10 ไฮไลต์ 50 BLOCKCHAIN

เจ้าเก่าโฉมใหม่ เปลี่ยนตำราพิชัยยุทธ์ Sotheby’s

<h2>หลังเปิดตัวไปเพียงสัปดาห์เศษกับ Digital Fine Dining มื้อละ 1 ล้านบาท "RootRare" ได้เผยโฉมธุรกิจซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริงซึ่งคือการสร้างธุรกิจ NFT หรือ Non-Fungible Token โดยได้ Community Influencer กลุ่มคนดังอาสาทำตลาด</h2>
ณัฐพงษ์ รอบคอบ หนึ่งใน Community Influencer "RootRare" ผู้จัด Digital Fine Dining มื้อละ 1 ล้านบาท ที่มีผู้จองซื้อดินเนอร์สุดล้ำ ที่เป็นการผนวกโลกดิจิทัลผ่านเทคโนโลยี Metaverse เข้าด้วยกัน ผ่านมาอีกราว 1 สัปดาห์ จึงเดินหน้าเปิดตัวโปรเจ็กต์ RootRare ตลาดงานศิลปะแพลตฟอร์มดิจิทัลในรูปแบบของ NFT หรือ Non-Fungible Token หากแปลตรงตัวจะหมายถึง Token ที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ซึ่งในที่นี้หมายถึง Cryptocurrency ที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ไม่สามารถทำซ้ำหรือคัดลอกได้นั่นเอง

ที่มาของธุรกิจ NFT ในครั้งนี้ ณัฐพงษ์ บอกว่ามองเห็นโอกาสและอนาคตในสินทรัพย์ดิจิทัลตัวนี้ว่ามีอนาคตที่ดีและมีมูลค่าในตลาดค่อนข้างสูง

จากงานวิจัยของ MarketsandMarkets ว่า มูลค่าตลาด NFT ในปัจจุบันอยู่ที่ราว 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ คิดเป็นมูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาทและคาดว่าในปี 2570 จะขยายตัวอีก 4.5 เท่า ซึ่งหมายความว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 1.36 หมื่นล้านเหรียญฯ หรือราว 4.08 แสนล้านบาทเลยทีเดียว

ด้วยเล็งเห็นมูลค่าในอนาคตที่จะเติบโตกว่า 4 แสนล้านบาท ณัฐพงษ์ จึงเดินหน้าโปรเจกต์ RootRare เพื่อเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เข้ามาช่วยผลักดันผู้ประกอบการไทยสู่ตลาด NFT โดยโปรเจ็กต์นี้จะเป็นมากกว่าแฟลตฟอร์มตลาดงานศิลปะดิจิทัล ยังผนวกด้วยโลกแห่งความเป็นจริงสู่โลกเสมือน หรือ Metaverse, การเติบโตของอินฟลูเอ็นเซอร์ ชุมชนเกม และความต้องการงานศิลปะดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นคือเบื้องหลังการเติบโตของ NFT ทั่วโลก

<img class="size-full wp-image-64250 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/RootRare_0606.jpg" alt="" width="650" height="433" />
<h3>นำร่องขาย Entertainment</h3>
ไม่ต่างจากอุตสาหกรรมอื่นๆ โปรเจ็กต์นี้ได้เลือกธุรกิจ Entertainment เป็นพันธมิตรกลุ่มแรกที่จะเดินหน้าเข้ามาใช้แพลตฟอร์ม RootRare โดยมีบริษัท Yes We Do Production เป็นผู้จัด concert and Event ซึ่ง RootRare จะเข้าไปช่วยทำระบบ NFT ตั๋วคอนเสิร์ต ส่วนบริษัท TriCreation และบริษัท Mettle Pop Entertainment จะร่วมทำ NFT Collection พิเศษ บนแพลตฟอร์มดังกล่าว

หม่อมหลวง ภัทรสุดา กิติยากร ประธานกรรมการ บริษัท Mettle pop กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์นี้เพราะทำหน้าที่เหมือนสปริงบอร์ดช่วยผู้ประกอบการไทยก้าวเข้าสู่ตลาด NFT ได้ง่ายๆ ผ่านเทคโนโลยีจากแพลตฟอร์มซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยสร้างโอกาสและรายได้ทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี Metaverse และ NFT ให้กับผู้ประกอบการไทย

ซึ่งปัจจุบันมีแบรนด์ดังมากมายที่เริ่มเข้าสู่วงการ NFT และเปิดธุรกิจใน Metaverse แล้ว รวมถึงนักร้องดังมากมาย เช่น Justin Bieber และ Ariana Grande ก็เคยจัดคอนเสิร์ตใน Metaverse เพื่อให้ผู้ฟังได้รับประสบการณ์รับชมใหม่ ซึ่งต่อไปเราอาจได้เห็นเหล่าคนดัง ศิลปิน ดารา เซเลบริตี้ ในเมืองไทยเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้มากขึ้น

<img class="size-full wp-image-64248 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/RootRare_0604.jpg" alt="" width="650" height="433" />

โปรเจ็กต์ของณัฐพงษ์ เพิ่งเริ่มต้น เขาบอกว่า ในเร็วๆ นี้จะมีคอลเล็กชันพิเศษร่วมกับ เอส-นราศักดิ์ อิทธิริทพงษ์ นักแข่งรถคนแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่จะได้ไปเวทีโลกในรายการ WRC หรือ World Rally Championship ซึ่งจะทำงานร่วมกับ บริษัท TTPR corporation จำกัดในฐานะเอเจนซี่ที่ดูแล เอส นราศักดิ์
<h3>Digital Dining เรียกแขก</h3>
ย้อนกลับไปตอนที่ ณัฐพงษ์ เปิดไอเดีย Digital Fine Dining เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ร้าน Worldtigo ด้วยการจัดมืออาหารค่ำสุดหรูในรูปแบบของ Digital Fine Dining ตั้งสนนราคาขายสูงถือมื้อละ 1 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

ออกแบบให้เป็นการรับประทานอาหารมื้อค่ำที่สุดพิเศษในดินแดนมหัศจรรย์ แบบนั่งรับประทานอาหารเพลินๆ ก็ได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาสในอีกโลกแบบเหนือจินตนาการ นำเสนอด้วยแสง สี กราฟิก และเสียงเพลงที่พิเศษและแตกต่าง สร้างความสนุกในการรับประทานอาหารไปในอีกมิติ ด้วยการเนรมิตจากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างอลังการ

