<h2>ค่ายตรีศูลเผยโฉมรถยนต์รุ่นล่าสุดจากโปรแกรม Bespoke ในโครงการมาเซราติ ฟูออริเซรี เพื่อการสรรค์สร้างรถยนต์ในรูปแบบเฉพาะของตัวเอง โดยร่วมมือกับ มาร์เคเซ่ อันติโนริ ผู้ผลิตไวน์ชื่อดัง เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง 50 ปีของไวน์ที่มีชื่อเสียงก้องโลก ติญาเนลโล</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อร่วมฉลอง 50 ปีของ ติญาเนลโล (Tignanello) ไวน์แดงชื่อดังระดับโลกสัญชาติอิตาลี มาเซราติ ได้รังสรรค์ยนตรกรรมเวอร์ชั่นพิเศษในตระกูล กรันคาบริโอ โฟลกอเร (GranCabrio Folgore) สุดยอดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของมาเซราติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยรถยนต์รุ่นพิเศษนี้ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้แก่ มาร์เคเซ่ อันติโนริ (Marchesi Antinori) สำหรับการประมูลที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ในงาน Arts for all Gala ที่จัดขึ้นใน Festival Napa Valley ซึ่งเป็นเทศกาลงานศิลปะการกุศลชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในโอกาสครบ 110 ปีของค่ายตรีศูล มาเซราติ ได้ร่วมมือกับ มาร์เคเซ่ อันติโนริ ตระกูลผู้ผลิตไวน์ที่มีประวัติยาวนานกว่า 600 ปี และสืบทอดการบ่มไวน์ต่อกันมาถึง 26 รุ่น จนเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลี และด้วยเอกลักษณ์ที่ชัดเจน จิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม และการให้ความสำคัญกับคุณค่าของประเพณีที่สืบทอดมาหลายศตวรรษ ทำให้ มาร์เคเซ่ อันติโนริ เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตไวน์ที่ดีที่สุดของโลก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/1cPPJXoVYgvfH7qDKmua.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1cPPJXoVYgvfH7qDKmua.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,405"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มาร์เคเซ่ อันติโนริ และติญาเนลโล จึงสะท้อนถึงความรู้สึกและแพสชันที่เป็นเอกลักษณ์และจิตวิญญาณของมาเซราติได้อย่างชัดเจน ในฐานะที่มาเซราติเป็นพระเอกและผู้นำในประวัติศาสตร์แห่งวงการยานยนต์ และขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาที่จะเป็นสัญลักษณ์แห่งยุค&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แรงบันดาลใจในการรังสรรค์รถยนต์พิเศษรุ่นนี้ เริ่มขึ้นในไร่องุ่นซึ่งเปรียบได้กับรากเหง้าและอาณาจักรส่วนตัว ทั้งมาร์เคเซ่ อันติโนริ และติญาเนลโล ต่างก็มีอาณาจักรที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ของตน จากห้องใต้ดินอันเป็นแดนมหัศจรรย์ที่สรรค์สร้างและหมักบ่มไวน์ชั้นดี จากฉลาก ติญาเนลโล ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา และการที่ผลิตภัณฑ์ยังคงเป็นที่รู้จักยอมรับ เช่นเดียวกับการเป็นแบรนด์ระดับไอคอนของค่ายตรีศูล​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/ACt8TEco7QaRq9fzgEAE.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ACt8TEco7QaRq9fzgEAE.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในการรังสรรค์รถยนต์ที่มีบุคลิกพิเศษ โดยการผสมผสานกับคุณค่าของ มาร์เคเซ่ อันติโนริ และ ติญาเนลโล มาเซราติ ได้วิจัยค้นหาความเป็นเอกลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของแบรนด์ไวน์ชั้นนำดังกล่าว รวมทั้งยกย่องครอบครัวนักบ่มไวน์ชาวฟลอเรนซ์ ด้วยการเลือกสีสัน วัสดุที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม และรายละเอียดสุดประณีต ทำให้ กรันคาบริโอ โฟลกอเร ติญาเนลโล กลายเป็นเสมือนบทกวีที่ร้อยเรียงขึ้น เพื่อสรรเสริญไร่องุ่น ติญาเนลโล และความเป็นมา 50 ปี ของไวน์ชั้นนำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รูปลักษณ์ภายนอกของ กรันคาบริโอ โฟลกอเร ติญาเนลโล เกิดจากการรังสรรค์พิเศษเพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งสีของตัวถังที่เป็นสีพิเศษ ‘Terra di Tignanello’ หรือสีน้ำตาลเชสต์นัท ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีของดินในไร่องุ่น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/bHMgXPGvFdZsTR2iTrv4.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="bHMgXPGvFdZsTR2iTrv4.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="720,405"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพิ่มโทนอบอุ่นด้วยสีเบอร์กันดีเหลือบทองแดง ซึ่งสื่อถึงโทนสีแดงของถังบ่มไวน์ติญาเนลโล ทำให้เนื้อสีเข้มข้นมีเงาเมทัลลิก นับได้ว่าเป็นสีแห่งความเหนือระดับที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งแวดล้อมในไร่องุ่น ขอบและก้านเบรกเป็นสีดำด้านและดำมันตามลำดับ ตราสัญลักษณ์สีทองแดง โลโก้ มาเซราติ สีทองแดงมันบนพื้นผิวมัน ส่วนหลังคาแบบซอฟต์ท็อปเป็นสีดำเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนรายละเอียดที่โรแมนติกที่สุดคือการตกแต่งภายใน ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของติญาเนลโล และเฉลิมฉลองประวัติอันยาวนานของผู้ผลิตไวน์ได้ชัดเจน รวมทั้งนำธรรมเนียมประเพณี นวัตกรรม และความประณีตมาผสานรวมกันอย่างลงตัว เบาะนั่งทำจากหนังตกแต่งด้วยวัสดุหลายอย่างในโทนสีเงินและสีแดงเบอร์กันดีที่ถักทอเข้าด้วยกันด้วยวัสดุของบริษัท Vegea ซึ่งเป็นเส้นใยที่มีความยืดหยุ่นซึ่งพัฒนามาจากวัสดุในไร่องุ่น ชวนให้นึกถึงต้นองุ่นที่เรียงรายเป็นแนวบนเนินเขาติญาเนลโลที่มีหินอัลบาเรส (Alberese) อยู่ตรงกลาง วัสดุนี้ทั้งดูเหมือนหนัง และให้ความรู้สึกเช่นเดียวกัน ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในยนตรกรรมของมาเซราติ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/12xk4iGgii8LKywSAVcV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="12xk4iGgii8LKywSAVcV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="720,405"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนวัสดุอื่นๆ ล้วนทำจากวัสดุธรรมชาติทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นไม้สีเข้มสลักด้วยเลเซอร์ เพื่อสื่อถึงเทคนิคการใช้ความร้อนในการทำถังไม้โอ๊กสำหรับบ่มไวน์ การตกแต่งที่ประตูมีรายละเอียดสะท้อนถึงการผลิตไวน์ ติญาเนลโล พนักพิงศีรษะปักลายหรูผสานทั้งตราตรีศูลของมาเซราติและดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่น ซึ่งประทับอยู่บนฉลากของของไวน์ติญาเนลโลมานาน นอกจากนี้ยังได้สลักเลข 1971 และ 2021 ด้วยเลเซอร์ลงบนคอนโซลกลาง สื่อถึง 50 ปี ที่ไวน์ติญาเนลโลออกสู่ตลาด​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/j3YZTZjYNNZX7CtmeKn4.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="j3YZTZjYNNZX7CtmeKn4.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4" origin-size="720,405"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ กรันคาบริโอ โฟลกอเร ยนตรกรรมเปิดประทุนล่าสุดจาก มาเซราติ ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า 100% และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดในตลาด การผสานสุดยอดสมรรถนะ ความสะดวกสบาย สไตล์ที่โดดเด่น และความหรูหรา ทำให้รถยนต์รุ่นนี้โดดเด่นมาก รวมทั้งยังมีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยซึ่งพัฒนามาจากเครื่องยนต์ของฟอร์มูล่า อี ทำให้ทรงพลังแต่ยังคงสะดวกสบาย มีสไตล์หรูหราในแบบฉบับของค่ายตรีศูล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มาเซราติ กรันคาบริโอ เป็นรถยนต์ 4 ที่นั่ง มีหลังคาแบบซอฟต์ท็อป มาพร้อมระบบและรายละเอียดที่เปี่ยมนวัตกรรมมากมาย เช่น ระบบอุ่นต้นคอสำหรับการเดินทางแบบเปิดประทุนที่ให้ความสบาย แม้ในขณะที่อุณหภูมิภายนอกลดลง หรือระบบหยุดกระแสลมที่จะช่วยลดแรงลมหมุนวนภายในห้องโดยสาร เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/motoring/zeekr-officially-launched-in-thailand" alt="ZEEKR บุกไทยอย่างเป็นทางการ ประเดิมขายรุ่นแรก ZEEKR X เคาะราคาเริ่ม 1,199,000 บาท">ZEEKR บุกไทยอย่างเป็นทางการ ประเดิมขายรุ่นแรก ZEEKR X เคาะราคาเริ่ม 1,199,000 บาท</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดศักราชรถไฟฟ้า 100% ‘มาเซราติ กรันคาบริโอ โฟลกอเร ติญาเนลโล’ เปิดประทุนสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ย้ำความเป็นเจ้าตำนาน

<h2>​​Maserati เปิดตัว ‘GranCabrio Folgore’ รถ EV สปอร์ตเปิดประทุน ‘เร็วที่สุดในโลก’ โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 290 กม./ชม. สนนราคาเริ่มต้นที่ 8 ล้านบาท </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ค่ายรถหรูแบรนด์ดังอย่าง Maserati จัดงานฉลองการดำเนินธุรกิจครบรอบ 110 ปีพร้อมก้าวสู่ศตวรรษใหม่แห่งการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวแบบ 100% ภายใต้คอนเซ็ปต์งาน “Folgore Day”&nbsp; ณ ประเทศอิตาลี เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ งานดังกล่าวมีการเปิดตัวรถรุ่น GranCabrio Folgore ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า EV แบบสปอร์ตเปิดประทุน ซึ่งทางแบรนด์ยังชูจุดเด่นของรถ EV รุ่นนี้ด้วยว่าเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลก โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2.8 วินาทีเท่านั้น และยังทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 290 กม./ชม. เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ รองรับการชาร์จไว 270kW ชาร์จเพียง 5 นาที วิ่งได้ 100 กม. เป็นต้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/sggVFBtsjyjoucCY9Lyz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="sggVFBtsjyjoucCY9Lyz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/TyZ2wpzXkUWpBTDbwFb4.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="TyZ2wpzXkUWpBTDbwFb4.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน Davide Danesin หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์ GT และ Quattroporte ของ Maserati กล่าวว่า รถสปอร์ตเปิดประทุนรุ่นนี้ เน้นให้ความสำคัญกับ “ความสะดวกสบาย” เป็นหลักมากกว่า “ความคล่องตัว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการตกแต่งภายในของ GranCabrio Folgore สามารถปรับแต่งได้อย่างหลากหลายด้วยสีและวัสดุต่างๆ โดยผู้ที่เป็นเจ้าของ Folgore สามารถเลือกการตกแต่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งทําจาก Econyl วัสดุ “ไนลอนที่สร้างจากอวนจับปลาและพรมรีไซเคิล” ได้อีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม Maserati Grancabrio Fogore รุ่นนี้ คาดว่าจะจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2568 และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 2.2 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 8 ล้านบาท&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/qBsVL3thVWFKDQmcVMMT.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="qBsVL3thVWFKDQmcVMMT.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/GRiSUKNmAnq48ifuPQBp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="3" data-file-name="GRiSUKNmAnq48ifuPQBp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> ​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/byd-test-ev-bus-at-thong-lor" alt="BYD ทดสอบการวิ่ง ‘รถบัสไฟฟ้า’ รับ-ส่งฟรีย่านทองหล่อ จ่อขยายสู่รถ EV เชิงพาณิชย์">BYD ทดสอบการวิ่ง ‘รถบัสไฟฟ้า’ รับ-ส่งฟรีย่านทองหล่อ จ่อขยายสู่รถ EV เชิงพาณิชย์</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

