีน หนานหยวน (Nan Yuan) ที่โดดเด่นด้านอาหารกวางตุ้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมโทร เลานจ์ (Metro Lounge) สำหรับนั่งผ่อนคลายพร้อมด้วยเครื่องดื่มค็อกเทลที่รังสรรค์อย่างประณีตพร้อมดนตรีเล่นสด ในขณะที่ เดอะ แพนทรี (The Pantry) นำเสนอเมนูอร่อยที่สามารถรับประทานได้อย่างสะดวกสบายสไตล์ Grab-and-go สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย และยังมีบาร์ริมสระว่ายน้ำที่มาพร้อมเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่แสนสดชื่นท่ามกลางวิวเมืองอันสวยงามและคึกคัก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/JbT6y146iakDiV2P4BJp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="JbT6y146iakDiV2P4BJp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อลูกค้าผู้รักสุขภาพ ศูนย์เวลเนสอันทันสมัยซึ่งครอบคลุมพื้นที่ชั้น 12 ของโรงแรม มีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย อวานี ฟิต (AvaniFit) สปาออนเซ็นแบบญี่ปุ่น รวมถึงซาวน่า ให้แขกผู้ใช้บริการสามารถผ่อนคลาย ฟื้นฟู และดูแลสุขภาพได้อย่างเต็มที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผู้ที่มองหาสถานที่จัดงานประชุม งานเลี้ยง หรืองานแต่งงานในย่านใจกลางเมือง โรงแรมอวานีแห่งใหม่นี้ยังมีห้องสำหรับจัดงานประเภทต่างๆ ถึง 11 ห้อง ซึ่งรวมถึงห้องบอลรูมที่มีพื้นที่กว่า 924 ตารางเมตร ครบครันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และสามารถรับรองงานได้ทุกรูปแบบ ซึ่งรวมไปถึงงานแต่งงานหรืองานเปิดตัวสินค้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ เพียงไม่กี่ก้าวจากโรงแรม แขกสามารถเพลิดเพลินไปกับความคึกคักของย่านรัชดา ไม่ว่าจะเป็นการช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พระราม 9 ตลาดในช่วงกลางคืนอย่างจ๊อดแฟร์ หรือจะซื้อหาสินค้าไอทีและไลฟ์สไตล์ที่ฟอร์จูนทาวน์ อิ่มอร่อยกับอาหารนานาชนิดในศูนย์อาหารและร้านอาหารที่มีให้เลือกมากมาย หรือเพลิดเพลินกับการชมการแสดงต่างๆ ที่เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ หรือศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ไม่ไก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ด้วยที่ตั้งใจกลางเมืองซึ่งติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) พระราม 9 และไม่ไกลจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (Airport Rail Link) ช่วยให้แขกผู้ใช้บริการสามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในโอกาสฉลองการเปิดตัว โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ ยังมอบข้อเสนอสุดพิเศษด้วยราคาห้องพักเริ่มต้นเพียง 2,900 บาท (USD 85) ต่อห้อง ต่อคืน สำหรับการเข้าพักสองท่าน รวมอาหารเช้า โดยแขกที่สำรองห้องพักก่อนสิ้นปีจะได้รับเครดิตรับประทานอาหารสูงสุด 500 บาท ต่อห้อง ต่อคืน อีกด้วย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/cp-land-partnered-minor-hotels" alt="CP LAND ดึง ไมเนอร์ เข้าบริหารโรงแรม รีแบรนด์ ‘ฟอร์จูน’ เป็น ‘อวานี’ นำร่องที่แกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ 1 ก.ย.นี้">CP LAND ดึง ไมเนอร์ เข้าบริหารโรงแรม รีแบรนด์ ‘ฟอร์จูน’ เป็น ‘อวานี’ นำร่องที่แกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ 1 ก.ย.นี้</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน พลิกโฉมสู่ ‘อวานี รัชดา กรุงเทพฯ’ เรียบร้อยแล้ว!

