กรณีศึกษา Buy now Pay Later ในไทย จาก “รูดทองขายคืน” สู่ “รับจ่ายบิล" แลกเงินสดมาใช้ก่อน

ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง ตัวแปรใหม่ของการช้อปปิ้ง

<h2>เมื่อกระแสการทำธุรกรรม “Buy Now, Pay Later (BNPL)” หรือ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง จะมีโอกาสเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 9.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 2.3 หมื่นล้านเหรียญในปี 2020 จากการรายงานของ Google, Temasek และ Bain ที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว </h2>
<figure><img class="wp-image-59406" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/0x0-682x1024.jpg" alt="Kredivo" width="540" height="810" /><figcaption> Akshay Garg ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง FinAccel</figcaption></figure>

Akshay Garg ผู้ประกอบการชาวอินเดีย จึงไม่รอช้าที่จะขยายบริการ FinAccel บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มสินเชื่อดิจิทัล Kredivo ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ไปยังประเทศอื่นๆ ภายในภูมิภาค หลังประสบความสำเร็จในฐานะผู้ให้บริการ BNPL รายใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย 

โดยในเดือนเดือนสิงหาคม 2021 ที่ผ่านมา Kredivo ได้ร่วมมือกับ VietCredit เพื่อรุกตลาด BNPL ของเวียดนาม พร้อมวางแผนเดินหน้าขยายบริการสู่ประเทศไทยและฟิลิปปินส์ในปีนี้

ขณะที่อีกก้าวสำคัญของผู้ให้บริการสินเชื่อ คือ การนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ผ่านข้อตกลง SPAC กับ Victory Park Capital ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้รายใหญ่ให้กับ FinAccel และเมื่อไม่นานนี้ก็เพิ่งเพิ่มวงเงินสินเชื่อมูลค่ากว่า 200 ล้านเหรียญให้กับทางสตาร์ทอัพ 

ดีลนี้ซึ่งคาดจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2022 จะทำให้ FinAccel มีมูลค่าบริษัทแตะ 2.5 พันล้านเหรียญ สูสีกับบริษัทอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่จากอินโดนีเซียอย่าง Bukalapak ซึ่งเพิ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ประเทศบ้านเกิด และมีมูลค่าบริษัทกิจการอยู่ที่ 2.9 พันล้านเหรียญ 

นอกจากเงินระดมทุนที่ FinAccel จะได้รับเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจแล้ว บริษัทยังจะได้ชื่อว่าเป็น ‘ฟินเทค’ แห่งแรกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ เทียบเคียงบริษัทชั้นนำอย่าง Sea ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าทะลุ 9 หมื่นล้านเหรียญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทว่า ณ วันนี้ Garg มองว่า ณ วันนี้ FinAccel มีความจำเป็นที่จะต้องขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมธุรกรรมทางการเงินมากยิ่งขึ้น ‘นอกเหนือจากการเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการซื้อของออนไลน์และการขยายเครดิต’

ด้วยเหตุนี้ในปีที่แล้ว Kredivo จึงได้เข้าถือหุ้นร้อยละ 40 ในธนาคารแห่งเล็กๆ ในอินโดนีเซีย เพื่อให้สามารถตอบโจทย์บริการทางการเงินที่มีอยู่ในธนาคารแบบดั้งเดิม

“วันนี้ คุณอาจนึกถึง Kreivo ในธุรกรรมสำหรับอี-คอมเมิร์ซและสินเชื่อส่วนบุคคล แต่อีกไม่นานบริการของเราจะครอบคลุมทั้งการซื้อสินค้าแบบออฟไลน์ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ สินเชื่อรถยนต์ และบัตรเครดิตด้วย” Garg กล่าว

<img class="alignnone wp-image-59409" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/DpcZSvjW4AAspBU-1024x512.jpg" alt="Kredivo" width="720" height="360" />

ทั้งนี้ Kredivo เป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีแห่งที่ 2 ของ Garg ต่อจากบริษัทโฆษณาดิจิทัล <a href="https://www.komli.com">Komli Media</a> ที่เขาร่วมก่อตั้งในปี 2006 ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในอินเดีย (ต่อมาได้ขายให้กับ Axiata บริษัทโทรคมนาคมของมาเลเซียในราคา 11.3 ล้านเหรียญ ขณะที่การดำเนินงานในอินเดียอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ SVG Media) 

