&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถ้าพูดถึง "คูโบต้า" คงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ยิ่งถ้าเป็นกลุ่มการเกษตรด้วยแล้ว คูโบต้า ถือเป็นแบรนด์เครื่องจักรกลการเกษตรที่อยู่คู่ประเทศไทยมากว่า 40 ปี ย้อนกลับเมื่อ 45 ปีก่อนผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรแบรนดืจากญี่ปุ่นได้เข้ามาสู่ภาคการเกษตรของไทย โดยเริ่มจากการผลิตรถไถเดินตาม และตามมาด้วยนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถแทรกเตอร์ หรือรถเกี่ยวข้าว ความสำเร็จของคูโบต้าในวันนั้นเกิดมาจาก การที่แบรนด์ตั้งใจมาตลอดว่า "เราจะทำสินค้าให้ใกล้ชิดกับเกษตรกรท้องถิ่นเพื่อช่วยแก้ปัญหาได้ทันท่วงที" จึงไม่แปลกใจที่มักจะมีวลีติดปากที่เกษตรกรมักกล่าวว่า "คูโบต้ามาแล้ว" &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และวันนี้ Forbes Thailand จะพาทุกคนไปร่วมเก็บเกี่ยวความตั้งใจและสิ่งที่ทำให้สยามคูโบต้าประสบความสำเร็จมาจนวันนี้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/WNkYMcarQ1f9hxMWmhja.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="WNkYMcarQ1f9hxMWmhja.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> ​​แนวคิด On Your Side เคียงข้างเกษตรกรไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากภาพของคูโบต้าที่อยู่เคียงข้างเกษตรกรไทย เข้าถึงปัญหา ร่วมหาแนวทางแก้ไขพร้อมให้ความรู้ มาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน กลายเป็น 4 จุดแข็งที่ทำให้สยามคูโบต้าอยู่ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร1.&nbsp;มีกลุ่มของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่วางจำหน่ายหลากหลาย2. ครบครันด้วยบริการหลังการขายที่สมบูรณ์แบบ3. ครอบคลุม ทั่วถึงในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย4. ความยืดหยุ่นในการซัพพอร์ตด้านการเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ในโลกยุคปัจจุบันที่ทุกภาคธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาภาคการเกษตรกรรมก็ไม่ได้น้อยหน้า&nbsp;นวัตกรรมการจัดการเกษตรกรรมอัจฉริยะ หรือ Agri-Innovation ถูกวางขึ้นมาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ต้องมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต บรรเทาความไม่แน่นอนด้านความมั่นคงทางอาหาร และปลูกฝังหลักการ ESG เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตควบคู่ไปกับความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/VJABnqCYNYLMyRD7Ex8G.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,297px" data-align="center" data-file-name="VJABnqCYNYLMyRD7Ex8G.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,297" data-origin="720px,297px" style="width: 720px; height: 297px;" data-index="1"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/UribZcif1XBN8PqQa6Ji.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="UribZcif1XBN8PqQa6Ji.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​Concept Solution: Kubota Farm ฟาร์มเกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สิ่งที่สยามคูโบต้ามุ่งมั่นสานต่อไม่ต่างไปจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นคือการสืบทอดเจตนารมณ์ในการช่วยดูแลแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง จากหลายทศวรรษที่สยามคูโบต้าได้เรียนรู้ถึงปัญหาของเกษตรกรไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเพิ่มผลผลิตหรือลดต้นทุนทางการผลิต ทำให้ริเริ่มคอนเซ็ปต์คูโบต้าฟาร์มที่นำปัญหาต่างๆ มาแก้ไขและยังนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ของคูโบต้ามาทดลองทำเองบนเนื้อที่กว่า 200 ไร่และเปิดให้เกษตรกรรวมถึงภาครัฐมาเยี่ยมชมเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และสามารถนำองค์ความรู้การใช้เครื่องจักรกลการเกษตรต่างๆ ไปต่อยอดในพื้นที่ของตัวเองได้ และที่สำคัญเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มเกษตรกรว่าภาคการเกษตรมีศักยภาพและยังสามารถเติบโตไปได้อีกก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากวิชั่นของคูโบต้าในการเดินทางเข้าสู่การเป็น Global Major Brand (GMB) ไม่ใช่หวังเพียงสร้างผลกำไรหรือทำให้บริษัทเติบโตโดยไม่สนใจรอบข้างแต่หลักการของ GMB คือการมุ่งหวังให้คนจำนวนมากเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์และที่สำคัญกิจการนั้นๆ ต้องตอบแทนสังคมได้ จากวิชั่นสู่การปฏิบัติที่แท้จริง การเรียนรู้ปัญหาและอยู่เคียงข้างภาคการเกษตรไทยมายาวนาน ทำให้ทิศทางการดำเนินธุรกิจรวมถึงการจัดการต่างๆ จึงมุ่งเน้นสิ่งที่จะอำนวยประโยชน์ต่อเกษตรกรให้มากขึ้น โดยที่ความไม่แน่นอนในด้านสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญต้องพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นหลัก คูโบต้าที่รู้ลึกถึงปัญหาจึงเข้าใจว่าในแต่ละพื้นที่จำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน ถือเป็น solution ที่ไม่มีวันจบสิ้น แต่ไม่เพียงแค่ปัญหาด้านสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยแต่การขาดความรู้ ขาดแรงงานภาคการเกษตรหรือแม่กระทั่งปัจจัยอื่นๆ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่สยามคูโบต้าจะยืนหยัด เคียงข้าง ช่วยเหลือเกษตรกรให้ทำการเกษตรได้ผลผลิตที่ดีและที่ทำสำคัญต้องปรับตัวให้ทันตามยุคสมัย จากกว่า 4 ทศวรรษนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

Secret of Success "Junji Ota และ วราภรณ์ โอสถาพันธุ์" กับภารกิจ "คูโบต้า" เครื่องจักรกลการเกษตรระดับโลก

“เฮียหมี” วิศวกรโยธาผู้ผันตัวสู่เวทีการค้ารถไถนาเดินตามสร้างชื่อครองใจ เกษตรกรถิ่นอีสานใต้ พร้อมไต่ระดับความดังระดับประเทศ ผู้ขาย Kubota เป็นเบอร์หนึ่งของไทย ก่อนขับเคลื่อนธุรกิจสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน

เรื่อง: ชญานิจฉ์ ดาศรี ภาพ: จันทร์กลาง กันทอง

ฉากแห่งความรุ่งเรืองของธุรกิจจำหน่ายจักรกลการเกษตรในพื้นที่อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ผ่านสายตาของสมชาติ พงคพนาไกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยแทรกเตอร์ จำกัด เมื่อครั้งที่นั่งรถโดยสารประจำทางจากอำเภอเมืองจังหวัดอุบลฯ ไปเยี่ยมญาติที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีษะเกษ จุดประกายให้เห็นโอกาสครั้งสำคัญที่นำมาสู่การเปิดกิจการจำหน่ายรถไถนาเดินตามในชื่อร้านเจริญชัยเดชอุดมเมื่อปี 2539 ก่อนที่จะขยับขยายจนกลายเป็นกิจการอื่นๆ ที่สร้างจากน้ำพักน้ำแรงของสมชาติ โดยวันนี้มีกิจการค้ารถแทรกเตอร์ยี่ห้อ Kubota เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนความมั่งคั่ง

“ร้านเจริญชัยเดชอุดมขายดีมาก ตั้งแต่ปีแรกก็มียอดขายรถไถนาฯ ประมาณ 700 คันปีต่อมาขึ้นไปถึง 1,400 คันจนขยายเป็น 1,600 ถึง 1,700 คันต่อปี จึงถือว่าเป็นการแจ้งเกิดอย่างแท้จริงในการทำธุรกิจค้ารถไถนาฯ และสร้างให้ผมเจริญมาถึงวันนี้”