<img class="size-full wp-image-64247 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/RootRare_0603.jpg" alt="" width="400" height="498" />

<img class="size-full wp-image-64247 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/RootRare_0603.jpg" alt="" width="400" height="498" />

แต่ที่เหนือความคาดหมายอีกอย่างก็คือ มื้ออาหารแบบกินกันข้ามโลกนี้เปิดขายด้วยราคามื้อละ 1 ล้านบาทต่อคน และมีข่าวว่าลูกค้าจองไปแล้วกว่า 20 ที่นั่งก่อนวันเปิดจองอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ แน่นอนมันย่อมมีอะไรมากกว่าการรับประทานอาหารมื้อพิเศษในโลกเสมือนจากเทคนิค Digital

ซึ่งเป็นไปตามคาดเพราะกิจกรรมที่จัดขึ้นนี้ เรียกว่าโปรเจ็กต์ “RootRare” ซึ่งย่อมไม่ใช่แค่การรับประทานอาหารค่ำ แต่มันคืองานแสดง NFT สินทรัพย์ดิจิทัลที่แปลงมาจากงานศิลปะ เป็นสินทรัพย์รูปแบบใหม่ที่กำลังมาแรง เป็นแนวทางที่คนทำงานศิลปะ บรรดาศิลปิน คนดังหลากหลายกำลังให้ความสนใจ

งานถูกจัดขึ้นให้เป็นเสมือนงานนัดปาร์ตี้มื้อค่ำในวาระพิเศษ เพราะในงานจะมีการแสดงผลงานศิลปะในรูปของ NFT ให้แขกเหรื่อซึ่งก็เป็นบรรดาคนดัง เศรษฐี และผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะมารวมตัวกัน เพราะนอกจาก Dinner แล้ว ในงานยังมีการจัด NFT Digital Gallery ให้ได้ชื่นชมกันตอบโจทย์สังคมยุคดิจิทัล ที่ชีวิตผู้คนส่วนใหญ่มักผูกติดกับ lifestyle ที่ชอบแชะ แชร์

ทั้งยังมีความพิเศษจากชิ้นงาน NFT ให้ได้หยิบจับเป็นคอนเทนท์ในการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ หรือจะบอกว่า ทานอาหารมื้อธรรมดาโลกไม่จำอีกต่อไปก็ว่าได้ มื้อค่ำแบบ Digital กับ NFT จึงเป็นมากกว่ามื้ออาหารแต่เป็นการพบปะแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ใหม่ของการนำเสนอรูปแบบการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ไปด้วยในตัว
<h3>เจาะกลุ่ม celebrity คนดัง</h3>
งานเริ่มต้นด้วยการเชิญ celebrity เชฟ ชื่อดังมา cooking อาหารให้รับประทาน เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อย ซุป สลัด อาหารจานหลัก และ ขนมหวาน ที่มีความพิเศษโดยการใส่เทคโนโลยีเข้าไปด้วย เพียงสแกน คิวอาร์โค้ด มื้ออาหารเหนือจินตนาการก็ปรากฏสู่สายตา พร้อมชมงานศิลปะ NFT ที่ ณัฐพงษ์เตรียมมานำเสนอ

พร้อมกันนี้ยังโชว์เทคโนโลยีสุดล้ำในยุค Metaverse ด้วยการจัดให้ถ่ายรูปคู่กับ "น้องมูน" ซึ่งเป็น virtual human คนเสมือนแบบที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในภาพยนตร์แนว Sci-fi ซึ่งน้องมูน คนเสมือนนี้เป็น presenter ของ โปรเจ็กต์ RootRare มาเป็นผู้แนะนำให้มาทานอาหารมื้อพิเศษนี้นั่นเอง

<figure><img class="wp-image-64249 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/RootRare_0605.jpg" alt="" width="400" height="558" /><figcaption> "น้องมูน" virtual human</figcaption></figure>

ณัฐพงษ์ เผยว่ามีคนสนใจจอง Digital Fine Dining เข้ามาเรื่อยๆ แต่ขอเก็บชื่อลูกค้าไว้เป็นความลับ เพราะแขกส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับแถวหน้าของทุกวงการ ซึ่งก็มีทั้งวงการเทคโนโลยี cryptocurrency ดารา ศิลปิน เซเลบริตี้ รวมถึงนักการเมืองระดับท็อปของประเทศ ก็ยังตบเท้าเข้าร่วมโปรเจ็กต์ RootRare ในครั้งนี้ด้วย

โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากโปรเจกต์นี้ จะถูกนำไปบริจาคให้กับองค์กรระดับโลก อาทิ ยูนิเซฟ เพื่อเด็กยากไร้ได้อิ่มท้อง, WWF (World Wide Fund For Nature) เพื่อสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์, UCC virtual university สำหรับการเรียนฟรีให้คนทั้งโลก ตั้งแต่ระดับ อนุบาล ปริญญาตรี และหลักสูตรวิชาชีพอีก 100 หลักสูตร

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/metaverse-like-us-clinique.html">‘Metaverse Like Us​’: Clinique มุ่งสร้างโลกเสมือนจริงเพื่อทุกคน</a>

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ถอดรหัส "RootRare" จากดินเนอร์มื้อละล้านบาท ปูทาง “NFT” โทเคนคนดัง