Maserati เปิดตัว ‘GranCabrio Folgore’ รถ EV สปอร์ตเปิดประทุน ‘เร็วสุดในโลก’  สนนราคาเริ่มต้น 8 ล้าน

<h2>ค่ายตรีศูล ‘มาเซราติ’ เปิดตัว “กรันทูริสโม โฟลกอเร” (GranTurismo Folgore) รถสปอร์ต ลักชัวรี ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นประเทศที่สองในเอเชีย ด้วยราคา 12.9 ล้านบาท รับตลาดรถหรูฟื้นตัว ชูนวัตกรรมใหม่ผสานตำนาน 75 ปี สไตล์แบรนด์อิตาเลียน ขยายฐานคนรุ่นใหม่มุ่งพลังงานสะอาด คาดปีนี้ปิดยอดขาย 70 - 80 คัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดรถหรูกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ปี 2566 ที่ผ่านมา และคาดว่าปีนี้จะกลับมาเป็นปีที่ดีที่สุด หลังจากในช่วงโควิดการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และการส่งมอบรถยนต์ชะลอตัว โดยมาเซราติ ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถยนต์ ‘มาเซราติ กรันทูริสโม’ โฉมใหม่ ที่มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาป และขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% เพื่อขยายฐานคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มเลือกใช้รถยนต์พลังงานสะอาดมากขึ้น​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/5F78VRmUR1XgNzpU5Nxz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5F78VRmUR1XgNzpU5Nxz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>ปิยะเทพ ศิวากาศ</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันยังได้สมรรถนะในการขับขี่แบบรถสปอร์ต โดยรุ่น “กรันทูริสโม โฟลกอเร” (GranTurismo Folgore) ถือเป็นการเปิดตัวรถยนต์สปอร์ตพลังงานไฟฟ้าครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นการเปิดตัวของมาเซราติประเทศที่สองในเอเชีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มเลือกใช้รถยนต์พลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาจากการสำรวจพฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่จะมีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้สัมผัสกับรถยนต์สปอร์ตที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ให้สมรรถนะในการขับขี่ที่ผสานระหว่างนวัตกรรมและตำนานกว่า 75 ปี ของรถกรันทูริสโมจากอิตาลี ที่ตั้งใจพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้ประสบการณ์จากสนามแข่ง ฟอร์มูล่า อี มาเซราติกรันทูริสโม ถือเป็นจุดรวมของอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของมาเซราติ” ปิยะเทพกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการเปิดตัวรถยนต์มาเซราติกรันทูริสโม จากค่ายตรีศูลในครั้งนี้ มี 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ โมเดนา (Modena) ความแรง 490 แรงม้า (HP) แรงบิด 600 นิวตันเมตร ราคาเริ่มต้น 14.5 ล้านบาท และ โทรเฟโอ (Trofeo) ที่อัพเกรดเพิ่มกำลังเป็น 550 แรงม้า (HP) แรงบิด 650 นิวตันเมตร ราคาเริ่มต้น 16.9 ล้านบาท​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/Dopt9CcX52FSbQwB6kz9.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="Dopt9CcX52FSbQwB6kz9.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน กรันทูริสโม โฟลกอเร (GranTurismo Folgore) ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ส่งกำลังผ่านมอเตอร์ 402 แรงม้า (HP) จำนวน 3 ตัว (หน้า 1 หลัง 2) วางเป็นรูปตัว “T” เพื่อให้ได้อารมณ์ในการขับขี่ พร้อมเสียงสังเคราะห์แบบรถสปอร์ต ผสานเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ ความจุ 92.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เทคโนโลยีของรถแข่งฟอร์มูลา อี (Formula E) 761 แรงม้า (HP) แรงบิด 1,350 นิวตันเมตร ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/SVh3Fwhq5dJEEmZHhEQi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="SVh3Fwhq5dJEEmZHhEQi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายในห้องโดยสารของมาเซราติ กรันทูริสโม ติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA) อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุด หน้าจอ comfort display ที่รวมฟังก์ชั่นหลักของทัชสกรีนอเนกประสงค์ นาฬิกาดิจิทัลอัจฉริยะ (Dijital Smart Clock) และเฮด-อัพ ดิสเพลย์ (เป็นออปชั่น) และมอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’ การันตีด้วยสุ้มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ มาเซราติ รวมทั้งเวอร์ชั่นรถไฟฟ้า เกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab ผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับรถยนต์สปอร์ต มาเซราติ กรันทูริสโม โฟลกอเร มีระยะทางวิ่งกว่า 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งด้วยโครงสร้างพื้นฐานของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีความพร้อม เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เมเซราติเลือกเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย เป็นประเทศที่สองในเอเชีย รองจากสิงคโปร์​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/BY3Tw4joCda3cLA7b3PM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BY3Tw4joCda3cLA7b3PM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="3"></figure></div> ตลาดรถหรู 2,000 คันฟื้นตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปิยะเทพ กล่าวว่า ตลาดรถหรูในประเทศไทยมียอดจำหน่ายประมาณ 2,000 คันต่อปี ปีนี้คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัว โดยมาเซราติคาดว่าจะมียอดขายประมาณ 70 - 80 คัน โดยจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามีเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีสัดส่วน 20 - 30% จากตลาดรวม โดยมาเซราติ รถยนต์หรูภายใต้กลุ่มสเตลแลนทิส ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำจากประเทศอิตาลี ยังมีแบรนด์อื่นๆ เข่น อัลฟ่า โรมิโอ, เฟียต และเปอร์โยต์ มีแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้พลังงานสะอาดคาดว่าจะมีสัดส่วนจากตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 40 - 50% ในประเทศไทย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/mcDde3VvbAMXenEDoB1e.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mcDde3VvbAMXenEDoB1e.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับรถยนต์รุ่นกรันทูริสโม มาเซราติ ประเทศไทย ได้โควตานำเข้ามาจำหน่ายประมาณ 12 คัน ซึ่งขณะนี้มียอดจองเข้ามาแล้ว ซึ่งผู้บริโภคจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่อยากทดลองใช้รถพลังงานไฟฟ้า กับกลุ่มดั้งเดิม ซึ่งเป็นฐานลูกค้า ส่วนใหญ่จะซื้อเพื่อสะสม จะให้ความสำคัญกับเครื่องยนต์และเสียงที่สะท้อนถึงความเป็นรถสปอร์ตหรูเป็นหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตลาดรถหรูไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อ แต่ช่วงที่ผ่านมา ตลาดได้รับผลกระทบจากการชะลอการเปิดรถยนต์รุ่นใหม่ๆ และการส่งมอบที่ล่าช้า อย่างแบรนด์มาเซราติ ค่ายตรีศูล เน้นการผลิตรถยนต์จำนวนไม่มากในแต่ละปี โดยวางโพสิชั่นเหมือนสินค้าแบรนด์เนมที่มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายจะซื้อเพื่อสะสม และให้ความสำคัญกับเครื่องยนต์เป็นหลัก” ปิยะเทพกล่าว ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/lamborghini-supercar-sold-out-2026" alt="เศรษฐกิจชะลอไม่กระทบคนรวย! Lamborghini อวดยอดซูเปอร์คาร์ ขายหมดถึงปี 2026 แล้ว">เศรษฐกิจชะลอไม่กระทบคนรวย! Lamborghini อวดยอดซูเปอร์คาร์ ขายหมดถึงปี 2026 แล้ว</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Maserati เผยโฉมใหม่ GranTurismo รถสปอร์ตอีวี คันแรกในไทย ราคา 12.9 ล้าน

