'Hemant Taneja' General Catalyst เดิมพันด้วยทุน

'Hemant Taneja' General Catalyst เดิมพันด้วยทุน

FORBES THAILAND / ADMIN
07 Nov 2025 | 09:01 AM
READ 68

สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพแล้ว นักลงทุนทั้งหลายมักจะเชียร์ให้พวกเขาทลายขีดจำกัดด้านนวัตกรรม แต่สำหรับ Hemant Taneja แห่ง General Catalyst เขานำคำแนะนำนั้นมาใช้กับบริษัทของตนเอง


    จากสำนักงาน General Catalyst มองลงไปเบื้องล่างจะเห็น Oracle Park สนามเหย้าของทีมเบสบอล San Francisco Giants โดยมีทิวทัศน์อ่าวอันกว้างขวางสุดลูกหูลูกตาเป็นพื้นหลัง ซีอีโอ Hemant Taneja กำลังเล่าให้ฟังว่า บริษัทเงินร่วมลงทุน (VC) ของเขาจะพลิกโฉมการเข้าถึงระบบการดูแลสุขภาพของคนอเมริกันด้วยการเข้าซื้อและบริหารโรงพยาบาล

    เมื่อปีที่แล้ว General Catalyst ประกาศเข้าซื้อ Summa Health ระบบโรงพยาบาลในเมือง Akron รัฐ Ohio ที่มีพนักงาน 8,000 คน ในราคา 485 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องสร้างนวัตกรรมแห่ง Silicon Valley ซึ่งหมายถึงการอัดฉีดเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เข้าสู่กระบวนการดูแลสุขภาพในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสุขภาพไปจนถึงการประกันภัย แต่เนื่องจากในเวลานี้ยังไม่มีระบบโรงพยาบาลใดที่สามารถทำได้โดยลำพัง Taneja จึงวางแนวคิดไว้ง่ายๆ “เราจะไปซื้อมาทำเอง และใช้ชีวิตอยู่กับมัน”

    ห้องทำงานวิวสนามเบสบอลเข้ากับ Hemant Taneja อย่างเหมาะเจาะ เจ้าของอันดับ 8 ในทำเนียบ Midas ซึ่งเป็นการจัดอันดับผู้ร่วมลงทุนชั้นนำของสหรัฐฯ ที่ Forbes จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปีนั้นคุ้นเคยกับ “การเหวี่ยงวงสวิง” อันทรงพลังเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะเกิดที่อินเดียและชื่นชอบกีฬาคริกเก็ตมากกว่าก็ตาม แต่กระนั้นการเข้าซื้อโรงพยาบาลก็ยังคงเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับบริษัทเงินร่วมลงทุน ท่ามกลางการพร่ำสอนเรื่องการพลิกโฉมของนักลงทุนสายเทคโนโลยี แต่เมื่อต้องบริหารเงินของตัวเองพวกเขากลับอนุรักษ์นิยมขึ้นมาเสียอย่างนั้น 

    นับตั้งแต่ Arthur Rock คุณปู่แห่งวิถีร่วมลงทุนเซ็นเช็คให้กับบริษัทอย่าง Intel และ Apple แนวคิดดังกล่าวยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก ผู้ประกอบการอย่าง Gordon Moore และ Steve Jobs อาจ “คิดต่าง” ออกไปบ้าง แต่ Rock บัณฑิตสาขาบริหารธุรกิจจาก Harvard ที่เริ่มต้นเส้นทางอาชีพใน Wall Street ช่วงยุค 1950 นั้นกลับยึดมั่นในแนวคิดสมัยเก่าอย่างเคร่งครัด

