<h2>อสังหาริมทรัพย์หรู ที่ราคาสูงลิ่วใน New York ได้ปรับลดลงเล็กน้อยในปีที่ผ่านมา เนื่องจากที่อยู่อาศัยในตลาดระดับบนมีจำนวนมากเกินความต้องการของตลาด ห้องชุดสำหรับพักอาศัยสุดหรูมีจำนวนการซื้อขายลดลง 15% ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางฟุตก็ปรับลดลง 7% อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้มั่งคั่งก็ยังทุ่มไม่ยั้งเพื่อแลกกับที่อยู่อาศัยซึ่งหรูหราที่สุดในโลก ดังเช่นที่เห็นได้จากสรุปข้อมูลการซื้อที่พักอาศัยครั้งใหญ่ของอภิมหาเศรษฐีในมหานคร New York ในปีที่ผ่านมา</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-9004" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/Ken-Griffin.jpg" alt="" width="416" height="416" />
Ken Griffin| ทรัพย์สินสุทธิ: 1.17 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
220 CENTRAL PARK SOUTH
ราคาขาย: 238 ล้านเหรียญ | มกราคม 2019

<img class="alignnone size-full wp-image-9002" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/220-CENTRAL-PARK-SOUTH.jpg" alt="" width="678" height="427" />
ห้องชุดขนาด 24,000 ตารางฟุตในตึกระฟ้าสูง 79 ชั้นนี้ ครองตำแหน่งที่พักอาศัยซึ่งมีราคาแพงที่สุดเท่าที่เคยมีการซื้อขายกันในอเมริกา ในบรรดาสิ่งอำนวยความสะดวกในที่พำนักของผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายนี้รวมไปด้วยสนามกอล์ฟจำลอง บาร์น้ำผลไม้ และสโมสรกีฬา

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-9006" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/Michael-Rubin.jpg" alt="" width="416" height="416" />
Michael Rubin | ทรัพย์สินสุทธิ: 3 พันล้านเหรียญ

<img class="alignnone size-full wp-image-9009" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/160-LEROY-STREET.jpg" alt="" width="496" height="464" />
160 LEROY STREET
ราคาขาย: 43.5 ล้านเหรียญ | สิงหาคม 2018

ต่างจากอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆ Rubin เลือกที่พักอาศัยในย่านใจกลางเมือง เป็นเพนท์เฮ้าส์ขนาด 7,750 ตารางฟุตใน West Village ซึ่งมีสระว่ายน้ำ ห้องฉายภาพยนตร์ ห้องสมุด ห้องนอน 5 ห้อง เตาผิง 3 เตา และ ระเบียงขนาด 4,944 ตารางฟุต เมื่อใดก็ตามที่ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีรายนี้ต้องการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนบ้านอาคารแห่งนี้ยังมีซาวน่า ภัตตาคารที่ปรุงอาหารเลิศรสและสตูดิโอโยคะไว้บริการ

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-9005" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/Len-Blavatnik.jpg" alt="" width="416" height="416" />

Len Blavatnik|ทรัพย์สินสุทธิ: 1.77 หมื่นล้านเหรียญ
19 EAST 64TH STREET
ราคาขาย: 90 ล้านเหรียญ | กุมภาพันธ์ 2018

Blavatnik ใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของแมนชั่น BEAUX ARTS ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 มานานหลายปีแล้ว โดยพยายามที่จะซื้ออาคารหลังนั้นในปี 2016 จาก David Wildenstein ซึ่งเป็นทายาทของเจ้าของกิจการซื้อขายงานศิลปะผู้มั่งคั่งรายหนึ่ง แต่ท้ายที่สุด Wildenstein ก็ขายอาคารดังกล่าว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหอศิลป์ให้กับผู้ซื้ออีกรายหนึ่งไปในราคา 79.5 ล้านเหรียญ ในปี 2017 ตอนนั้น Blavatnik ได้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเองและฟ้องร้อง Wildenstein โดยกล่าวหาว่า Wildenstein ละเมิดข้อตกลงที่จะขายอาคารดังกล่าวให้กับตน ในเวลาต่อมาผู้พิพากษาได้ตัดสินยกฟ้องคดีของ Blavatnik เป็นเวลา 10 เดือนนับจากที่ผู้ซื้อรายแรกได้ซื้ออาคาร 5 ชั้น เนื้อที่ 20,500 ตารางฟุตไป ในที่สุด Blavatnik ก็คว้าอาคารดังกล่าวมาครอบครองในราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น 13%

