<h2>บีโอไอ อนุมัติส่งเสริมลงทุนกลุ่ม Foxsemicon ในนามบริษัท ยูนิค อินทิเกรตเต็ด เทคโนโลยี ผู้ผลิตอุปกรณ์และโมดูลสำหรับเครื่องจักรในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับต้นน้ำรายใหญ่จากไต้หวัน ทุ่มเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท ตั้งฐานผลิตในไทย เป็นโรงงานแห่งที่ 4 ของโลก เสริมแกร่งฐานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำของไทย สอดคล้องทิศทางนโยบายของบอร์ดเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการผลักดันการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงให้เกิดขึ้นในประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบอร์ดบีโอไอ ได้อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตอุปกรณ์และโมดูลสำหรับเครื่องจักรผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำ ของกลุ่ม Foxsemicon Integrated Technology Inc. (FITI) ในเครือของฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) หนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลกจากไต้หวัน และเป็นซัพพลายเออร์สำคัญของบริษัท Applied Materials ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย Foxsemicon ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมในนามบริษัท ยูนิค อินทิเกรตเต็ด เทคโนโลยี จำกัด มีมูลค่าเงินลงทุนในเฟสแรก 10,500 ล้านบาท ตั้งโรงงาน 2 แห่งที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง โดยเป็นโรงงานแห่งที่ 4 ในโลกของกลุ่ม Foxsemicon โดยก่อนหน้านี้มีโรงงานอยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลุ่ม Foxsemicon เป็นบริษัทไต้หวันที่เป็นผู้นำในการผลิตอุปกรณ์สำหรับเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์แบบครบวงจร มีขีดความสามารถตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การออกแบบ การผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์และโมดูลสำหรับเครื่องจักร โดยอาศัยจุดแข็งด้านเทคโนโลยีการผลิตที่มีความแม่นยำสูง และการผสมผสานระหว่างระบบเครื่องกล ระบบไฟฟ้า และระบบอัตโนมัติเข้าด้วยกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยโรงงานในประเทศไทยจะมีการจ้างงานบุคลากรไทยกว่า 1,400 คน เพื่อผลิตอุปกรณ์และโมดูลที่มีความแม่นยำสูงสำหรับเครื่องจักรสำคัญที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำ (Wafer Fabrication) ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าส่งออกกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี และในระยะเริ่มต้นจะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศในสัดส่วนกว่าร้อยละ 25 ของมูลค่าวัตถุดิบทั้งสิ้น โดยจะเพิ่มมากขึ้นในระยะต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การตัดสินใจลงทุนของบริษัท Foxsemicon ครั้งนี้ นับเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ผลิตอุปกรณ์ขั้นสูงสำหรับเครื่องจักรเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ตอกย้ำถึงศักยภาพของไทยในการเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างเซมิคอนดักเตอร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยก่อนหน้านี้มีบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เริ่มเข้ามาลงทุนในไทย ทั้งการออกแบบวงจรรวม (IC Design) การทดสอบ Wafer และ IC โดยบริษัท Analog Devices และการผลิตชิปต้นน้ำโดยบริษัท Hana เชื่อมั่นว่าจากนี้ไป จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลได้ตั้งบอร์ดเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ ซึ่งจะมีการกำหนดโรดแมป เป้าหมายที่ชัดเจนในแต่ละระยะ และมาตรการขับเคลื่อนในทุกมิติ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากร และการปรับปรุงระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นฐานรองรับการลงทุนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล โทรคมนาคม ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ หรืออุปกรณ์การแพทย์ในอนาคต” นายนฤตม์ กล่าว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/other/boi-approved-investment-in-haier-13-billion-baht" alt="บีโอไออนุมัติลงทุนกว่า 13,000 ล้านบาท เสริมฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า Haier ในไทย">บีโอไออนุมัติลงทุนกว่า 13,000 ล้านบาท เสริมฐานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า Haier ในไทย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

บีโอไอไฟเขียว Foxsemicon ยักษ์ใหญ่ไต้หวันลงทุน 1 หมื่นล้าน ตั้งฐานผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ในไทย

<h2>Foxconn ผู้ผลิตและประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/companies/ptt/?sh=4d106ac64e9a">PTT</a> รัฐวิสาหกิจของไทยเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและส่วนประกอบหลัก เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย</h2>
<figure><img class="wp-image-46294 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/15.38.50.jpg" alt="Foxconn" width="736" height="386" /><figcaption> Auttapol Rerkpiboon ประธานและซีอีโอ PTT และ Young Liu ประธานและซีอีโอ Foxconn</figcaption></figure>