<h2>มาเซราติ จัดงานสุดพิเศษ พร้อมการปรากฏตัวของคนดังระดับโลก อย่าง David Beckham และ Hiroshi Fujiwara เพื่อร่วมฉลอง มาเซราติ กรันทูริสโม โฉมใหม่ พร้อมเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษ Fuoriserie One Off 3 เวอร์ชั่น และรุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน เนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี</h2> มาเซราติ ได้จัดงานเปิดตัว มาเซราติ กรันทูริสโม รุ่นใหม่ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 19 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ณ โชว์รูม มาเซราติ แห่งใหม่ใจกลางเมืองแฟชั่นระดับโลกของประเทศอิตาลี โดยภายในงานฯ นอกจากจะมีการรวมตัวของเหล่าบุคคลที่มีชื่อเสียงจากแวดวงแฟชั่น วงการบันเทิง กีฬา และดนตรีแล้ว ยังมีการเปิดตัว มาเซราติ กรันทูริสโม รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพื่อฉลองการครบรอบ 75 ปี และรุ่นพิเศษอีก 3 คัน ได้แก่ มาเซราติ กรันทูริสโม One Off Prisma กับ กรันทูริสโม One Off Luce ที่ออกแบบโดย Maserati Centro Stile และ กรันทูริสโม One Off Ouroboros ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจสุดแรงกล้าของ Hiroshi Fujiwara ดีไซเนอร์ชั้นนำแห่งวงการสตรีทแฟชั่นของประเทศญี่ปุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมกันนี้ David Beckham ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Global Brand Ambassador ของมาเซราติ ยังได้เข้าร่วมงานดังกล่าวอีกด้วย เพื่อร่วมสัมผัส มาเซราติ กรันทูริสโม รุ่นใหม่อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับ Hiroshi Fujiwara ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น Dardust นักเปียโนและนักแต่งเพลงชาวอิตาลี และ Matilda De Angelis นักแสดงสัญชาติอิตาลี เพื่อร่วมกันฉลองความสำเร็จของการเปิดตัวซูเปอร์คาร์ระดับไอคอนรุ่นดังกล่าวแห่งค่ายตรีศูลโดย มาเซราติ กรันทูริสโม ได้ถูกพัฒนาและสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 2490 พร้อมความโดดเด่นในด้านการขับขี่ระยะทางไกล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับรถมาเซราติ กรันทูริสโม One Off ตัวต้นแบบทั้งสามคัน ที่ถูกออกแบบภายใต้โปรแกรม Fuoriserie จะมีทั้งรถยนต์คันจริงและในรูปแบบ 3D ในขณะที่มาเซราติ กรันทูริสโม รุ่นครบรอบ 75 ปี จะมีการตกแต่งด้วยดีไซน์ใหม่ให้มีความโดดเด่น เพื่อยกระดับความหรูหรา และความพิเศษมากยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มาเซราติ กรันทูริสโม One Off Prisma นับเป็นผลงานฝีมือสุดประณีต ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเน็ททูโน (Nettuno) เบนซิน วี 6 สูบ สะท้อนถึงต้นกำเนิดของรถรุ่นนี้ โดยทุกรายละเอียดของตัวรถผ่านฝีมือการรังสรรค์ที่มีความประณีตในการการเลือกเฉดสี และการตกแต่งด้วยตัวอักษร กว่า 8,500 ตัวที่บอกเล่าชื่อรถยนต์รุ่นต่างๆ ของมาเซราติ โดยตัวรถแต่งแต้มด้วย 14 เฉดสี โดย 2 เฉดสีจากทั้งหมดจะบ่งบอกถึงพลังแห่งอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่ 12 เฉดสี เป็นสีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอดีตของ มาเซราติ กรันทูริสโม อาทิ สีแดง Amaranto อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น Maserati A6 1.500 ปี 2490 หรือสีทอง Oro Longchamps ของรุ่น Maserati Khamsin ปี 2516​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/04/T42KEXAG3vGc5oZhnSrA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="T42KEXAG3vGc5oZhnSrA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,366" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มาเซราติ กรันทูริสโม One Off Luce ที่พัฒนาขึ้นจากนวัตกรรมซูเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้ารุ่น Folgore ซึ่งบ่งบอกถึงการค้นคว้าและการวิจัยอย่างต่อเนื่องของมาเซราติ การตกแต่งภายนอกมีการเคลือบด้วยสีสะท้อนแบบกระจกที่ตัวถัง พร้อมแกะสลักลวดลายด้วยเลเซอร์ และลงสีด้วยสีที่ทำให้รถดูกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในได้นำเสนอสัมผัสแห่งอนาคต ด้วยการใช้ไนลอนชนิดพิเศษ ECONYL® ที่มอบความสวยงาม และยังโดดเด่นด้วยตกแต่งด้วยสีน้ำเงินแบบโมโนโครมตามสีของท้องทะเล ภายในมีความโดดเด่นด้วยเส้นสายลายกราฟิกบริเวณคอนโซลกลาง และการใช้เลเซอร์สร้างลวดลายแบบไล่ระดับสีที่เบาะพนักพิง ผลลัพธ์ที่ได้คือการตกแต่งขั้นสูงที่สร้างความโดดเด่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อสื่อถึงความแข็งแกร่งและจิตวิญญาณของ มาเซราติ พร้อมด้วยความงดงามของการดีไซน์ที่น่าอัศจรรย์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Klaus Busse หัวหน้าแผนกดีไซน์ของมาเซราติ เผยว่า “มาเซราติ กรันทูริสโม Prisma คือผลงานที่มีความโดดเด่นและรวบรวมทุกความสำเร็จของมาเซราติตลอด 75 ปี และ กรันทูริสโม รุ่น Luce คืออนาคตของเรา รถทั้งสองคันนี้ถือเป็นความสมดุล และความสมบูรณ์แบบด้านนวัตกรรม ส่วน กรันทูริสโม รุ่น Prisma แสดงถึงความงดงามและความเป็นเลิศในด้านศิลปะ ที่ผสานความเชี่ยวชาญ ตามแบบฉบับช่างฝีมือชาวอิตาลี ในขณะที่ กรันทูริสโม รุ่น Luce เน้นการสื่อให้เห็นถึงอีกขั้นของเทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ผสานวิสัยทัศน์และความสร้างสรรค์ของชาวอิตาลี เข้าไว้ด้วยกัน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และจากการที่ มาเซราติ เป็นพันธมิตรกับ Fragment แบรนด์ดีไซน์เนอร์สัญชาติญี่ปุ่น มาตั้งแต่ปี 2564 ก็ได้เปิดตัว กรันทูริสโม One Off Ouroboros กรันทูริสโม ดีไซน์แบบ 3D ที่ถูกออกแบบด้วยฝีมือของ Hiroshi Fujiwara ผู้นำสตรีทแฟชั่น โดยเน้นการตีความร่วมสมัยของกรันทูริสโมในรูปแบบของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมสื่อถึงการเชื่อมโยงและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย Hiroshi Fujiwara ได้ผสมผสานการออกแบบ โดยอาศัยองค์ประกอบที่โดดเด่นของ มาเซราติ รุ่นต่าง ๆ ในอดีต อย่างการนำกระจังหน้าจากรุ่น A6GCS Berlinetta Pininfarina และช่องระบายอากาศข้างตัวรถจากรุ่น 3500 GT ซึ่งนับว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามแห่งยุค 50 พร้อมด้วยไฟหน้าทรงกลมแบบปิดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถแข่งในยุค 60 เช่น มาเซราติ รุ่น Tipo 151 ในขณะที่ล้อฟอร์จได้รับแรงบันดาลใจจากล้อแม็กนีเซียมอัลลอยด์รุ่นบุกเบิกแบรนด์ Bora ในยุค 70 และแผงไฟท้ายที่มาจากการออกแบบที่ล้ำสมัยของรุ่น Shamal ในช่วงยุค 80 และ 90&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Hiroshi Fujiwara ผู้อยู่เบื้องหลังของแบรนด์ Fragment เผยว่า “มาเซราติ กรันทูริสโม รุ่น Ouroboros คือภาพสะท้อนของวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงการออกแบบของ มาเซราติ ในยุคต่างๆ รวมถึง กรันทูริสโม ในรุ่นปัจจุบัน พวกเราทำงานร่วมกับ มาเซราติ เพื่อผสานองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและสมรรถนะขั้นสูงสุดในปัจจุบันของ มาเซราติ เข้ากับการดีไซน์ระดับไอคอนเพื่อขับเคลื่อนความเป็นตำนานให้คงอยู่ตลอดไป”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนหนึ่งของการทำงานร่วมกับแบรนด์ Fragment ในงานเปิดตัวครั้งนี้ Hiroshi Fujiwara ยังได้จัดแสดงสินค้าคอลเลคชั่นล่าสุด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์การเดินทางสุดหรูด้วยรถยนต์ มาเซราติ กรันทูริสโม พร้อมกับการเผยโลโก้ใหม่ที่ผสานกันระหว่าง มาเซราติ และแบรนด์ Fragment ที่ได้รับแรงบันดาลใจที่มีกลิ่นอายของโมเดน่าและโตเกียว เมืองบ้านเกิดของทั้งสองแบรนด์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยสินค้าในคอลเล็กชั่นนี้ประกอบไปด้วยเสื้อยืด เสื้อสเวตเตอร์ กางเกงวอร์มสีขาวและสีดำ หมวกแก๊ป พวงกุญแจ มาเซราติรุ่น กรันทูริสโม รุ่น A6 1.500 คันแรกของโลก ถุงผ้า แผนที่ประเทศอิตาลีที่ถูกออกแบบโดย Yorgo Tloupas สำหรับนักสะสมโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีผ้าห่มที่ทำจากผ้าแคชเมียร์ และเก้าอี้กับโต๊ะพกพาที่สร้างสรรค์ร่วมกับ Helinox คอลเลคชั่นนี้ เหมาะสำหรับใช้ช่วงแวะพักระหว่างทริปการเดินทางด้วย มาเซราติ ที่ทั้งสมบูรณ์แบบและน่าจดจำ ซึ่งสินค้าทั้งหมดจะถูกวางจำหน่ายบนเว็บไซต์ Maserati.com และที่โชว์รูมมาเซราติที่ร่วมรายการ ตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2023 เป็นต้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งไฮไลท์ของงาน คือ มาเซราติ กรันทูริสโม รุ่นเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ที่ได้สร้างความเย้ายวนใจอย่างยิ่งภายในงานฯ โดยรถยนต์รุ่นพิเศษนี้มีให้เลือก 4 รุ่น เริ่มด้วย รุ่นเครื่องยนต์แบบสันดาบที่มีให้เลือกทั้งสีเทา Grigio Lamiera หรือ สีดำ Nero Cometa และแบบเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น Folgore สีน้ำตาล Rame Folgore และสีน้ำเงิน Blu Inchiostro ซึ่งแต่ละสีจะผลิตขึ้นเพียงสีละ 75 คันเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยผลงานชิ้นเอกที่ถูกนำเสนอทั้งในรูปแบบรถคันจริง และแบบ 3D ทั้งหมดนี้ ได้สะท้อนความมุ่งมั่นของ มาเซราติ ที่พร้อมขับเคลื่อนไปสู่อนาคต และยังเป็นยนตรกรรมที่ถูกสร้างขึ้นแบบ Fuoriserie ที่ให้ลูกค้าได้แสดงตัวตนที่ชัดเจนผ่านการออกแบบและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร โดยหลังการเปิดตัวที่งาน Milan Design Week 2023 แล้ว ยนตรกรรม มาเซราติ ทั้งหมดนี้จะเดินทางไปทั่วโลก เพื่อร่วมฉลองการเปิดตัว มาเซราติ กรันทูริสโม และเปิดโอกาสให้ผู้ที่หลงใหลในยนตรกรรมของ มาเซราติ ได้ร่วมสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด​

