<h2>Skin Inc Supplement Bar แบรนด์ผลิตภัณฑ์ Skin-Tech เปิดตัวแล้ววันนี้ในประเทศไทย มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ดูแลผิวปรับแต่งได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคลแบบ ‘one-size-fits-me’</h2>
Skin Inc Supplement Bar แบรนด์ที่ก่อตั้งโดยผู้หลงใหลในเทคโนโลยี Sabrina Tan ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ตอบโจทย์เธอได้ทุกความต้องการภายในขวดเดียว เพื่อส่งมอบสุขภาพที่ดีของผิวหน้าและดูแลครอบคลุม 360 องศา โดยทุกคนสามารถทำเองได้ที่บ้านได้

<figure><img class="size-full wp-image-63454" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Sabrina-Tan.jpg" alt="" width="534" height="800" /><figcaption> Sabrina Tan</figcaption></figure>

ก่อนที่จะตบเท้าเข้าสู่โลกความงามในปี 2008 ผู้ก่อตั้งและซีอีโอชาวสิงคโปร์คนนี้ได้ทำงานในบริษัทอย่าง Oracle, IBM, และ Hewlett-Packard มาเป็นเวลาร่วม 10 กว่าปี ดังนั้นการใช้ดาต้า, AI และนวัตกรรมล้ำสมัยจึงเปรียบเสมือนหัวใจหลักที่ทำให้แบรนด์นี้ต่างจากผู้เล่นอื่นๆ

หลังจากหาหมอผิวหนัง และเดินเข้าไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยบรรเทาอาการผื่นแดงบริเวณผิวหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า Tan ก็ได้ตัดสินใจว่าจะจัดการเรื่องในแบบสาวเทคของเธอเอง และบินตรงไปสู่ญี่ปุ่นเพื่อค้นคว้าและวิจัยเพื่อผสานผลิตภัณฑ์ความงามและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นเทคโนโลยี Encapsulation

<img class="alignnone size-full wp-image-63456" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/281447183_4837291666382927_3500794413491436581_n.jpg" alt="" width="450" height="450" />

เทคโนโลยีดังกล่าว เป็นเทคโนโลยีจดสิทธิบัตรของทางแบรนด์ที่นำคุณประโยชน์จากส่วนผสมทั้ง 10 ชนิดมาห่อหุ้มไว้ในลักษณะเม็ดเล็กๆ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของ Skin Inc Supplement Bar ที่ผู้บริโภคนำมา mix &amp; match สร้าง My Daily Dose ตามสภาพผิวนั้น ทนทานต่อสภาพอากาศ แสงแดด และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้สารต่างๆ ไม่คงตัว และมีอายุการใช้งานนานถึง 4 ปี

นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังได้เปิดตัว SABI+ แอปพลิเคชั่น AI ที่ทางแบรนด์กล่าวว่าเป็นเหมือน FitBit สำหรับผิวหน้าของคุณ โดยผู้ใช้งานจะทราบว่าสุขภาพผิว ณ ปัจจุบันเป็นเช่นไร และผิวพรรณตอนนี้ต้องการอะไร โดย Tan กล่าวว่า “สภาพผิวของคนเราขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการมีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ปรับแต่งได้เองจึงสามารถมั่นใจได้ว่าจะเหมาะกับทุกช่วงอายุ ไลฟ์สไตล์ อาชีพ และเพศ” และกล่าวเสริมว่า ​“เราอยากจะเฉลิมฉลองตัวคุณ ในแบบที่คุณเป็น” 
<h3>มุ่งทำความรู้จักลูกค้าชาวไทย</h3>
ในการเปิดตัวในไทยครั้งนี้ ทางแบรนด์ฉายเดี่ยว ไม่ได้ผ่านการจับมือกับรีเทลใดๆ โดยทางแบรนด์มีเป้าในการความรู้จักกับสภาพผิวและความต้องการของลูกค้าคนไทยมากขึ้น

<img class="alignnone size-full wp-image-63455" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/280439071_4837355559709871_2273593171831594752_n.jpg" alt="" width="450" height="450" />

โดย Tan เผยว่า “สำหรับแบรนด์ customization สิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จคือการที่เรารู้จักลูกค้าก่อนสิ่งอื่นใด ฉันจำเป็นที่ต้องรู้จักลูกค้าก่อนที่จะบุกตลาดได้ และด้วย AI และเทคโนโลยีทุกวันนี้ เราสามารถรู้จักลูกค้าโดยตรงได้มากขึ้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องลงมือทำเอง” และกล่าวต่อว่า “จากนั้น ระหว่างทาง เราก็สามารถจับมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ได้เพื่อการกระจายสินค้า”
ทางแบรนด์คาดว่า ภายในปี 2025 จะสร้างยอดขายในไทย 300 ล้านบาท ผ่านช่องทางขายปลีกทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างช่องทางอี-คอมเมิร์ซต่างๆ และแพลตฟอร์มเว็บไซต์ของแบรนด์เอง รวมไปถึงช่องทางออฟไลน์อย่างร้านค้าปลีกชั้นนำ ห้างสรรพสินค้า คลินิกความงาม สปาระดับ 5 ดาว และเภสัชกรรมระดับพรีเมียม โดยมุ่งขายผ่านช่องทางออนไลน์ร้อยละ ​65 และออฟไลน์ร้อยละ 35
<img class="alignnone size-full wp-image-63457" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/279528347_4790496564395771_1160179327046451071_n.jpg" alt="" width="720" height="480" />
“ตอนนี้ ตลาดอี-คอมเมิร์ซประเทศไทยเองก็เป็นขาขึ้น...ดังนั้น เรามองว่าในเรื่องของเทรนด์ บวกกับการที่เราเป็นบริษัท Skin-Technology เมื่อผนวกเข้าด้วยกัน เรามั่นใจว่าเป้าหมายในการเติบโตในไทยจะเป็นไปในทิศทางที่ดีแน่นอน” พีมนต์ญา เวธน์ปริวัฒน์ ผู้จัดการ Skin Inc Supplement Bar (ประเทศไทย) กล่าว 
ทั้งนี้ยังเสริมด้วยว่า “ประเทศไทยเริ่มเปิดประเทศแล้ว เราจึงเริ่มมองตลาด Travel Retail เมื่อนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมามากขึ้น” จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะในการเปิดตัวแบรนด์ในไทย รวมไปถึงการให้ไทยเป็นฮับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
<img class="alignnone size-full wp-image-63458" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Tri-Light&#x2122;-SABI-AI.jpg" alt="" width="720" height="450" />
โดยในไตรมาสที่ 2 นี้ ทางแบรนด์ได้นำเสนอเซรั่ม 10 แบบ โดยผสมเซรั่ม 3 ตัวเข้าได้ถึง 120 แบบ อีกทั้ง ยังมีผลิตภัณฑ์ประเภท grab &amp; go อย่าง ​Wonder Serum 4 ชนิด, Pure Revival Peel และ Serum Glow Filter รวมไปถึงอุปกรณ์ดูแลผิวพรรณอื่นๆ  
ในไตรมาสที่ 3 ทางแบรนด์ได้วางเป้านำผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของทางแบรนด์มาวางขายในไทย และนำผลิตภัณฑ์ตัวชูโรงอย่าง Tri-Light&#x2122; +SABI AI เข้ามาในไตรมาสที่ 4 
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/sunnies-face-%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%9f%e0%b8%b4%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%9b%e0%b8%9b%e0%b8%b4.html">Sunnies Face แบรนด์ความงามฟิลิปปินส์ผู้บุกสหรัฐฯ</a>


<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events