<a style="color: #333333;" href="https://www.pttplc.com/en/Media/News/Content-25631.aspx">Foxconn ระบุในแถลงการณ์ทางอีเมลว่า ความร่วมมือกับ PTT</a> เป็นไปเพื่อพัฒนา “แพลตฟอร์มแบบเปิด” สำหรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและส่วนประกอบหลัก ซึ่งคาดว่าการผสมผสานระหว่างการให้บริการฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์นี้จะมีส่วนช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเร่งการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานหลายทศวรรษ ทั้งยังเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกของบริษัทระดับโลก อาทิ BMW, Hyundai และ Toyota

“เป้าหมายหลักสำหรับรัฐบาลไทย คือ การผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำสำหรับทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออก” Rajiv Biswas กรรมการบริหารและหัวหน้านักเศรษฐกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ IHS Markit กล่าวพร้อมเสริมว่า “รัฐบาลไทยเล็งเห็นว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ชั้นนำของเอเชีย”

ปตท. ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในธุรกิจพลังงาน จะให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและเครือข่ายพาร์ตเนอร์ บริษัทลูก และหน่วยการลงทุนของ ด้าน Foxconn ระบุว่าพร้อมแบ่งปัน "การบวนการผลิตที่ชาญฉลาด" และประสบการณ์ในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็ว

“ผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญ” Darson Chiu รองผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจมหภาคของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งไต้หวันในไทเปกล่าว อ้างอิงจากการที่เขาสังเกตเห็นการให้ความสำคัญของรัฐบาลกรุงวอชิงตันที่จะนำยานพาหนะเหล่านี้ไปใช้บนท้องถนนมากขึ้น “โอกาสทางธุรกิจจากยานพาหนะเหล่านี้แข็งแกร่งมาก” 

Foxconn ก่อตั้งและบริหารโดย <a href="https://www.forbes.com/profile/terry-gou/?sh=6da0b61c5fbc">Terry Gou</a> มหาเศรษฐีชาวไต้หวัน ได้เร่งผลักดันธุรกิจยานยนต์ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไร้คนขับที่กำลังได้รับความนิยม

โดยในเดือนที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ของไต้หวันได้ประกาศแผนการที่จะร่วมมือกับ <a href="https://www.forbes.com/sites/ralphjennings/2021/05/25/apple-assembler-foxconn-accelerates-push-into-high-tech-automobiles/?sh=3ab0f65a48e8">Stellantis</a> บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคมจากการควบรวมกิจการของ Fiat Chrysler Cars และ PSA Group ในด้านซอฟต์แวร์ในรถยนต์ และก่อนหน้านั้นในเดือนกุมภาพันธ์ Foxconn ก็ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ <a href="https://www.forbes.com/sites/ralphjennings/2021/02/26/apple-assembler-foxconn-revs-up-push-into-electric-vehicles-with-fisker-deal/?sh=78a16d4840b4">Fisker Inc.</a> บริษัทสตาร์ทอัพด้านยานยนต์ไฟฟ้าในลอสแองเจลิส เพื่อพัฒนาและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าชุดใหม่ นอกจากนี้ Foxconn ยังมีข้อตกลงกับ Geely และ Byton ของจีนอีกด้วย

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Foxconn Teams Up With Thai State Conglomerate On Electric Vehicle Production Platform เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/terry-gou-foxconn-ร่วมกับ-yageo-ก่อตั้ง-xsemi.html">Foxconn ร่วมกับ Yageo ก่อตั้ง XSemi บริษัทพัฒนาชิป</a>

Foxconn จับมือ PTT พัฒนาฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทย

<h2>2 มหาเศรษฐีอิเล็กทรอนิกส์ชาวไต้หวันผนึกกำลังพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ หนึ่งในเทคโนโลยีที่ร้อนแรงที่สุดในโลก ณ ขณะนี้</h2>
<figure><img class="wp-image-45401" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/terry-gou.jpg" alt="Terry Gou" width="720" height="480" /><figcaption> Terry Gou ผู้ก่อตั้ง Foxconn</figcaption></figure>

