อัปเดตความมั่งคั่ง 10 อันดับ 'มหาเศรษฐีอินเดีย' ประจำปี 2025 - Forbes Thailand

อัปเดตความมั่งคั่ง 10 อันดับ 'มหาเศรษฐีอินเดีย' ประจำปี 2025

Forbes ได้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินครั้งล่าสุดของเหล่าผู้ร่ำรวยมั่งคั่งในประเทศอินเดีย โดยนโยบายการปรับขึ้นภาษีของรัฐบาลทรัมป์ยังส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินรวมของเหล่ามหาเศรษฐีอินเดียที่ลดลง 9% ...ว่าแต่ 10 อันดับของ 'มหาเศรษฐีอินเดีย' ประจำปี 2025 นี้ จะเปลี่ยนแปลง แตกต่างไปจากปีก่อนหรือไม่ เลื่อนอ่านดูแต่ละอันดับกันได้เลย


    ความหวังของอินเดียที่จะสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับทรัมป์ 2.0 ต้องพังทลายลง...เมื่อสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียมากถึง 50% และเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว รัฐบาลอินเดียจึงประกาศลดภาษีสินค้าและบริการครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นการบริโภคในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้สินค้าหลายประเภท รวมถึงรถยนต์ มีราคาถูกลง ซึ่งเมื่อค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงและดัชนี Sensex ยังลดลง 3% นับตั้งแต่ที่ Forbes ได้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินครั้งล่าสุด ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของเหล่ามหาเศรษฐีอินเดียลดลง 9% เหลือราวๆ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ


อันดับ 1 Mukesh Ambani  


มูลค่าความมั่งคั่ง : 1.05 แสนล้านเหรียญ

    Mukesh Ambani เป็นประธานและบริหารบริษัท Reliance Industries ซึ่งมีรายได้ 1.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราว 4.064 ล้านล้านบาท) โดยมีธุรกิจปิโตรเคมี น้ำมันและก๊าซ โทรคมนาคม ค้าปลีก สื่อ และบริการทางการเงิน

    บริษัท Reliance ก่อตั้งขึ้นโดย Dhirubhai Ambani บิดาผู้ล่วงลับของเขา หลังจากบิดาได้เสียชีวิตในปี 2002 Mukesh และน้องชาย Anil จึงได้แบ่งอาณาจักรของครอบครัวออกจากกัน ณ ปัจจุบัน บริการโทรคมนาคมและบรอดแบนด์ของ Reliance Jio มีสมาชิกมากกว่า 500 ล้านราย Mukesh กล่าวว่า เขาวางแผนที่จะนำ Jio เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2026 

    Mukesh มีบุตรจำนวน 3 คน โดยได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของ Reliance ในปี 2023 ได้แก่ Akash ลูกชายคนโต เป็นประธานของ Reliance Jio ขณะที่ Isha ลูกสาวคนที่ 2 ดูแลด้านค้าปลีกและบริการทางการเงิน และลูกชายคนเล็กชื่อ Anant ดูแลอยู่ในธุรกิจพลังงาน



อันดับ 2 Gautam Adani & family 


มูลค่าความมั่งคั่ง : 9.2 หมื่นล้านเหรียญ

    Gautam Adani เป็นประธานกลุ่มบริษัท Adani ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองอาห์เมดาบัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับท่าเรือ สนามบิน การผลิตและส่งไฟฟ้า พลังงานสีเขียว น้ำมันพืช ปูนซีเมนต์ และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

    ในปี 1988 Gautam Adani ได้ขยายบริษัทของเขา ในฐานะบริษัทค้าสินค้าโภคภัณฑ์ ไปสู่ภาคส่วนใหม่ๆ ผ่านการเข้าซื้อกิจการโดยการกู้ยืมเงิน และการสร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ของอินเดีย

    ทั้งนี้ Gautam ยังเป็นผู้ดำเนินกิจการสนามบินรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย โดยมีสนามบินถึง 8 แห่ง และยังควบคุมท่าเรือมุนดรา ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีกำลังการผลิตสินค้ามากที่สุดในอินเดีย ในรัฐคุชราต บ้านเกิดของเขา

    นอกจากนี้ ธุรกิจของ Gautam ยังถือเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของอินเดียเมื่อพิจารณาจากกำลังการผลิตในปี 2022 หลังจากเข้าซื้อกิจการสินทรัพย์ในอินเดียของบริษัท Holcim จากสวิตเซอร์แลนด์ ในราคา 6.4 พันล้านเหรียญ

    อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 ที่ผ่านมา ทาง Hindenburg Research ในสหรัฐฯ ยังได้กล่าวหา Gautam Adani และบริษัทของเขาว่าฉ้อโกงทางการเงินและยังปั่นราคาหุ้น! แต่ทว่าทางกลุ่มบริษัท Adani ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของประเทศ ก็ยังออกมากล่าวด้วยว่า เรื่องดังกล่าวนี้ไม่สามารถกำหนดข้อกล่าวหาได้



อันดับ 3 Savitri Jindal & family 


มูลค่าความมั่งคั่ง : 4.02 หมื่นล้านเหรียญ

    กลุ่มบริษัท Jindal มีธุรกิจครอบคลุมเหล็ก พลังงาน ซีเมนต์ และโครงสร้างพื้นฐาน อยู่ภายใต้การบริหารของ Savitri Jindal ภรรยาม่ายของ Om Prakash Jindal ผู้ก่อตั้ง โดยหลังจากการเสียชีวิตของ O.P. Jindal ในปี 2005 จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก บริษัทต่างๆ ในเครือก็ถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่ายระหว่างบุตรชายทั้งสี่ ซึ่งปัจจุบันบริหารงานอย่างอิสระ

    สินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มบริษัทอยู่ภายใต้การดูแลของ Sajjan Jindal บุตรชายของเธอที่มุมไบ ซึ่งดูแล JSW Steel, JSW Cement และ JSW Paints รวมถึงธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ในปี 2024 Sajjan Jindal ได้ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ร่วมกับ MG Motor และในปี 2568 เขาได้นำ JSW Cement เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

    ขณะที่ Naveen บุตรชายคนเล็ก ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเดลี เป็นผู้บริหาร Jindal Steel & Power ซึ่งในเดือนมีนาคม 2024 ที่ผ่านมา เขาได้ลาออกจากพรรค Congress และเข้าร่วมพรรค Bharatiya Janata แทน



อันดับ 4 Sunil Mittal & family   


มูลค่าความมั่งคั่ง : 3.42 หมื่นล้านเหรียญ

    บริษัท Bharti Airtel ของ Sunil Mittal เจ้าพ่อโทรคมนาคม เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย มีลูกค้ามากกว่า 600 ล้านรายทั่วอินเดียและแอฟริกา โดย Airtel ซึ่งมีซิงเทลเป็นพันธมิตร แข่งขันกับบริษัท Reliance Jio ของ Mukesh Ambani และ Vodafone Idea ของ Kumar Birla

    ในปี 2022 Google ได้ประกาศลงทุนเป็นเงิน 1 พันล้านเหรียญ ใน Bharti Airtel โดยเงิน 700 ล้านเหรียญ คือมูลค่าของการเข้าถือหุ้นในบริษัทนี้

    ถัดมาในปี 2024 Bharti Global ได้เข้าซื้อหุ้น 24.5% ใน BT Group บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของสหราชอาณาจักร ซึ่ง Sunil Mittal ยังได้นั่งแท่นร่วมเป็นคณะกรรมการบริษัทอีกด้วย ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา



อันดับ 5 Shiv Nadar


มูลค่าความมั่งคั่ง : 3.32 หมื่นล้านเหรียญ

    Shiv Nadar ผู้บุกเบิกด้านไอทีชาวอินเดีย ได้ร่วมก่อตั้ง HCL ในโรงรถเมื่อปี 1976 เพื่อผลิตเครื่องคิดเลขและไมโครโปรเซสเซอร์ร่วมกับเพื่อนอีก 5 คน ปัจจุบัน HCL Technologies มีรายได้ราว 1.38 หมื่นล้านเหรียญ คือหนึ่งในผู้ให้บริการซอฟต์แวร์รายใหญ่ที่สุดของอินเดีย

    ในปี 2020 เขาลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท HCL Technologies และส่งมอบตำแหน่งให้กับ Roshni Nadar Malhotra ลูกสาวของเขา ปัจจุบันเขาเป็นประธานกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ บริษัท HCL Technologies ซึ่งมีพนักงาน 223,000 คนใน 60 ประเทศทั่วโลก มีการจ้างนักศึกษาจบมัธยมปลายและฝึกอบรมพวกเขาในการทำงาน

    ล่าสุด เดือนมีนาคมที่ผ่านมา Shiv Nadar ได้โอนหุ้นบางส่วนในบริษัทการลงทุนของเขาที่ถือหุ้นในบริษัทเรือธงที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้กับ Roshni ลูกสาวของเขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการสืบทอดตำแหน่ง



อันดับ 6 Radhakishan Damani & family


มูลค่าความมั่งคั่ง : 2.82 หมื่นล้านเหรียญ

    Radhakishan Damani นักลงทุนอาวุโสชาวมุมไบ กลายเป็นราชาแห่งวงการค้าปลีกของอินเดียหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ของเครือซูเปอร์มาร์เก็ต Avenue Supermarts ของเขาในปี 2017 เขาก้าวเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกในปี 2002 โดยมีสาขาเพียงแห่งเดียวในย่านชานเมืองมุมไบ ปัจจุบันเขามีสาขา DMart มากกว่า 430 แห่งทั่วอินเดีย

    ทั้งนี้ Radhakishan Damani ยังถือหุ้นในบริษัทต่างๆ มากมาย เช่น บริษัทยาสูบ VST Industries ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2024 เขาและน้องชายได้ขายหุ้นใน India Cements ให้กับมหาเศรษฐี Kumar Birla



อันดับ 7 Dilip Shanghvi & family


มูลค่าความมั่งคั่ง : 2.63 หมื่นล้านเหรียญ

    Dilip Shanghvi บุตรชายของผู้จำหน่ายยา ได้กู้ยืมเงิน 200 เหรียญจากบิดาเพื่อก่อตั้งบริษัท Sun Pharmaceutical ในปี 1983 เพื่อผลิตยาจิตเวช บริษัทนี้เป็นบริษัทเภสัชภัณฑ์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดของอินเดีย และมีรายได้ประจำปีราว 6.1 พันล้านเหรียญจากตลาดต่างประเทศมากถึง 2 ใน 3

    Shanghvi ทำให้บริษัทเติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการที่ชาญฉลาดหลายครั้ง ซึ่งครั้งใหญ่ที่สุดคือการเข้าซื้อกิจการ Ranbaxy Laboratories ซึ่งเป็นคู่แข่ง ด้วยมูลค่า 4 พันล้านเหรียญ ในปี 2015



อันดับ 8 Bajaj Family 


มูลค่าความมั่งคั่ง : 2.18 หมื่นล้านเหรียญ 

    ตระกูล Bajaj บริหารกลุ่มบริษัท Bajaj ที่มีอายุ 99 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ Bajaj Auto และธุรกิจบริการทางการเงิน Bajaj Finserv โดยการบริหารงานของกลุ่มบริษัทนี้มี Rahul Bajaj เป็นประธาน ซึ่งได้แบ่งปันทรัพย์สมบัติกับลูกพี่ลูกน้องอย่าง Madhur, Niraj และ Shekhar และได้เสียชีวิตลงในปี 2022 ขณะที่มีอายุ 83 ปี