    General Catalyst อยากทลายกรอบเดิมๆ ลงเสีย นับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมาบริษัทเปลี่ยนรูปแบบจากการเข้าไปเป็นหุ้นส่วนร่วมทุนทั่วไป สู่การเป็นสถาบันการลงทุนหลากมิติ โดยมีการจัดสรรทุนสำหรับ “งานสร้างสรรค์” เพื่อให้กำเนิดบริษัท AI ใหม่ๆ โดยมุ่งหมายที่จะแปลงโฉมอุตสาหกรรมเก่าๆ อย่างการบัญชีหรือการบริการลูกค้า นอกจากนี้ ยังมี General Catalyst Institute ทำหน้าที่เป็นคลังสมองในการกำหนดนโยบายเทคโนโลยีทั่วโลก และมี GC Wealth นายหน้าระดับพรีเมียมสำหรับชี้ชวนบรรดาผู้ก่อตั้งกิจการที่มีฐานะดีให้โบกมือลาธนาคารเอกชน

    นั่นได้ส่งผลให้ Taneja วัย 50 ปี กลายเป็นนักลงทุนร่วมลงทุนกลุ่มใหม่รุ่นบุกเบิก บางครั้ง General Catalyst รวมถึงบริษัทร่วมลงทุนรายอื่นอย่าง Andreessen Horowitz หรือ Lightspeed และ Thrive Capital ของ Josh Kushner ก็ได้รับฉายาเชิงประชดประชันว่าเป็น “กองทุนขนาดใหญ่” พวกเขาบริหารเงินลงทุนหลักหมื่นล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ Blackstone (สินทรัพย์ 1 ล้านล้านเหรียญ) และ KKR (6.6 แสนล้านเหรียญ) แต่ Taneja ไม่ได้ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว เขาอยากให้ General Catalyst เป็น “อาณาจักรเชิงกลยุทธ์” มากกว่า Neil Sequeira อดีตกรรมการผู้จัดการ General Catalyst บอกว่า “นี้คือสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ”

    อีกด้านหนึ่ง Taneja กลับตกเป็นเป้าของนักวิจารณ์ บางคนบอกว่า การลงทุนระดับอุตสาหกรรมของ General Catalyst แทบจะไม่เหมือนการร่วมลงทุนแล้ว ขณะที่อีกหลายคนแอบแซะว่า General Catalyst หันมาให้ความสำคัญกับ “การเก็บเกี่ยวค่าธรรมเนียม” กองทุนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทนการสร้างผลตอบแทนจากการเข้าไปสนับสนุนด้านการเงินให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ

    อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่สั่งสมมาเกือบ 15 ปีทำให้แฟนคลับของ Taneja ยังยินดีสนับสนุนวิสัยทัศน์อันห้าวหาญของเขา นับตั้งแต่ย้ายจาก Boston มายัง Silicon Valley ในปี 2011 Taneja ให้การสนับสนุน Stripe ยักษ์ใหญ่แห่งธุรกิจบริการชำระเงิน (ล่าสุดมีการประเมินมูลค่าอยู่ที่ 9.1 หมื่นล้านเหรียญ) Anduril สตาร์ทอัพสายป้องกันประเทศ (อยู่ระหว่างการเจรจาจัดหาทุนจากการประเมินมูลค่าบริษัท 2.8 หมื่นล้านเหรียญ) และยูนิคอร์นสายบริการด้านสุขภาพอีกจำนวนหนึ่ง เช่น Commure (ประเมินมูลค่าอยู่ที่ 6 พันล้านเหรียญ) 

    เมื่อปีที่แล้ว General Catalyst ระดมทุนจากผู้สนับสนุนได้ 8 พันล้านเหรียญ มากกว่ามือเก๋าแห่งทำเนียบ Midas บางรายเคยทำได้ทั้งชีวิตเสียอีก ตอกย้ำสถานะมหาอำนาจแห่งการร่วมลงทุน บริษัทมีสินทรัพย์ทะยานเกินกว่า 3.6 หมื่นล้านเหรียญ จาก 3.8 พันล้านเหรียญเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และยังคงมีการเติบโตในอัตราเร่ง ข้อมูลจาก Pitchbook แสดงให้เห็นว่า ในปีที่ผ่านมาทุกๆ 1 เหรียญที่มีการลงทุนผ่านบริษัทเงินร่วมลงทุนของสหรัฐฯ จะเป็นของ General Catalyst รวมถึงคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Andreessen Horowitz ราว 20 เซนต์

