แม้ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่หน้าฝน แต่ฟากฝั่งสหรัฐอเมริกาเริ่มเข้าสู่หน้าร้อน ซึ่งกลายเป็นธรรมเนียมที่มหาเศรษฐีผู้รักการเรียนรู้อย่าง Bill Gates มักจะแบ่งปันลิสต์หนังสือและรายการที่น่าสนใจประจำฤดูกาลผ่านทางบล็อกส่วนตัวของเขา โดยครั้งนี้มาพร้อม 5 เรื่องที่น่าสนใจ
Bill Gates เล่าว่า “เมื่อผมอ่านหนังสือเล่มหนึ่งจบ และตัดสินใจว่าจะอ่านเล่มไหนต่อ มักไม่ได้มีความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่างหนังสือทั้งสองเล่ม หลังจากอ่านหนังสือประวัติศาสตร์สงครามกลางเมืองจบอาจเลือกหยิบนวนิยาย Sci-fi เกี่ยวกับโลกอนาคตอันไกลโพ้นมาอ่านต่อ เช่นเดียวกับรายการ และภาพยนตร์ต่างๆ ที่ผมมักเลือกสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในช่วงนั้น
ทว่าเมื่อผมรวบรวมหนังสือ และรายการที่อยากแนะนำ กลับรู้สึกสนุกที่ได้มองย้อนไปว่าแต่ละเรื่องมีความเชื่อมโยงกันมากแค่ไหน ซึ่งในครั้งนี้ แน่นอนว่ามีครับ
หนังสือและซีรีส์ที่อยากแนะนำประจำฤดูร้อนปีนี้ ต่างเกี่ยวข้องกับการทำเพื่อผู้อื่น ทำไมเราเลือกจะทำ อะไรที่จะสร้างความแตกต่างได้ และเหตุใดเราจึงควรทำให้เกิดขึ้น หนังสือเล่มหนึ่งเป็นนวนิยายที่ว่าด้วยการเสียสละของพยาบาลอเมริกันที่ใช้ชีวิตอยู่แนวหน้าของสงครามเวียดนาม เรื่องต่อมากล่าวถึง (คำแนะนำ) การเป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในยุคดิจิทัล อีกเรื่องเป็นการใคร่ครวญถึงการเชื่อมโยงเข้ากับผู้คนและชวนคิดถึงพัฒนาการของระบบการศึกษาว่าครูในโรงเรียนสนับสนุนนักเรียนของพวกเขาอย่างไร ส่วนซีรีส์ที่แนะนำเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้ทำงานปกป้องประเทศ
ผมไม่ได้ตั้งใจเจาะลึกในแนวคิดว่าด้วยการทำเพื่อผู้อื่น แต่แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับเราในปัจจุบัน ที่เราต่างเห็นพาดหัวในสื่อหลักล้วนเป็นเรื่องสงคราม ขณะที่ด้านการเมืองยังเกิดการแบ่งขั้วมากขึ้น ดังนั้นการได้ชื่นชมกลุ่มคนที่ช่วยเหลือผู้อื่นและใคร่ครวญว่าเราจะสามารถเอื้อเฟื้อ หรือใจดีกับตนเองและคนรอบข้างได้อย่างไรถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิตของเราด้วย
ทั้งหมดนี้คือความเชื่อมโยงในหนังสือและซีรีส์ที่ผมอยากแนะนำในฤดูกาลนี้ รวมถึงอยากชวนคุณมองย้อนและค้นหาไปพร้อมๆ กันว่า สิ่งที่คุณเคยอ่าน ดู หรือฟัง อาจสอดแทรกเรื่องคุณไม่เคยค้นพบมาก่อนก็ได้
หนังสือ The Women โดย Kristin Hannah
นวนิยายอันยอดเยี่ยมเรื่องนี้เล่าเกี่ยวกับพยาบาลประจำกองทัพสหรัฐฯ ที่ต้องทำหน้าที่ในแนวหน้าของสงครามเวียดนาม ก่อนจะเดินทางกลับประเทศและเผชิญหน้ากับการประท้วงและการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านสงคราม
ผู้แต่ง Kristin Hannah ได้เขียนหนังสือน้ำดีออกมามากมาย รวมถึงเล่มนี้ ซึ่งผมเห็นด้วยว่าทำไมถึงได้รับคำชมอย่างมากมาย หนังสือ The Women เธอตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อยกย่องกลุ่มทหารผ่านศึกที่ควรได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา
หนังสือ Infectious Generosity โดย Chris Anderson