<h2>‘Metaverse Like Us​’ โลกเสมือนจริงที่มีเรา แคมเปญล่าสุดจาก Clinique มุ่งนำความหลากหลายมาสู่โลกเสมือนจริงผ่านสีสัน และความคิดสร้างสรรค์แห่งศาสตร์การแต่งหน้า</h2>
สำหรับแคมเปญล่าสุดของ Clinique แบรนด์ความงามในเครือ Estée Lauder Group อย่างแคมเปญ ‘Metaverse Like Us​’ ทางแบรนด์ก็ได้ร่วมมือกับช่างแต่งหน้าชื่อดัง Tess Daly, Sheika Daley และ Emira D’Spain ในการรังสรรค์ลุคการแต่งหน้าในรูปแบบ NFT ขึ้นมาเพื่อเป็นของขวัญให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ PFP จากคอมมิวนิตี้อวทาร์อย่าง Non Fungible People
<img class="alignnone wp-image-64172 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Metaverse-Like-Us.jpg" alt="‘Metaverse Like Us’ Clinique มุ่งสร้างโลกเสมือนจริงเพื่อทุกคน" width="720" height="400" />
Non Fungible People คือคอลเล็กชั่นงาน ​NFT ประเภท PFP (Profile Picture) เสมือนจริงระดับ hyper realistic จำนวน 8,888 ชิ้นที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงและชาวนอนไบนารี่
ร้อยละ 60  ของงานในคอลเล็กชั่นดังกล่าวเป็นชาวผิวสี และอีกร้อยละ 20 เป็นอวทาร์ตัวแทนผู้ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ผู้ประสบปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว, ผู้สูญเสียการได้ยิน, ผู้ป่วยโรคดาวน์ซินโดรม และผู้เป็นโรคด่างขาว เป็นต้น

<h3 class="p1">ลุคการแต่งหน้าในรูปแบบ NFT คืออะไรกัน?</h3>
มันก็คือเลเยอร์เสริมรูปแบบดิจิทัลที่ถูก “burned” ลงไป หรือพูดง่ายๆ ก็คือ วางซ้อนลงไปบนงาน NFT ที่มีอยู่ เพิ่มสีสันให้แค่อัตลัษณ์ในโลกดิจิทัลให้แก่ชิ้นงาน NFT นั้นๆ
ปัจจุบัน การแต่งตัวให้กับ PFP เป็นเทรนด์อยู่แล้ว โดยเห็นได้จากแบรนด์แฟชั่นต่างๆ เช่น การที่ Gucci จับมือกับแฟรนไชส์ Bored Ape Yacht Club เป็นต้น แต่แม้ว่าทาง Non Fungible People จะเคยจับมือกับแบรนด์เสื้อผ้ากีฬา Champion และแบรนด์นาฬิกา Louis Moinet ผ่านการแข่งขันบนแพลตฟอร์มแฟชั่นลักชัวรี Exclusible มาก่อนก็ตาม นี่ ยังคงถือเป็นครั้งแรกในโลกของการแต่งหน้า


<figure><img class="wp-image-64171 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Emira_MUA.jpg" alt="" width="720" height="405" /><figcaption> เมคอัพลุคจาก Emira D’Spain</figcaption></figure>
“เราอยากจะทำอะไรที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน” Jessica Rizzuto ผู้นั่งตำแหน่ง SVP ฝ่าย E-Commerce ประจำ Daz 3D บริษัทแม่ของ Non Fungible People กล่าวอย่างกระตือรือร้น
ในสัปดาห์นี้ เมคอัพลุคแบบ NFT ทั้ง 5,904 ลุคจะถูก airdropped แบบสุ่มให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ Non Fungible People ในรูปแบบ blind token
ต่อมา ในเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายนที่จะถึงนี้ งาน NFT อีก 1,968 ชิ้นที่ศิลปินแต่ละคนสรรค์สร้างขึ้นมาก็จะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนศิลปินละเดือน
โดยศิลปินแต่ละคนจะสร้างลุคขึ้นมา 2 ลุค โดยลุคหนึ่งเป็นการแต่งหน้าง่ายๆ สำหรับวันธรรมดา และอีกลุคจะมีความแฟนซีเป็นพิเศษซึ่งจะหายากกว่า ทั้งนี้ ตัวเลข 1968 ยังเป็นปีที่ Clinique ก่อตั้งอีกด้วย โดยผู้ที่ได้รับ NFT นี้จะสามารถเลือกได้ว่าจะขายต่อ เก็บไว้ หรือ burn พวกมันลงไปบน PFP ของพวกเขา

<h3 class="p3">คงความเป็นแบรนด์ แม้กระทั่งในโลกเสมือนจริง</h3>
“เราเป็นแบรนด์ที่ยังโฟกัสเรื่องการแก้ปัญหาอยู่อย่างสม่ำเสมอ” Carolyn Dawkins ผู้นั่งตำแหน่ง SVP ฝ่าย Global Marketing, Online และ Analytics แห่ง Clinique และหนึ่งใน <a href="https://forbesthailand.com/world/cmos-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b9%83%e0%b8%99.html">CMO ผู้ทรงอิทธิผลที่สุดในโลกประจำปี 2022</a> กล่าว
“Clinique ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาของทุกสภาพผิว ดังนั้นแนวคิดที่ครอบคลุมทุกคน และสะท้อนถึงความหลากหลายนี้เห็นได้ชัดในวิธีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของเรา” โดย Clinique ได้ก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริงด้วยหลักแนวคิดดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด
การวิจัยที่จัดทำโดย Clinique และอ้างอิงข้อมูลจากรายงานของ ArtTactic จากปี 2021 เผยว่าเพียงร้อยละ 20 ของผู้ใช้งานและครีเอเตอร์บน Metaverse เป็นเพศหญิง อีกทั้ง งาน NFT ที่เป็นรูปอวทาร์ผิวสีหรือทุพพลภาพมีมูลค่าต่ำกว่าอวทาร์ผิวขาวอย่างมาก