ข่าวลือต่างๆ นานา ที่ Silicon Valley มักจะวนอยู่กับการคาดเดาว่า สตาร์ทอัพรายใดจะได้เข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นรายต่อไป เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือสะพัดว่า General Catalyst เองที่เตรียมจะเสนอขายหุ้น IPO แต่ Taneja ปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่อยู่ในแผนเลยด้วยซ้ำ เราไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กันเลย” 

    สำหรับบริษัทเงินร่วมลงทุนแล้วถือว่า Taneja มีเงินเหลือเฟือ แต่ด้วยกลยุทธ์อันยิ่งใหญ่อาจทำให้เขาต้องใช้เงินมากกว่านั้น Blackstone รวมถึง KKR และ Apollo เติบโตกว่า 10 เท่าตัวนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากมีการออกหุ้นใหม่ระดมทุนขับเคลื่อนการเติบโต และใช้เป็นทุนสำหรับเข้าซื้อกิจการ รวมถึงจ่ายเงินให้หุ้นส่วนเก่า อย่างไรก็ตามการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของกิจการร่วมลงทุนยังถือกันว่าเป็นเรื่องต้องห้าม บรรดาผู้อาวุโสแห่ง Valley จำการล่มสลายของ Internet Capital Group บริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาด Nasdaq ในยุคฟองสบู่ดอตคอมเมื่อปี 1999 ได้เป็นอย่างดี บริษัทร่วมลงทุนแห่งนี้มีมูลค่าพุ่งสูงถึงเกือบ 6 หมื่นล้านเหรียญ ก่อนจะทิ้งดิ่ง 99.5% ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี

    เวลานี้ Taneja ผงาดเคียงข้างบรรดาผู้นำผู้นำทางธุรกิจ นายกรัฐมนตรี และสมาชิกราชวงศ์ (เขาเป็นเจ้าภาพร่วมงานเลี้ยงประจำปี ณ ปราสาทของครอบครัว Jeannette zu Fürstenberg บุคลากรใหม่ของบริษัทที่เยอรมนี) จากเด็กมัธยมปลายที่ต้องทำงานพิเศษในร้าน CVS ชานเมือง Massachusetts เพื่อช่วยพ่อแม่หารายได้เลี้ยงครอบครัว Taneja เดินทางมาไกลเหลือเกิน ตอนอายุได้ 15 ปีพ่อแม่ของ Taneja ย้าย New Delhi มายัง Boston ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยช่วงต้นทศวรรษ 1990 คุณพ่อของเขาต้องทำงานเป็นผู้จัดการร้าน KFC “ตอนนั้นผมน่าจะกิน KFC เกือบทุกวันจนตอนนี้ผมแทบจะไม่อยากมองแล้ว”

    หลังจบชั้นมัธยมปลาย Taneja เข้าศึกษาต่อที่ MIT เมื่อจบการศึกษาเขาร่วมก่อตั้งและขายบริษัทสตาร์ทอัพซอฟต์แวร์สำหรับใช้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่จนไปเตะตาผู้ร่วมก่อตั้ง General Catalyst คือ Joel Cutler และ David Fialkow ในปี 2001 สองผู้ร่วมก่อตั้งกำลังมองหาผู้ก่อตั้งสักรายเพื่อเริ่มแนวคิดธุรกิจใหม่ๆ “เขาครบเครื่องทุกอย่าง เรารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า Hemant จะเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม” Fialkow กล่าว       