    ณ ปัจจุบัน บริษัท Bajaj Auto บริหารงานโดย Rajiv Bajaj บุตรชายคนโต (ในภาพ) ของ Rahul Bajaj บิดาผู้ล่วงลับ ขณะที่บุตรชายคนเล็ก Sanjiv ดูแลบริหารบริษัท Bajaj Finserv และล่าสุดในปี 2025 ทางครอบครัวนี้ ยังได้ตกลงซื้อหุ้นของ Allianz บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีในบริษัทร่วมทุนสองแห่งด้วยมูลค่า 2.8 พันล้านเหรียญอีกด้วย



อันดับ 9 Cyrus Poonawalla


มูลค่าความมั่งคั่ง : 2.14 หมื่นล้านเหรียญ

    Cyrus Poonawalla บุตรชายของผู้เพาะพันธุ์ม้า ก่อตั้งสถาบันเซรัมแห่งอินเดียขึ้นในปี 1966 และสร้างให้บริษัทเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก (เมื่อคำนวณตามปริมาณโดส) สถาบันเซรัมมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองปูเน ใกล้กับมุมไบ ผลิตวัคซีนได้มากกว่า 1.5 พันล้านโดสต่อปี ครอบคลุมวัคซีนหลายชนิด รวมถึงวัคซีนป้องกันโรคหัด โปลิโอ และไข้หวัดใหญ่

    ภายใต้การนำของ Adar บุตรชายผู้สำเร็จการศึกษาจากสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็น CEO ของเซรัม บริษัทได้ลงทุนสูงถึง 800 ล้านเหรียญในช่วงที่การระบาดรุนแรงที่สุด เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในเมืองปูเนสำหรับการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19

    ทั้งนี้ สินทรัพย์ของ Poonawalla ยังประกอบไปด้วยหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท Poonawalla Fincorp บริษัทให้บริการทางการเงินที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และหุ้นในโรงแรม The Ritz-Carlton ในเมืองปูเน



อันดับ 10 Kumar Birla

มูลค่าความมั่งคั่ง : 2.07 หมื่นล้านเหรียญ

    Kumar Birla คือ ราชาแห่งสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นผู้บริหารรุ่นที่ 4 ของกลุ่มบริษัท Aditya Birla Group อันเลื่องชื่อ มีรายได้ 6.7 หมื่นล้านเหรียญ เกือบครึ่งหนึ่งดำเนินธุรกิจนอกประเทศอินเดีย ซึ่งมีสาขาอยู่ใน 40 ประเทศ

    ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทยังครอบคลุมไปถึงธุรกิจปูนซีเมนต์ สิ่งทอ และอะลูมิเนียม ไปจนถึงธุรกิจโทรคมนาคม บริการทางการเงิน และสี ล่าสุดได้เข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ เช่น เครื่องประดับแบรนด์เนมและธุรกิจบริการต้อนรับ

    Birla ผู้เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตและสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนธุรกิจลอนดอน ได้สืบทอดอาณาจักรธุรกิจของครอบครัวตั้งแต่อายุ 28 ปี เมื่อบิดาของเขา Aditya Birla เสียชีวิตในปี 1995

    ในปี 2021 เขาเลือกลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทโทรคมนาคม Vodafone Idea หลังจากประสบปัญหาหนี้สิน โดยบริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นจากการควบรวมกิจการระหว่าง Idea Cellular และ Vodafone India ในปี 2018

    ล่าสุดในปี 2023 Ananya ลูกสาว และ Aryaman ลูกชายของเขา ได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริษัท Grasim และ Aditya Birla Fashion and Retail



แปลและเรียบเรียงจากบทความ : India’s 100 Richest 2025



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 10 อันดับ นักฟุตบอลรายได้สูงสุดในโลก ประจำปี 2025

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine