<h2>United Overseas Bank ของ Wee Cho Yaw เดินหน้าเต็มตัวเพื่อขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้เข้าซื้อธุรกิจการธนาคารสำหรับผู้บริโภคของ Citibank ในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม ในข้อตกลงธุรกิจมูลค่า 4.9 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ (3.5 พันล้านเหรียญ)</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;UOB ระบุว่า เมื่อข้อตกลงนี้จบในปลายปีนี้จะทำให้ธนาคารมีลูกค้าเกือบ 8 ล้านราย ซึ่งจะทำให้รายได้ของธนาคารเพิ่มขึ้นประมาณ 1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;UOB มุ่งขยายธุรกิจจากโมเมนตัมที่เกิดขึ้นด้วยการให้ข้อเสนอสุดพิเศษแก่สมาชิก เช่น ให้สิทธิ์ในการซื้อตั๋วล่วงหน้าสำหรับคอนเสิร์ต Taylor Swift ที่จะจัดแสดงที่สิงคโปร์ในปีหน้า ซึ่งผลก็คือยอดสมัครบัตรเครดิต UOB ในเดือนมิถุนายนพุ่งสูงขึ้นทั้งภูมิภาคก่อนที่ตั๋วจะเริ่มขายให้คนทั่วไปและหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กำไรสุทธิของ UOB ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้พุ่งสูงขึ้น 53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 3.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ (หักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินทรัพย์ของ Citibank) เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และรายได้จากการค้าหลักทรัพย์และการลงทุนเพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ Wee Cho Yaw อยู่ในอันดับ 8 ของทำเนียบ 50 อันดับมหาเศรษฐีสิงคโปร์ด้วยการครอบครองทรัพย์สินมูลค่าสุทธิ 7.1 พันล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จากการคาดการณ์ว่า Fed ยังจะขึ้นดอกเบี้ยอีก ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิจึงน่าจะสูงขึ้น และจะสูงค้างอยู่นานขึ้น” Thilan Wickramasinghe นักวิเคราะห์ของ Maybank Securities ระบุในบทวิเคราะห์ในเดือนกรกฎาคม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Maybank ประเมินว่า กำไรสุทธิของ UOB จะเพิ่มขึ้น 19% ในปีนี้ไปเป็นสถิติสูงสุดใหม่ที่ 5.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ UOB ซึ่งมี Ee Cheong ลูกชายคนโตของ Wee Cho Yaw เป็นผู้บริหารสูงสุดก็กำลังเร่งลงทุนทางด้านดิจิทัล ซึ่งรวมถึงการตั้งงบ 500 ล้านเหรียญสิงคโปร์เพื่อสร้างศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีในสิงคโปร์ และจับมือกับร้านค้าออนไลน์อย่าง Lazada เพื่อพัฒนาระบบการชำระเงินและการให้บริการทางการเงินทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ตระกูล Wee ยังกุมบังเหียนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์อย่าง UOL Group และเครือโรงแรมอย่าง Pan Pacific Hotels ถึงแม้ว่า UOL จะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวหลังโควิดและอุปสงค์ที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์ที่ยังประคองตัวได้ดี แต่อัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นฉุดให้กำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ลดลงถึง 64% เหลือ 135 ล้านเหรียญสิงคโปร์&nbsp;เพราะค่าใช้จ่ายด้านการเงินเพิ่มขึ้นเท่าตัว ทั้งนี้ในเดือนกรกฎาคม Pan Pacific ได้ทำข้อตกลงที่จะขายโรงแรม Parkroyal ในย่าน Little India ที่สิงคโปร์ให้กับเจ้าพ่อธุรกิจโรงแรม Choo Chong Ngen (อันดับ 17) ในราคา 525 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;: <a href="https://www.forbesthailand.com/world/asia/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-50-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2023" alt="การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2023">การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2023</a>​​<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายนในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายนในรูปแบบ e-magazine</a>​<div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px; width: 300px;"><a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" alt="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/M61t31eFWLNK3x1ywuuV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="M61t31eFWLNK3x1ywuuV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="500,656" data-image-link="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" style="width: 300px; height: auto;" data-index="0"></a></figure></div>

Wee Cho Yaw พา UOB โตพรวดพราด

<h2>กระแสความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ขยายวงกว้าง เศรษฐกิจของสิงคโปร์ซึ่งพึ่งพิงการส่งออกเติบโตช้ากว่าที่คาดหมายเพียงร้อยละ 3.8 ในไตรมาส 2 ของปี 2018 หลังจากนั้นไม่นาน ราวต้นเดือนกรกฎาคม รัฐบาลออกมาตรการใหม่เพื่อลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงมาตรการทางภาษีพิเศษและข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ปล่อยกู้แก่ผู้ซื้อบ้านมีความไม่แน่นอนหลายประการในเวลานี้</h2>
รวมทั้งรัฐบาลใหม่ของมาเลเซียภายใต้การนำของ Mahathir Muhammad ซึ่งไม่ดำเนินนโยบายผ่อนคลายอย่างอดีตนายกรัฐมนตรี Najib Razak ผู้ถูกขับออกจากตำแหน่งรัฐบาลมาเลเซียแย้มถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่างสองประเทศ อีกทั้งอาจทบทวนข้อตกลงการจัดหาน้ำที่ดำเนินมาหลายสิบปี

ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งเงินดอลลาร์สิงคโปร์และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ Strait Times ซบเซาตั้งแต่ปีกลาย อย่างไรก็ตาม อภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดของสิงคโปร์ 50 อันดับแรกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลัก โดยมีทรัพย์สินรวมกันเกือบ 1.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 รวมติดตาม 10 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดแห่งสิงคโปร์ ประจำปี 2018