<a href="https://www.forbes.com/profile/terry-gou/?sh=26c3edce5fbc">Foxconn</a> บริษัทผู้ประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลกของ Terry Gou ร่วมทุนกับ Yageo ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก่อตั้งโดย <a href="https://www.forbes.com/profile/pierre-chen/?sh=23644e47832d">Pierre Chen</a> เพื่อขยายไปสู่ซัพพลายเชนสำหรับเซมิคอนดักเตอร์

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง 2 บริษัทได้ออกแถลงการณ์ร่วมถึงการก่อตั้ง XSemi บริษัทร่วมทุนที่จะช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายขยายธุรกิจไปสู่ชิป ซึ่งใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เซิร์ฟเวอร์ และรถยนต์ทุกประเภท โดยบริษัทใหม่แห่งนี้จะตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางเทคโนโลยีของเกาะ Hsinchu และจะทำงานร่วมกับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ กำหนดช่องทางการขาย และการวางแผนกระบวนการและกำลังการผลิต

แถลงการณ์ระบุว่า XSemi จะ “สร้างห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ที่ครบวงจร” และนำเสนอ “ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและวัสดุที่มีเสถียรภาพ”

“ผมไม่เห็นข้อท้าทายมากมายสำหรับความร่วมมือนี้” Brady Wang ผู้ช่วยผู้อำนวยการจากบริษัทวิเคราะห์การตลาด Counterpoint Research ใน Taipei กล่าวพร้อมเสริมว่า “บริษัทใหม่นี้จะช่วยให้ Foxconn แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยบริการครบวงจร และช่วยให้ Yageo สามารถมีฐานลูกค้าที่มั่นคงสำหรับผลิตภัณฑ์ของตนได้”

ด้าน Neil Mawston ผู้อำนวยจากบริษัทวิจัยการตลาด Strategy มองว่า Foxconn และ Yageo มองเห็นการเติบโตในอนาคตของชิปขนาดเล็กสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์เชื่อมต่อที่สร้างขึ้นเพื่อการดูแลสุขภาพ “EV และ IoT มีโอกาสเติบโตไปอีกใน 1-2 ทศวรรษข้างหน้า และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเริ่มต้นพัฒนาชิปกันแล้ว”

ในที่นี้ จึงกล่าวได้ว่า ข้อตกลงของ Foxconn ในการสร้างยานยนต์ไฟฟ้าร่วมกับ <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/ralphjennings/2021/02/26/apple-assembler-foxconn-revs-up-push-into-electric-vehicles-with-fisker-deal/?sh=3db8ed40b449">Fisker Inc. สตาร์ทอัพในสหรัฐฯ</a> เท่ากับเป็นการ “จัดหาเซมิคอนดักเตอร์สำหรับนำมาต่อยอดในกิจการภายในเช่นกัน” Mawston กล่าว 

ทั้ง 2 บริษัทเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เมื่อปีที่แล้ว เพื่อพัฒนาธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าของ Foxconn โดย Yageo ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในด้านชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยี 5G และบรรจุภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ “Foxconn เข้าใจดีว่าการผลิตสินค้าอุปโภคและยานยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องมีแหล่งเซมิคอนดักเตอร์ที่เชื่อถือได้” Wang กล่าว

จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว ที่ทำให้ผู้คนต้องทำงานจากบ้านมากขึ้น ได้ส่งผลให้อุปสงค์ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวทั่วโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับคำสั่งซื้อโทรศัพท์ 5G และยานพาหนะไฟฟ้า จนเกิดปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ผลิตรายใหญ่ประกาศเพิ่มกำลังการผลิต

“อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา และคำสั่งซื้อของอุตสาหกรรมจะต้องเผชิญกับการปรับโครงสร้างอย่างจริงจัง” Young Liu ประธาน Foxconn กล่าวในแถลงการณ์ “ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างไม่ต้องสงสัย” 

อย่างไรก็ดี แม้ว่า Mawston กล่าวว่าในที่สุด Foxconn จะสามารถใช้ “ความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ด้วยการเข้าสู่อุตสาหกรรมชิ้นส่วน” แต่เขาก็เตือนว่า การไปถึงระดับสูงสุดของความชำนาญในการสร้างเซมิคอนดักเตอร์ที่ซับซ้อนอาจใช้เวลาราว 5-10 ปี