<h2 class="p4">อวานี เฉวง สมุย โฮเทล แอนด์ บีช คลับ โรงแรมใหม่ล่าสุด ในเครือ Avani Hotels &amp; Resorts ตั้งอยู่ ณ หาดเฉวง จุดหมายปลายแห่งความบันเทิงใหม่บนเกาะสมุย พร้อมเปิดประตูเสกความสนุกสนานและผ่อนคลาย ให้คุณดื่มด่ำไปกับบรรยากาศริมชายหาดแล้ว ในเดือนสิงหาคมนี้</h2>
เครือ Avani Hotels &amp; Resorts เปิดตัวโรงแรม และ บีช คลับสุดชิคแห่งใหม่ล่าสุดภายใต้ชื่อ อวานี เฉวง สมุย โฮเทล แอนด์ บีช คลับ (​Avani Chaweng Samui Hotel &amp; Beach Club) โรงแรม 3 ชั้นที่ประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีทสุดหรูหรารวมทั้งหมด 80 ห้อง
Avani Chaweng Samui Hotel &amp; Beach Club นับเป็นโรงแรมสไตล์เรโทรแห่งแรกบนเกาะสมุย อบอวลไปด้วยกลิ่นอายยุค Mid-Century ตกแต่งด้วยสไตล์และสีสันอันโดดเด่น สดใส อันเป็นเอกลักษณ์ โดยดึงแรงบันดาลใจจากช่วง 1950 ยุคทองแห่งความสุขอันรุ่งโรจน์ในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังผสานจุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อนสุดฮิปอันเป็นที่นิยม อาทิ Palm Spring และ Miami ลงไปด้วย
<img class="alignnone size-full wp-image-65526" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Avani-Chaweng-Samui-2.jpg" alt="" width="720" height="479" />
โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางหาดเฉวง ห่างจากคลื่นทะเลที่กระทบหาดทรายไม่กี่ก้าว อีกทั้งยังเป็นทำเลทองที่ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
นอกจากนั้น แขกของโรงแรมยังสามารถใช้บริการ <a href="https://www.seenbeachclubsamui.com/">ซีน บีช คลับ สมุย</a> (SEEN Beach Club Samui) บีชคลับยอดนิยมบนเกาะสมุยได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้ง โรงแรมแห่งนี้ยังใช้เวลาเดินทางจากสนามบินนานาชาติสมุยด้วยรถยนต์เพียง 10 นาทีเท่านั้นด้วย
นอกจากแขกผู้เข้าพักจะสามารถสัมผัสสถาปัตยกรรมกลิ่นอายเรโทรยุค 1950 สุดชิคได้แล้ว ที่แห่งนี้ยังถูกดีไซน์ให้ประหนึ่งเป็นสรวงสวรรค์ในการพบปะสังสรรค์ ด้วยสระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดกว้างให้แขกได้เพลิดเพลิน พร้อมคาบาน่าขนาดใหญ่ รวมถึงโซเชียลบาร์ที่นอกจากจะเป็นจุดเช็คอินแล้ว ยังมีเครื่องดื่มดับร้อนมากมายรอคอยแขกผู้เข้าพักอีกด้วย
<img class="alignnone size-full wp-image-65547" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/AVANI_CHAWENG_SOCIAL_BAR.jpg" alt="" width="720" height="480" />
SOHO Hospitality สตูดิโอออกแบบชื่อดังในประเทศไทย อันเป็นที่รู้จักด้วยคอนเซ็ปต์ร้านอาหารที่ไม่เหมือนใคร เป็นผู้ออกแบบพื้นที่ภายในโรงแรมโดยใช้วิธีการออกแบบอย่างร่วมสมัยเพื่อสร้างพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสังสรรค์อย่างมีสไตล์ แต่คงไว้ซึ่งกลิ่นอายยุค 1950 โดยเห็นได้จากอิทธิพลจากรูปทรงเรขาคณิตต่างๆ เส้นโค้ง รวมถึงเน้นการใช้โลหะ และเนื้อผ้าที่มีความหรูหราที่ถูกนำมาใช้

<h3>ห้องพักสุดชิค</h3>
ณ ห้อง Cool Pool View ห้องพักสุดพิเศษพร้อมวิวสระว่ายน้ำสีฟ้าสบายตานี้ คุณจะค้นพบกับความหรูหราอันเย้ายวนในการออกแบบและตกแต่งที่จะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงบรรยากาศปาร์ตี้อันแสนสนุก แต่หากวิวทะเลคือสิ่งที่คุณต้องการในการมาเยือนโรงแรมแห่งนี้ล่ะก็ เราขอแนะนำ ห้อง Sweet Sea Breeze ห้องพักที่ตั้งอยู่ชั้นบนพร้อมวิวทะเลแสนหวาน
อย่างไรก็ตาม วิวที่งดงามที่สุดของโรงแรมสไตล์เรโทรแห่งนี้ กลับซ่อนตัวอยู่ ณ ห้อง Fabulous Sea View ห้องพักชั้นบนสุดอย่าง แต่หากเลือกไม่ถูก ก็สามารถเลือกห้อง Funky Poolside ห้องพักชั้นล่างพร้อมระเบียงเชื่อมกับสระว่ายน้ำส่วนกลาง ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางแห่งปาร์ตี้อันแสนสนุกตลอดวัน


<figure><img class="wp-image-65527 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Avani-Chaweng-Samui_COOL-POOL-VIEW-ROOM.jpg" alt="" width="720" height="479" /><figcaption> ห้อง Cool Pool View</figcaption></figure>
ห้องพักทุกห้องมีระเบียงให้แขกสามารถออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ และสามารถชมเห็นวิวสระว่ายน้ำ รองรับทั้งเตียง คิงไซส์ และเตียงแฝด อีกทั้งยังมีฝักบัวแบบ rain shower โต๊ะทำงาน สมาร์ททีวี และลำโพงระบบบลูทูธแบบพกพาอีกด้วย
หากอยากสนุกแบบเหนือระดับ ก็สามารถเข้าพักที่ห้อง Groovy Sea View Suite ห้องพักสวีทพื้นที่กว่า 61 ตร.ม. ให้แขกผู้เข้าพักรู้สึกสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และห้อง Double Groovy Sea View Suite ที่มีพื้นที่กว่า 90 ตร.ม. เพิ่มเนื้อที่ผ่อนคลายท่ามกลางกลิ่นอายเรโทรสุดชิคได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ ภายในห้องสวีททุกห้องยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง เครื่องเล่นแผ่นเสียงไวนิล และบริเวณสำหรับทำเครื่องดื่มค็อกเทล และมีการจัดสรรห้องพัก และห้องนั่งเล่นอย่างเป็นสัดส่วน รวมถึงมี อ่างอาบน้ำ ฝักบัวแบบ rain shower โต๊ะทำงาน สมาร์ททีวี ลำโพงบลูทูธแบบพกพา และเครื่องชงกาแฟจากแบรนด์ Nespresso อีกด้วย

<h3>การบริการสุดพิเศษ</h3>
นอกจากจะสามารถผ่อนคลายท่ามกลางกลิ่นอายสุดเทโทร ณ Avani Chaweng Samui Hotel &amp; Beach Club ได้แล้ว แขกผู้เข้าพักยังสามารถอิ่มอร่อยไปกับ SEEN Samui ร้านอาหารริมสระน้ำท่ามกลางบรรยากาศความบันเทิงและสนุกสนานที่สุดบนเกาะ โดยไม่ว่าจะสวมใส่อะไร ก็ไม่ต้องสนใจใครทั้งนั้น
SEEN Samui เสิร์ฟเมนูพิเศษผสมผสานรสชาติและกลิ่นอายของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เอเชีย และอเมริกัน นอกจากนี้แขกผู้เข้าพักยังสามารถเข้าใช้บริการบาร์ของโรงแรมที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชม. เพื่อลิ้มรสอาหารว่างระหว่างวันและเมนูยามค่ำตลอดทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็น น้ำปั่นนานาชนิด ฮอทด็อก และวาฟเฟิล ขณะเพลิดเพลินไปกับดนตรีอันคุ้นเคยจากสมัยวันวาน ให้แขกได้สังสรรค์ ทำงาน และเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงที่ทางโรงแรมเตรียมมอบให้
<img class="alignnone size-full wp-image-65546" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/SEEN_SAMUI.jpg" alt="" width="720" height="480" />
หากคุณชื่นชอบปาร์ตี้ ก็สามารถมาเปิดเผยตัวตนของคุณได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ณ หาดทราย หรือริมสระว่ายน้ำก็ตาม ส่วนผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำก็สามารถเข้าใช้บริการ AvaniFit ของโรงแรมได้ตลอด 24 ชม. โดย AvaniFit พร้อมท้าทายผู้รักการออกกำลังกายด้วยเครื่องออกกำลังกายครบครัน ผสมผสานระหว่างการฝึกฝนความแกร่ง การออกกำลังกายแบบแอโรบิก และการออกกำลังกายแบบเข้มข้นสูง อีกทั้ง ยังมีเทรนเนอร์ส่วนตัวพร้อมให้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการอีกด้วย
ออกไปรับแสงแดดกันบ้าง โดยแขกสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมยามว่างกลางแจ้ง และกิจกรรมสนุกๆ ซึ่งเป็นดั่งหัวใจของประสบการณ์การเข้าพักที่อวานี เฉวง ไม่ว่าจะเป็นปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำแบบครบเครื่อง หรือ ปาร์ตี้ล่องเรือบนหรือคาตามารันสุดหรูอันเป็นส่วนตัวของอวานี รวมถึงกิจกรรมดำน้ำ ทัวร์เกาะ และล่องเรือ


<figure><img class="wp-image-65528 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Avani-Chaweng-Samui_DOUBLE-GROOVY-SEA-VIEW-SUITE-1.jpg" alt="" width="720" height="479" /><figcaption> ห้อง Double Groovy Sea View Suite</figcaption></figure>

หากยังอยากสนุกต่อ ผู้ที่พักในห้องสวีท Groovy Sea View และ Double Groovy Sea Views ยังสามารถเรียกดีเจให้ไปสร้างเสียงเพลงได้ที่ห้องพักได้อีกด้วย

หลังจากค่ำคืนอันสนุกสนาน ในช่วงเช้าโรงแรมได้จัดกิจกรรมโยคะบนแพดเดิลบอร์ด การบำบัดแบบหายใจในน้ำแข็ง และแช่น้ำแข็งริมชายหาดเพื่อเรียกความสดชื่นหลังปาร์ตี้

เมื่อทุกคนพร้อมกลับมาลุยวันใหม่อีกครั้ง ก็สามารถมาเฉิดฉายโพสท่าให้ศิลปินของโรงแรมวาดภาพสไตล์ pop art portrait ไว้เก็บเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย
นอกจากนั้น ทางโรงแรมยังพร้อมต้อนรับเหล่านักเดินทางสายโซเชียลสู่ห้องพักอันหรูหรา ด้วย props ต่างๆ อีกทั้งยังมีคอสตูม และเครื่องประดับอันครบครันให้ผู้เข้าพัก และที่พิเศษเหนือใคร ทางโรงแรมยังเตรียมช่างภาพติดตาม คอยเก็บภาพสวยๆตลอดการเข้าพักให้กับคุณอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/america/james-mulvany-%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99-radio-co.html">James Mulvany ปลุกปั้น Radio.co ด้วยพลังเสียงของพอดแคสต์</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