กระนั้นก่อนที่สมชาติจะสยายปีกมาริเริ่มธุรกิจของตน ตัวเขาในฐานะลูกชายคนโตที่ต้องผันจากชีวิตวิศวกรก่อสร้าง บัณฑิตย์คณะวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรังสิต จึงต้องกลับมาช่วยกิจการอะไหล่รถไถนาฯ และรถแทรกเตอร์ ของครอบครัว ทั้งยังแบ่งภาคไปช่วยงานธุรกิจจำหน่ายรถไถนาฯ ทั้งที่ใช้เครื่องยนต์ Kubota และ Yanmar ที่ก่อตั้งโดยน้องชายคนที่สองคือ ธันยพัฒน์ พงคพนาไกร

จากประสบการณ์ในการดูแลและค้าขายธุรกิจเขาตัดสินใจไปเปิดธุรกิจจำหน่ายรถไถนาฯ ที่อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี และในเวลาต่อมาด้วยความบังเอิญหรือโชคชะตา สมชาติได้ค้นพบขุมทรัพย์ใหม่ที่อำเภอเดชอุดมซึ่งรถไถนาฯ เป็นที่ต้องการของเกษตรกรมากเมื่อปรึกษากันในครอบครัวและด้วยความช่วยเหลือของน้องชาย เพียงหนึ่งปีร้านเจริญชัยเดชอุดมประสบความสำเร็จ ทั้งยังได้รับการเสนอขายกิจการจาก “รุ่งวัฒนา” ผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของ Kubota และผู้ผลิตรถไถนาฯ

เมื่อบริษัทเข้าสู่กิจการระดับจังหวัดแล้ว เขากระตุ้นยอดขายให้เติบโตโดยขยายสาขาห้างหุ้นส่วนจำกัดรุ่งวัฒนาอุบลเจริญชัย ไปยังจังหวัดอื่นๆ ตามมา และจัดการโครงสร้างภายในองค์กรให้เป็นระบบและเป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยมีสาขาที่อำเภอเดชอุดมเป็นเรือธง สมชาติจึงเลือกมาประจำที่สาขานี้ แต่แล้วความเสียหายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อสาขาที่อำเมืองเกิดการทั้งการขโมยเงินของพนักงาน การเข้ามาสร้างหายของกลุ่มมิจฉาชีพที่มาซื้อรถไถนาฯ แบบผ่อนชำระ แล้วลักลอบเอาออกไปขายที่ สปป.ลาว ซึ่งครั้งนี้เสียหายไปถึง 70 คันภายในระยะเวลา 1 ปี

“จากวิกฤตข้างต้นทำให้บริษัททำเป็นคู่มือคำแนะนำเพื่อเฝ้าระวังมิจฉาชีพได้เช่นจะมาดูรถคนเดียวต่างจากเกษตรกรทั่วไปที่มักจะมากันเป็นกลุ่มเพราะมาช่วยกันเลือกรถและมาศึกษาด้วยกันหรือไม่เลือกรถให้ร้านเลือกให้เพราะกลัวจะเจอคนรู้จักหรือเร่งรีบมาว่าต้องได้รถภายในวันที่ซื้อไม่อย่างนั้นจะเอาเงินคืนหรือไม่ให้ไปส่งที่บ้านแต่ให้ไปส่งตรงที่นาแทนเป็นต้น”

นอกจากการเป็นจัดจำหน่ายรายใหญ่ของ Kubota เขายังปั้นแบรนด์รถไถนาฯ สุดท้ายปี 2541 ก็เริ่มทำแบรนด์รถไถนาฯ ที่สร้างสรรค์ด้วยตัวเขาเองโดยผสมชื่อเล่นคือคำว่า “หมี” และชื่อของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลวงพ่อคูณ (พระเทพวิทยาคม/คูณปริสุทฺโธ) คือคำว่า “คูณ” มาเป็นยี่ห้อ “หมีคูณ” ที่รับประกันหลังการขายเพิ่มขึ้นเป็น 5 ปีจึงดูแลลูกค้ายาวนานกว่าและเสริมบริการหลังการขายอื่นๆ อีก

