<h2 class="p1">GXS Bank ธนาคารดิจิทัลซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ Joint Venture ระหว่างบริษัท Grab Holdings และ Singtel บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จากประเทศสิงคโปร์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินตัวแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นเวลา 2 ปีหลังจากที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการจาก Monetary Authority of Singapore ธนาคารกลางของสิงคโปร์ </h2>
ธนาคาร GXS มุ่งเน้นการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าทุกประเภทซึ่งรวมถึงกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงิน โดยวางแผนพัฒนาและยกระดับเทคโนโลยีของทั้งสองบริษัทที่เป็นผู้ร่วมค้า ปัจจุบัน ทั้ง Grab และ Singtel มีแพลตฟอร์มที่มีการเข้าถึงผู้ใช้ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์มากกว่า 3 ล้านคน

ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ธนาคารเพิ่งเปิดตัวล่าสุดนั้นถูกนำเสนอในรูปแบบของบัญชีออมทรัพย์ที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าเป็นดอกเบี้ยเงินฝากรายวันที่ไม่มีเงื่อนไขกำหนดเงินฝากขั้นต่ำ

ทาง Charles Wong ซีอีโอของธนาคาร GXS กล่าวว่าบริษัทได้ทำการเพิ่มประสิทธิภาพของบัญชีเงินฝากไว้เพื่อตอบโจทย์และรองรับความต้องการของเหล่าผู้ประกอบการ, ผู้ประกอบอาชีพอิสระรวมถึงกลุ่มคนที่เพิ่งเข้าทำงาน

 ​“ในเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ เราพยายามแก้ไขและขจัดอุปสรรคที่ทำให้กลุ่มผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ได้วางไว้ เช่น การสร้างความมั่งคั่งหรือการเข้าถึงสินเชื่อ​” Wong กล่าวไว้ในคำแถลงการณ์ของบริษัท 

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางของประเทศมาเลเซียได้ให้ใบอนุญาตเพื่อดำเนินธุรกิจธนาคารดิจิทัลแก่โปรเจ็กต์กิจการค้าร่วมระหว่างบริษัท Grab, Singtel และ Kuok Brothers จากมาเลเซียที่ก่อตั้งโดยโดย ​Robert Kuok โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ธนาคาร GXS ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจธนาคารดิจิทัลมาแล้วถึง 5 ใบ

จากรายงานผลประกอบการในครึ่งปีแรกของ 2022 Grab สูญเสียกำไรถึง 970 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ตัวเลขจากระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 1.4 พันล้านเหรียญ นอกจากนี้ ธุรกิจให้บริการเรียกรถและเดลิเวอรี่ยังไม่สามารถคืนกำไรให้แก่บริษัทได้ 

อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทในครึ่งแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 39 อยู่ที่ 549 ล้านเหรียญ โดยมีสัดส่วนที่มาจากธุรกิจการเงินอยู่ที่ร้อยละ 4.3 เป็นจำนวนเงิน 24 ล้านเหรียญ จากรายได้สุทธิของบริษัท ซึ่งนับเป็นอัตราที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปี 2021 ในจำนวนร้อยละ 71.4

Nirgunan Tiruchelvam หัวหน้าทีมวิจัยฐานลูกค้าจาก Tellimer Research กล่าวว่าธุรกิจธนาคารดิจิทัลเป็นเหมือน “ทางเชื่อมในอุดมคติ” ที่จะนำพาบริษัทไปสู่การขยายธุรกิจไปยังภาคการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงบริบทของประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้สมาร์ทโฟนทำธุรกรรมมากที่สุดในโลก​

Tiruchelvam ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริการเรียกรถและส่งอาหารนั้นยังคงเป็นที่มาของรายได้หลักของ Grab แต่ดูเหมือนว่าตลาดยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจธนาคารดิจิทัลเมื่อดูจากมูลค่าธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด​”

Anthony Tan และ Hooi Ling Tan ร่วมกันก่อตั้งบริษัท ​Grab ในปี 2012 เพื่อเปิดตัวแอปพลิเคชันที่ให้บริการเรียกรถแท็กซี่ ซึ่งภายในเวลาต่อมาได้เติบโตเป็นซูเปอร์แอปที่มาพร้อมกับบริการหลากหลายบนแพลตฟอร์ม ปัจจุบัน Grab เปิดให้บริการในพื้นที่ 480 เมือง จาก 8 ประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

