บมจ.ซีพีเอฟ โกลบอลฟู้ด โซลูชั่น หรือ CPFGS บริษัทย่อยของกลุ่มซีพีเอฟยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดฯ โชว์ศักยภาพหนึ่งในผู้นำด้านการจัดจำหน่ายอาหารทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ มุ่งยกระดับอาหารและรูปแบบธุรกิจตอบโจทย์ผู้บริโภคและคู่ค้าทุกภาคส่วน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/SGrM1FeWdArFwZ1Ggt4J.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="SGrM1FeWdArFwZ1Ggt4J.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุจริต มัยลาภ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ด โซลูชั่น จำกัด (มหาชน หนึ่งในผู้นำด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหาร รวมถึงกิจการร้านอาหารและธุรกิจขนมสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่มซีพีเอฟ เปิดเผยว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทได้ดำเนินการยื่นคำขออนุญาตและยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว และได้ยื่นคำขอให้รับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยภายหลังการไอพีโอ CPFGS ยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ CPF พร้อมแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่บริษัทดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปของ CPF ภายในประเทศไทยและจำหน่ายไปยังต่างประเทศแต่เพียงผู้เดียว (exclusive distributor and exporter) สำหรับผลิตภัณฑ์จากฐานการผลิตของ CPF ในประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ CPFGS มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ CPFGS จัดหาจากบุคคลภายนอก โดยได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านอาหารแก่ ผู้บริโภคทั่วไป รวมถึงลูกค้าเชิงพาณิชย์ (commercial customer) เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง (HoReCa) ผ่านช่องทางที่หลากหลายทั้งในไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก&nbsp; &nbsp; โดย CPFGS ยังมีธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยภายใต้กิจการห้าดาวและกิจการร้านอาหารเชสเตอร์ รวมถึงธุรกิจขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ CPFGS จัดจำหน่ายล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค เช่น CP, Butcher, BKP, Super Chef, Meat Zero และ Jerhigh เป็นต้น รวมทั้ง CPFGS อยู่ในตลาดที่มีโอกาสการเติบโตสูง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/fnup9nXs9VeWNTgPSQ1Y.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="fnup9nXs9VeWNTgPSQ1Y.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับธุรกิจหลักของ CPFGS ครอบคลุมถึงธุรกิจการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปในประเทศไทยและในต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์โดยหลัก ได้แก่ เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อเป็ด ไข่ไก่ เนื้อกุ้ง และเนื้อปลา ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป รวมถึง ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ ไส้กรอก ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุง ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธุรกิจร้านอาหาร คือ กิจการห้าดาว (Five Star) ร้านเชสเตอร์ (Chester s) ศูนย์อาหารฟู้ดเวิลด์ การให้บริการจัดเลี้ยง และร้านอาหารอื่นๆ ซึ่งมีจำนวน 5,101 แห่งทั่วประเทศไทย และผลิตภัณฑ์ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มมูลค่า (value-added pet snack products) ภายใต้ตราสินค้า Jerhigh และ Jinny &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนช่องทางการจำหน่ายของ CPFGS มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทยแบบ B2B2C, B2B และ B2C ผ่าน ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น 7-11, Makro, Lotus s, BigC, Tops, Central Food Hall และร้านค้าปลีกในเครือ The Mall รวมถึงเครือข่ายการจัดจำหน่ายและส่งออกไปยัง 53 ประเทศทั่วโลก ภายใต้ช่องทางการจำหน่าย B2B2C และ B2B ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป อเมริกา โอเชียเนีย และแอฟริกา ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและพันธมิตรทั่วทุกมุมโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมถึงการเป็นหุ้นส่วนทางการค้ากับกลุ่มบริษัท CPF ซึ่งมีเครือข่ายกว้างขวางและมีระบบนิเวศทางธุรกิจที่หลากหลาย เป็นแหล่งจัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีความมั่นคงและคุณภาพสูง ทำให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งในการแข่งขัน และมีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจได้เป็นอย่างดีและสร้างสรรค์อาหารที่มีคุณค่า เพื่อส่งมอบการดูแลสุขภาพเชิงรุกให้แก่ประชากรโลก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/dd6qJt54bFQnEWZnavke.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="dd6qJt54bFQnEWZnavke.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านรายได้งวดสิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา CPFGS มีรายได้รวมจากการขายสินค้าจำนวน 1.71 แสนล้านบาท และมีกำไรสำหรับปีจำนวน 6.17 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไร 3.6% โดยระหว่างปี 2563 และ 2565 รายได้และกำไรของ CPFGS มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 18.4% และ 120.3% ตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“CPFGS เชื่อว่า อาหารที่ดีคือการลงทุนเพื่อสุขภาพชีวิตที่ดี เราจึงมองไปข้างหน้า ไม่หยุดสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อส่งมอบนวัตกรรมทางอาหารให้แต่ละคำที่คุณทานได้มากกว่าอาหารทั่วไป เรามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอาหารและคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อส่งมอบการดูแลสุขภาพเชิงรุกให้ประชากรโลก” ​อ่านเพิ่มเติม:&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%88-5-5-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88-3-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99" alt="ผู้ถือหุ้น &quot;บางจาก&quot; อนุมัติซื้อ “เอสโซ่” 5.5 หมื่นล้าน มั่นใจ 3 ปีคืนทุน">ผู้ถือหุ้น "บางจาก" อนุมัติซื้อ “เอสโซ่” 5.5 หมื่นล้าน มั่นใจ 3 ปีคืนทุน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine" class="on">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events