<figure><img class="wp-image-64173 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Tess_MUA.jpg" alt="" width="720" height="405" /><figcaption> เมคอัพลุคจาก Tess Daly</figcaption></figure>
แคมเปญเพื่อการเฉลิมฉลองอย่าง ‘Metaverse Like Us’ นี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนเห็นถึงโลก Web 3.0 ที่ปาศจากความหลากหลายนี้มากขึ้น แต่ยังเป็นการพยายามปรับสมดุลใหม่อย่างหนักแน่น ผ่านการใช้ประโยชน์จากความหายาก และความเป็นที่ต้องการของแฟรนไชส์ Non Fungible People เพื่อผลักให้ชิ้นงานเหล่านี้มีมูลค่าสูงขึ้น
และเมื่อมาอยู่ในโลก Metaverse ความงามไม่สามารถถ่ายทอดออกมาผ่าน Web 3.0 ได้อย่างเต็มที่เสมอไป ดังนั้นพวกเขาต้องทำงานกันให้หนักขึ้นในการคิดนอกกรอบ และ Clinique ก็เดินมาได้ถูกทางด้วยโปรเจ็กต์ที่ทั้งแปลกใหม่ และตรงต่ออัตลักษณ์ของแบรนด์เช่นนี้
ทาง Estée Lauder Group มีรูปแบบที่ชัดเจนในการก้าวเข้าสู่โลก Metaverse โดยแบรนด์ Estée Lauder ของทางเครือ เป็นเพียงแบรนด์ความงามเพียงแบรนด์เดียวที่เข้าร่วม Metaverse Fashion Week บน Decentraland และคิดนอกกรอบอย่างเห็นได้ชัด เพื่อปักหมุดสร้างพื้นที่ของแบรนด์ภายในโลกเสมือนจริงนี้
นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังได้ร่วมมือกับช่างแต่งหน้า Alex Box สร้างฟิลเตอร์ระยิบระยับสำหรับอวทาร์ เป็นการตอกย้ำคุณสมับติอันทรงพลังในผลิตภัณฑ์ตัวดังของแบรนด์ Night Repair Serum ที่ช่วยทำให้คุณตื่นเข้ามาพร้อมกับผิวกระจ่างสดใส

<h3 class="p5">เดินทางไปในโลกเสมือนจริง</h3>
ไม่ใช่เพียงแต่ ethos เบื้องหลัง Non Fungible People เท่านั้นที่ทำให้โปรเจ็กต์นี้น่าสนใจ แต่เพราะงาน NFT และไฟล์ 3 มิติเหล่านี้เป็นมากกว่าเพียงรูปโปรไฟล์ (PFP) ธรรมดาๆ โดยโปรเจ็กต์นี้เป็นการใช้งานในโลกเสมือนจริงไร้พรมแดนสำหรับคุณ
“งาน NFT ของ Non Fungible People ต่างจากงาน NFT อื่นๆ ที่เป็นเพียงแค่รูปภาพ โดยงาน NFT ของ Non Fungible People สามารถใช้เป็นอวทาร์และเดินทางไปกับคุณทุกที่ในโลก Metaverse หรือแม้กระทั่งในเกมต่างๆ ของ Unity หรือ Unreal Engine ได้อีกด้วย” Rizzuto กล่าว


<figure><img class="wp-image-64174 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Sheika_MUA.jpg" alt="" width="720" height="405" /><figcaption> เมคอัพลุคจาก Sheika Daley</figcaption></figure>
ระหว่างที่พูดคุยกันผ่าน Google Meets เธอเสริมว่า เธอมาสามารถใช้ NFT ของเธอในการประชุมทางวิดีโอได้อีกด้วย “ฉันสามารถนำตัว NFP ของฉันมาวางบนหน้าฉันได้ในโลก AR และระหว่างที่ฉันพูด มันก็จะขยับปากตามฉัน อีกทั้งกระพริบตาไปพร้อมๆ กับฉันอีกด้วย”

<h3 class="p3">กลับสู่โลกความเป็นจริง</h3>
ในโลกความเป็นจริง ลูกค้าก็ยังคงสามารถช้อปผลิตภัณฑ์อันได้แรงบันดาลใจมาจากเมคอัพลุค NFT และในแต่ละเดือน เริ่มจากกรกฎาคม ทาง Clinique จะเดินหน้าจัดงานสังคม โดยมีคอนเซ็ปต์เกี่ยวข้องกับช่างแต่งหน้าแต่ละคน ทั้งนี้ จะเริ่มจาก Tess Daly ผู้สวมแขนเทียม ดังนั้น แคมเปญแรกก็จะเน้นไปในเรื่องของความทุพพลภาพทางกายภาพ
‘Metaverse Like Us’ เป็นโปรเจ็กต์ NFT โปรเจ็กต์ที่ 2 ของ Clinique ซึ่งโปรเจ็กต์แรกที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคม 2021 และเป็นการมอบรางวัลให้กับลูกค้าผู้เป็นแฟนตัวยง และเป็นการผลักยอด engagement อีกด้วย โดยสมาชิกโปรแกรม Smart Rewards สามารถลงแข่งเรื่องสั้นได้ และผู้ชนะทั้ง 3 คนได้รับงานศิลปะ NFT และผลิตภัณฑ์จาก Clinique ไปใช้เป็นเวลา 10 ปี
สำหรับโปรเจ็กต์ทั้งสอง Clinique ร่วมงานกับ Cathy Hackl นักกลยุทธ์ ​Web 3.0 ผู้หญิงผิวสีที่กำลังมาแรงในโลกเทค
บทความแปลและเรียบเรียงจากบทความ Unpacking Clinique’s Metaverse Campaign, How Beauty’s Approach To Web 3 Is More Than Just Skin Deep เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/prada-%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b9%8c%e0%b8%81.html">Prada เดินหน้าพัฒนากลยุทธ์ก้าวสู่โลก Web 3.0 ด้วย NFT</a>


<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘Metaverse Like Us​’: Clinique มุ่งสร้างโลกเสมือนจริงเพื่อทุกคน