    ช่วงแรก General Catalyst เก็บเกี่ยวความสำเร็จมาได้บ้าง (เหมือนกับเว็บไซต์จองการเดินทางอย่าง Kayak ซึ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยมูลค่า 1 พันล้านเหรียญเมื่อปี 2012) แต่ที่ตั้งของบริษัททางชายฝั่งตะวันออกอยู่ห่างไกลจากศูนย์รวมผู้ประกอบการอย่าง Silicon Valley เหลือเกิน ในปี 2011 สองผู้ร่วมก่อตั้งจึงมอบหมายให้ Taneja พร้อมด้วยหุ้นส่วนอีกจำนวนหนึ่ง ย้ายไปตั้งฐานแห่งใหม่ที่ Palo Alto

    ภารกิจอันท้าทายรอเขาอยู่ที่นั่น สถานะ “คนนอก” ของ Taneja เป็นที่ประจักษ์เมื่อเขาถูกกลุ่มนักลงทุนมือเก๋าใน Valley กีดกันจากการร่วมลงทุนใน Snap ช่วงแรก แต่เมื่อบุคลากรคนหนึ่งจากช่วงเริ่มต้นกิจการของ Stripe เข้ามาร่วมฟังการบรรยายพิเศษของ Taneja ที่ MIT และจำได้ว่า Taneja มีความเกี่ยวข้องกับ Patrick และ John Collison สองพี่น้องผู้ร่วมก่อตั้ง ชีวิตของ Taneja ก็เปลี่ยนไปทันที Taneja เข้าลงทุนใน Stripe ครั้งแรกเมื่อปี 2010 และเป็นผู้นำการลงทุนในรอบซีรี่ส์ B ในอีก 2 ปีต่อมา Patrick Collison ซีอีโอ Stripe เล่าว่า ขณะที่สองผู้ร่วมก่อตั้งมองบริษัทของตนเองว่าเป็นเพียง “เรื่องเล็กๆ เกี่ยวกับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่มุ่งเน้นนักพัฒนาเป็นสำคัญ” Taneja กลับมองเห็นโอกาสที่ใหญ่กว่านั้น นั่นคือการทำให้ธุรกรรมดิจิทัลเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนทั่วไป ต่อมา Taneja ยังเข้าร่วมการระดมทุนรอบหลังๆ ของ Snap อีกครั้งหนึ่งด้วย

    การเดินทางครั้งใหม่ของ Taneja เริ่มต้นขึ้นเบื้องหน้าไวน์ Brunello ขวดหนึ่งระหว่างการรับประทานอาหารค่ำกับ Ken Chenault เมื่อปี 2017 ที่ Vicolina ร้านอาหารอิตาเลียนใน Manhattan (ปัจจุบันปิดตัวลงแล้ว) อดีตซีอีโอของ Amex เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการของ General Catalyst ส่วนหนึ่งก็เพื่อช่วยส่งผ่านภาระหน้าที่ของผู้ก่อตั้งไปให้กับ Taneja ที่ดูแล้วน่าจะเป็นผู้รับไม้ต่อ ระหว่างรับประทานอาหาร Chenault หนึ่งในผู้บริหารผิวสีคนแรกๆ ที่ได้บริหารบริษัทระดับ S&P 500 โน้มตัวข้ามโต๊ะไปถาม Taneja อย่างจริงจังว่า เขาอยากสร้างแรงกระเพื่อมแบบไหน “ผมไม่ได้แค่อยากเข้ามาอยู่ในธุรกิจ แต่ผมอยากเป็นผู้นำ” Chenault ถ่ายทอดคำกล่าวของ Taneja

    ในที่สุด Taneja ก็เข้ารับตำแหน่งซีอีโอในปี 2021 เขาแปลงโฉม General Catalyst จากการเป็นหุ้นส่วนเฉพาะกลุ่ม กลายเป็นบริษัทที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาสังคม โบกมือลาแนวคิด “ใส่ไม่ยั้ง พังก็ไม่สน” ของ Mark Zuckerberg ไปได้เลย ขอต้อนรับสู่แนวทาง “การสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยความรับผิดชอบ” แม้จะไม่ฟังติดหูเท่า และก็ไม่ได้ทำให้ Taneja ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนายทุนกระเป๋าหนักและจอมอิทธิพลบางรายประจำ Valley ได้เสมอไป การที่ General Catalyst สนับสนุนกลไกป้องกันระบบ AI ใหม่ๆ ทำให้ต้องเผชิญกระแสต่อต้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก Marc Andreessen เศรษฐีพันล้านผู้ร่วมก่อตั้ง Andreessen Horowitz