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Foxconn Teams Up With Taiwanese Electronic-Parts Maker Yageo To Expand Into Chips เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/catl-บริษัทแบตเตอรี่สัญชาต.html">CATL บริษัทแบตเตอรี่สัญชาติจีนที่มีมหาเศรษฐีมากกว่า Google และ Facebook</a>

Foxconn ร่วมกับ Yageo ก่อตั้ง XSemi บริษัทพัฒนาชิป

<h2 class="p1">Foxconn Technology บริษัทอิเล็กทรอนิกส์จากไต้หวัน ผู้ผลิตสินค้าให้กับ Apple ได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลเวียดนามให้สร้างโรงงานสำหรับผลิตแล็ปท็อปและแท็บเล็ตมูลค่า 270 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางสถานการณ์การกีดดันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน</h2>
<figure><img class="wp-image-40890" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/960x0.jpg" alt="Foxconn" width="720" height="480" /><figcaption> Terry Gou ผู้ก่อตั้ง Foxconn</figcaption></figure>
โรงงานใหม่ในจังหวัด Bac Giang แห่งนี้ จะอยู่ภายใต้การดำเนินการของ<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/ralphjennings/2021/01/22/apple-supplier-foxconn-to-build-270-million-plant-in-vietnam-amid-us-china-tensions/?sh=7272c77f5554"> Fukang Technology </a>บริษัทลูกของ Foxconn ซึ่งทางการเวียดนามระบุว่าจะมีกำลังการผลิตประมาณ 8 ล้านเครื่องต่อปี
Foxconn ก่อตั้งโดย<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/terry-gou/?sh=3f94ba4f5fbc"> Terry Gou </a>มหาเศรษฐีพันล้านชาวไต้หวัน โดยทางบริษัทได้เข้ามาสร้างฐานการผลิตในเวียดนามตั้งแต่ปี 2007 ด้วยมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 1.5 พันล้านเหรียญ ทั้งยังมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมอีก 700 ล้านเหรียญ และสร้างตำแหน่งงานให้กับคนในท้องถิ่นเพิ่มกว่า 10,000 ตำแหน่งในปีนี้
ในสภาวะปกติ Foxconn มักจะผลิต iPads และ MacBooks ให้กับ Apple จาก<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/ralphjennings/2020/03/31/iphone-maker-foxconn-refocuses-on-china-as-coronavirus-continues-its-global-spread/?sh=42eb03104b0b">ฐานการผลิตในจีน</a> 12 แห่งที่ตั้งอยู่ใน 9 เมือง แต่ทว่าท่ามกลางสถานการณ์การกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทางบริษัทจึงเริ่มย้ายฐานการผลิตสินค้าออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อเลี่ยงปัญหากำแพงภาษีสูงจากการจัดส่งสินค้าไปยังตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Apple 
“สงครามทางการค้าได้ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะย้ายฐานการผลิต เพราะทางบริษัทต้องพึ่งพาการผลิตในจีนเป็นอย่างมาก” <a href="https://www.forbes.com/sites/ralphjennings/2021/01/22/apple-supplier-foxconn-to-build-270-million-plant-in-vietnam-amid-us-china-tensions/?sh=7272c77f5554">Rajiv Biswas </a>ผู้อำนวยการ และนักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่สถาบันวิจัย IHS Markit กล่าว
ตั้งแต่ปี 2012 อุตสาหกรรมการผลิตในเวียดนามได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยมีสาเหตุมาจากการที่ค่าจ้างแรงงานที่ถูก สถานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแหล่งวัตถุดิบจากจีน ตลอดจนการสนับสนุนจากรัฐบาลเวียดนามด้านการลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งยังสามารถลดโอกาสการปิดโรงงานเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังเช่นที่เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ด้วยเหตุนี้ Foxconn จึงตัดสินใจเลือกเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ในการตั้งโรงงานการผลิต
นอกจากนี้<a style="color: #333333;" href="https://e.nhipcaudautu.vn/news/foxconn-plans-to-build-13-bln-industrial-park-in-thanh-hoa-3339137/"> Nhip Cau Dau Tu </a>สื่อเวียดนามยังรายงานอีกว่า Foxconn มีแผนที่จะลงทุนในจังหวัด Thanh Hoa ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม อีกกว่า 1.3 ล้านเหรียญ
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Apple Supplier Foxconn To Build $270 Million Plant In Vietnam Amid U.S.-China Tensions เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b8%97.html">“เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์” ผนึก “เทนเซ็นต์ไทย” รับชมฟุตบอลไทยออนไลน์</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events