แปลและเรียบเรียงโดย สิรินนรี อ๋องสกุล จากบทความ Grab-Led GXS Bank Launches First Digital Product In Singapore

อ่านเพิ่มเติม:
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/anthony-tan-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2-grab-%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b9%80.html">Anthony Tan พัฒนา ‘Grab’ ให้เป็นแอปพลิเคชัน ‘ครอบจักรวาล’</a></li>
</ul>

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ธนาคารดิจิทัล GXS เปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินตัวแรก

<h2>Singtel ปฏิเสธข้อเสนอของสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหาร Gulf Energy Development เพื่อซื้อหุ้นของ InTouch Houlding บริษัทโทรคมนาคมในสิงคโปร์ และ Advanced Info Service (AIS) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดในไทย</h2>
<figure><img class="wp-image-48987" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/J1DX3851-copy-scaled-1024x700.jpg" alt="สารัชถ์ รัตนาวะดี" width="720" height="492" /><figcaption> สารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Gulf Energy Development</figcaption></figure>

Singtel ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “Singtel เชื่อว่า มูลค่าการเสนอซื้อหุ้นของ AIS มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าตามความเป็นจริงอย่างมาก จึงไม่ประสงค์ที่จะตอบรับคำเสนอซื้อดังกล่าว” 

ทั้งนี้ การปฏิเสธของ Singtel เกิดขึ้นหลังจากที่ปรึกษาทางการเงินของ AIS ได้ออกมากล่าวเมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่า ข้อเสนอของ Gulf Energy มีมูลค่าต่ำเกินไป

นอกจากนี้ Singtel ยังไม่ยอมรับข้อเสนอของ <a style="color: #008000;" href="https://www.gulf.co.th/th/management/sarath_ratanavadi_profile.php">Gulf Energy</a> สำหรับ InTouch ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ AIS เพราะเชื่อมั่นว่าเป็นการลงทุนในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 21.2 ใน Intouch และร้อยละ 23.3. ใน AIS 

“การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างรวดเร็วในประเทศทำให้เกิดเทคโนโลยี 5G ซึ่งเป็นโอกาสที่สำคัญทั้งต่อผู้บริโภคและองค์กร” Singtel กล่าว “ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Intouch และ AIS Singtel จะยังคงให้การสนับสนุนด้านโทรคมนาคมและความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาธุรกิจหลักของพวกเขา”

ในเดือนเมษายน Gulf Energy ได้เสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 81 ของ InTouch ซึ่งยังไม่ได้เป็นเจ้าของที่มูลค่า 1.69 แสนล้านบาท (5.1 พันล้านเหรียญ) ซึ่งเป็นข้อที่เสนอที่แยกจากหุ้น AIS มูลค่า 3.65 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ดี Singtel กล่าวว่า ยินดีร่วมงานกับ Gulf Energy ซึ่งมีจุดแข็งและวิสัยทัศน์ร่วมกันเพื่อสร้าง InTouch และ AIS ให้เป็นเป็นผู้นำของในด้านเทคโนโลยี 5G และบริการดิจิทัล

Singtel เสริมว่า ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการ 43 ล้านรายทั่วประเทศ AIS สามารถต่อยอดไปสู่การสร้างระบบนิเวศดิจิทัล และขยายการให้บริการดิจิทัลระหว่างผู้ประกอบการ (B2B) ไปพร้อมกับการเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานของบริษัท ซึ่งยังไม่ได้ปลดล็อก

ในช่วงที่ผ่านมา Gulf Energy ได้กระจายพอร์ตโฟลิโอของบริษัทด้วยการลงทุนในธุรกิจพลังงานสีเขียว ทางด่วนและท่าเรือ โดยสามารถสร้างกำไรในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 158 เป็น 2.4 พันล้านบาทจากปีที่แล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเงินปันผลจาก InTouch

ด้าน <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/sarath-ratanavadi/?sh=6d83b9749d76">สารัชถ์ รัตนาวะดี</a> วัย 56 ปี ดำรงตำแหน่งกรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Gulf Energy ครองอันดับที่ 5 ในการจัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 8.9 พันล้านเหรียญ

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Singtel Rejects Energy Billionaire Sarath Ratanavadi’s Offer To Buy Thailand’s No. 1 Phone Company โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/อเมริกัน-เอ็กซ์เพรส-จับม.html">อเมริกัน เอ็กซ์เพรส จับมือ ธนาคารกรุงเทพ ขยายเครือข่ายร้านค้า</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events