    "พวกเขาฉลาดมากและมีความคิดเป็นของตนเอง ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดี" Taneja กล่าวถึงบริษัทคู่แข่ง "พวกเขากำลังเล่นเกมที่ไม่เหมือนเรา" (Sanjit Biswas ซีอีโอของ Samsara บริษัทติดตามการขนส่งสินค้าที่ปัจจุบันเป็นบริษัทมหาชนแล้วบอกว่า เบื้องหลังนั้น Andreessen และ Taneja เข้ากันได้ดีเมื่อต้องทำหน้าที่คณะกรรมการของ Samsara)

    ไม่ว่าจะมีกลไกป้องกันความปลอดภัยหรือไม่ อย่างไรเสีย AI ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์บริษัทในการควบรวมกิจการในส่วนธุรกิจที่เคยถูกเพ่งเล็งมานานว่าล้าสมัยเกินไปสำหรับ Silicon Valley เช่น บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและทรัพยากรบุคคล กองทุนซื้อกิจการทั้งหมดทำอย่างนี้มานับสิบๆ ปี พวกเขาลดต้นทุนด้วยการย้ายการปฏิบัติงานไปยังต่างประเทศ แต่ Taneja อยากใช้ AI มากกว่า

    เมื่อปีที่แล้ว Crescendo สตาร์ทอัพของ General Catalyst เข้าซื้อ PartnerHero บริษัทคอลเซ็นเตอร์ที่มีรายได้ปีละ 80 ล้านเหรียญ และปรับปรุงระบบโทรศัพท์ให้เป็นอัตโนมัติโดยใช้บอต มีเพียงเคสที่ซับซ้อนเท่านั้นที่จะส่งต่อให้กับพนักงาน Matt Price ซีอีโอของ Crescendo กล่าวว่า ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 30% ขณะเดียวกัน Dwelly สตาร์ทอัพด้านอสังหาริมทรัพย์ใน London ที่มี General Catalyst เป็นผู้ร่วมก่อตั้งนั้นได้เข้าซื้อบริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์มาอีกหลายแห่ง และติดตั้งเครื่องมือ AI เพื่อช่วยในการเปิดบ้านให้ผู้สนใจได้เข้าชม รวมถึงการจัดการคำขอแก้ไขซ่อมแซม Ilia Drozdov ซีอีโอของ Dwelly กล่าวว่า ไม่เพียง AI จะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าเท่านั้น แต่ยังช่วยลดระยะเวลารอการซ่อมแซมก๊อกน้ำรั่ว รวมถึงการซ่อมแซมอื่นๆ เหลือ 30 วัน หรือลดลงไปถึง 40%

    สำหรับบางคนแล้วกลยุทธ์ดังกล่าวอาจดูเหมือนการลงทุนในหุ้นเอกชนนอกตลาดทั่วไป เพียงแต่เคลือบเงาด้วย AI ก็เท่านั้น แต่ Taneja ไม่สนใจ เขาบอกว่า กิจการเอกชนนอกตลาดจะมุ่งเน้นการลดต้นทุนมากกว่า แต่การควบรวมกิจการแบบ Rollup ของ General Catalyst เป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมแห่ง "การสร้างสรรค์นวัตกรรม" แม้จะเป็นนวัตกรรมประเภทที่ลดต้นทุนด้วยก็ตาม

    Taneja คือกำลังขับเคลื่อนผู้อยู่เบื้องหลังการควบรวมกิจการดังกล่าว และเขาอยากให้ General Catalyst เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทต่างๆ ขึ้นมา เพื่อทำการควบรวมกิจการในรูปแบบดังกล่าวด้วยซ้ำ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Livongo สตาร์ทอัพเพื่อการจัดการโรคเบาหวานที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2014 Livongo เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2019 ด้วยมูลค่า 3.6 พันล้านเหรียญ แม้อาจจะเป็นชัยชนะสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่สำหรับ Taneja เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น 1 ปีต่อมา Teladoc เข้าซื้อกิจการ Livongo ไปในราคา 1.85 หมื่นล้านเหรียญ ส่งผลให้กองทุนมีผลกำไรทางบัญชี 3.4 พันล้านเหรียญ ผลตอบแทนที่สูงเกินคาดนี้เกือบทั้งหมดเป็นเพราะ General Catalyst ถือหุ้นมากถึง 18.3% ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง

    ถึงอย่างไรเสีย เส้นทางของ Taneja ยังคงเต็มไปด้วยหนามกุหลาบ แม้ว่าข้อตกลงธุรกิจในการเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลจะยังไม่แล้วเสร็จ แต่เขาต้องเอาชนะการประท้วงในท้องถิ่นให้ได้ก่อนจึงจะสามารถเข้ามาพลิกสถานการณ์กิจการโรงพยาบาลที่ทำได้รายได้ 2 พันล้านเหรียญเมื่อปี 2024 แห่งนี้ แม้ Taneja จะเป็นนักลงทุนอัจฉริยะ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไร้ข้อผิดพลาด การลงทุนในสตาร์ทอัพด้านสภาพอากาศหลายครั้งส่งผลให้กองทุนขาดทุนถึง 100 ล้านเหรียญ ขณะที่ Olive ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียกร้องสินไหมประกันสุขภาพที่ครั้งหนึ่งเคยมีการประเมินมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านเหรียญกลับกลายเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และท้ายที่สุดแล้ว General Catalyst สามารถทำกำไรจาก Livongo ได้เพียงประมาณ 1.8 พันล้านเหรียญ โดยหุ้นของ Teladoc ร่วงจากราคาสูงสุดถึง 97%

    แต่ความเสี่ยงสูงสุดสำหรับ General Catalyst อาจเป็นเพราะพวกเขาทำอะไรเกินตัว "ผมได้ยินคำถามนั้นบ่อยมาก" Taneja กล่าว เขาบอกด้วยว่า มันเป็นเรื่อง "ขีดความสามารถของผู้นำ" ที่มาพร้อมกับรูปแบบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดยเปรียบเทียบบริษัทกับ Amazon ซึ่งขยายกิจการจากธุรกิจหนังสือ สู่ศูนย์ข้อมูล ร้านขายของ และการสร้างภาพยนตร์

ที่ผ่านมา Taneja เคยผลักดันตัวเองจนถึงขีดสุดมาแล้ว ที่ MIT อาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเตือนว่า การเรียนวิชาเอก 3 สาขา (วิทยาการคอมพิวเตอร์ ชีววิทยา และคณิตศาสตร์) อาจทำให้เขาเรียนไม่จบด้วยภาระการเรียนที่หนักเกินไป ในที่สุด Taneja ไม่เพียงแต่จบการศึกษา แต่อีกเพียงไม่กี่ปีต่อมาเขายังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมและการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เขาเป็นแบบนี้มาทั้งชีวิต Taneja กล่าวติดตลกว่า "ผมมักจะพยายามทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน จะทำอะไรผมก็ต้องทำให้สุด"


เรื่อง: Iain Martin และ Richard Nieva เรียบเรียง: รัน-รัน ภาพ: Cody Pickens




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ส่องทำเนียบ 50 สตาร์ทอัพ เทคโนโลยี AI อนาคตไกล

อ่านเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2568 ในรูปแบบ e-magazine