Chris ผู้ดูแลรายการ TED Talks มานานกว่า 20 ปี ชวนสำรวจว่าอินเทอร์เน็ตช่วยสร้างแรงกระเพิ่มให้ความเอื้อเฟื้อขยายผลในวงกว้างได้อย่างไร เขาเสนอแผนนี้ให้กับทุกฝ่าย ทั้งบุคคลทั่วไป ภาครัฐ และภาคธุรกิจต่างๆ ที่จะเพิ่มพูนความเอื้อเฟื้อให้มากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การบริจาคเงินเท่านั้น เขายังบอกว่าเราจำเป็นต้องขยายคำนิยามความเอื้อเฟื้อให้กว้างขึ้น หากคุณต้องการสร้างโลกที่เสมอภาคกว่าเก่า และไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน หนังสือ Infectious Generosity คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ
ซีรีส์ Slow Horses
ผมเป็นแฟนเรื่องแนวสายลับตัวยง และอ่านนิยายของ John le Carre มาหลายเรื่อง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องโปรดของผม คือ Spy Games และ Three Days of the Condor รวมถึง Slow Horses ซึ่งเป็นซีรีส์สัญชาติอังกฤษที่เล่าเกี่ยวกับสายลับที่ถูกส่งไปยัง Slough Hose ซึ่งเป็นกลุ่มภายในหน่วย MI5 โดยเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมามักทำผิดร้ายแรงในระดับที่ยังไม่ถูกไล่ออก
Gary Oldman รับบทผู้นำ Slough House ซึ่งโดยเป็นขั้วตรงข้ามกับ James Bond เขาหยาบคายและเสพติดแอลกอฮอล์ แต่หลังจากนั้นเขาจะทำให้คุณแปลกใจด้วยศาสตร์ของสายลับ โดย Slow Horses มีตัวละครและเรื่องราวที่ซับซ้อนซึ่งชวนให้คุณติดตามไปตลอดทั้งเรื่อง
หนังสือ Brave New Words โดย Salman Khan
Sal ผู้ก่อตั้ง Khan Academy เป็นผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีการศึกษามายาวนานก่อนการมาของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เสียอีก ดังนั้น วิสัยทัศน์ที่เกิดขึ้นใน Brave New Words ถึงการนำ AI มาพัฒนาด้านการศึกษาจึงหนักแน่นอย่างมาก
Sal ระบุว่า AI จะช่วยพัฒนาทั้งฝั่งนักเรียนและครู และช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาในระดับสากล เขาตระหนักดีว่า ปัจจุบันนวัตกรรมที่ใช้ในห้องเรียนยังใช้ประโยชน์ได้แค่บางส่วน แต่หากเทียบกัน การใช้ AI จะช่วยพัฒนาได้มากยิ่งกว่านี้
ผมมองว่า ไม่มีใครมีมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับการศึกษาในอนาคตได้เฉียบคมยิ่งไปกว่า Sal อีกแล้ว
หนังสือ How to Know a Person โดย David Brooks
ผมชื่นชอบหนังสือเล่มก่อนของ David ที่ชื่อ The Road to Character แต่เล่มนี้ดีกว่าเดิม เพราะมีประเด็นที่ผมยังไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน เขาบอกว่าทักษะการสื่อสารและเข้าสังคมไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเท่านั้น แต่สามารถเรียนรู้และพัฒนาหลังจากนั้นได้
เขายังแนะนำเคล็ดลับที่ใช้ได้จริงว่า “ฟังให้ดัง (loud listening)” ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนรอบตัวคุณรู้สึกว่ามัคุณค่าและคุณรับฟังเสียงของเขาอย่างแท้จริง หนังสือเล่มนี้เป็นมากกว่าคำแนะนำเพื่อ่การสื่อสารที่ดี แต่เป็นแม่แบบแห่งวิถีชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความเข้าอกเข้าใจและมีมนุษยธรรมยิ่งขึ้น”
แปลและเรียบเรียงจาก 5 great things to read or watch this summer
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : “เริ่มให้ไว อยู่ให้นาน” เมื่อ ‘เวลา’ คือกุญแจสู่ความสำเร็จของ Warren Buffett
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine