คงกระพัน อินทรแจ้ง นำ "GC" รุกหนักโกลบอล วิชั่นสู่ความยั่งยืน - Forbes Thailand

คงกระพัน อินทรแจ้ง นำ "GC" รุกหนักโกลบอล วิชั่นสู่ความยั่งยืน

การใช้เม็ดเงินมหาศาลทุ่มซื้อกิจการในต่างประเทศนับเป็นก้าวสำคัญของ คงกระพัน อินทรแจ้ง และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ที่ตัดสินใจคว้าโอกาสในวิกฤตท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 อย่างมั่นใจ

แม้องค์กรจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการดิสรัปต์ต่างๆ ทั้งเรื่องทิศทางการใช้พลังงาน ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน และการแพร่ระบาดโควิดที่กระทบรุนแรงทั่วโลก แต่องค์กรยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจในจังหวะที่ได้ราคาดี “มีโอกาสขยายธุรกิจ ซื้อ Allnex 1.5 แสนล้านบาท เป็นการตกลงราคาในช่วงวิกฤตซึ่งได้ราคาที่พอใจ เทียบกับบริษัทที่ขนาดใกล้เคียงกันซื้อแพงกว่า เรามีเงินสดในมือเยอะ ไฟแนนซ์แข็งแรง ราคาที่ซื้อก็ไม่สูงเกินไป มีเงินแล้วคุยในช่วงวิกฤตปีกว่าๆ เป็นโอกาสที่ดี เพราะนี่คืออันดับ 1 ของโลก การซื้อช่วงนี้ยังเป็นการ proof ธุรกิจไปด้วยในตัวเพราะฝ่าวิกฤตมาได้” คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC เริ่มต้นการสัมภาษณ์ออนไลน์กับทีมงาน Forbes Thailand ด้วยประเด็นการลงทุนครั้งใหญ่ของบริษัทที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งธุรกรรมการซื้อครั้งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2564 ธุรกรรมที่ว่านี้คือ บิ๊กดีลมูลค่า 4,002.2 ล้านยูโร หรือราว 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท PTTGC International (Netherlands) B.V. (GC Inter B.V.) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GC ได้เข้าซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) ด้วยการซื้อหุ้นสามัญใน All- nex Holding GmbH โดย Allnex Holdings S.a.r.l รวม 100% ที่ราคา 3,575.9 ล้านยูโร หรือเทียบเท่าประมาณ 1.32 แสนล้านบาทและสัญญาเงินกู้ให้กลุ่มบริษัทเป้าหมายจาก Allnex S.a.r.l มูลค่า 426.3 ล้านยูโร หรือเทียบเท่าประมาณ 15,809 ล้านบาท พร้อมซื้อหุ้นบุริมสิทธิใน Allnex Holding Germany II GmbH (Holding II) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทเป้าหมายจาก WP Invest GmbH (WP Invest) เทียบเท่า 6% ของหุ้นทั้งหมดใน Holding II ที่ราคา 1,744 ยูโรหรือเทียบเท่ามูลค่าประมาณ 64,673 บาท ซึ่ง Allnex Holdings S.a.r.l และ Allnex S.a.r.l (ผู้ขาย) จะดำเนินการให้ WP Invest โอนหุ้นดังกล่าวให้ GC Inter B.V. โดยผู้ขายเป็นกองทุนที่มี advent international เป็นที่ปรึกษากองทุน และการเข้าทำธุรกรรม ทั้งสองส่วนนี้อยู่ภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นฉบับเดียวกันที่ได้ถูกลงนามเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ปี 2564 โดยคาดว่าการทำธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2564 สำหรับ Allnex Holding GmbH เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ประกอบธุรกิจการผลิต coating resins และสาร additives ใช้สำหรับการใช้งานในงานสถาปัตยกรรมอุตสาหกรรมทั่วไป สารเคลือบป้องกันอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมทั้งสารเคลือบผิวและหมึกชนิดพิเศษ  

- บิ๊กดีลต่อยอดสู่ความยั่งยืน -

“บริษัทคาดว่าการเข้าทำธุรกรรมจะส่งเสริมให้บริษัทได้รับประโยชน์ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มุ่งเน้นเข้าสู่ธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ด้วยการเพิ่มสัดส่วนกำไรจากกลุ่ม High Value Business (HVB) ที่มีการเจริญเติบโตและสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคภายใต้ megatrends ซึ่งกลุ่มบริษัทนี้เป็นผู้ผลิต coating resins และ crosslinkers ชั้นนำระดับสากล จะช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของบริษัทในกลุ่มธุรกิจ HVB อย่างยั่งยืนในระดับสากล” คงกระพันกล่าวไว้เมื่อครั้งเปิดเผยดีลช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซีอีโอ GC ยังอธิบายด้วยว่า การลงทุนเป็นกลยุทธ์ 1 ใน 3 สเต็ปของ GC คือ สร้างความแข็งแกร่งให้ฐานการผลิตเดิม (step change) มองหาโอกาสลงทุนขยายการลงทุนไปต่างประเทศ (step out) และการสร้างโซลูชันธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (step up) โดยมองถึงการต่อยอดธุรกิจด้วยสินค้าเพอร์ฟอร์แมนซ์เคมิคอลมากขึ้น มีการแข่งขันน้อย มูลค่าสูงขึ้น ผลตอบแทนการลงทุนสูง การเติบโตตามเป้าหมายขององค์กรใหญ่ระดับ GC แน่นอนต้องวางแผนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นไปของโลก เพราะการค้าขายเชื่อมโยงกับหลายประเทศ หลายธุรกิจและอุตสาหกรรม ดังนั้น เทรนด์ต่างๆ ของโลกจึงต้องอยู่ในความสนใจของ GC การขยายธุรกิจย่อมไม่ใช่เป้าหมายเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่การขยายนั้นต้องเป็นก้าวย่างที่ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงและความเป็นไปของโลกอย่างคู่ขนาน GC อย่างไรก็ตามบิ๊กบอส GC บอกว่า เป้าการเจริญเติบโตของบริษัทยังมองกำไรที่ 4% “การเติบโตในแง่ growth ต้องขนานกันไปกับเรื่องของความยั่งยืนมากขึ้น ในระหว่างทางจะเห็นว่า GC มีแผนลดการปล่อยคาร์บอนลง 20% ในปี 2030 โดยคงคอนเซ็ปต์เหมือนเดิมแต่บางเรื่องเร็วขึ้น บ้านแข็งแรง ต้นทุนลดเร็วขึ้น การโตในต่างประเทศเราเน้นซื้อกิจการ 2-3 ปี เอาเงินไปลงทุนก่อน” และไม่ว่าจะขยายไปอย่างไรเรื่องความยั่งยืนต้องชัดขึ้น GC ประกาศแผนความยั่งยืนอย่างระมัดระวัง ประกาศวันนี้เป้าหมายรีแอคชั่นชัดเจนขึ้น มีรายละเอียดว่า ทำอะไร โรงงานลดเท่าไร พอร์ตยังไง ทำได้เร็วขึ้น ส่วนด้านกลยุทธ์ธุรกิจเคมีเป็นฐานที่มุ่งไปสู่ตลาดบน ฐานล่างเป็นเบสิกเคมิคอลผลิตได้ทั่วไป คงกระพันมองว่า ธุรกิจน้ำมันและก๊าซคู่แข่งเยอะและมีแหล่งต้นทุนถูกที่ตะวันออกกลาง อเมริกา ถ้า GC อยู่ตรงนี้เป็นการแข่งขันแบบนี้คงไม่พอ จึงต้องถัดขึ้นไปสู่ธุรกิจเคมีต่อเนื่อง เช่น ไปทำของใช้ประจำวัน โพลิเมอร์ เข้าไปสู่เซกเตอร์การวิจัยและพัฒนามากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีกำแพงแข่งขันน้อยลง การเข้าลงทุนใน Allnex ก็เช่นเดียวกัน เป็นการก้าวสู่ข้อจำกัดที่ลูกค้า ต้องการอะไรที่เป็นสิ่งเฉพาะมากขึ้น  

- โตต่อเนื่องสวนทางวิกฤตโควิด -

ผลประกอบการ PTTGC (ชื่อย่อหลักทรัพย์) ตามข้อมูลที่แจ้งไว้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า ครึ่งปีแรก (30 มิถุนายน ปี 2564) PTTGC มีรายได้รวมกว่า 2.38 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 34,729 ล้านบาท “ดีที่สุดนับตั้งแต่ตั้งบริษัทมา” ซีอีโอ GC ยืนยันก่อนจะอธิบายว่า ทั้งหมดมาจากผลการปรับตัว การขยายตลาด การลงทุน และการลดต้นทุน ซึ่งในช่วงโควิด GC ปรับตัวเองหลายอย่าง ปรับการทำงานพนักงานเป็น work from home ได้ผลดีมาก เขายังบอกด้วยว่า หลังจากนี้แม้หมดโควิดแนวทางการทำงานของ GC อาจเป็น work from home หรือ work from anywhere ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 เพราะได้ประสิทธิผลที่ดีและลดต้นทุนได้ดี PTTGC “วิกฤตต่างๆ เป็นโอกาสให้เราทุกคนตระหนักเรื่องการปรับตัว โดยไม่ต้องโน้มน้าวเท่าภาวะปกติ ทุกคนช่วยกันเพื่อให้องค์กรอยู่ได้” เขาไม่อยากใช้คำว่า ข้อดีจากสถานการณ์ ขอเรียกว่า สิ่งที่ได้เรียนรู้และปรับตัวจากโควิด-19 คือ ทำให้การพูดคุยหารือต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น และอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ โควิดทำให้การสื่อสารได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น การประชุมออนไลน์ town hall ทุกอย่างทำให้ซีอีโอได้พูดคุยกับพนักงานโดยตรง ไม่ต้องผ่านลำดับขั้น ไม่ต้องมีการตีความ ทำให้สื่อสารง่าย การรับรู้ได้อย่างเท่าทันทำให้องค์กรแข็งแรงขึ้น ซีอีโอ GC ยังพูดถึงวัฒนธรรมองค์กรที่ใช้หลังปรับมาเป็น GC ได้ประมาณ 10 ปี จากเดิม 30 ปีแล้วว่า ใน 5 ปีแรกไม่เน้นวัฒนธรรมองค์กรชัดเจน มาระยะหลังชัดขึ้น มีความเชื่อและให้คุณค่าเดียวกัน อนาคตต่อไปอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้” เขาบอกว่า “อย่าไปยึดติดให้เน้นที่ความสามารถเข้าใจง่าย เปลี่ยนให้เหมาะกับสถานการณ์” “เราต้องกล้าที่จะเปลี่ยน กล้าตัดสินใจ ไม่ใช่บุ่มบ่าม มีความรู้ความเข้าใจ คิดว่าอนาคตสิ่งสำคัญขององค์กรต้องเข้าใจอะไรง่าย เพราะเรื่องใหม่ๆ เยอะขึ้น สิ่งสำคัญจึงต้องมีความสามารถเข้าใจอะไรให้ง่ายขึ้น” ซีอีโอ GC กล่าวทิ้งท้าย   ภาพ: API อ่านเพิ่มเติม:
คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2564 ในรูปแบบ e-magazine