มาเซราติ กรันทูริสโม เฉิดฉายที่เมืองมิลาน เทศกาลดีไซน์วีค

<h2>Maserati ซูเปอร์คาร์สัญชาติอิตาเลียนประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ Hiroshi Fujiwara ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Fragment Design สู่การสร้างสรรค์ Maserati Ghibi Hybrid Limited Edition พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกกลางปีนี้ที่ประเทศญี่ปุ่น</h2>
Paolo Tubito ผู้บริหารฝ่ายการตลาด มาเซราติ (Maserati) เปิดเผยว่า ความร่วมมือในการสร้างสรรค์ระหว่างศิลปินชาวญี่ปุ่นและ Maserati เริ่มต้นจากการเดินทางของ Hiroshi Fujiwara ไปยังสถานที่ต่างๆของ Maserati ในเมือง Modena และ Centro Stile Maserati ที่ใช้สำหรับการออกแบบรถยนต์หลากรุ่นในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งช่วยให้เข้าใจถึงวิวัฒนาการของแบรนด์อย่างถ่องแท้

ขณะเดียวกัน Hiroshi Fujiwara ยังได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบ การวิจัยเกี่ยวกับสี และวัสดุในเชิงลึก รวมทั้งรายละเอียดทางศิลปะ ซึ่งเป็นประสบการณ์อันน่าประทับใจนำไปสู่นวัตกรรมด้านวิศวกรรมอันล้ำสมัยโดย Hiroshi Fujiwara ได้จำแนกองค์ประกอบที่มีบทบาทสำคัญ ในการสร้างประวัติศาสตร์ของ มาเซราติ เพื่อรังสรรค์ Fragment x Maserati ให้เป็นรถสปอร์ตที่สะท้อนอดีตอันรุ่งโรจน์ ผสานแนวคิดทางศิลปะสไตล์ญี่ปุ่น และแสดงถึงอนาคตอันรุ่งโรจน์ของค่ายตรีศูล

“ผมชอบรถยนต์และรักในการขับขี่มาก และเมื่อได้ไปเยือนสำนักงานใหญ่ Maserati ที่เมือง Modena ประเทศอิตาลีก็พบว่ามรดกของแบรนด์นั้นทรงพลังอย่างมาก และได้แรงบันดาลใจจากการพัฒนารูปลักษณ์ของกระจังหน้า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยขณะอยู่ที่ Centro Stile Maserati ก็รู้สึกอัศจรรย์ใจกับภาพร่าง วัสดุ การศึกษารูปแบบ และความใส่ใจในทุกรายละเอียด มาเซราติ จึงเป็นนับพันธมิตรอันยอดเยี่ยม สำหรับการรังสรรค์ผลงานเกี่ยวกับรถยนต์เป็นครั้งแรก” Hiroshi Fujiwara กล่าว

นอกจากนั้น ภายใต้แบรนด์ Fragment Design ของ Hiroshi Fujiwara ยังมีการร่วมมือกับศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้ Fragment x Maserati ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน แต่เป็นการผสานวัฒนธรรมและหลอมรวมแบรนด์ระดับไอคอนของ 2 วงการ โดย Maserati ได้ฉีกกฎเกณฑ์ดั้งเดิมด้วยการเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ ส่วน Hiroshi Fujiwara ก็ได้โอกาสในการสื่อสารถึงความเป็น Maserati ผ่านมุมมองของวัฒนธรรมแบบสตรีท ซึ่งเป็นศิลปะแขนงใหม่ที่โดดเด่นและน่าสนใจ

“เมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ Maserati ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งถึงความเป็นแบรนด์ที่มีอิสระและเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยก้าวผ่านขีดจำกัดผสมผสานวัฒนธรรมนานาชาติร่วมสมัย ส่งผลให้ Maserati เป็นยานยนต์แห่งนวัตกรรมโดยธรรมชาติ ด้วยแรงผลักดันจากความหลงใหล และการออกแบบที่แตกต่าง

โดยความร่วมมือกับ Hiroshi Fujiwara นับเป็นการพิสูจน์ถึงความเปลี่ยนแปลงอีกระดับ และสะท้อนศักยภาพในการรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมได้อย่างแท้จริง” Paolo Tubito กล่าวถึงการเป็นพันธมิตรระหว่าง Maserati และ Hiroshi Fujiwara ที่นำไปสู่การสร้างรถ Maserati รุ่น Ghibi Hybrid แบบ Limited Edition ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ปัจจุบัน Maserati เป็นผู้ผลิตรถยนต์จำหน่ายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก นำโดยซีดานสุดหรู Quattroporte, สปอร์ทซีดาน Ghibli และ SUV รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ Levante รวมทั้งยนตรกรรมรุ่นพิเศษ Trofeo Collection และ MC20 ซึ่ง Maserati ผลิตขึ้นในโรงงาน 3 แห่ง โดยรุ่น Quattroporte และ Ghibli ผลิตที่โรงงาน Avvocato Giovanni Agnelli Plant และ Levante ผลิตที่ Mirafiori Plant ส่วน MC20 ผลิตที่โรงงาน Viale Ciro Menotti

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/america/stephen-hoge-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81-modern.html">Stephen Hoge มหาเศรษฐีคนล่าสุดจาก Moderna</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Maserati ผสานสไตล์สตรีทแฟชั่นญี่ปุ่น "Fragment x Maserati"

บรรดาแฟนคลับรถยนต์อีตาลี ของ Maserati ทั่วโลกต่างร้องโอดโอยไปตามๆ กันเมื่อ Maserati เปิดตัวรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ หรือ SUV คันแรกของค่ายเจ้าของโลโก้ ตรีศูร นี้ ในงาน GENEVA Motor Show เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา&nbsp; ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ Maserati กระโดดลงมาสู่ตลาดรถ SUV ที่มีผู้เล่นในตลาดอย่าง Porsche Caqyenne, Audi Q5, BMW X5 และ Mercedes Benz GLC 
 
Maserati Levante คือชื่ออย่างเป็นทางการของรถยนต์ในตระกูล SUV คันนี้ หลังจากที่ Maserati จดๆ จ้องๆ ที่จะกระโดดเข้ามาสู่แวดวงสงครามนี้ เมื่อ 5 ปีก่อน ด้วยรถ SUV ต้นแบบอย่าง Maserati Kubang ออกมาสู่สายตาชาวโลก แต่โครงการดังกล่าวก็ถูกพับเงียบหายไป จนล่าสุด Maserati ได้เปิดตัว Maserati Levante อย่างเป็นทางการในงาน Geneva Motor Show ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือ สัญญาณจาก Maserati ประกาศให้โลกรู้ว่าหนึ่งในสุดยอดรถของ อิตาลี ขอก้าวเข้าสู่ตลาดรถ SUV ของโลกใบนี้แล้ว 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/maceriti/03-re.jpg" /> 
&ldquo;Levante&rdquo; นั้นเป็นชื่อเรียกของ ลมอันอบอุ่นจากทะเล Mediterranean ที่สามารถแปรสภาวะจากกระแสลมอ่อนโยนเป็นลมพายุได้ในฉับพลัน ซึ่งเป็นคุณลักษณะเดียวกับ Maserati Levante ที่สอดประสานความอ่อนโยนและความดุดันอย่างเป็นหนึ่งเดียวเพียงแค่คุณเหยียบคันเร่ง 
 
สำหรับความหรูหรา Maserati Levante ออกแบบอย่างประณีตเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการรถยนต์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหรูหราในทุกด้าน การตกแต่งภายในของ Levante Maserati จับมือกับแบรนด์เสื้อผ้าระดับโลก Ermenegildo Zegna ร่วมออกแบบและเป็นผลงานที่ผสมผสานหนังชั้นดีและผ้าไหมระดับโลกไว้ภายใน พร้อมความสุนทรีย์จากเครื่องเสียง Bowers &amp; Wilkins ตลอดการเดินทาง 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/maceriti/01-re.jpg" /> 
Maserati Levante มากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD ฟูลไทม์ (Full Time) ขณะที่ขุมกำลังใช้ขุมพลังเดียวกับ Maserati Ghibli นั่นคือ เครื่องยนต์ เบนซิน และดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร ที่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 5.2-6.9 วินาทีเท่านั้น เทียบเท่ากับรถสปอร์ต Super Car ระดับโลกทีเดียว 
 
สำหรับประเทศไทย บริษัท เอ็มไพร์ มอเตอร์ สปอร์ต จำกัด คือผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว พรศริน เมธีวัชรานนท์ หรือ คุณโอ๋ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยืนยันกับ Forbes Thailand ว่า ทางเอ็มไพร์ มอเตอร์สปอร์ต มีแผนนำเข้า Maserati Levante รถ SUV หรูรุ่นนี้เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างแน่นอน โดยคาดว่ารถคันแรกจะมาถึงมือลูกค้าในต้นปี 2017 อย่างแน่นอน 
 
Maserati Levante ที่ทาง เอ็มไพร์ มอเตอร์สปอร์ต นำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเราในช่วงแรกมีเพียงเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตรเท่านั้น ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน ยังไม่มีแผนนำเข้ามาจำหน่าย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ Maserati จากอิตาลีที่ต้องการขยายตลาดเครื่องยนต์ดีเซลในประเทศไทยและเอเซียรวมถึงในอังกฤษ 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/maceriti/080316_0078_resize-RE.jpg" /> 
ตรงจุดนี้ ก็ต้องเป็นการบ้านข้อใหญ่ของ เอ็มไพร์ มอเตอร์สปอร์ต ที่ต้องไปสร้างความเข้าใจในเรื่องจุดเด่นของเครื่องยนต์ดีเซลให้กับลูกค้า เพราะตลาดรถยนต์ระดับ Super Car นั้นลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงนิยมเครื่องยนต์เบนซินแต่&hellip;ก็คงไม่ใช่เรื่องยากมากนัก เพราะคุณโอ๋ บอกว่าตอนนี้มีลูกค้าให้ความสนใจ โทร.มาถามไถ่ กันไม่น้อยทีเดียว หลังจากที่รู้ว่า Maserati เปิดตัว Levante อย่างเป็นทางการ 
 
ด้านราคาทางบริษัทอยู่ระหว่างการคำนวณภาษีสรรพสามิตกับทางภาครัฐ ซึ่งใครที่อยากได้เจ้า SUV หรู แบบไม่เหมือนใครไว้ในครอบครองต้องรออีกนิดนะครับ คาดว่าภายในปลายเดือนมีนาคมนี้ ราคาอย่างเป็นทางการของ Maserati Levante น่าจะได้สรุป แต่หากใครอยากทราบราคาคร่าวๆ ของ Maserati Levante จะแพงกว่า Porsche Macan R4 เครื่องยนต์ดีเซลประมาณ 5% หรืออยู่ในราคาราวๆ ประมาณ 6 ล้านบาท บวกลบ 
หากใครต้องการเห็นตัวจริงของ คร่าวๆ ทาง เอ็มไพร์ มอเตอร์สปอร์ต เตรียมนำรถมาโชว์ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อให้สาวก Maserati ได้ชมกันอย่างเต็มที่ ส่วนรถที่จำหน่ายนั้นสามารถส่งมอบได้ตั้งแต่ต้นปี 2017 เป็นต้นไป 
 
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/maceriti/06-RE.jpg" /> 
ทั้งนี้ คุณโอ๋ บอกกับผมถึงเป้าการจำหน่าย Maserati Levante ในปีนี้ไว้ทั้งสิ้นประมาณ 10 คัน สอดคล้องกับเป้าขายทั้งหมดของ เอ็มไพร์ มอเตอร์สปอร์ต ในปี 2016 ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 30 คัน ทั้งนี้ยอดจำหน่ายในปี 2015 เอ็มไพร์ มอเตอร์สปอร์ต ทำได้ 22 คัน โดยยอดขายส่วนใหญ่กว่า 80% มาจาก Maserati Ghibli 
 
ครับ...ใครที่เป็นแฟน แบรนด์ ตรีศูร สุดยอดรถจากแดนมักโรนี Maserati แล้วอยากครอบครอง Levante ละก็ คงต้องร้องเพลงรอกันอีกนิดนะครับ เปิดตัวปลายปีนี้ ได้รถปีหน้า 
 
ถ้ารอได้....บอกได้คำเดียวว่า เท่....มากกกกก!! 
 
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="450" src="https://www.youtube.com/embed/YoZjQe2LXjs" width="100%"></iframe> 
 
 
โดย 
นิธิ ท้วมประถม

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events