<h2 class="p1">หลักจากประสบความสำเร็จในวงการ NFT ด้วยการร่วมมือกับ Adidas Originals เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แบรนด์หรูสัญชาติอิตาเลียน Prada ก็ได้นำกลยุทธ์ NFT กลับมาใช้อีกครั้ง ผ่านการเปิดตัวคอลเล็กชั่น Timecapsule ของทางแบรนด์เอง</h2>
โปรเจ็กต์ Timecapsule <a href="https://www.prada.com/gb/en/pradasphere/special-projects/2020/prada-timecapsule.html">เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนธนวาคม ปี 2019 </a>โดยสินค้าในคอลเล็กชั่นนี้จะวางขายบนเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซของ Prada ทุกๆ วันพฤหัสบดีแรกในทุกๆ เดือน โดยผู้สนใจมีเวลาเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้นในการเข้าไปซื้อ
<img class="alignnone size-full wp-image-63796" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Prada_NFT.jpg" alt="" width="720" height="371" />
คอลเล็กชั่นที่จะวางขายในวันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายนนี้ มาพร้อมกับเสื้อไม่ระบุเพศที่ทางแบรนด์ได้ร่วมออกแบบกับศิลปิน Cassius Hirst ลูกชายของ Damien Hirst และในครั้งนี้ นอกจากคุณจะได้รับสินค้าไปสวมใส่แล้ว คุณยังจะได้รับงาน NFT เป็นของแถมไปแบบฟรีๆ อีกด้วย ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่ธุรกิจลักชัวรีกำลังเลือกเดินไป
เสื้อสีขาว และดำที่มาพร้อมกับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Hirst อย่างรูปหน้ากากและภาพสแกนสมอง รวมไปถึง NFT รูปไทม์แคปซูลสีขาว และดำที่มาในรูปแบบ GIF นี้ จะมาพร้อมกับ serial number เฉพาะที่เชื่อมระหว่างสินค้าจริงและของแถมดิจิทัลไว้ด้วยกัน 
ส่วนราคาเสื้อนั้นจะถูกเปิดเผยในวันเปิดตัวที่จะถึงนี้ โดยจะทางแบรนด์วางแผนจำหน่ายเสื้อจำนวน 100 ตัว และมอบ NFT เป็นของแถมผ่านบล็อกเชนของ Ethereum ซึ่งมากกว่าจำนวนปกติที่จำหน่ายถึง 2 เท่า
<img class="alignnone size-full wp-image-63797" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Prada-NFT.png" alt="" width="720" height="357" />
ความจงรักภักดี และการมอบรางวัลเป็นหัวใจหลักในกลยุทธ์ NFT นี้ ดังนั้น ใครก็ตามที่เคยซื้อไอเท็มจากคอลเล็กชั่น Timecapsule ตั้งแต่ตอนเปิดตัวเมื่อปี 2019 ก็จะได้รับ NFT ที่เกี่ยวข้องกับไอเท็มชิ้นนั้นๆ และยังสามารถเข้าถึงสิทธิพิเศษ รวมถึงประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งคืออะไรนั้น ก็ต้องรอทางแบรนด์มาเฉลยผ่านเซิฟเวอร์คอมมิวนิตี้ของทางแบรนด์บน Discord ภายใต้ชื่อ “Prada Crypted” และผ่านทางเว็บไซต์ของทางแบรนด์อีกที
อีกทั้ง เนื่องจากการเทรด เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณแห่งความเป็นเจ้าของธุรกิจและการเข้าถึงที่เปิดกว้างของโลก Web 3.0 นั่นก็หมายความว่าผู้ครอบครอง NFT ของแถมทั้งหลาย สามารถขายต่อในตลาดได้
“มันมี synergy ระหว่าง Prada Timecapsule และ NFTs ในแง่ของความหายากและความเป็นที่ต้องการ” Prada กล่าวในในคำแถลงการณ์
<img class="alignnone size-full wp-image-63801" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Prada_Cassius-Hirst.jpg" alt="" width="720" height="371" />
โปรเจ็กต์ NFT นี้จะอยู่บนระบบบล็อกเชนของ Ethereum ซึ่งทางแบรนด์กล่าวว่า เป็นระบบที่มอบ “ประสบการณ์อันปลอดภัย และเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน” และจะใช้เทคโนโลยีของ <a href="https://www.voguebusiness.com/technology/the-blockchain-playbook-from-lvmhs-aura-to-arianee">Aura Blockchain Consortium</a> ซึ่งทางแบรนด์ได้ร่วมมือกับ LVMH และ Cartier ก่อตั้ง มาช่วยยกระดับอีกด้วย
“หลายๆ คนในแวดวงลักชัวรีก้าวพลาดมาก่อน โดยคิดว่านี่มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เช่นเดียวกับโซเซียลมีเดีย ผมไม่คิดว่า NFTs มันดีหรือร้าย แต่มันคือเครื่องมือดิจิทัล และมันขึ้นอยู่กับคุณใช้มันอย่างไร” Lorenzo Bertelli ลูกชายของ Miuccia Prada และ Patrizio Bertelli ผู้ดูแลการตลาดในต่างประเทศและ CSR ประจำ Prada Group กล่าวกับ<a href="https://www.voguebusiness.com/technology/prada-teams-up-with-adidas-to-launch-first-re-source-nft"> Vogue Business</a>
ทั้งนี้ Prada เป็นหนึ่งในหลายแบรนด์ที่เดินหน้าผูกไอเท็มจากโลกดิจิทัลกับสินค้าจริงเข้าไว้ด้วยกัน 
โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Gucci ก็ได้เผยว่า <a href="https://www.voguebusiness.com/technology/when-it-comes-to-roblox-gucci-is-not-playing-around">กระเป๋า Blondie รูปแบบดิจิทัลที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระเป๋ารุ่นเดียวกันในคลังของ Gucci  จะวางจำหน่าย ณ Gucci Town </a>พื้นที่หลากความสนุกแห่งใหม่บนแพลตฟอร์มเกมอย่าง Roblox
<img class="alignnone size-full wp-image-63805" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Gucci_Roblox.jpg" alt="" width="720" height="405" />
Gucci เล็งเป้าไปที่กลุ่มชาว Web 3.0 ผู้เป็นส่วนหนึ่งคอมมิวนิตี้นักเล่นเกมเป็นหลัก โดยกระเป๋ารูปแบบดิจิทัลนี้จะวางขาย Roblox ในเดือนมิถุนายนนี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ แต่ผู้ใช้งานจะสามารถซื้อได้หลังจากผู้ใช้งานเล่นมินิเกม 100 เกม, สร้างงานศิลปะ 45 ชิ้น, โหวตงานศิลปะ 100 ครั้ง และทำภารกิจไล่ล่าสมบัติรายวันสำเร็จ 18 ครั้ง
แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มยอด engagement และป้องกันไม่ให้มีแต่ผู้ที่เข้ามาซื้อเพื่อนำไปขายต่อ ได้เป็นอย่างดี แต่กลยุทธ์ดังกล่าว สามารถใช้ได้กับกลุ่มผู้บริโภคอีกกลุ่มเท่านั้น 
ดังนั้น กลยุทธ์การมอบของขวัญของ Prada เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะสามารถดึงดูดให้ผู้ที่ยังไม่เห็นด้วยกับ Metaverse มากนัก และผู้ที่ไม่ได้สนใจในเทคโนโลยี Web 3.0 เท่าไร เข้ามามีส่วนร่วมได้ โดย <a href="https://www.forbes.com/sites/stephaniehirschmiller/2022/04/29/philipp-plein-launches-crypto-concept-store-and-metaverse-marketplace/?sh=4032d43642d6">Philipp Plein</a> ก็หันมาใช้แนวทางอันชาญฉลาดนี้เช่นกัน