แต่อีกแบรนด์ที่โด่งดังไม่น้อยกว่ารถไถนาฯนั่นคือ “เฮียหมี” เป็นชื่อเล่นของสมชาติที่ลูกค้าและเกษตรกรทั้งหลายนิยมเรียกกันซึ่งที่มาเกิดจากความเอาใจใส่ต่อลูกค้า โดยจัดอาหารและเครื่องดื่มมาเลี้ยงลูกค้าระหว่างที่มารอประกอบรถนาที่ร้าน จึงสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าจนนำไปบอกเล่าต่อกับเพื่อนๆ เกษตรกรและชาวบ้านคนอื่นๆ ส่งผลให้ชื่อเสียงเรื่องความใจดีของ “เฮียหมี” เป็นที่รู้กันทั่วไป

ความสำเร็จจากธุรกิจค้ารถไถนาฯ ยังพาให้ชื่อ “เฮียหมี” ดังไกลไปถึง สปป.ลาว โดยเมื่อปี 2554 ทาง Kubota ได้แต่งตั้งให้ บริษัท ยูซีซี อินเตอร์เทรด จำกัด หนึ่งในเครือเจริญชัย รับหน้าที่ส่งออกหรือเป็น exporter เครื่องยนต์ Kubota สำหรับรถไถนาฯ ไปขายยัง สปป.ลาว

“ปีแรกผมขายได้แค่ 2 คันแต่ก็พออยู่ได้เพราะยังมีรายได้จากรถไถนาอยู่ แล้วปีหลังเมื่อเริ่มทำตลาดค่อยเพิ่มเป็น 6-7 คันจนเพิ่มเป็นหลักร้อย ระหว่างนั้นก็มีปล่อยสินเชื่อไปด้วยแต่ก็ยังสะเปะสะปะอยู่จึงขาดทุน แต่ก็ได้กำไรจากฝั่งรถไถนามาช่วยบ้าง" แม้ทุกเส้นทางก็เป็นอย่างนี้แต่ก็ได้มาซึ่งโอกาสใหม่ๆ กระทั่ง Kubota Corporation มีนโยบายจะทำตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น ในปี 2548 เจริญชัยฯ จึงได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดจำหน่ายเพิ่มอีก 3 จังหวัด คือ จังหวัดศรีสะเกษร้อยเอ็ด และมุกดาหาร อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้จากธุรกิจจักรเกษตร สมชาติจึงแตกไลน์ไปธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ Chevrolet จึงเกิดบริษัท ซีซีซีออโต้ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์Chevrolet และบริหารศูนย์ให้บริการในนามของเชฟโรเลตเจริญชัย

“ผมมองว่า General Motor (ผู้ผลิตChevrolet) เป็นบริษัทที่ใหญ่ระดับโลก อีกทั้งรถยนต์ Chevrolet ก็มีคุณภาพดีโดยเฉพาะระบบช่วงล่างยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพียงแต่ในแง่ชื่อเสียงของแบรนด์ในเมืองไทยอาจจะยังไม่ค่อยดัง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการทำตลาดของบริษัทแม่ที่ยังไม่มากพอ คนไทยจึงยังไม่ไว้วางใจนัก แต่สำหรับเราซึ่งเคยทำแบรนด์อื่นให้เกิดมาแล้วได้ ก็มองว่าเป็นเรื่องท้าทายหากเราจะทำให้ Chevroletเกิดได้”

สมชาติย้ำว่าจุดที่ทำให้ Chevrolet ในมือเขามีกระแสตอบรับดีมาจากการอุดช่องโหว่ด้านบริการหลังการขายซึ่งที่ผ่านมาถูกกล่าวขวัญกับว่าเป็นจุดอ่อนของ Chevrolet ในไทย

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ed0b219b165309568494f8ea575aab8b.png" alt="" />

<hr />

<a href="http://goo.gl/fFO1hE">คลิ๊กอ่าน "สมชาติ พงคพนาไกร พาเครือเจริญชัยไต่อันดับหนึ่ง" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ June 2016</a>
<a href="http://goo.gl/fFO1hE"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/45c118021313fc065b87a4f7e8e1b670.png" alt="" width="240" height="318" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events