วิน สันติพงศ์ไชย  ปรับพิกัดชาร์จพลังสปีด GT Auto

มาแล้ว! Kia EV9 รถ SUV ไฟฟ้าวิ่งได้ไกลสุด 680 กม. ราคาเริ่ม 3.499 ล้านบาท

<h2>เกีย คอร์ปอเรชัน ประกาศตั้งบริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ลุยตลาดไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจ วางเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ 5% ในปี 2028 เร่งทำตลาด EV</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุน โอ อี ประธาน บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับก้าวแรกของการดำเนินงานของ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ในการเข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แผนกลยุทธ์ Kia Plan S ของเราที่ใช้ในการดำเนินงานทั่วโลก มีรากฐานอยู่บนเสาหลัก 3 ประการ คือ โลก (Planet) ผู้คน (People) และผลกำไร (Profit) เพื่อหล่อเลี้ยงความไว้วางใจ และการมีส่วนร่วมระหว่างพนักงานของเรากับชุมชน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/XkShpkkfQrwMmFgNcGv7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="XkShpkkfQrwMmFgNcGv7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="900,600"><figcaption><div>จุน โอ อี ประธาน บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในส่วนของ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) เราได้วางแผนการดำเนินงานขององค์กรไว้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของเราสำหรับปี 2024-2028 โดยให้ชื่อว่ากลยุทธ์ ‘Plan S-5’ ซึ่งประกอบด้วยเป้าหมายหลัก 4 ประการ ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) ครองส่วนแบ่ง 5% ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในไทยภายในปี 2028&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) เพิ่มการทำตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวให้มีสัดส่วนคิดเป็น 50% ของยอดจำหน่ายทั้งหมดภายในปี 2028&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบแบรนด์ที่มีการรับรู้สูงที่สุด 5 อันดับแรก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4) ขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศให้เติบโตขึ้น 5 เท่าตัว หรือมีครบ 100 สาขาในปี 2028&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณัฏฐ์ชัย สุรวรรธนกุล รองประธานฝ่ายขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และบริการหลังการขาย เปิดเผยว่า “ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นและขาลงสลับสับเปลี่ยนกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่โดยรวมทั้งตลาดอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 800,000 คัน เนื่องจากเซ็กเมนต์รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าเซ็กเมนต์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะมีการเติบโตก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/xPqgn9ZULRzLecPvdeCJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xPqgn9ZULRzLecPvdeCJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="900,600"><figcaption><div>ณัฏฐ์ชัย สุรวรรธนกุล รองประธานฝ่ายขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และบริการหลังการขาย</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตลาดรถยนต์ในไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้นในปี 2567 นี้ โดยคาดว่ายอดจำหน่ายจะขยับตัวขึ้นเป็น 850,000-860,000 คันจากอานิสงส์ของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ที่มียอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แบรนด์ใหม่ๆ ตอนนี้เข้ามาด้วยเทคโนโลยีใหม่ ดีไซน์ใหม่ๆ ที่หลากหลาย และราคาที่จับต้องได้ ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการซื้อ ตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ อีกส่วนหนึ่งที่มีส่วนต่อการตัดสินใจคือค่าใช้จ่ายของรถยนต์ที่ EV มีค่าใช้จ่ายค่าซ่อมบำรุงน้อยกว่า ทำให้ตอนนี้ปี 2023 ยอดขาย EV ในไทยเติบโตขึ้นมากกว่า 700% HEV ยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 51%​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/3goM78wiSWvMXMLEPDoE.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="3goM78wiSWvMXMLEPDoE.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="900,675"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“วันนี้ลูกค้ามีพฤติกรรมที่ปรับเปลี่ยนไปแล้ว คือ มองหารถที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากกว่ามองเรื่องยี่ห้อ ดังนั้นกลยุทธ์ของเราคือจะต้องมีดีไซน์ที่สวย มีโปรดักต์ครอบคลุมตลาดรถยนต์นั่งทุกเซกเมนต์ และมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้ง EV, PHEV และ HEV&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่เราประสบความสำเร็จในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในหลายตลาดทั่วโลก ซึ่งเราจะนำกลยุทธ์นี้เข้ามาใช้ในประเทศไทยด้วย ทำให้เชื่อว่าเราจะไปถึงเป้าหมายสัดส่วน 5% ได้ จากปัจจุบันที่ครองมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ต่ำกว่า 1%”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ในปี 2566 เรามีผู้จำหน่าย และศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ 19 แห่ง โดยเราจะเร่งสร้างการเติบโตของยอดขายด้วยการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ประเดิมด้วยผู้จำหน่ายใหม่ 10 รายที่จะเข้ามาร่วมงานกับเราในปี 2567 นี้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/u1ctfde6hVScTMXt7ewd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="u1ctfde6hVScTMXt7ewd.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="900,675"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้เรายังยกระดับ กลยุทธ์ด้านบริการของเราอย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้บริโภคชาวไทย โดยนโยบายใหม่ของเราจะมอบการรับประกันคุณภาพรถเป็นระยะเวลา 7 ปี (หรือ 150,000 กม.) ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นไป การรับประกันตามมาตรฐานใหม่ของเราจะมาควบคู่กับการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี (หรือ 160,000 กม.) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 7 ปี”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด ระบุว่า “รถยนต์รุ่น Carnival ของเราที่ใช้งานอยู่บนท้องถนนในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 10,000 คัน ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความไว้วางใจในตัวรถยนต์ Carnival และผู้จำหน่ายของเราอย่างมาก ฐานลูกค้าในปัจจุบันของเราจะเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งในการสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ของเราได้เป็นอย่างดี​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/VM7eZh531q9tsNnNxA3o.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="VM7eZh531q9tsNnNxA3o.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4" origin-size="900,600"><figcaption><div> ฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าว เราจึงออกแบบการสื่อสารของเราในประเทศไทย โดยวางตำแหน่งแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ของรถยนต์ ‘Premium Smart’ โดยที่คำว่า ‘Premium’ สื่อถึงการมุ่งส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีเยี่ยม ตั้งแต่ทัชพอยท์แรกทางอินเทอร์เน็ตไปจนถึงทุกๆ ช่องทางที่ลูกค้าจะได้สัมผัสกับแบรนด์ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องรวมถึงศูนย์บริการและผู้จำหน่ายของเราด้วย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับกลยุทธ์ ‘Plan S-5’ ที่เกียได้วางเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนว่าจะขึ้นแท่นเป็นแบรนด์รถยนต์ 1 ใน 5 อันดับแรกในแง่ของการรับรู้แบรนด์ และเพิ่มสัดส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบให้เป็น 50% ล่าสุดเกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ได้ประกาศทำตลาด Kia EV9 รถยนต์เอสยูวีขนาดใหญ่รุ่นแรกในประเทศไทยที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 และ 2 มีนาคมที่จะถึงนี้ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/motoring/mgc-asia-invests-120-millions-showroom-ubonratchathani" alt="MGC-ASIA ทุ่ม 120 ล้าน ปรับโฉมโชว์รูม จ.อุบลฯ รองรับตลาดรถยนต์เติบโต">MGC-ASIA ทุ่ม 120 ล้าน ปรับโฉมโชว์รูม จ.อุบลฯ รองรับตลาดรถยนต์เติบโต</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดกลยุทธ์ “เกีย เซลส์ (ประเทศไทย)” กับเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ 5% เปิดโชว์รูมครบ 100 สาขาในปี 2028