<figure><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/07fc6cb847dc6ff2823ec373a8d282de.png" alt="" width="340" height="340" /><figcaption> (Cr: Jonathan Wong/South China Morning Post และ The Straitstimes)</figcaption></figure>

อันดับ 1
Robert และ Philip Ng
อายุ: 66 และ 59 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.19 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มาของรายได้: Far East Organization

ผู้ที่ร่ำรวยเพิ่มขึ้นมากที่สุดได้แก่ Robert และ Phillip Ng สองพี่น้องนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พี่น้องตระกูล Ng ทำ เงินเพิ่มขึ้น 2.5 พันล้านเหรียญ โดยบางส่วนเป็นผลจากข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับสินทรัพย์ส่วนตัวของพวกเขา เมื่อเดือนพฤษภาคม กลุ่มกิจการค้าร่วมของทั้งคู่ซึ่งมีบริษัท Far East เป็นแกนหลัก ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่จากการชนะการประมูลที่ดินเพื่อการใช้ประโยชน์ผสมผสาน (mixed-use site) ในพื้นที่ยอดนิยมอย่าง Holland Village ด้วยเงิน 904 ล้านเหรียญในการประมูลที่ผู้เข้าร่วมมากกว่าสิบรายสองพี่น้องผู้ที่ตอนนี้ต้องรับมือกับมาตรการผ่อนคลายความร้อนแรงยังสามารถรั้งตำแหน่งสูงสุดด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.19 หมื่นล้านเหรียญ

&nbsp;

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/46a799cf707503d856241dea573ffef2.png" alt="" />
อันดับ 2
Eduardo Saverin
อายุ: 36 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 1.18 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มาของรายได้: Facebook

Saverin ซึ่งมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 2.5 พันล้านเหรียญเช่นกัน ตามมาใกล้ๆ ในอันดับที่ 2 ด้วยสินทรัพย์รวม 1.18 หมื่นล้านเหรียญ (หุ้นของ Facebook ทำราคาทะยานขึ้นร้อยละ 30 จากรายได้ค่าโฆษณาที่พุ่งขึ้น)

&nbsp;

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/e8612681913bdb17820d0973ac51de9a.png" alt="" />
(Cr: discoversg.com)
อันดับ 3
Goh Cheng Liang
อายุ: 91 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 8.5 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาของรายได้: Nippon Paint

Goh Cheng Liang เจ้าพ่อวงการสี ซึ่งถือหุ้นร้อยละ 39 ใน Nippon Paint Holdings ในการยึดอำนาจกลางที่ประชุมบอร์ดเมื่อเดือนมีนาคม Goh Hup Jin ลูกชายของเขาเข้าควบคุมบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นอายุ 137 ปี ชื่อดังแห่งนี้ เขาได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานบริษัทและดูแลการแต่งตั้งผู้บริหารใหม่ 5 คนเข้าเป็นคณะกรรมการบริษัท

&nbsp;

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/1581bfd1e700e15dbd85b4972593a90d.png" alt="" />
อันดับ 4
Kwek Leng Beng
อายุ: 77 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 7.6 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาของรายได้: City Developments

&nbsp;

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/673cf96cf962b83c0c46a4ef371a15a5.png" alt="" />
อันดับ 5
Khoo family
มูลค่าทรัพย์สิน: 6.7 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาของรายได้: Goodwood Group of Hotels

&nbsp;

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/d164b110d2023628ef24a010a5e0603e.png" alt="" />
อันดับ 6
Wee Cho Yaw
อายุ: 89 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 6.4 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาของรายได้: United Overseas Bank

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/5923994ecffa14aa977518a4b77fc865.png" alt="" />
อันดับ 7
Kwee brothers
มูลค่าทรัพย์สิน: 5.4 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาของรายได้: Pontiac Land

&nbsp;

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/22d6bfd0d18d3c09f1ffc938d4ebb3d5.jpg" alt="" />
อันดับ 8
Richard Chandler
อายุ: 59 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 3.15 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาของรายได้: Clermont Group

Richard Chandler นักธุรกิจชาวนิวซีแลนด์และเป็นผู้พำนักอาศัยถาวรในสิงคโปร์ ซึ่งกระโดดขึ้นมาถึง 4 อันดับเข้ามาอยู่ใน Top 10 (อันดับที่ 8) ได้อีกครั้งทรัพย์สินสุทธิของบริษัท Clermont Group ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ทะยานขึ้นร้อยละ 50 โดยระบุในเอกสารของราชการว่าเป็นกำไรจากการลงทุนที่ไม่ได้รับการเปิดเผย

&nbsp;

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/3e9c6c94b2d7827178c7df555ee9cd6b.png" alt="" />
อันดับ 9
Raj Kumar และ Kishin RK
อายุ: 64 และ 35 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.7 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาของรายได้: RB Capital/Royal Holdings

&nbsp;

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/cd8af738e261e2a46a5a16bc36a7a744.jpg" alt="" />
อันดับ 10
Choo Chong Ngen
อายุ: 65 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.6 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มาของรายได้: Hotel 81

&nbsp;

<hr />

<a href="http://bit.ly/2vFS9h0">คลิกอ่าน การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดแห่งสิงคโปร์ ประจำปี 2018 ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับเดือนสิงหาคม 2561</a>
<a href="http://bit.ly/2vFS9h0"><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/3e29361bc2662e0897d1598a25fe6216.jpg" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events