บุกแดนภารตะ จุดหมายใหม่ของนักลงทุนทั่วโลก - Forbes Thailand

บุกแดนภารตะ จุดหมายใหม่ของนักลงทุนทั่วโลก

ประธานาธิบดี Joe Biden เพิ่งต้อนรับการมาเยือนสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรีแดนภารตะ Narendra Modi อย่างยิ่งใหญ่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยทั้งสองประเทศต่างกำลังแสวงหาแนวทางวางกลยุทธ์ใหม่ในช่วงเวลาที่จีนยังคงขยับขยายอิทธิพลไปทั่วโลก

    

    สองผู้นำต่างเอ่ยคำมั่นจะยกระดับบความมั่นคงทางการทหารและความสัมพันธ์ด้านการค้า โดยให้ความสำคัญกับกฎหมายสากล เสรีภาพทางทะเล และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นทางฝั่งตะวันออกและทะเลจีนใต้

    การมาเยือนครั้งนี้ยังเน้นย้ำความเป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วระหว่างสองประเทศ โดยมีผู้นำด้านเทคโนโลยีชื่อเสียงโด่งดังเข้าร่วมด้วย เช่น Sundar Pichai จาก Google และ Satya Nadella จาก Microsoft ทั้งสองต่างเกิดที่ประเทศอินเดีย

    แล้วเป้าหมายของ Narendra Modi คืออะไร?

    คำตอบคือเพื่อสถาปนาอินเดียเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตและการทูต ซึ่งเป้าหมายนี้มีแรงผลักดันอันเข้มข้นจากความสัมพันธ์กับจีนที่ตึงเครียด

    การมาเยือนของนายกรัฐมนตรีอินเดียยังนำไปสู่ข้อตกลงอันมีนัยสำคัญต่างๆ ตลอดจนกระตุ้นการผลิตอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยี อวกาศ และการทหารจากสารกึ่งตัวนำและแร่ที่มีความสำคัญอย่างมากที่ผลิตในอินเดีย จากที่กล่าวมา ข้อตกลงอันเป็นหลักสำคัญจะอนุญาตให้ General Electric ผลิตเครื่องยนต์เจ็ตในอินเดียตอกย้ำความเหนือชั้นด้านการผลิตของประเทศ

    Micron Technology ผู้ผลิตชิปซึ่งมีฐานที่ตั้งในเมืองบอยซี รัฐไอดาโฮ ได้ประกาศลงทุน 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่ออำนวยการผลิตสารกึ่งตัวนำในอินเดีย นอกเหนือจากนี้อินเดียยังเข้าร่วมข้อตกลง Artemis Accords นำโดยสหรัฐฯ เปิดศักราชใหม่แห่งการผสานพลังสำรวจอวกาศ


อันดับสองของโลกภายในปี 2075

    

    พันธะเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงเรื่องการเมืองเท่านั้น พวกเขายังหยั่งรากสู่การเติบโตของเศรษฐกิจในระดับโลก จีดีพีของอินเดีย ณ ตอนนี้อยู่ที่ราว 3.7 ล้านล้านเหรียญ แต่ Deutsche Bank เชื่อว่าสามารถทวีเป็น 7 ล้านล้านเหรียญได้ภายในปี 2030 กล่าวอีกนัยหนึ่งคือจีดีพีต่อหัวของอินเดียตอนนี้เทียบเคียงกับจีนช่วงปี 2006-2007

จีดีพีต่อหัวของอินเดียตอนนี้เทียบเคียงกับจีนช่วงปี 2006-2007


    Deutsche Bank กล่าวว่าการเติบโนนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง นโยบายปฏิรูป การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเหนือสิ่งอื่นใดคือการเปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด แดนภารตะแห่งนี้ยังมีประชากรในอุดมคติ โดยอายุเฉลี่ยต่ำกว่า 30 ปี

    เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติเผยรายงานว่าอินเดียได้ชิงตำแหน่งประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกไปจากจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการผลักดันพลเมือง 97 ล้านคนเข้าสู่ตลาดแรงงานภายใน 10 ปี เรียกได้ว่าเป็นการเติบโตของแรงงานที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ ช่วงเวลาดังกล่าว

    กระนั้นหนทางอาจไม่ได้ราบรื่นนัก อุปสรรคสำคัญ ได้แก่ โอกาสการจ้างงานที่ไม่เพียงพอ และการว่างงานที่เพิ่มขึ้น

