<h2>Coupang บริษัทอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ของเกาหลีใต้ เดินหน้าขยายการให้บริการในญี่ปุ่น โดยได้รับการสนับสนุนจาก SoftBank ซึ่งถือหุ้นในบริษัทร้อยละ 33 ผ่านกองทุน Vision Fund</h2>
<img class="alignnone wp-image-46822" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/coupang-men-customer-service-reps-3.jpg" alt="Coupang ญี่ปุ่น" width="720" height="466" />

หนังสือพิมพ์ Korea JoongAng Daily รายงานว่า Coupang เริ่มเปิดให้บริการจัดส่งสินค้าในกรุงโตเกียวเป็นที่แรกก่อนที่จะขยายไปยังเมืองอื่นๆ 

“Coupang กำลังอยู่ในช่วงเติบโตเต็มที่ในเกาหลีใต้ และกำลังมองหาตลาดใหม่ๆ เพื่อการเติบโตที่พิเศษมากยิ่งขึ้น เช่น ญี่ปุ่น” Neil Mawston กรรมการบริหาร Strategy Analytics บริษัทวิจัยการตลาดกล่าว “ญี่ปุ่นเป็นตลาดหลักของ SoftBank ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ใน Coupang”

ในช่วงปลายปี 2018 Coupang สามารถระดมทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากกองทุน Vision Fund ของ SoftBank ที่มูลค่าบริษัท 9 พันล้านเหรียญ แล้วจึงเข้าทำ IPO ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนมีมูลค่าบริษัทตามราคาตลาดในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 6.7 หมื่นล้านเหรียญ ส่งผลให้ผู้ก่อตั้ง <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/bom-kim/">Bom Kim</a> มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 6 เท่า เป็น 6.4 พันล้านเหรียญ ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีเกาหลีใต้ที่ได้รับกำไรสูงสุดใน<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/gracechung/2021/03/11/coupangs-blockbuster-ipo-pushes-its-founders-fortune-up-by-10-fold-in-minutes/?sh=40d6f3d416a8">ทำเนียบประจำปี 2021</a>

ในที่นี้ สำนักข่าว Reuters รายงานว่า  Masayoshi Son มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งของ <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/gracechung/2021/03/11/coupangs-blockbuster-ipo-pushes-its-founders-fortune-up-by-10-fold-in-minutes/?sh=40d6f3d416a8">SoftBank</a> กล่าวในเดือนมีนาคมหลังจากการเสนอขายหุ้นของ Coupang ว่าเขากำลังพิจารณาที่จะนำบริการจาก Coupang ไปยังประเทศญี่ปุ่น “Masayoshi Son ประธาน SoftBank ได้นำความรู้เชิงลึกของเขาเกี่ยวกับตลาดอี-คอมเมิร์ซในญี่ปุ่น มาสร้างโอกาสในการขยายการเติบโตให้กับ Coupang” Rajiv Biswas หัวหน้าทีมเศรษฐกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจาก IHS Markit กล่าว

เช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ทั่วโลก ชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก จากประชากรของประเทศทั้งหมด 125 ล้านคน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้หันมาใช้บริการอี-คอมเมิร์ซในปีที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 “การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนเป็นดีอย่าง Coupang เข้าแข่งขันในตลาดอี-คอมเมิร์ซญี่ปุ่น” Biswas กล่าว

สำหรับประเด็นนี้ Mawston ระบุว่า Coupang สามารถเอาชนะคู่แข่งอื่นๆ ในประเทศอย่าง Rakuten และ Amazon ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีอายุกว่า 7 ปีของ Rocket Delivery ผู้ให้บริการจัดส่งด่วนในญี่ปุ่น “Coupang สามารถเน้นการให้บริการภายในโตเกียวก่อน ซึ่งมีประชากรมากถึง 14 ล้านคน แต่การขยายไปยัง 10 หรือ 100 เมืองใหญ่ในญี่ปุ่นต่อไป อาจจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก”

แปลและเรียบเรียงจากบทความ SoftBank-Backed Coupang, The Amazon Of South Korea, Expands Into Japan โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/missfresh-และ-dingdong-maicai-เตรียมเข้าทำ-ipo-ในส.html">MissFresh และ Dingdong Maicai เตรียมเข้าทำ IPO ในสหรัฐฯ</a>

Coupang อี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ของเกาหลีใต้ เดินหน้าขยายบริการในญี่ปุ่น

<h2>Coupang สตาร์ทอัพอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ได้นำบริษัทเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2021 </h2>
<figure><img class="wp-image-42796" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/bom-kim.jpg" alt=" สตาร์ทอัพอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้" width="720" height="501" /><figcaption> Bom Kim ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร Coupang</figcaption></figure>

หุ้นของ Coupang เปิดตลาดที่ราคา 63.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 81 จากราคา IPO ที่ 35 เหรียญต่อหุ้น ก่อนที่จะปิดตลาดที่ราคา 49.25 เหรียญต่อหุ้น ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาดของบริษัทอยู่ที่ 1.09 แสนล้านเหรียญ กลายเป็นหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กของปีนี้ และเป็นบริษัทเอเชียในสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การ IPO ของ Alibaba ในปี 2014 

ด้าน Bom Kim ผู้ก่อตั้งวัย 42 ปี มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 จาก 1 พันล้านเหรียญ มาอยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านเหรียญ ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 43 ของเกาหลีใต้ แซงหน้า <a href="https://www.forbes.com/profile/jay-y-lee/?sh=270fe49924a2">Jay Y. Lee</a> รองประธาน Samsung Electronics และ <a href="https://www.forbes.com/profile/mong-koo-chung/?sh=4fb014bc6ac1">Mong-koo Chung </a>ประธานอาณาจักร Hyundai

Coupang ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาวาร์ดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปแบบโมเดลธุรกิจของ Groupon อี-คอมเมิร์ซใน Chicago ก่อนที่จะปรับรูปแบบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อพัฒนาไปสู่ Amazon หรือ Alibaba แห่งเกาหลีใต้ 

ในปี 2015 ทางบริษัทสามารถระดมทุนจาก BlackRock และ Sequoia Capital เป็นจำนวน 300 ล้านเหรียญ ก่อนที่จะได้รับเงินทุนจาก SoftBank Capital และนักลงทุนรายอื่นๆ อีก 1 พันล้านเหรียญในรอบต่อไป ส่งผลให้ Coupang สามารถนำเงินดังกล่าวมาต่อยอดสินค้าคงคลังและพัฒนาด้านการจัดส่งสินค้า

ด้วยผลประกอบการที่ดีเยี่ยม Coupang จึงได้รับเงินทุนจากกองทุน Vision Fund ของ SoftBank อีกครั้งเป็นจำนวน 2 พันล้านเหรียญในปี 2018 พร้อมเข้าถือครองสัดส่วนในบริษัทอยู่ที่ร้อยละ 33.1 หรือราว 3.7 หมื่นล้านเหรียญ มากกว่าที่ถือครองใน Uber และ DoorDash อีก 2 บริษัทดาวเด่นในพอร์ตฟอลิโอของ SoftBank

ทั้งนี้ จากเอกสารการชี้ชวนให้ซื้อขายหุ้นของทางบริษัท ระบุว่า เงินที่สามารถระดมทุนจากการทำ IPO ในครั้งนี้จะถูกนำไปต่อยอดในการลงทุนหรือควบรวมกิจการอื่น เพื่อส่งเสริมศักยภาพในการเติบโตของบริษัท 

ปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์กระจายสินค้าทั้งหมด 100 แห่งใน 30 เมือง และมีพนักงานขับรถถาวรกว่า 15,000 คน ที่พร้อมให้บริการจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็วภายในวันทำการหรือวันถัดไป ซึ่งจากรายงานของบริษัท ระบุว่า กว่าร้อยละ 70 ของประชากรในเกาหลีใต้อาศัยอยู่ห่างจากศูนย์กระจายสินค้า Coupang เพียง 7 ไมล์

“พวกเขาเรียนรู้แนวทางการบริหารธุรกิจทั่วโลก (จาก Amazon และ Alibaba) และสร้างผลลัพธ์ได้เป็นอย่างดี” Eric Kim หุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัทร่วมลงทุน Goodwater Capital ซึ่งอยู่ในบอร์ดบริหารของ Coupang ตั้งแต่ปี 2016 กล่าว

<img class="alignnone wp-image-42800" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/20210303000692_0.jpg" alt="" width="720" height="480" />

ปัจจุบัน Coupang สามารถชิงส่วนแบ่งราวร้อยละ 25 ใน<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/gracechung/2021/03/11/coupangs-blockbuster-ipo-pushes-its-founders-fortune-up-by-10-fold-in-minutes/?sh=f1dbbec16a88">ตลาดอี-คอมเมิร์ซของเกาหลี</a>ใต้ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 1.15 แสนล้านเหรียญ นำหน้า Gmarket (ของ Ebay), Lotte และ Shinsegae โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การให้บริการที่รวดเร็ว ด้วยการให้หน่วยงานภายนอกบริหารจัดการด้านการขนส่ง “ยังมีพื้นที่ในการเติบโตจำนวนมากในเกาหลีใต้” Kim กล่าว

ไม่เพียงเท่านี้ จากการรายงานของ Goodwater ระบุว่า Coupang สามารถเอาชนะบริษัทเค้าปลีกรายใหญ่อย่าง Walmart, Etsy และ Alibaba โดยในปี 2017 มีสัดส่วนการจับจ่ายของผู้บริโภคอยู่ที่ราวร้อยละ 350 มากกว่า Amazon ซึ่งอยู่ที่ราวร้อยละ 280 แต่ทั้งนี้ด้านโฆษกของ Amazon ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจากข้อมูลตัวเลขดังกล่าว

อย่างไรก็ดี การก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรมอี-คอมเมิร์ซ ย่อมนำมาซึ่งข้อท้าทายหลายประการ ดังจะเห็นได้จากในเดือนมีนาคม 2020 ที่ผ่านมา Coupang เผชิญกับการตรวจสอบอย่างละเอียดหลังจากพนักงานชั่วคราวเสียชีวิตขณะจัดส่งสินค้าในย่าน Ansan ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโซล ขณะที่ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน พนักงานชายวัย 27 ปีเสียชีวิตขณะทำงานในกะกลางคืนที่ศูนย์กระจายสินค้า และล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พนักงานขนส่งของ Coupang ก็ได้เสียชีวิตลงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาเข้างาน

ในที่นี้ ทางบริษัทได้ออกมาปฏิเสธถึงการทำงานล่วงเวลาที่หนักเกินไปจนเป็นเหตุของการเสียชีวิตของพนักงาน โดยกล่าวว่าพนักงานของบริษัททุกคนมีชั่วโมงทำงานน้อยกว่าข้อกำหนดตามกฎหมายของประเทศ แต่ในขณะเดียวกันทางบริษัทก็ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อครอบครัวผู้เสียหาย 

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Coupang’s Blockbuster IPO Pushes Founder’s Fortune Up To $11 Billion เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/jay-z-แร็ปเปอร์มหาเศรษฐี.html">Jay-Z รวยเพิ่มเกือบเท่าตัว หลังปิดดีล 2 กลุ่มธุรกิจ</a>

Coupang ขึ้นแท่นหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กแห่งปี

<h2>การรุกตลาดด้วยบริการจัดส่งสินค้าภายในวันเดียวของ Coupang ปิดทางไม่ให้ Jeff Bezos สยายปีกเข้ามายังเกาหลีใต้ และทำให้ Bom Kim ซีอีโอผู้มากความสามารถกลายเป็นมหาเศรษฐี</h2>
เรื่อง: RYAN MAC เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา

ในฐานะซีอีโอของ Coupang ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซที่มีอัตราเติบโตรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ในท่ามกลางบรรดาผู้เล่นในตลาด เว็บไซต์แห่งนี้มีลักษณะธุรกิจคล้ายกับ Amazon.com มากที่สุดยิ่งไปกว่านั้น ยังอาจดีกว่า Amazon ในหลายๆ ด้านด้วยซ้ำ

Coupang และ Bom Kim ผู้ก่อตั้งบริษัท คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Jeff Bezos ยังเลี่ยงที่จะบุกตลาดเกาหลีใต้ที่มีประชากรกว่า 51 ล้านคน บริษัทหน้าใหม่ที่มีอายุเพียง 6 ปีทำรายได้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2014 และคาดว่ายอดรายได้จะพุ่งขึ้น 4 เท่าเมื่อมีการประกาศผลประกอบการของปี 2015 ในปลายปีนี้ ในเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งระดมทุน 1 พันล้านเหรียญจาก Softbank ยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมสัญชาติญี่ปุ่น และบริษัทหวังจะประสบความสำเร็จอีกครั้งกับ Coupang โดย Kim ที่คาดว่ามีหุ้นใน Coupang ราว 19% มูลค่า 950 ล้านเหรียญ เขาจะขึ้นแท่นกลายเป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้านในอีกไม่ช้า

หากไม่เกิดภัยพิบัติหรือวิกฤตเศรษฐกิจเสียก่อน การประสบความสำเร็จเช่นนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากในประเทศที่ความมั่งคั่งกระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม Chaebol หรือกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และการพูดถึงเรื่องความร่ำรวยกวนใจเขา เมื่อถามถึงความร่ำรวย เขารีบเปลี่ยนบทสนทนาไปพูดเรื่อง Coupang “นี่เป็นโอกาสทางธุรกิจอันมหาศาล และแทบทุกคนมองข้ามทันไปอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ Amazon ยังไม่ได้ลงมือทำแบบที่เราทำในตอนนี้”

ภายในเวลา 2 ปี Coupang สามารถสร้างเครือข่ายการจัดส่งสินค้าถึงมือผู้รับซึ่งประกอบด้วยรถขนส่งที่ดัดแปลงให้เหมาะกับการใช้งาน คลังสินค้าที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์และพนักงานจัดส่งสินค้าที่เรียกว่า “Coupangmen” จำนวน 3,600 คน ซึ่งไม่ได้ทำแค่ขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ยังพูดคุยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าอีกด้วย ในเกาหลีใต้ ปกติการขนส่งพัสดุสินค้าถึงมือผู้รับจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน แต่ Coupang สามารถจัดส่งสินค้าส่วนใหญ่ของตนให้ถึงมือนักช้อปภายในเวลา 1 วันหรือเร็วกว่านั้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ลูกค้ายังสามารถยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าที่อยู่ระหว่างการจัดส่งหรือเปลี่ยนแปลงปลายทางจัดส่งในนาทีสุดท้ายซึ่ง Amazon ไม่สามารถทำได้

ขณะที่ Amazon อืดอาดล่าช้า Kim ตัดสินใจด้วยความรวดเร็ว แต่ความหมกมุ่นของเขาที่จะต้องย่นระยะเวลาเหลือเพียง 1 วันหรือในหนึ่งชั่วโมงก็มีผลลบที่สร้างความกังขาอย่างมาก นักวิเคราะห์รายหนึ่งเปรียบเทียบแบบติดตลกว่า Coupang เหมือนกับ ISIS ที่กำราบคู่ต่อสู้ด้วยแผนปฏิบัติการที่ไม่ยั่งยืน “มันเป็นสมรภูมิที่เลือดแดงฉานไปหมด”

