กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยแพร่ผลการศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการจัดทำ FTA ไทย-อียู ระบุช่วยส่งออกสินค้าไปอียูเพิ่มกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี รายได้เกษตรกรเพิ่ม 1.1 % คนจนลดลง 2.7 แสนคน แต่มีประเด็นต้องหารือทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เจรจาอย่างรอบคอบ และต้องให้เวลาในการปรับตัว
อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบนโยบายให้กรมฯศึกษาและเตรียมการเรื่องการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป (EU) เพื่อเสนอระดับนโยบายพิจารณา โดยกรมฯได้มอบสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี) ศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการฟื้นเจรจาความตกลง FTA ไทย-อียู ซึ่งดำเนินการเสร็จแล้ว จึงได้นำผลการศึกษาเผยแพร่บนเว็บไซต์ www.dtn.go.th ผลการศึกษาประเมินว่า หากไทยและอียู (27 ประเทศ) ไม่รวมสหราชอาณาจักร ยกเลิกภาษีนำเข้าระหว่างกันหมดแล้ว จะช่วยให้ GDP ของไทยขยายตัวในระยะยาว 1.28% คิดเป็นมูลค่า 2.05 แสนล้านบาทต่อปี การส่งออกของไทยไปอียูเพิ่มขึ้น 2.83% (2.16 แสนล้านบาท) ต่อปี และการนำเข้าจากอียูเพิ่มขึ้น 2.81% (2.09 แสนล้านบาท) ต่อปี โดยสินค้าส่งออกของไทยที่มีโอกาสขยายตัวและเข้าถึงตลาดอียูได้ง่ายขึ้น เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์อาหาร เคมีภัณฑ์ ยาง และพลาสติก เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 1,036 ตัวอย่าง จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยประชาชนส่วนใหญ่ เห็นว่า การนำเข้าสินค้าจากอียูจะทำให้ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้นและมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ผลักดันให้ธุรกิจไทยต้องปรับปรุงประสิทธิภาพในการแข่งขันให้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว และเห็นว่าหากไม่เปิดเสรีการค้าจะทำให้เศรษฐกิจไทยล้าหลัง
ทั้งนี้ ในปี 2562 อียู (27 ประเทศ ไม่นับสหราชอาณาจักร) เป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 5 ของไทย รองจากอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการค้ารวม 38,227.9 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียูมูลค่า 19,735.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอียูมูลค่า 18,492.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ไก่แปรรูป เป็นต้น และสินค้านำเข้าสำคัญจากอียู เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เวชกรรมและเภสัชกรรม และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์
สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลรายงานการศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ www.dtn.go.th
อ่านเพิ่มเติม: กรุงศรี ออโต้ เผย 3 เทรนด์ ตอบโจทย์ผู้ใช้รถ ปี 2021
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine


