<h2>Phaedra Ellis-Lamkins ก่อร่างสร้าง Promise ให้เป็นกิจการทรงพลังมูลค่า 520 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยการช่วยเทศบาลติดตามหนี้ค้างชำระผ่านการส่งข้อความและแผนผ่อนชำระแบบไม่มีดอกเบี้ย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;April Bingham ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณูปโภค ของเมือง Richmond รัฐ Virginia รู้สึกกังวลระหว่างช่วงโควิดระบาดผู้บริโภคประสบปัญหาเรื่องไม่มีเงินจ่ายค่าสาธารณูปโภคทำให้เมืองนี้มีบัญชีค้างชำระพุ่งไปถึง 41 ล้านเหรียญในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 15 ล้านเหรียญในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2020 ยอดหนี้ที่พุ่งพรวดเช่นนี้ทำให้เกิดคำถามว่าเทศบาลจะเอาเงินที่ไหนมาซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่เก่าลง ซึ่งรวมถึงการดูแลรักษาท่อประปาหลักอายุ 1 ศตวรรษด้วย การติดตามหนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่เพราะบิลค้างชำระเหล่านี้ขยับขึ้นเป็น 13% ของบิลที่ออกโดยผู้ให้บริการสาธารณูปโภคของเทศบาลในแต่ละปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2023 เมือง Richmond จึงหันไปหา Promise บริษัทสตาร์ทอัพด้านซอฟต์แวร์ในเมือง Fairfield รัฐ California ซึ่งบริหารแผนผ่อนชำระหนี้ให้รัฐ California และรัฐบาลท้องถิ่น รวมทั้งช่วยเทศบาลแจกจ่ายเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางด้วย ผลคือ แม้จำนวนบิลที่ค้างชำระ 90 วันจะยังเพิ่มขึ้น แต่มีประชาชน 11,000 คนมาเข้าแผนผ่อนชำระหนี้ และผู้เข้าร่วม 93% ก็ผ่อนชำระตรงเวลาได้ด้วยแอปของ Promise ที่ใช้งานง่าย แผนผ่อนชำระแบบไม่มีดอกเบี้ย และการเปิดให้ผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิต Venmo หรือวิธีการอื่นๆ ได้แทบทุกรูปแบบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตอนที่เราใช้แผนผ่อนชำระของเราเอง (ลูกค้า) จะจ่ายเงิน 1 งวด&nbsp;เพื่อให้ไม่ถูกตัดบริการ แต่ก็จะกลับมาค้างชำระอีกเป็นวงจร”&nbsp;Bingham กล่าว “Promise ช่วยคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ประชาชน ให้พวกเขาควบคุมการเงินของตัวเองและสบายใจที่ตัดสินใจเองได้ว่าบิลไหนจ่ายไหวหรือไม่ไหว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Phaedra Ellis-Lamkins ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Promise การปฏิบัติต่อคนที่ประสบปัญหาการเงินด้วยความเคารพคือหัวใจสำคัญ สตรีผิวดำวัย 48 ปีผู้นี้โตมาได้ด้วยเงินช่วยเหลือ และเคยทำงานเป็นตัวแทนสหภาพแรงงานในช่วงอายุ 20 กว่าปี และ Ellis-Lamkins ยังเคยเป็นผู้บริหารองค์กรไม่แสวงกำไรและเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจให้นักร้องเพลงป๊อปชื่อดัง Prince อยู่ช่วงหนึ่งก่อนที่เธอจะหันมาสนใจช่วยชาวบ้านจ่ายบิล ถึงแม้ Promise จะไม่ใช่องค์กรการกุศลหรือองค์กรไม่แสวงกำไร แต่ Ellis-Lamkins&nbsp;กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทที่โตเร็วและมีนักลงทุนหนุนหลังก็ประสบความสำเร็จได้โดยไม่ต้องเอาเปรียบใคร “เราต่างกำลังพยายามใช้ระบอบทุนนิยมทำในสิ่งที่เราเชื่อ” Ellis-Lamkins กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Promise เน้นการชำระเงินให้องค์การปกครองระดับรัฐและท้องถิ่นและผู้ให้บริการสาธารณูปโภค โดยใช้แอปที่มีหน้าจออัปเดตแบบเรียลไทม์แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินและโครงการช่วยเหลือต่างๆ บริษัทนี้จึงแตกต่างจากสตาร์ทอัพสายเทคการเงินอีกเป็นโขยงในธุรกิจช่วยลูกค้าจ่ายบิล เพราะบริษัทพวกนั้นส่วนใหญ่แค่เสนอสินเชื่อดอกเบี้ยสูงให้ลูกค้าที่กำลังร้อนเงินซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่คนเหล่านี้ต้องการ ส่วน Promise หาเงินจากอีกฝั่งของสมการ โดยผู้ที่จ่ายคือ รัฐบาลและผู้ให้บริการสาธารณูปโภคไม่ใช่ลูกค้า โดยทั่วไปแล้วเทศบาลเมืองต่างๆ จ่ายเงินให้ Promise อย่างน้อยปีละ 1 ล้านเหรียญ และรัฐอาจจ่ายมากถึง 10 ล้านเหรียญ แต่ก็ถือว่าคุ้มสำหรับองค์กรเหล่านี้ เพราะหลังจากเข้ามาใช้บริการของ Promise ยอดเงินค้างชำระที่ติดตามคืนมาได้อาจพุ่งขึ้นไปถึง 85% หรือมากกว่านั้น “สำหรับเทศบาลเมืองแล้วมันเหมือนเจอเงินที่เคยทำหายซึ่งไม่คิดว่าจะได้คืนมา” นักลงทุน Mitch Kapor กล่าว “เรื่องนี้ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ โดยไม่ได้มีแค่เทศบาลหลายเมืองมาเป็นลูกค้า แต่มากันหลายรัฐเลย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตอนเราเริ่มทำบริษัททุกคนแนะนำว่าให้เราออกเงินกู้ แต่ความเป็นจริงคือ สภาพเศรษฐกิจมันไม่เหมาะกับเงินกู้ระยะสั้นที่มีความเสี่ยงสูง” Ellis-Lamkins กล่าว “เรายึดมั่นในแนวทางไม่คิดดอกเบี้ย ลูกค้าต้องตัดสินเองว่าการที่ประชาชนไม่จ่ายเงินนั้นเป็นเพราะเขาไม่อยากจ่ายหรือจ่ายไม่ไหว ถ้าคุณเชื่อจากใจว่าเขาจ่ายไม่ไหวจริงๆ จะไปคิดดอกเบี้ยเขาอีก 30% ก็ไม่ได้ ดอกเบี้ย 30% นี่มันลงโทษกันชัดๆ ใครจะอยากรีดดอกเบี้ยจากคนที่เจ็บปวดเดือดร้อน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปีที่แล้ว Promise มีรายได้ประมาณ 20 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นเกิน 3 เท่าจากรายได้ปี 2022 บริษัทคาดว่ารายได้จะมากกว่าเท่าตัวในปีนี้และเพิ่มอีกเท่าตัวในปีต่อไปจนถึงราว 100 ล้านเหรียญในปี 2025 และ 300 ล้านเหรียญในปี 2027 ซึ่งเป็นผลจากสัญญาหลายสิบฉบับที่บริษัททำไว้กับผู้ให้บริการสาธารณูปโภคและเทศบาลเมืองในหลายรัฐ เช่น Virginia, Mississippi, Hawaii และ Washington และ Ellis-Lamkins กล่าวว่า ไม่ว่าจะมองมุมไหนบริษัทก็มีกำไร เงิน 51 ล้านเหรียญที่ระดมมาได้จากนักลงทุนซึ่งรวมถึง Kapor Capital, First Round, XYZ Capital และ 8VC ทำให้ Promise มีมูลค่าประเมินแตะ 520 ล้านเหรียญในการขายหุ้นเพื่อระดมทุนครั้งล่าสุดในปี 2021&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตัวเลขนี้ช่วยให้ Promise ผ่านเกณฑ์เข้ามาในทำเนียบ Next Billion-Dollar Startups ในปีนี้ ซึ่งเป็นทำเนียบประจำปีที่ Forbes รวบรวม 25 บริษัทที่เราคิดว่าน่าจะมีมูลค่าวิ่งไปถึง 1 พันล้านเหรียญ การแก้ปัญหาการเงินให้ภาครัฐไม่ใช่ธุรกิจที่เย้ายวน แต่มันส่งผลต่อคนเกือบทุกคน และยังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ สำหรับนักลงทุนที่เคยเห็นความสำเร็จมาแล้ว เช่น บริษัทซอฟต์แวร์&nbsp;งบประมาณและบัญชี OpenGov (มูลค่าประเมินล่าสุดคือ 1.8 พันล้านเหรียญ) และบริษัทระบบชำระเงิน Paymentus ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดคือ 2.4 พันล้านเหรียญ) แต่การสร้างเทคโนโลยีสำหรับรัฐบาลท้องถิ่นที่เชื่องช้าและเช้าชามเย็นชามก็มีความท้าทาย “การออกแบบบริการทำนองนี้ให้ดี เข้าใจง่าย และใช้งานง่ายอาจเป็นเรื่องยาก” Beth Noveck อาจารย์ที่ Northeastern University และผู้อำนวยการของ The Governance Lab กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Ellis-Lamkins แล้วนั่นแหละเป็นประเด็นสำคัญ “ฉันอยากให้มันสวยและใช้งานง่าย” เธอกล่าว “ลูกค้าเราชอบเพราะมันมีประสิทธิภาพ...สุดท้ายแล้วสิ่งที่รัฐบาลอยากรู้ก็คือ พวกเขาจะตามเก็บเงินได้จริง” เรื่อง: AMY FELDMAN, เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง, ภาพ: CODY PICKENS ​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/people/small-giants/karn-punyacharoensin-new-s-curve-sei" alt="กานต์ ปุญญเจริญสิน สร้าง New S-Curve ให้ SEI"></a><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/lucence-life-sciences-nov-2024" alt="Min-Han Tan ผู้ก่อตั้งบริษัทอุปกรณ์ตรวจหาโรคมะเร็งสัญชาติสิงคโปร์ ตั้งเป้าถึงจุดคุ้มทุนในปี 2024"></a><a href="https://forbesthailand.com/world/america/ed-sim-boldstart-ventures-no-business-no-problem" alt="Ed Sim นักลงทุนสตาร์ทอัพที่ถึงไม่มีธุรกิจก็ไม่มีปัญหา">Ed Sim นักลงทุนสตาร์ทอัพที่ถึงไม่มีธุรกิจก็ไม่มีปัญหา</a>​ <a href="https://www.mebmarket.com/ebook-331408-Forbes-Thailand-November-2024" alt="อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine">อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://www.mebmarket.com/ebook-331408-Forbes-Thailand-November-2024" alt="https://www.mebmarket.com/ebook-331408-Forbes-Thailand-November-2024" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/UfcR6Cm7DPdgZu71UnuB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="UfcR6Cm7DPdgZu71UnuB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" origin-size="656,865" data-image-link="https://www.mebmarket.com/ebook-331408-Forbes-Thailand-November-2024" style="width: 300px; height: auto;" data-index="0"></a></figure></div>

Promise สตาร์ทอัพนักติดตามหนี้ ผู้มีเมตตา

Squire แอปจองร้านตัดผม (เกือบ) พันล้านเหรียญ ของคู่หูทนายความและนักการเงิน

<h2>นับเป็นปีที่ 7 ติดต่อกันที่ Forbes ได้ร่วมมือกับ TrueBridge Capital Partners เพื่อค้นหาสตาร์ทอัพ 25 แห่ง ที่มีแนวโน้มว่าจะก้าวขึ้นเป็นยูนิคอร์นมากที่สุด </h2>
โดย TrueBridge ได้ขอให้บริษัทร่วมทุนเสนอชื่อสตาร์ทอัพ 300 แห่งในสหรัฐอเมริกาเพื่อใช้ในการคัดเลือก ขณะที่ Forbes สามารถเข้าถึงบริษัทสตาร์ทอัพกว่า 80 แห่งโดยตรง แล้วจึงนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมาวิเคราะห์สถานะทางการเงินและสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้งและนักลงทุน 

อย่างไรก็ดี การประเมินมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้นไม่ใช่สิ่งที่เคยเป็นมา เนื่องจากบริษัทต่างๆ บรรลุเป้าหมายนั้นด้วยความเร็วสูง เพราะแม้แต่สตาร์ทอัพที่มีรายได้เพียงเล็กน้อยก็ยังได้รับการประเมินมูลค่าที่สูงลิ่ว เนื่องจากนักลงทุนเดิมพันกับการเติบโตในอนาคต 

ขณะที่รายได้เฉลี่ยโดยประมาณในปี 2020 สำหรับบริษัทต่างๆ ที่ปรากฎในทำเนียบในปีนี้อยู่ที่ 12 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ย 30 ล้านเหรียญในปี 2020 

และนอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่กำลังมาแรงอีกมากมายที่คุณควรจับตาดู อาทิเช่น สตาร์ทอัพทดสอบ DNA ของสุนัข หรืออีกแห่งที่จะช่วยให้คุณสามารถรับรองเอกสารจากบ้านของคุณได้อย่างสะดวกสบาย 

พบกับ 5 สตาร์ทอัพจากทั้งหมด 25 แห่งที่ Forbes Thailand คิดว่าน่าสนใจและมีโอกาสก้าวสู่การเป็นยูนิคอร์นในอนาคต ดังต่อไปนี้ (เรียงตามตัวอักษร)

<img class="alignnone size-full wp-image-52378" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/abra.png" alt="" width="400" height="400" />

<a href="https://www.abra.com">Abra</a>

ผู้ก่อตั้ง: Bill Barhydt (ซีอีโอ)

มูลค่าการระดมทุน: 86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายได้ในปี 2020: 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

นักลงทุนหลัก: Arbor Ventures, First Round Capital, HCM Capital, Ignia

“ธนาคารคริปโต” คือ หนึ่งในสตาร์ทอัพคริปโตเคอร์เรนซีที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดย Barhydt อดีตรองประธาน Goldman Sachs วัย 53 ปี เพื่อช่วยพนักงานอพยพส่งเงินกลับบ้านให้กับครอบครัว 

ปัจจุบัน Abra เสนอกระเป๋าเงินบิตคอยน์ให้กับลูกค้าทั้งในรูปแบบของสกุลเงินคริปโตและเงินดอลลาร์ โดยผู้ฝากจะได้รับดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 85 ในขณะที่ Abra จะได้รับเงินส่วนที่เหลือนอกจากนี้บริษัทยังทำเงินได้จากส่วนต่างระหว่างราคาสปอตและราคาซื้อขายสำหรับธุรกรรมคริปโตเช่นกัน 

<img class="alignnone size-full wp-image-52381" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/array.png" alt="" width="400" height="400" />

Array 

ผู้ก่อตั้ง: Martin Toha (ซีอีโอ), Phillip Zedalis

มูลค่าการระดมทุน: 67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายได้ในปี 2020: 11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

นักลงทุนหลัก: Battery, General Catalyst

Toha ผู้ประกอบการ วัย 42 ปี ลาออกจากบริษัทปกป้องข้อมูลส่วนตัว Pentius และชักชวน Zedalis ซีทีโอ วัย 36 ปี เปิดตัว Array ในเดือนมกราคม 2020 เพื่อร่วมงานกับฟินเทคและสถาบันการเงินอื่นๆ ในการช่วยเหลือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในการสร้างและออกแบบเครื่องมือทางการเงินสำหรับผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงแอปพลิเคชันที่เปิดเผยคะแนนเครดิตของลูกค้า ประวัติการชำระเงิน หรือเสนอการปกป้องข้อมูลส่วนตัว

 Array กล่าวว่า บริษัทสามารถดำเนินบริการทางการเงินให้กับลูกค้าอย่างครบถ้วน ซึ่งหมายรวมถึง SoFi, Brigit และ One ในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้อาจใช้เวลาถึง 18 เดือน “แม้ว่าลูกค้าของเราจะเป็นธุรกิจ แต่ทุกสิ่งที่เราทำคือช่วยให้ผู้บริโภคมีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น” Toha กล่าว

<img class="alignnone wp-image-52382 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/fore.png" alt="สตาร์ทอัพพันล้าน" width="400" height="400" />

Forethought

ผู้ก่อตั้ง: Sami Ghoche, Deon Nicholas (ซีอีโอ)

มูลค่าการระดมทุน: 27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายได้ในปี 2020: 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

นักลงทุนหลัก: AK9 Ventures, NEA

Nicholas วัย 28 ปี อดีตวิศวกรที่ Facebook, Palantir และ Dropbox ก่อนที่จะเริ่มต้น Forethought ร่วมกับ Ghoche วัย 27 ปี อดีตเพื่อนร่วมงานที่ Palantir เมื่อปลายปี 2018 

Forethought ตั้งอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก โดยนำเสนอเครื่องมือ AI ที่เชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ของบริษัท เช่น Zendesk และ ServiceNow เพื่อความละเอียดที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทีมบริการลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีความสลับซับซ้อนมากกว่าคำถามซ้ำซาก “AI จะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4” Nicholas กล่าว

<img class="alignnone wp-image-52383 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/headway.png" alt="สตาร์ทอัพพันล้าน" width="400" height="400" />

Headway 

ผู้ก่อตั้ง: Andrew Adams (ซีอีโอ), Kevin Chan, Dan Ross, Jake Sussman

มูลค่าการระดมทุน: 103 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายได้ในปี 2020: 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

นักลงทุนหลัก: Accel, Andreessen Horowitz, GV, Thrive Capital

“ชีวิตผมเปลี่ยนไปเมื่อได้พบกับนักบำบัด” Adams วัย 30 ปีกล่าว เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์จาก Stanford และมีประสบการณ์ด้านการลงทุนอย่างมืออาชีพ 

Adams ไม่เคยคาดหวังว่าจะเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้านการดูแลสุขภาพจิต แต่ด้วยประสบการณ์ของตัวเองในการจัดการกับภาวะซึมเศร้าด้วยการบำบัด ทำให้เขาเปิดตัว Headway ในกรุงนิวยอร์ก ในปี 2017 เพื่อเป็นเครื่องมือในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ป่วยและนักบำบัดโรค 

หลังจากทำงานเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง Adams ตระหนักดีว่า ปัญหาที่ใหญ่กว่าก็คือคนจำนวนมากไม่สามารถจ่ายเงินเพื่อเข้ารับการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงจัดทำบัญชีนักบำบัดโรคพร้อมราคาค่าใช้จ่ายที่พวกเขาสามารถรองรับได้ ตลอดจนซอฟต์แวร์ในการเรียกเก็บเงิน "นักบำบัดสามารถตอบตกลงกับคนที่พวกเขามักจะต้องปฏิเสธ ผู้ป่วยสามารถใช้เงินเพียง 20 เหรียญแทนที่จะเสีย 200 เหรียญต่อครั้ง และบริษัทประกันภัยก็ประหยัดเงินได้จริงโดยมีคนจำนวนมากขึ้นที่มาพบนักบำบัด" Adams กล่าว

<img class="alignnone wp-image-52385 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Uled-1.png" alt="สตาร์ทอัพพันล้าน" width="400" height="400" />

Route

ผู้ก่อตั้ง: Mike Moreno, Evan Walker (ซีอีโอ)

มูลค่าการระดมทุน: 91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายได้ในปี 2020: 34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

นักลงทุนหลัก: Album VC, Craft Ventures

Route ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาของแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซที่ว่า “คำสั่งซื้อของฉันอยู่ที่ไหน” โดยการเชื่อมต่อผู้ค้ากับลูกค้าหลังจากทำการสั่งซื้อออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีการรับประกันการจัดส่งในตัว “ผู้บริโภคสามารถคลิกปุ่มและสั่งสินค้าได้อีกครั้งทันที” Walker กล่าว ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและความยุ่งยากในการโทรหาฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อติดตามคำสั่งซื้อที่ผิดพลาด

Lehi บริษัทสตาร์ทอัพในยูทาห์ ซึ่งมีผู้ค้ามากกว่า 10,000 ราย และมีรายได้ประมาณครึ่งหนึ่งจากค่าบริการที่เรียกเก็บสำหรับการประกันภัย และส่วนที่เหลือจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ผู้ค้าจ่ายทุกครั้งที่ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำการตลาดผ่าน Route

ด้าน Walker วัย 41 ปี เริ่มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี ด้วยการสร้างเว็บไซต์ที่ขายวิดีโอเกม และไม่กี่ปีต่อมาก็สามารถทำรายได้ถล่มทลาย

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Next Billion Dollar Startups 2021 เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/global-world/การจัดอันดับ-ประธานเจ้า.html">การจัดอันดับ “ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด” ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2021</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events