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-9003" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/Chen-Tianqiao.jpg" alt="" width="416" height="416" />

Chen Tianqlao | ทรัพย์สินสุทธิ: 1.2 พันล้านเหรียญ
16 EAST 69TH STREET
ราคาขาย: 39 ล้านเหรียญ | มีนาคม 2018

<img class="alignnone size-full wp-image-9007" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/16-EAST-69TH-STREET.jpg" alt="" width="299" height="312" />

แมนชั่นขนาด 12,000 ตารางฟุตซึ่งสร้างขึ้นสำหรับตระกูล Vanderbilts ในปี 1881 หลังนี้โดดเด่นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเช่น ระเบียง 2 ระเบียง ห้องเก็บไวน์ ห้องออกกำลังกาย และลิฟต์

เรื่อง: Madeline berg เรียบเรียง: ริศา

<hr />

&nbsp;

Manhattan อสังหาริมทรัพย์หรู ของเหล่ามหาเศรษฐี

ปลายปี 1989 กลุ่มบริษัท Mitsubishi Estate บรรลุข้อตกลงเข้าบริหาร Rockefeller Center ใน Manhattan นับเป็นสัญญาฉบับปิดฉากยุคที่บริษัทญี่ปุ่นนิยมเข้าซื้อกิจการชั้นนำของสหรัฐฯ ที่มีตั้งแต่ดีล Firestone Tire &amp; Rubber หรือ Columbia Pictures ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์ชั้นดีมากมายตลอดระยะเวลา 1 ทศวรรษเต็มๆ สัญญาฉบับดังกล่าวจัดทำขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ตลาดหุ้นแดนอาทิตย์อุทัยจะพังครืน นับเป็นธุรกรรมสุดอหังการไม่น้อยสำหรับการเข้าซื้ออาคารหรูชื่อดังท่ามกลางภาวะล้มละลายอย่างนี้ดีลอสังหาฯ สุดหิน

&nbsp;
<h2>ผลผลิตจากยุคตกต่ำ</h2>
Rockefeller Center สร้างขึ้นบนที่ดินว่างเปล่าผืนหนึ่งใน Midtown Manhattan ซึ่ง Columbia University ปล่อยให้เช่าช่วงปลายปี 1929 เดิมที Rockefeller Center ตั้งใจจะใช้เป็นสถานที่ตั้งของ Metropolitan Opera แต่เมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเริ่มส่งผลกระทบ John D. Rockefeller Jr. (บุตรของ John D. Rockefeller มหาอำานาจแห่งอุตสาหกรรมน้ำมัน) ก็กัดฟันตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมาย Rockefeller ขายหุ้นของ Standard Oil ทั้งที่ขาดทุนมหาศาล เขาต้องควักเงินส่วนตัวมาแบกรับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างถึง 3 ใน 4 ส่วน (หรือเทียบเท่ากับ 2.1 พันล้านเหรียญในปัจจุบัน) เพื่อให้สุดยอดงานสถาปัตยกรรมสไตล์ Art Deco ที่ประกอบไปด้วยอาคาร 12 หลังได้มีโอกาสตั้งตระหง่าน ซึ่งต้องใช้แรงงานก่อสร้าง 4 หมื่นคนตลอดช่วงต้นยุค 1930 อันแสนอลหม่าน

&nbsp;
<h2>เงินออก เงินเข้า</h2>
ในปี 1985 ทายาทหลายคนของตระกูล Rockefeller ดึงเงินจากชุดอาคารดังกล่าวออกมาได้รวมกัน 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านธุรกรรมจำนองรายการหนึ่งที่อยู่ในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดให้สาธารณะชนสามารถซื้อขายได้ ทำาให้สภาพคล่องของอาคารเหล่านี้มาถึงทางตันหลังจากที่อยู่ในมือของตระกูล Rockefeller มาหลายสิบปี เมื่อถึงปี 1989 ตระกูล Rockefeller ตัดสินใจยุติอำานาจบริหาร พร้อมขายหุ้น 80% ใน Rockefeller Group ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งไปให้แก่ Mitsubishi ในราคา 1.4 พันล้านเหรียญ

&nbsp;
<h2>พลาดที่ซื้อ</h2>
Mitsubishi ซึ่งในเวลานั้นดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ ด้วยความมั่นใจ ตั้งใจจะปล่อย Rock Center ให้เช่าในราคา 100 เหรียญต่อตารางฟุต (ตอนทำสัญญาเหลืออยู่ที่ประมาณ 33 เหรียญ) แต่เมื่อเข้าสู่ยุคอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำในสหรัฐฯ ช่วงต้นยุค 1990 บีบให้ Mitsubishi ต้องเปลี่ยนแผน ในปี 1995 Mitsubishi ผิดนัดชำระหนี้อาคารชุดดังกล่าว ทำให้มหาเศรษฐีต่างลุกฮือขึ้นชิงอำานาจบริหาร ไม่ว่าจะเป็น David Rockefeller (ลูกชายของ John Jr.) Jerry Speyer และ Sam Zell (รวมทั้ง Bill Ackman หนุ่มจอมป่วนวัย 28 ปี) 1 ปีหลังจากนั้นก็ได้ผู้ที่คว้าสิทธิ์ไปครองคือกลุ่มนายทุนที่นำาโดย Rockefeller กับ Tishman Speyer ยักษ์ใหญ่แห่งแวดวงอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและ Goldman Sachs ต่อมาในปี 2000 Tishman Speyer และตระกูล Crown ใน Chicago ก็เข้าซื้อ Rockefeller Center แบบเบ็ดเสร็จไปในราคา 1.85 พันล้านเหรียญ

&nbsp;
<h2>ฤาจะซ้ำรอยประวัติศาสตร์</h2>
ทุกวันนี้ นายทุนชาวต่างชาติหวนกลับมาเลือกอสังหาริมทรัพย์ล้ำค่าใน Manhattan เป็นที่พักเงินสดกันอีกครั้ง โดยเมื่อ 3 ปีก่อน Anbang Insurance Group กลุ่มบริษัทโนเนมสัญชาติจีนเซ็นสัญญาเข้าซื้อโรงแรม Waldorf-Astoria ด้วยมูลค่าสุดเหลือเชื่อถึง 1.95 พันล้านเหรียญ นับเป็นการพักเงินสดของเศรษฐีเอเชียรูปแบบใหม่ Dealogic รายงานว่า บริษัทจากจีนทุ่มเงินลงทุนในทรัพย์สินของสหรัฐฯ รวมกันแล้วถึง 1 แสนล้านเหรียญนับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา

<hr />

<a href="https://goo.gl/kcoQQx">ติดตามบทความทางด้านธุรกิจได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ ตุลาคม 2560 ได้ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://goo.gl/kcoQQx"><img style="width: 250px; height: 328px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/25a9e33fc0feeb3390d34e3f2998eb57.png" alt="" /></a>

ดีลอสังหาฯ สุดหิน

<h2>Song Yong-Dok (ขวา) ซึ่งเป็น CEO ของ Lotte Hotels ถ่ายรูปร่วมกับ Brooke Shields ที่โรงแรม Palace เธอกล่าวว่าโรงแรมเห่งนี้เป็น “สถานที่พิเศษสำหรับฉันและครอบครัว”</h2>
เรื่อง: DONALD KIRK เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา

เตรียมพร้อมรับมือให้ดี Hilton และ Marriott เพราะ Lotte เครือโรงแรมยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของเกาหลี เพิ่งปิดดีลซื้อกิจการ New York Palace และเปิดตัวโรงแรมเมื่อกลางเดือนกันยายนภายใต้ชื่อใหม่ว่า Lotte New York Palace

นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น Song Yong-dok ประธานและ CEO ของ Lotte Hotels &amp; Resorts กล่าว เขาเสริมต่อว่าภายในเวลา 5 ปี Lotte จะเข้าซื้อธุรกิจโรงแรมในมหานครต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ยุโรป อเมริกาฝั่งตะวันตก ไปจนถึงประเทศในแถบเอเชีย “เราตั้งเป้าที่จะขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจโรงแรมในระดับโลก”Song กล่าวในงานเลี้ยงเปิดตัว ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณลานหน้าอาคารอันเก่าแก่ของโรงแรม อาคารอันเลื่องชื่อแห่งนี้ สร้างด้วยหินทรายสีน้ำตาลโดย Henry Villard มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจรถไฟ เพื่อเป็นอาคารพักอาศัยส่วนตัวในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Manhattan บนถนน Madison Avenue ตรงข้ามกับ St. Patrick’s Cathedral

นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดี Obama เข้าพักที่โรงแรม Lotte New York Palace เมื่อครั้งเดินทางไปเข้าร่วมประชุม UN General Assembly กับบรรดาสุดยอดผู้นำของโลกที่ New York ในเดือนกันยายน ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความยิ่งใหญ่ของโรงแรมแห่งนี้ โดยปกติประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ จะเข้าพักที่ Waldorf Astoria บน Park Avenue ที่อยู่ห่างไปหนึ่งช่วงตึก แต่ความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างสหรัฐฯ กับจีนทำให้ Obama ตัดสินใจเลี่ยงไม่เข้าพักที่ Waldorf เนื่องจากบริษัทสัญชาติจีนซื้อโรงแรมดังกล่าวไปด้วยมูลค่าเกือบ 2 พันล้านเหรียญ

คำถามสำคัญคือ ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของทำเนียบขาวในการเลือกเข้าพักที่ Palace หรือไม่ ทั้งนี้ ผู้จัดการของโรงแรมกล่าวว่า John Kerry ผู้นั่งตำแหน่ง Secretary of State ก็เข้าพักที่ Palace หลายต่อหลายครั้งเมื่อเดินทางมายัง New York

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องดีที่เกิดขึ้นนับจาก Lotte Hotels &amp; Resorts ควักกระเป๋า 805 ล้านเหรียญเข้าซื้อกิจการโรงแรมจาก Northwood Investors เมื่อเดือนสิงหาคม ท่ามกลางปัญหาขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างสองพี่น้องทายาทธุรกิจ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้นับเป็นชัยชนะของ Shin Dong-Bin ทายาทคนน้องวัย 60 ปี ที่ได้ขับ Shin Kyuk-Ho พ่อของตนวัย 92 ปีออกจากตำแหน่งประธานกรรมการของ Lotte Holdings ซึ่งเป็นบริษัทหลักของเครือธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น

ในช่วงระหว่างการเจรจาเข้าซื้อธุรกิจ Shin ต้องรับมือ Dong-Joo พี่ชายวัย 61 ปีที่หวังเตะเขาออกจากตำแหน่งและเข้าครอบครอง Lotte Group ซึ่งรวมถึงธุรกิจหลักอย่าง Lotte Hotels

ทั้งนี้ Song มองว่า Shin Dong-Bin เป็นเจ้านายตัวจริงและ Lotte Hotels เป็นศูนย์กลางแห่งความฝันของเขา “เราคือ Lotte Group” เขากล่าวกับ Forbes Asia “เราเชื่อว่า Lotte เป็นแบรนด์ที่มีความหมายมากกว่าการเป็นเครือบริษัทระดับโลก” ภาพเป้าหมายขององค์กรนั้นชัดเจน Shin Dong-Bin หมายมั่นปั้นมือและวางทิศทาง Lotte Hotels เป็นแบรนด์ดังระดับโลกที่ได้รับการยอมรับในต่างประเทศเช่นเดียวกับ Samsung, Hyundai Motor, LG, SK และ chaebol (กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้) รายอื่นๆ

แม้ว่า Lotte จะครองอันดับ 5 ในกลุ่มธุรกิจ chaebol เมื่อประเมินจากมูลค่าสินทรัพย์ และเป็นแบรนด์ดังติดอันดับของประเทศ แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในระดับโลกเช่นเหมือน 4 บริษัทยักษ์ใหญ่

<hr />

<a href="http://goo.gl/6fV29E">คลิ๊กอ่าน "เดินเครื่องบุก Manhattan" ฉบับเต็ม ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JANUARY 2016 ในรูปแบบ E-Magaizine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events