<h2>Claroty สตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ระดมทุนมูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้มีมูลค่าบริษัทราว 2 พันล้านเหรียญ </h2>
<img class="alignnone wp-image-55316" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-61afd686610b505c418e5842-Claroty-is-a-2-billion-startup-hoping-to-protect-the-world-from-cyber-disaster-0x0.jpgcropX1297cropX23537cropY10cropY22160.jpg" alt="Claroty" width="720" height="480" />

Claroty ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในมหานครนิวยอร์ก ก่อตั้งโดยชาวอิสราเอล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องระบบอุตสาหกรรมจากการโจมตี "ไซเบอร์" ที่ร้ายแรง

สำหรับการระดมทุนในรอบนี้นำโดย Softbank ยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนจากญี่ปุ่น ผ่านทางกองทุน Vision Fund 2 โดยมีหัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุน Yossi Cohen เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของบริษัท ร่วมกับนักลงทุนรายอื่นๆ อาทิ Bessemer Venture Partners และ Schneider Electric ส่งผลให้สตาร์ทอัพอายุ 7 ปีแห่งนี้มีเงินทุนสะสม 635 ล้านเหรียญ 

ล่าสุด บริษัทได้รับการจัดอันดับให้เป็นธุรกิจที่ได้รับทุนสนับสนุนดีที่สุดในโลกในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรและเฮลท์แคร์

ขณะที่เงินทุนใหม่ส่วนใหญ่ได้รับการจัดสรรสำหรับการซื้อกิจการ โดย Medigate สตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของโรงพยาบาลจะควบรวมกิจการกับ Claroty ซึ่งทาง Jonathan Langer ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งของ Medigate ยืนยันว่าข้อตกลงดังกล่าวมีมูลค่าอยู่ที่ 400 ล้านเหรียญ 

ด้าน David Cowan สมาชิกคณะกรรมการบริหารและนักลงทุนของ Bessemer Ventures เผยว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ได้อยู่ในรูปของเงินสด เนื่องจากส่วน "สำคัญ" ของการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดอยู่ในส่วนของผู้ถือหุ้น พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน บริษัทได้ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับสถานพยาบาลมากกว่า 1,000 แห่ง และกำลังทำงานร่วมกับโรงพยาบาลอีกหลายร้อยแห่งในสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ Yaniv Vardi ซีอีโอ ยังกล่าวว่า การลงทุนของ Softbank จะช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายไปสู่ญี่ปุ่น ควบคู่ไปกับการรุกตลาดสหรัฐฯ และภูมิภาคอื่นๆ หลังรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 เช่นเดียวกับจำนวนพนักงานและฐานลูกค้าในเวลาเพียงครึ่งปี 

เขาเสริมว่า ลูกค้าประกอบด้วย "ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุด 10 รายของโลก บริษัทด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก 10 บริษัท และบริษัทอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก 10 แห่ง" ยกตัวอย่างเช่น Coca-Cola, General Motors และ Pfizer

<figure><img class="wp-image-55317" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-61b07475a4c71fc225ab8bb5-Claroty-CEO-Yaniv-Vardi-1960x0.jpgfitscale.jpg" alt="Claroty" width="720" height="480" /><figcaption> Yaniv Vardi ซีอีโอ Claroty</figcaption></figure>

ทั้งนี้ Claroty ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดย Galina Antova และ Amir Zilberstein ร่วมกับนักวิจัยด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ Benny Porat โดยมุ่งเน้นไปที่ระบบปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น "เทคโนโลยีปฏิบัติการ" ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมระบบทางกายภาพอย่าง แขนหุ่นยนต์หรือปั๊มน้ำ เพื่อก้าวขึ้นเป็นธุรกิจที่คล้ายกับ McAfee หรือ Symantec สำหรับอุตสาหกรรม และ IOT แห่งการดูแลสุขภาพ กล่าวอีกนัยหนึ่ง behemoth ในตลาด ซึ่งทำหน้าที่แจ้งเตือนทีมไอทีเมื่อมีบางอย่างผิดปกติเพื่อให้พวกเขาสามารถตรวจสอบและป้องกันภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงที 

ด้าน Medigate ซึ่งตั้งอยู่ในนิวยอร์กและอิสราเอล ก็ปฏิบัติหน้าที่ในทำนองเดียวกัน แต่สำหรับใช้ในโรงพยาบาลและอุปกรณ์ทางการแพทย์

Vardi กล่าวว่า บริษัทได้เห็นภัยคุกคามที่เกิดจากอาชญากรไซเบอร์และประเทศต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นทำงานจากที่บ้าน การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานดังกล่าวส่งผลให้ทีมไอทีอยู่ภายใต้แรงกดดันมากขึ้นในการอนุญาตให้เข้าถึงเครือข่ายขององค์กรจากระยะไกล “โลกทางกายภาพถูกโจมตีมากกว่าก่อนมีโควิดถึง 6 เท่า ผมเชื่อว่าไซเบอร์กำลังกลายเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษยชาติ”

โดยเหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ การโจมตีของแรนซัมแวร์ใน <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/thomasbrewster/2021/05/12/the-colonial-pipeline-hackers-are-one-of-the-savviest-criminal-startups-in-a-370-million-ransomware-game/">Colonial Pipeline</a> ผู้ให้บริการท่อลำเลียงเชื้อเพลิงตามรัฐแนวชายฝั่งด้านตะวันออกของอเมริกา ซึ่งบังคับให้บริษัทต้องออกประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหาที่อาจส่อแววว่าจะนำไปสู่การขาดแคลนเชื่อเพลิงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งยังต้องจ่ายเงินให้กับแฮกเกอร์ 4 ล้านเหรียญ (ก่อนที่เงินส่วนใหญ่นั้นจะถูกกู้คืนในเวลาต่อมา) 

Cowan จาก Bessemer กล่าวว่า Claroty อยู่ในตำแหน่งที่จะจัดการกับเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวได้ เนื่องจากมีสมาชิกคณะกรรมการคนหนึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการ Mossad และอีกคนหนึ่งคือ Nadav Zafrir อดีตผู้บัญชาการหน่วย NSA ของอิสราเอล “เรากำลังปกป้องการโจมตีประเภทต่างๆ ที่อยู่ในขอบเขตของการทำสงครามระดับชาติ” Cowan กล่าวเสริม

“ถึงจุดหนึ่ง เราจะเดินหน้าเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ถือหุ้นและพนักงานได้รับผลประโยชน์ทางการเงิน แต่ว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดเสียทีเดียว” Vardi กล่าว

ปัจจุบัน คู่แข่งที่มีศักยภาพทัดเทียมกัน ได้แก่ Dragos ที่อยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งมีสัญญาหลายฉบับกับรัฐบาลสหรัฐฯ และธุรกิจเอกชน นอกจากนี้ยังสามารถระดมทุนมูลค่า 200 ล้านเหรียญในเดือนตุลาคมที่มูลค่ากิจการ 1.7 พันล้านเหรียญ

ณ เวลานั้น Dragos อ้างว่าเป็น "รอบการระดมทุนที่ใหญ่ที่สุดและการประเมินมูลค่าสูงสุดที่บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ทำได้" ทว่าในวันนี้ดูเหมือนว่า Claroty ทำได้ดีกว่า 2 เท่าของจำนวนเงินดังกล่าว

แปลและเรียบเรียง ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Claroty Wants To Stop Cyberattacks Killing People—Announces $400 Million Investment, An Acquisition, And Is Near A $2 Billion Valuation เผยแพร่บน ​Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/youtube-tiktok-และ-snapchat-เผชิญข้อเรียกร้อ.html">YouTube TikTok และ Snapchat เผชิญข้อเรียกร้องด้านความปลอดภัยของเยาวชน</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events