<figure><img class="size-full wp-image-63798" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/Cassius_Hirst.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Cassius Hirst</figcaption></figure>
ก้าวต่อไปในการเดินหน้าลุยตามกลยุทธ์ใหม่นี้ของ Prada อาจจะเป็นการเชื่อมไอเท็มจับต้องได้เข้ากับไอเท็ม NFT ด้วย RFID microchip ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางแบรนด์เอง<a href="https://www.voguebusiness.com/technology/episode-1-pradas-rfid-investment">ก็ได้เริ่มเดินหน้าฝังชิปเหล่านั้นลงไปในกระเป๋าของพวกเขาแล้ว</a> การใช้ RFID จะทำให้สินค้าแต่ละชิ้นมีข้อมูลอัตลักษณ์เฉพาะ คล้ายกับหนังสือเดินทาง ซึ่งทางบริษัทสามารถนำไปใช้ในการผลิตและกระจายสินค้า และยังสามารถใช้ในการรับรอง หรือแม้กระทั่งติดตามสินค้าได้อีกด้วย
ครอบครัว Hirst เองก็คุ้นชินกับ NFTs อยู่เหมือนกัน โดย “The Currency” คอลเล็กชั่นงานศิลปะ NFT คอลเล็กชั่นแรกของ Damien Hirst ถูกนำขึ้นระบบบล็อกเชนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 และบังคับให้ผู้ซื้อ<a href="https://news.artnet.com/art-world/damien-hirst-the-currency-1988535">เลือกว่าจะรับโทเคนดิจิทัลหรือชิ้นงานที่ตับต้องได้กลับบ้านไป</a> แต่สำหรับโปรเจ็กต์ NFT ครั้งนี้ ผู้ซื้อจะได้รับทั้งสองอย่างไปครอบครอง
บทความแปลและเรียบเรียงจากบทความ Prada expands Web3 offer with product-linked NFT drop and Discord launch เผยแพร่บน Voguebusiness.com และ The Disruptive Idea Behind Prada’s New Timecapsule NFT Collection With Damien Hirst’s Son เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/experiential-flagships-%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b9%8c%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4.html">Experiential Flagships กลยุทธ์ใหม่ของธุรกิจลักชัวรี</a>


<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Prada เดินหน้าพัฒนากลยุทธ์ก้าวสู่โลก Web 3.0 ด้วย NFT

“Devin Finzer” และ “Alex Atallah” 2 หนุ่มน้อยในฟองสบู่ NFT ผู้ก่อตั้ง ‘OpenSea’ เตรียมขึ้นแท่นเศรษฐีพันล้าน

Rebecca Minkoff เปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่ใน Crypto Fashion Week

Milk & Honey Labs พา Pablo Picasso เข้าสู่โลก NFT

วิวัฒนาการของสินทรัพย์ดิจิทัลจากที่ถูกใช้ประโยชน์อยู่ในวงจำกัดในเฉพาะภาคการเงินแต่เมื่อทุกคนตระหนักถึงข้อดีของบล็อกเชนกับสัญญาอัจฉริยะ รวมถึงโอกาสอีกมากมายในระบบกระจายศูนย์ (decentralization) จึงมีการปรับใช้ในวงการอื่นๆ จนพัฒนามาเป็น NFT ที่ประเทศไทยตื่นตัวมากในปัจจุบัน

เหตุใดที่สินทรัพย์ชนิดใหม่ที่ความสนใจและกระแสมาแรงที่สุดในช่วงนี้ สาเหตุเพราะเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังสินทรัพย์ดิจิทัลมีประโยชน์มาก เช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) ที่ทำให้ทุกอย่างที่ถูกจัดเก็บไว้ในบล็อกเชนปลอดภัย ตรวจสอบได้ เชื่อถือได้ อีกเทคโนโลยีหนึ่งคือ สัญญาอัจฉริยะ (smart contract) ที่ทำให้สามารถตั้งเงื่อนไขโปรแกรมธุรกรรมทางการเงินของเราได้แบบอัตโนมัติ ลดตัวกลางให้น้อยลง ส่งผลให้ต้นทุนต่ำลง รวมไปถึงทำให้ปลอดภัยและถูกต้องมากขึ้น เพราะทุกอย่างถูกบังคับใช้แบบอัตโนมัติ

Non-Fungible Token (NFT) คืออะไร

NFT คือ สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่แสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ผลงาน ชิ้นงาน ในโลกดิจิทัล มีความปลอดภัยมาก เพราะเก็บข้อมูลเอาไว้ในบล็อกเชนจึงไม่สามารถทำาซ้ำได้ สินทรัพย์ดิจิทัลชนิดนี้มีความเป็นเอกลักษณ์คือ แต่ละชิ้นจะมีเพียงชิ้นเดียว ทดแทนกันไม่ได้ ในทางกลับกันเวลาเพื่อนเรายืมเงินเป็นจำนวน 1,000 บาท ตอนที่ใช้คืนก็ไม่จำเป็นต้องคืนด้วยธนบัตรใบเดิมก็ได้ ขอเพียงแค่มูลค่าเท่ากับ 1,000 บาทก็พอ ต่างกับเวลาที่เพื่อนเรายืมรถยนต์ไปใช้ชั่วคราว เวลาที่นำมาคืนจะต้องนำรถยนต์คันเดิมมาคืนเท่านั้น NFT ก็เช่นเดียวกัน แต่ละชิ้นจะมีความเฉพาะตัว ทดแทนกันไม่ได้ ทำให้มูลค่าแตกต่างกันออกไป ด้วยคุณสมบัติพิเศษเช่นนี้ทำให้ NFT น่าสนใจและเติบโตมากในระยะเวลาอันสั้น