เปิดตัว "อวานี เฉวง สมุย โฮเทล แอนด์ บีช คลับ" ที่พักสไตล์เรโทรสุดมันส์

<h2>การตัดสินใจทุ่มเงิน 88 พันล้านบาทซื้อ NH Hotel Group ยักษ์ใหญ่โรงแรมอันดับ 6 ของยุโรปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วทำให้ ไมเนอร์ กรุ๊ป ของ William E. Heinecke ขยับขึ้นมาเป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมโรงแรมระดับโลก ก้าวต่อไปของเขาคือสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น และเป้าหมายมาร์เก็ตแคป 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 3 แสนล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า</h2>
ผ่านไปกว่า 5 ทศวรรษ ณ วันนี้ ไมเนอร์ กรุ๊ป ของ William E. Heinecke (หรือที่รู้จัก กันดีในนามของ Bill Heinecke) ได้ก้าวขึ้นเป็นกลุ่มโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 19 ของโลกที่มีกิจการโรงแรมกว่า 548 แห่ง ร้านอาหารกว่า 2,100 แห่ง และธุรกิจจัดจำหน่ายและรับจ้างผลิตสินค้าไลฟ์สไตล์กว่า 452 สาขาใน 64 ประเทศทั่วโลก

ดีลเทกโอเวอร์ NH Hotel Group SA (NHH) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Madrid ประเทศสเปน ที่ Heinecke ห้ำหั่นเอาชนะคู่แข่งอย่าง Hyatt Hotels &amp; Resorts มาได้ในปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะต้องทุ่มเงินเพื่อซื้อหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่าคาดไว้เดิม และทำให้บริษัทต้องก่อหนี้มหาศาล ทำให้เขามีกิจการที่มีมูลค่าตลาด หรือมาร์เก็ตแคปรวมกันถึง 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.6 แสนล้านบาท)

ในการให้สัมภาษณ์ Forbes Thailand เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2561 หลังจากปิดดีล NHH มาสดๆ ร้อน Heinecke กล่าวว่าการเข้าครอบครองกิจการ NHH ซึ่งมีโรงแรม 351 แห่งในยุโรปและในอีกหลายประเทศ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของไมเนอร์

นับจากวันที่บริษัทได้เริ่มเปิดกิจการโรงแรมแห่งแรกในพัทยาภายใต้ชื่อ รอยัล การ์เด้น รีสอร์ท เมื่อกว่า 40 ปีก่อน เพราะเป็นการยกระดับไมเนอร์ขึ้นมาเป็นผู้เล่นในระดับโลกอย่างแท้จริง ด้วยจำนวนโรงแรมและรีสอร์ตรวมกันกว่า 548 แห่ง และจำนวนห้องพัก รวม 80,262 ห้องในเกือบทุกทวีปทั่วโลก ได้แก่ เอเชีย โอเชียเนีย ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา

<img class="alignnone size-full wp-image-6836" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/ไมเนอร์กรุ๊ป-04.jpg" alt="" width="638" height="342" />

“เพราะเราต้องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเราขึ้นเป็นผู้เล่นในระดับเวิลด์คลาสที่มีบทบาทอยู่ในเกือบทุกๆ ประเทศในโลก ตอนนี้เหลือเพียงตลาดสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเท่านั้น (ที่ไมเนอร์ยังไม่ได้เข้าไปมากนัก)” Heinecke กล่าวถึงเหตุผลในการทุ่มเงินกับ ดีลนี้ถึง 2.3 พันล้านยูโร (ประมาณ 88 พันล้านบาท) ซึ่งมากกว่ารายได้ทั้งหมดที่บริษัททำได้ 58.6 พันล้านบาทในปี 2560

Heinecke ยอมรับว่าสิ่งที่ท้าทายที่สุดตอนนี้คือการลดหนี้สินของไมเนอร์ลงมาแต่เชื่อมั่นว่าด้วยพื้นฐานธุรกิจที่ดีของ NHH ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีกำไร และแผนการในการขายสินทรัพย์บางส่วนของ NHH ออกไป

“NHH มีโรงแรมมากเกินไปภายใต้แบรนด์เดียวในหลายๆ เมือง เช่นใน Madrid มีถึง 29 แห่ง เราอาจจะเปลี่ยนบางโรงแรมเป็น ANANTARA หรือ AVANI”

เนื่องจาก NHH มีแผนการลงทุนรีโนเวทโรงแรมอยู่แล้ว การรีแบรนด์สินทรัพย์บางแห่งไปอยู่ภายใต้แบรนด์ ANANTARA สามารถทำได้โดยง่ายและไม่ต้องใช้งบลงทุนเพิ่มขึ้นมากนัก คล้ายๆ กับตอนที่ไมเนอร์รีแบรนด์โรงแรม Four Seasons เป็น ANANTARA เมื่อหลายปีก่อน ในขณะที่บริษัทสามารถเพิ่มอัตราค่าพักต่อห้องและกำไร เนื่องจาก ANANTARA เป็นแบรนด์ที่อยู่ในระดับลักชัวรีกว่า NHH

“เราจะเพิ่มมูลค่าได้อย่างมาก และอย่างรวดเร็ว ผมเชื่ออย่างนั้น” ประธานไมเนอร์กล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-6835" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/ไมเนอร์กรุ๊ป-03.jpg" alt="" width="638" height="330" />
<h2>สร้าง “โกลบอล แพลตฟอร์ม” ขยายธุรกิจไปทั่วโลก</h2>
Heinecke ชื่นชอบ NHH เป็นอย่างมากเนื่องจากมองว่าเครือข่ายของ NHH กับไมเนอร์นั้นแทบจะไม่ทับซ้อนกันเลย และมีsynergy ที่สามารถเสริมกันได้อย่างดี

“เราเรียกมันว่า ‘plug &amp; play’ ตอนนี้มันง่ายสำหรับเราแล้วที่จะซื้อและเพิ่มโรงแรมใหม่เข้าไปในยุโรป...เพราะถ้าคุณไม่มีโรงแรมอยู่ก่อนเลย มันเป็นเรื่องยากที่คุณจะเริ่มเข้าไปจากฐานเล็กๆ” ประธานวัย 69 ปีของไมเนอร์กรุ๊ปกล่าวและเสริมว่าไมเนอร์ได้เริ่มใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ NHH แล้วโดยการนำเอา Tivoli Hotels &amp; Resorts กลุ่มโรงแรมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โปรตุเกสที่ไมเนอร์ได้เข้าซื้อกิจการไปก่อนหน้านี้ ไปอยู่ภายใต้การบริหารของ NHH ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการที่ใหญ่กว่า

ก่อนครอบครอง NHH ไมเนอร์มีเครือข่ายโรงแรมทั้งสิ้น 161 แห่ง รวมจำนวน 20,385 ห้อง ภายใต้ 5 แบรนด์ที่บริษัทเป็นเจ้าของ (ANANTARA, AVANI, TIVOLI, elewana, และ OAKS) และอีก 8 แบรนด์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ (CHELI &amp; PEACOCK SAFARIS, Naladhu Maldives, The BEAUMOUNT, SERENDIB LEISURE, Four Seasons, ST REGIS, JW MARRIOTT, และ Radisson Blu) โดยส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียและโอเชียเนีย (104 แห่ง) และแอฟริกาและตะวันออกกลาง (42 แห่ง) ขณะที่มีโรงแรมในยุโรปเพียง 13 แห่ง และอเมริกา 2 แห่ง

ขณะที่ NHH มีโรงแรมอยู่ในยุโรป137 แห่ง และอเมริกา 67 แห่ง แต่ไม่มีโรงแรมในเอเชียและตะวันออกกลางเลยและมีโรงแรมในแอฟริกาใต้เพียงแห่งเดียวนอกจากนี้ ในแง่ตำแหน่งทางการตลาดแบรนด์โรงแรมและรีสอร์ตของไมเนอร์ค่อนข้างจะมีความเข้มแข็งในตลาดของกลุ่มนักท่องเที่ยว ขณะที่ NHH จะเน้นหนักไปที่โรงแรมที่ตั้งในพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของเมืองและกลุ่มนักธุรกิจ

“ประโยชน์ของการมี global platform คือคุณสามารถโยกแบรนด์ของคุณไปที่โน่นที่นี่ได้” Heinecke กล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-6836" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/ไมเนอร์กรุ๊ป-04.jpg" alt="" width="638" height="342" />
<h2>เร่งเครื่องโตธุรกิจร้านอาหาร</h2>
Heinecke ยอมรับว่าธุรกิจร้านอาหารยังมีความท้าทายอยู่มาก แต่เขาเชื่อว่าการบริโภคซึ่งซบเซามาเป็นเวลานานกำลังฟื้นตัวขึ้น และการเลือกตั้งซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้จะช่วยให้การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเพิ่มขึ้น โดยไมเนอร์จะขยายธุรกิจร้านอาหารที่ปัจจุบันกระจุกตัวอยู่ใน 4 พื้นที่หลัก คือ ไทย ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ไปสู่ยุโรปและแอฟริกาและประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น

จะขยายเครือข่ายร้านอาหารไทยในต่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาอีก หลังจากที่ได้ใช้เงิน 12 ล้านเหรียญซื้อหุ้น 75% ของ Benihana ร้านเทปันยากิที่มีสาขา 19 ประเทศทั่วโลกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 เพื่อได้สิทธิในการขยายกิจการไปทั่วโลกยกเว้นสหรัฐฯ

ทั้งนี้ จีนจะเป็นหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักที่ไมเนอร์ ฟู้ด ตั้งเป้าเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยเป้าหมายเพิ่มจำนวนร้านอาหารให้มีไม่น้อยกว่า 300 สาขาภายใน 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังอาจจะทำแพลตฟอร์มบนช่องทางดิจิทัลเพื่อรวมแบรนด์ร้านอาหารในเครืออีกด้วย

<img class="alignnone size-full wp-image-6833" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/ไมเนอร์กรุ๊ป-01.jpg" alt="" width="638" height="535" />

Heinecke กล่าวว่าปัจจุบันการแข่งขันในอุตสาหกรรมโรงแรมและร้านอาหารทั้งในไทยและต่างประเทศมีสูงมาก โดยตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และยากต่อการคาดการณ์ เนื่องจากมีการเกิดขึ้นของ “start-up brands” และคอนเซปท์ใหม่ๆ มากมายจนท่วมตลาด แม้บางส่วนจะสร้างความฮือฮาเพียงชั่วครั้งชั่วคราวและล้มหายตายจากไป หลังจากได้แหล่งเงินทุนสนับสนุนจากนักลงทุนที่สนใจ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่สามารถแจ้งเกิดขึ้นมาเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดได้

“เมื่อร้านอาหารและโรงแรมทุกๆ แห่งในโลกอยู่ใกล้เพียงแค่การขยับปลายนิ้วมือคุณจะเลือกอย่างไร ความเป็นจริงใหม่คือว่าประสบการณ์ใดๆ ที่ไม่มีค่าพอสำหรับการโพสต์ลงรูปใน Instagram ก็จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ในอุตสาหกรรมที่อิงกับการบริโภคอย่างโรงแรมและร้านอาหารสิ่งนี้จะก่อให้เกิดผู้ชนะและผู้แพ้ เรากำลังเข้าสู่ยุคที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก” William E. Heinecke ประธานไมเนอร์กล่าว

ภาพ: ฐิระวิชญ์ ล้อเลิศรัตนะ และไมเนอร์ กรุ๊ป

&nbsp;

<hr />

<a href="http://bit.ly/ForbesTHJan2019">คลิกอ่านฉบับเต็มของ “Bill Heinecke ทุ่มเฉียดแสนล้าน นำไมเนอร์ติดท็อป 20 โรงแรมโลก” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มกราคม 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<a href="http://bit.ly/ForbesTHJan2019"><img class="alignnone wp-image-4278" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Forbes-Thailand-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-2562-Bill-Heinecke.jpg" alt="" width="250" height="328" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events