หากจินตนาการถึงประเทศที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ก็คงหนีไม่พ้นเกาหลีใต้ที่ได้ชื่อว่าดินแดนแห่งความสงบยามเช้า ประเทศที่ร่ำรวย มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมและหนาแน่น ในจำนวนประเทศในเอเชียด้วยกัน รายได้ประชาชาติเฉลี่ยต่อหัวของเกาหลีใต้เป็นรองแค่ญี่ปุ่นและแทบจะทุกคนใช้สมาร์ทโฟนพร้อมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศอาศัยอยู่ในเขตกรุงโซล ทำให้กระบวนการขนส่งสินค้าเป็นเรื่องง่าย ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ทุกยอดการใช้จ่าย 1 เหรียญในหมวดสินค้าปลีกเป็นการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ 15 เซนต์ โดยอ้างอิงจากข้อมูลของ Euromonitor ส่วนในสหรัฐฯ อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่เพียงประมาณ 9 เซนต์

ในครั้งแรกที่ Forbes พูดคุยกับ Kim เมื่อกลางปี 2013 เขาปรับกลยุทธ์เปลี่ยน Coupang จากเว็บไซต์เสนอขายดีลสินค้าไปเป็นตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์แบบ eBay ตอนนั้น Kim ลองดำเนินธุรกิจโดยไม่สต็อกสินค้าเองแต่ใช้คลังสินค้าของ “ซัพพลายเออร์” แต่จะดูแลเรื่องการขายสินค้าไปจนถึงรายการสั่งซื้อเองทั้งหมด

ตอนนั้น Coupang ยังต้องพึ่งพาผู้ร่วมขายสินค้าจากภายนอกอยู่มากซึ่งร้านค้าเหล่านี้จะเตรียมพัสดุและจัดส่งสินค้าเอง 2 ปีหลังจากนั้น ผมได้มีโอกาสกลับไปเกาหลีใต้อีกครั้งและพบว่า Coupang ได้ทำการปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ บริษัทระดมเงินทุน 400 ล้านเหรียญจากนักลงทุนหลายราย เพื่อสร้างสต็อกสินค้าของตัวเอง อย่างขนานใหญ่ โดยเน้นสินค้าสิ้นเปลือง เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป น้ำดื่มบรรจุขวดและข้าว โดยจัดส่งให้ลูกค้าอย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด และด้วยเงินลงทุนเพิ่มเติมจาก Softbank ในเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา

บริษัทสามารถตั้งงบลงทุน 1.3 พันล้านเหรียญ เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพิ่มเติมจากเดิมที่มีคลังสินค้า 21 แห่ง รวมถึงรถขนส่งสินค้าและพนักงานขนส่งสินค้า Kim กล่าวว่าการลงทุนครั้งนี้จะเห็นผล เมื่อลูกค้าเริ่มคุ้นชินกับการได้รับสินค้าที่รวดเร็วและสั่งสินค้ามากกว่าเดิมในอนาคต “เราเปลี่ยนให้ลูกค้าเป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้” Kim กล่าว

Coupang ลงทุนสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ที่ Incheon เมืองศูนย์กลางการขนส่งหลักของเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของโซล โดยขนาดพื้นที่รวม 1 ล้านตารางฟุตหรือเท่ากับสนามฟุตบอล 15 สนาม Coupang มีพนักงานจัดส่งสินค้าที่รวดเร็วหรือที่บริษัทเรียกว่า Rocket Delivery ทั้งหมด 3,600 คนและพวกเขาเป็นเสมือนหนึ่งในเครื่องมือทำการตลาดด้วย พนักงานเหล่านี้ทั้งให้ลูกโป่งและลูกอมกับเด็กๆ พูดคุยกับลูกค้าด้วยความสุภาพและส่งข้อความรูปภาพให้ลูกค้ามั่นใจว่าจัดการส่งสินค้าถึงที่หมายแล้วกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทคือบรรดาคุณแม่ซึ่งมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในบริการของ Coupangmen ที่ได้รับการประเมินความพึงพอใจของลูกค้า 97 จาก 100 คะแนนนับว่าไม่ธรรมดาเมื่อเทียบกับผู้รับงานอิสระผ่านบริษัทขนส่งภายนอกที่จ่ายค่าจ้างตามจำนวนงานที่จัดส่ง สิ่งนี้อาจทำให้เกิดการเร่งจัดส่งเพื่อทำจำนวนและไม่สนใจลูกค้า

กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่สามารถหยุดการบุกตลาดเกาหลีของ Walmart เมื่อทศวรรษที่ผ่านมา บอกกับพนักงานภายในองค์กรว่า Coupang กำลังแย่งลูกค้าของพวกเขา “เราต้องไม่เสียลูกค้าให้กับ Coupang” Chung Yong-Jin มหาเศรษฐีจากเครือธุรกิจ Shinsegae กล่าว “ทำไมเราเพิกเฉยกับเรื่องนี้และไม่เผชิญหน้ากับปัญหา” บริษัทขนส่งท้องถิ่นฟ้องร้องต่อรัฐให้ดำเนินคดี Coupang ในข้อหาใช้รถขนส่งโดยไม่มีใบอนุญาตซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องในเวลาถัดมา ในเดือนกันยายนที่ผ่านมารัฐสภาของเกาหลีเรียกให้ Coupang เข้ารับการไต่สวนพร้อมร้านค้าออนไลน์รายอื่นและถามบริษัทในประเด็นเกี่ยวกับการใช้อำนาจบีบบังคับร้านค้าผู้ขาย

Kim ปฏิเสธหลายครั้งที่จะพูดถึงตัวเลขผลประกอบการของบริษัท โดยระบุเพียงว่าบริษัทมีกระแสเงินสดเป็นบวกในช่วงก่อนที่จะทุ่มลงทุน 1.3 พันล้านเหรียญ เพื่อพัฒนาระบบขนส่ง Rocket Delivery จนถึงปัจจุบัน ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะและฐานลูกค้าผู้ใช้บริการผ่านมือถือจำนวนมหาศาล (เกาหลีใต้มีประชากรกว่า 51 ล้านคน มากกว่าครึ่งของจำนวนนี้ได้ทำการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของบริษัท)

การที่สามารถป้องกันคู่แข่งไม่ให้เข้าตลาดเป็นเรื่องที่ดี แต่คำถามคือ Coupang จะขยายตลาดไปยังประเทศใดหลังจากครองตลาดเกาหลีใต้ได้แล้ว จีนและญี่ปุ่นต่างก็มี Alibaba และ Rakuten เป็นเจ้าตลาดอยู่ผู้ลงทุนในบริษัทเชื่อว่าเกาหลีเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ เขาคิดถึงธุรกิจอื่นที่ Coupang สามารถขยายตลาดเข้าไปได้ เช่น การใช้คลังสินค้าของบริษัทเพื่อให้บริการดูแลและกระจายสินค้าให้ร้านค้ารายอื่นในรูปแบบเดียวกับ Amazon ที่เสนอบริการ “Fulfillment by Amazon”

Kim กล่าวว่า เขามีอะไรทำที่ดีกว่าที่จะคอยระแวงว่า Amazon จะเอายังไง เขาได้นำหน้าไปเยอะแล้วและสามารถครองตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ในตลาดที่มีศักยภาพที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
รายงานเพิ่มเติมโดย: Grace Chung

<hr />

<a href="http://goo.gl/fFO1hE">คลิ๊กอ่าน "กลยุทธ์ล้ม Amazon" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JULY 2016 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/fFO1hE"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6ef061c9479ff04c8771ed25445ed78a.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events