การเติบโตและความสนใจจากภาคธุรกิจ

หากจะวัดการเติบโตของ NFT ทำได้หลายมุม เช่น market cap ของชิ้นงาน NFT, market cap ของ NFT coin และปริมาณการซื้อขายชิ้นงาน NFT ใน marketplace เริ่มจากภาพใหญ่อย่างมูลค่าตลาดของ NFT ทั้งหมดอยู่ที่ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังมีแนวโน้มจะเติบโตสูงขึ้นอีกในอนาคต ส่วนของ NFT ที่เป็นคอลเล็กชั่นมีมูลค่าตลาดประมาณ 700 ล้านเหรียญ ซึ่งแต่ละชิ้นก็มีราคาที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก บางชิ้นก็ซื้อขายกันประมาณ 3,000 บาท ชิ้นที่แพงและโด่งดังมากคือ 69 ล้านเหรียญ หรือราว 2 พันล้านบาทต่อชิ้น

เมื่อขนาดตลาด NFT เติบโต ภาคธุรกิจจึงเริ่มเข้ามาสนใจในวงกว้าง เช่น วงการสื่อ วงการเกม วงการกีฬา วงการแฟชั่น วงการศิลปะ เป็นต้น ส่งผลให้เกิดชิ้นงาน NFT หลากหลายรูปแบบ เช่น ภาพวาด ภาพถ่าย วิดีโอ เพลง การมาของ NFT จึงนับเป็นการดิสรัปต์อุตสาหกรรมที่ขาดความคึกคักเป็นเวลานาน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในโลกดิจิทัล แต่ NFT ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป ผู้ประกอบการ ผู้สร้างสรรค์ผลงาน และนักลงทุนจึงตื่นตัวเป็นอย่างมากที่จะเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ เพิ่มมูลค่าให้ผลงานกับ marketplace NFT

กรณีศึกษาการเพิ่มมูลค่าให้ภาคธุรกิจ

การเพิ่มมูลค่าด้วยยูทิลิตี้ (utility) อย่างวงการแฟชั่นและวงการเกม เวลาออกสินค้าใหม่ที่เป็น limited edition ที่มีเอกลักษณ์ มีจำนวนจำกัดก็สร้างมูลค่าเพิ่มสูงอยู่แล้ว แต่ถ้านำมาทำเป็น NFT ด้วยและสามารถมอบยูทิลิตี้ให้ผู้ซื้อ NFT นำไปใช้เป็นอุปกรณ์แต่งตัวในเกมหรือในโลกเสมือนจริง (metaverse) ด้วยจะเพิ่มตลาดได้อีกระดับ

ตัวอย่างแบรนด์หรู Burberry ได้จับมือกับเกม Blankos Block Party และออก NFT เป็น digital shoes มีมูลค่ารวมถึง 395,000 เหรียญ ซึ่งทาง Burberry เองก็จะได้รับรายได้จากการขาย NFT, การอัปเกรดไอเท็มในเกม และอาจจะได้เปอร์เซ็นต์เมื่อมีคนนำ NFT นี้ไปขายต่อในตลาดรอง

นอกจากนั้น อีกกรณีหนึ่งคือ Burberry และ Louis Vuitton ได้ใช้ NFT ด้วยการร่วมงานกับ The Fabricant บริษัทแฟชั่นดิจิทัลช่วงปี 2562 ที่จัดประมูล NFT สำหรับเสื้อผ้าดิจิทัล มีมูลค่าประมูลแต่ละครั้งเกือบ 10,000 เหรียญ รวมทั้งปัจจุบัน Louis Vuitton, Gucci, Balenciaga หรือแบรนด์ดังอื่นๆ อีกมากก็เข้าร่วมแวดวง NFT อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของ Gucci หรือการจัดงานครบรอบ 200 ปีของ LV เป็นต้น

การเพิ่มมูลค่าในวงการเพลงและวงการศิลปะก็สามารถทำได้ด้วย NFT เพราะโลกดิจิทัลมีปัญหาพอสมควรเรื่องลิขสิทธิ์ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ทำให้ไม่มีทางรู้เลยว่า ผลงานชิ้นไหนคือต้นฉบับ เพราะดูเหมือนกันหมด แต่ NFT แยกได้และมีเพียงชิ้นเดียว

ดังนั้น ภาคธุรกิจและนักสร้างสรรค์ผลงานจึงเริ่มนำงานของตนไปสร้างเป็น NFT และขายให้ผู้ที่สนใจโดยตรง ผู้ที่ซื้อไปก็เสมือนมี certificate ของงานทุกชิ้น เท่านั้นยังไม่พอนักผู้สร้างสรรค์ผลงานยังมีสถานะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทำให้เวลามีการแลกเปลี่ยนชิ้นงานในตลาดรอง เจ้าของผลงานยังเลือกได้ว่าต้องการแบ่งเปอร์เซ็นต์การแลกเปลี่ยนนั้นๆ หรือไม่ จึงเป็นสาเหตุให้ประเทศไทยที่มีฝีมือด้านการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะหันมาสนใจและศึกษา NFT เป็นอย่างมาก ส่งผลให้ศิลปินรายบุคคลบางคนสามารถขายงานได้เฉลี่ยหลักแสนบาทต่อเดือน

NFT สร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อชูจุดแข็งประเทศ

ภาคการท่องเที่ยวที่โดดเด่นของประเทศไทยก็สามารถนำ NFT มาประยุกต์ ใช้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเพิ่มมูลค่าได้ เช่น การใช้ E-Voucher, proof of travel หรือแม้แต่การนำ NFT มาแปลงเป็นกิจกรรมเพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เกิดความต้องการบนเหรียญ NFT แลกกับการเข้าพักหรือแลกของสมนาคุณ รางวัลชิงโชค ส่วนลด สิทธิพิเศษต่างๆ เป็นต้น

สำหรับต้นแบบการนำ NFT มาส่งเสริมการท่องเที่ยว ออสเตรเลียและกรีกได้ริเริ่มทำร่วมกับพาร์ตเนอร์โรงแรมที่เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนในประเทศไทยด้วยสถานการณ์การชะงักของการท่องเที่ยวนั้น ทาง ททท. หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้แสดงให้ประชาชนเห็นถึงการเปิดกว้างรับนวัตกรรมเหล่านี้ และแสดงจุดยืนที่จะเปิดรับผู้ใช้คริปโตฯ (เช่น Japanese crypto holders) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ประชาชน และเพื่อช่วยเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันการนำา NFT มาใช้ในการท่องเที่ยวไทยจึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามองและพัฒนาร่วมกับทางภาครัฐไปพร้อมกัน