    แต่แม้ประสบปัญหาเหล่านี้ อินเดียยังคงเป็นขุมพลังในการสร้างความมั่งคั่ง เศรษฐีหน้าใหม่ปรากฏตัวขึ้นเป็นจำนวนมาก อ้างอิงจากรายงาน Henley Private Wealth Migration Report 2023 ปริมาณเงินทุนไหลออกสุทธิของประเทศจากนักลงทุนรายใหญ่ชะลอตัวลงปีต่อปี

คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2075


    ส่วนเรื่องของอนาคต Goldman Sachs คาดการณ์ว่าภายในปี 2075 อินเดียจะกลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากจีน เฉือนชนะสหรัฐฯ ด้วยมาร์จินเพียงเล็กน้อย ความเป็นไปได้นี้ดูจะไร้ที่สิ้นสุดตราบเท่าที่มีนโยบายที่เหมาะสมคอยสนับสนุนประชากรซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็ว

    

เดิมพันของยักษ์ใหญ่

    

     แม้ยังคงมีความไม่แน่นอน ก็แลเห็นนิมิตหมายอันดีมากมาย ดัชนี Sensex ของตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ (BSE) ก็ทำสถิติสูงสุดเมื่อเร็วๆ นี้ยามค่าเงินรูปีอินเดียเพิ่มขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างว่องไวเช่นเดียวกับการลงทุนจากต่างชาติ

ตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ทำสถิติสูงสุด


     บรรดานักลงทุนต่างก็เล็งเห็นศักยภาพของอินเดียเช่นกัน แม้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะตกลงเมื่อไม่นานมานี้อันเป็นผลมาจากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ อินเดียสามารถรับมือและดึงดูดเม็ดเงินรวมราว 9.2 แสนล้านเหรียญได้ตั้งแต่เมษายนปี 2000 จนถึงมีนาคมปี 2023 อ้างอิงข้อมูลจาก Dezan Shira & Associates

    บริษัทเอกชนรายใหญ่ระดับโลกอย่าง Amazon และ Google ต่างวางเดิมพันกับอินเดีย Ama-zon วางแผนลงทุนเพิ่ม 1.5 หมื่นล้านเหรียญภายในปี 2023 โดย Amazon Web Service (AWS) สนับสนุนเงิน 1.27 หมื่นล้านเหรียญเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น

     ด้าน Google ตั้งเป้าสร้างศูนย์เทคโนโลยีการเงินใน Gujarat International Finance Tec-City (GIFT City) ซึ่งเป็นย่านธุรกิจในอินเดีย ตลอดจนเพิ่มภาษาต่างๆ ที่ใช้ในอินเดียไปยังแชทบอตเอไอ Bard เพื่อให้ประชากรอันหลากหลายของอินเดียสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น

    ในการเยือนสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรี Narendra Modi ได้พบกับ Elon Musk ส่งสัญญาณการลงทุนเปี่ยมศักยภาพในภาคพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้าของอินเดีย ทั้งนโยบายปฏิรูปปฏิรูปเมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งเปิดให้ผู้เล่นเอกชนก้าวเข้าสู่ภาคเทคโนโลยีอวกาศ ยังเอื้อให้อินเดียเตรียมพื้นที่สำหรับนำ Starlink บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียมของ SpaceX เข้าสู่แดนภารตะ

    อินเดียนั้นมี “ความเป็นไปได้มากกว่าประเทศใหญ่หน้าไหนในโลก” Elon Musk กล่าวหลังการพบปะ เขามั่นใจว่า Tesla จะบุกอินเดีย “โดยเร็วที่สุดเท่าที่มนุษยธรรมจะอำนวย”

    

สัญญาณแห่งโอกาสทอประกาย

    

     อินเดียกำลังก้าวไปเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่ของโลกและจุดหมายอันล่อตาล่อใจนักลงทุนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสภาวะตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์และผลกระทบจากการเข้าแทนที่ของเทคโนโลยีต่างๆ ความเปลี่ยนแปลงของอินเดียคือสัญญาณแห่งโอกาสบนภูมิทัศน์สุดท้าทาย ชนชั้นกลางที่เติบโตต่อเนื่อง นโยบายปฏิรูป และความเป็นเลิศด้านดิจิทัลกำลังหล่อหลอมวิถีทางเศรษฐกิจอินเดีย เชื้อเชิญให้ต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาลงทุน

    สำหรับนักลงทุนทั้งหลาย ถึงเวลาแล้วที่จะตระหนักถึงศักยภาพของอินเดีย

    

    แปลและเรียบเรียงจากบทความ Why India Could Be The Next Big Destination For Global Investors ซึ่งเผยแพร่บน Forbes.com

    

    อ่านเพิ่มเติม : 

    ​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine