<h2>นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจากไทยและสหรัฐเชื่อว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่โลกขาดไม่ได้เช่นเดียวกับ “กระแสไฟฟ้า” ในศตวรรษที่ 21 แต่ไม่ถึงขนาดจะเป็น “ยาวิเศษ” ที่จะใช้เนรมิตได้ทุกอย่างเหมือนในหนังไซ-ไฟ</h2>
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภามหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล (CMKL University) กล่าวในปาฐกถาเปิดงาน CMKL Tech Summit 2018 ว่า AI ซึ่งเคยเป็นเรื่องในนิยายวิทยาศาสตร์ได้เข้ามาเป็นกระแสหลักในภาคอุตสาหกรรมและสิ่งจำเป็นในโลกธุรกิจเปรียบได้ดั่ง “กระแสไฟฟ้า” ในศตวรรษ 21 โดยมี “ข้อมูล” เป็นเสมือนเชื้อเพลิงที่ช่วยขับเคลื่อนการทำงานของ AI

“เทคโนโลยีนี้ไม่ได้จำกัดตัวอยู่ที่องค์กรขนาดใหญ่ที่มีเงินมากๆ แต่ผู้เล่นรายเล็ก เช่นสตาร์ทอัพ สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ ซึ่งได้นำมาสู่การ Disrupt อุตสาหกรรมจำนวนมาก” สุรเกียรติ์กล่าวพร้อมย้ำว่าธุรกิจไม่ควร “ตกรถไฟขบวน” นี้เนื่องจาก ณ วันนี้เทคโนโลยี AI ได้ก้าวหน้าไปถึงจุดที่สามารถใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิผลในหลายด้าน อาทิ speech recognition ที่ AI มีขีดความสามารถเทียบเคียงเสียงมนุษย์ได้ตั้งแต่ปี 2560

<figure><img class="wp-image-2731 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/สุพันธุ์-ตั้งจิตกุศลมั่น.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> ผศ.ดร.สุพันธุ์ ตั้งจิตกุศลมั่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล</figcaption></figure>

ผศ.ดร.สุพันธุ์ ตั้งจิตกุศลมั่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอลกล่าวว่า AI ได้กลายมาเป็นแกนหลักของเทคโนโลยีหลายๆ อย่างในวันนี้ ซึ่งทุกอุตสาหกรรมมีโอกาสจะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีนี้ และหากบริษัทใดยังไม่ได้มีการนำเอา AI มาใช้ปฏิบัติ วันนี้น่าจะถึงเวลาแล้วที่จะให้ความสำคัญ

<figure><img class="wp-image-2729 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/Prof.-Hyong-S.-Kim-CMKM-Program-Director-2.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> Hyong S. Kim ผู้อำนวยการหลักสูตร มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล</figcaption></figure>

ศาสตราจารย์ Hyong S. Kim ผู้อำนวยการหลักสูตร มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอลกล่าวว่า ในขณะที่เทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้ข้อมูลกลายเป็นสิ่งถาวรที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เทคโนโลยี AI หรือ Machine Learning ได้ช่วยทำให้ข้อมูลนั้นสามารถทำความเข้าใจได้

อย่างไรก็ตามศาสตรจารย์ Hyong ไม่เชื่อว่า AI จะเป็น "เวทย์มนต์วิเศษ” เหมือนที่เห็นในภาพยนต์ไซ-ไฟ อย่าง The Terminator หรือ Skynet เพราะ AI จะเก่งในการทำตามกฏกติกาที่ได้โปรแกรมไว้ แต่ไม่สามารถคิด และมีความคิดสร้างสรรค์เหมือนกับมนุษย์ได้

“Machine Learning ถูกคาดหวังว่าจะช่วยให้อินไซต์ที่เฉลียวฉลาด แต่มันไม่ใช่ยาวิเศษ ความท้าทายคือจำนวนข้อมูลที่มีมหาศาลและความลักลั่นของข้อมูลที่มาจากแหล่งต่างๆ” เขากล่าวและชี้ว่า “domain insights” ของข้อมูลจะเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่าง

<figure><img class="wp-image-2730 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/Pei-Zhang.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> Pei Zhang ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน สหรัฐอเมริกา</figcaption></figure>

Pei Zhang ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน สหรัฐอเมริกากล่าวว่าในวันนี้ AI ได้กลายเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงกันอย่างมาก แต่ตนคิดว่า AI เป็นแค่เครื่องมืออันหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเราไม่ควรให้ความเชื่อถือมากจนเกินไป เนื่องจาก AI ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งข้อมูลที่ถูกต้อง 100% นั้นไม่มีอยู่จริง

“เรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคือ อย่าไว้ใจ AI มีคำกล่าวว่า ‘เมื่อเราป้อนขยะเข้าไป เราก็ได้ขยะออกมา’ คลีนดาต้าเป็นสิ่งทีไม่มีวันเกิดขึ้นจริง” Pei กล่าว

ข้อมูลของผู้จัดงานระบุว่า “CMKL Tech Summit 2018” เป็นงานสัมมนาใหญ่ด้าน AI ครั้งแรกในไทยที่เกิดขึ้นจากความริเริ่มของ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล อันเป็นมหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีภายใต้ความร่วมมือระหว่างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และ Carnegie Mellon University จากสหรัฐ

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events