นอกจากนั้น Jim Thompson แบรนด์ผ้าไหมไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์ราชาผ้าไหมไทยยังได้หันมาเข้าร่วมวงการ NFT โดยการนำสินค้าไทย ผ้าไหมไทยมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบ NFT ในโอกาสเฉลิมฉลองวันช้างโลกสร้างเป็นคอลเล็กชั่นขึ้นมาขายเพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งที่มาจากการประมูลนี้ไปช่วยสมทบมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม

การสนับสนุนและผลักดัน NFT ในไทย

ในช่วงที่ผ่านมา Zipmex ได้มีการเปิดตัว NFT ภายใต้ชื่อ ZipWorld รุ่น Beta Version ก่อนเตรียมให้บริการเต็มรูปแบบในอนาคต ซึ่ง ZipWorld เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์เอ็กซ์คลูซีฟและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงตามความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานและให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ NFT

แม้ปัจจุบัน ZipWorld จะยังคงเป็นการแลกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในลักษณะวันเวย์จากการคัดสรรของ Zipmex แต่ในอนาคตจะเปิดกว้างให้สามารถวางขายสินค้าได้ หลังจากนั้นจึงจะเริ่มพัฒนาเป็น NFT แพลตฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบให้สามารถแลกซื้อสินค้าและบริการ เพื่อจุดประสงค์ทั้งในการเก็งกำไรหรือมองเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าก็ทำได้ พร้อมตอบสนองความต้องการด้านไลฟ์สไตล์แบบใหม่ ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าของผลงานและบริการนั้นๆ สามารถลิสต์ผลงานบนแพลตฟอร์ม และเป็นหนึ่งในช่องทางการหารายได้ของผู้ประกอบการด้วย

ภายใต้โจทย์ของ Zipmex ที่ต้องการพัฒนาช่องทาง NFT ให้เกิดประโยชน์และสามารถแลก NFT เป็นสินค้าที่จับต้องได้จริงจากการจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ รวมถึงต้องการสร้างแพลตฟอร์มของบริษัทให้เป็น digital assets services ที่จะมาช่วยจัดการกับปัญหาผู้บริโภค และขณะนี้สินทรัพย์เองก็มีการยอมรับมากขึ้นในระดับโลกจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรสนใจและให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ดิจิทัล

<img class="alignnone wp-image-57452 size-thumbnail" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/01/พราว-ลิ่มพงศ์พันธุ์_0101-150x150.jpg" alt="" width="150" height="150" />
บทความโดย
พราว ลิ่มพงศ์พันธุ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด
บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex)

<hr />

<a href="https://bit.ly/3DjRN08">คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<a href="https://bit.ly/3DjRN08"><img class="alignnone wp-image-56937" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/01/263840342_2985793141635756_9037500688289078536_n.jpg" alt="" width="300" height="394" /></a>

&nbsp;

&nbsp;

Non-Fungible Token (NFT) และโอกาสสร้างคุณค่าให้เศรษฐกิจไทย

<h2>Autograph แพลตฟอร์ม NFT ซึ่งร่วมก่อตั้งโดย Tom Brady ระดมทุนรอบใหม่จากนักลงทุน หวังนำคนดังและเหล่าแฟนคลับสู่การสะสมสินทรัพย์คริปโต</h2>
<figure><img class="wp-image-57267" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/01/X7SDZRYVIZO6JCNKTNBZDHPJBE.jpg" alt="Tom Brady Autograph " width="720" height="515" /><figcaption> Tom Brady นักอเมริกันฟุตบอล</figcaption></figure>

A<a style="color: #008000;" href="https://autograph.io">utograph</a> ให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch ว่า ได้ปิดการระดมทุนในรอบ Series B ที่มูลค่า 170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนำโดยนักลงทุนคริปโตระดับแนวหน้าจาก Silicon Valley อย่าง Andreessen Horowitz และ Kleiner Perkins ร่วมกับกองทุนแห่งใหม่ของ Katie Haun และ Nicole Quinn พาร์ตเนอร์ของ Lightspeed 

พร้อมเพิ่มอีก 3 สมาชิกเข้าสู่บอร์ดคณะกรรมการบริหาร ได้แก่ Haun, Arianna Simpson และ Ilya Fushman ร่วมทัพศิลปิน Abel Tesfaye หรือที่รู้จักกันในนาม The Weeknd, Sam Bankman-Fried ซีอีโอ FTX, Eddie Cue จาก Apple และ Brady 

ปัจจุบัน Autograph มีชื่อเสียงในฐานะแพลตฟอร์ม NFT สำหรับสินทรัพย์ที่มีลายเซ็นดิจิทัลของนักกีฬา เช่นเดียวกับ Dapper Labs สตาร์ทอัพ NFT ระดับยูนิคอร์น ที่เพิ่งลงนามในความร่วมมือกับสหภาพผู้เล่นกีฬาอเมริกันจำนวนหนึ่ง อาทิ NFL Players Association และ NBA's Player Association เป็นต้น

แต่ดูเหมือนว่า Autograph จะเน้นไปที่นักกีฬารายบุคคลมากกว่าบริบทของทีมที่พวกเขาเล่นหรือลีกที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่ง อาทิ Brady, Tiger Woods, Simone Biles, Derek Jeter, Naomi Osaka, Usain Bolt, Wayne Gretzky และ Tony Hawk ด้วยความตั้งใจที่จะให้พวกเขาก้าวสู่โลกแห่ง NFT ในสภาพแวดล้อมที่ได้รับการดูแลอย่างดียิ่งขึ้น

ขณะที่นอกโลกกีฬา Autograph ก็มีแพลนจะปล่อย NFT สำหรับซีรีส์สยองขวัญ “Saw” ของ Lionsgate อย่างเป็นทางการเช่นกัน 

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Tom Brady’s buzzy celebrity NFT startup Autograph banks $170M from Silicon Valley’s top crypto investors เผยแพร่บน Techcrunch.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/15-มหาเศรษฐีสหรัฐฯ-อายุน้.html">15 มหาเศรษฐีสหรัฐฯ อายุน้อยที่สุด แห่งทำเนียบ Forbes 400 ปี 2021</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events