หลังจากไปศึกษาต่อที่ Whitman College ในสหรัฐอเมริกา Garg ได้เริ่มต้นทำงานในฐานะนักวิเคราะห์ธุรกิจที่ Deloitte ใน Seattle ก่อนจะย้ายมาที่ International Labour Organisation ในกรุงเจนีวา และตัดสินใจลาออกเพื่อมาเริ่มต้นธุรกิจที่มณฑลยูนนานในปี 2005 ด้วยการตีพิมพ์นิตยสารไลฟ์สไตล์และเปิดร้านเคบับ

“ต้องการเปิดแฟรนไชส์ทั่วประเทศจีน” Garg เขียนบน LinkedIn เกี่ยวกับกิจการร้านเคบับ “แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล และแล้ว Komli ก็เกิดขึ้น ใช่ เมื่อประตูบานหนึ่งปิด อีกบานหนึ่งก็เปิดขึ้น”

"ผมสนุกกับการเป็นผู้ประกอบการมาตลอด" Garg ให้สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอจากสิงคโปร์ "แต่ Komli เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเส้นทางนี้ของผม ขณะที่ทุกอย่างก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการทดลอง ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมาสิงคโปร์ก็กลายเป็นที่พำนักของผมมาตั้งแต่ปี 2010” กระทั่ง Garg มองเห็นการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซในอินโดนีเซีย

ในปี 2015 ซึ่งเป็นปีที่ FinAccel ก่อตั้งขึ้น ไม่นานก่อนที่ Kredivo จะเปิดตัว กว่าร้อยละ 57 ของการชำระเงินบนแฟลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซของประเทศจะต้องทำผ่านการโอนเงินทางธนาคาร ขณะที่อีกร้อยละ 28 เป็นการเงินสดเมื่อได้รับสินค้า 

เรียกได้ว่ามีเพียงร้อยละ 8 เท่านั้นที่มีการทำธุรกรรมผ่านบริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต และอีกร้อยละ 7 เป็นการใช้บัตรเครดิต 

จากการที่ Garg สังเกตเห็นช่องว่างในตลาด BNPL ดังกล่าว จึงเกิดเป้าหมายที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มสินเชื่อรายย่อยผ่านระบบอัตโนมัติแห่งแรกของภูมิภาค เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับการซื้อโดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ซึ่งผลก็คือผู้ที่อาจไม่มีสิทธิ์ได้รับบัตรเครดิตจะได้รับบัตรเสมือนจริง 

“ในประเทศอย่างอินโดนีเซีย Kredivo ไม่ได้แข่งขันกับบัตรเครดิต แต่ Kredivo คือ บัตรเครดิต” บริษัทกล่าวในการนำเสนอผลงานต่อหน้านักลงทุนในเดือนสิงหาคม

โดยที่จุดเด่นของ Kredivo คือ ความรวดเร็วในการอนุมัติที่ใช้เวลาเพียง 2 นาที ผู้ใช้ก็สามารถได้รับเงินกู้สูงสุด 30 ล้านรูเปียห์ (2,100 เหรียญ) เนื่องจากบริษัทใช้อัลกอริธึมในการพิจารณาเครดิตความน่าเชื่อถือของผู้สมัครจากข้อมูลต่างๆ อาทิ ประเภทโทรศัพท์ เป็นต้น 

จนถึงปัจจุบัน Garg เผยว่า ลูกค้าชาวอินโดนีเซียของ Kredivo ประมาณร้อยละ 90 จ่ายเงินตรงเวลา ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการชำระคืนด้วยบัตรเครดิตแบบเดิม 

“Akshay สร้างความประทับใจให้กับเราด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการดำเนินแผนธุรกิจและการสร้างบริษัท” Chandra Tjan ชาวอินโดนีเซีย ผู้ร่วมก่อตั้ง Alpha JWC Ventures ในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นผู้สนับสนุน Kredivo รายแรกๆ กล่าว

และเพื่อจำกัดความเสี่ยงจึงมีความจำเป็นที่จะอนุวัติวงเงินเฉพาะผู้ที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 60 ปีซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่และมีเงินเดือนขั้นต่ำ 3 ล้านรูเปียห์ 

“ในบางแง่มุม บริการทางการเงินเป็นรากฐานของชีวิตที่ดีขึ้นและมีประสิทธิผล” Garg กล่าว “ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ภาพใหญ่ของเรา คือ การสร้างบริการทางการเงินที่น่าชื่นชม ซึ่งส่งผลให้ชีวิตของผู้คนนับ 10 ล้านดียิ่งขึ้น ”

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ BNPL Competition Tightens In Southeast Asia, Singapore’s FinAccel Is Gearing Up To Stay Ahead เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/commentaries/insights/การเติบโตของ-fintech-จาก-evolution-สู่-revolution.html">การเติบโตของ FinTech จาก Evolution สู่ Revolution</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events