<h2>Hyundai Motor ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติเกาหลี และ Kia บริษัทลูกในเครือออกมาปฏิเสธการหารือกับ Apple เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ Apple Car</h2>
<img class="alignnone wp-image-41286" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/Apple-Car-launch-report-1024x512.jpg" alt="Hyundai Motor" width="720" height="360" />

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวท้องถิ่น <a style="color: #333333;" href="https://en.yna.co.kr/view/AEN20210208002252320?section=business/industry">Yonhap</a> ได้ออกมาเปิดเผยว่า <a href="https://www.kedglobal.com/newsView/ked202101080003">Hyundai Motor</a> ดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับกับบริษัทหลายแห่ง โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นบริษัทใดบ้าง แต่เชื่อว่าหนึ่งในนั้นคือ Apple 

ซึ่งหลังจากที่ทางบริษัทได้ออกมาปฏิเสธในครั้งนี้ ได้ส่งผลให้มูลค่าของ Hyundai ปรับตัวลงร้อยละ 6.2 ขณะที่หุ้นของ Kia ลดลงราวร้อยละ 15 ทั้งที่ในช่วงต้นเดือนมกราคมที่มีข่าวลือดังกล่าวออกมาว่า Apple กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท Hyundai ในประเด็นดังกล่าว หุ้นของบริษัททั้งสองก็ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

นอกจากมูลค่าที่หุ้นที่ปรับตัวลงแล้ว สำนักข่าว Bloomberg ยังระบุเพิ่มเติมว่า ผู้บริหารทั้ง 11 คนของ Hyundai ยังได้ออกมาเทขายหุ้นของตนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน โดยในที่นี้ มีหนึ่งในผู้บริหารยอมขายหุ้นที่มูลค่าต่ำกว่าราคาปิดตลาดของวันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2021 เสียอีก 

ในช่วงต้นเดือนมกราคม  Korean Economic Daily รายงานว่า Hyundai กำลังอยู่ระหว่างการเจราจากับ Apple ในฐานะพันธมิตรผู้ร่วมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ ซึ่งในที่นี้บริษัทสัญชาติเกาหลีก็ไม่ได้ออกมายอมรับหรือปฏิเสธการเจรจาเสียทีเดียว เพียงแต่กล่าวว่า Apple “อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทอีกหลายแห่งทั่วโลก” และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวคราวออกมาว่า ทาง Hyundai วางแผนจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอัตโนมัติที่โรงงานของ Kia Motors ซึ่งเป็นบริษัทลูก ในรัฐจอร์เจีย หรือในโรงงานแห่งใหม่อีกแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เป็นจำนวนทั้งสิ้น 340,000 คันต่อปี ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ Hyundai ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 20 ในวันเดียวกัน

ล่าสุด Reuters ได้ออกมารายงานว่า อุปสรรคที่สำคัญของ Hyundai คือ การที่ทางบริษัทใช้ระยะเวลายาวนานในการพิจารณาความร่วมมือกับบริษัทภายนอก ขณะที่สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานเอาไว้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การเจรจาระหว่าง Apple และ Hyundai นั้น "ได้หยุดลงชั่วคราวแล้ว" ทั้งนี้ Apple ถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการเก็บความลับ

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Hyundai, Kia Shares Drop After Firms Say They Are Not In Talks With Apple To Develop Self-Driving Car เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/masayoshi-son-เตรียมนำบริษัทเข้าระ.html">Masayoshi Son เตรียมนำบริษัทเข้าระดมทุนเพิ่ม หลังผลประกอบการไตรมาสล่าสุดดีเกินคาด</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events