<h2>กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) และสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ประกาศความสำเร็จการจัดงาน “Bangkok Gems and Jewelry Fair” หรือ Bangkok Gems ครั้งที่ 68 ผลตอบรับดีเกินความคาดหมาย ยอดสั่งซื้อภายในงานทะลุ      3,300 ล้านบาท โดยจัดขึ้นเมื่อวันที่ 6-10 ก.ย.ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์</h2><p><br></p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/2bCfceP52QeG2oqWnJMP.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="2bCfceP52QeG2oqWnJMP.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="3000,1996"></figure></div><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์</strong> อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า        “ผลการจัดงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 68 ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย    มีผู้ชมงานเกือบ 40,000 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 จากครั้งที่ 67 ที่ผ่านมา และมีชาวต่างชาติเข้าร่วมงานจาก  117 ประเทศ&nbsp;</p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/UyGKTZqG4Jw7reGbzeab.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="UyGKTZqG4Jw7reGbzeab.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="2400,1600"></figure></div><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/qb5GLi7zexzNkhsaDPUe.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="qb5GLi7zexzNkhsaDPUe.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="1600,2400"></figure></div><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยประเทศที่เข้าร่วมงานมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ อินเดีย เมียนมา จีน ศรีลังกา สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ปากีสถาน เวียดนาม รัสเซีย และออสเตรเลีย ตามลำดับ ประมาณการยอดสั่งซื้อจากการจัดงานครั้งนี้มีมูลค่าถึง 3,300 ล้านบาท สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับจากทั่วโลกเดินทางมาร่วมงาน โดยการจัดงานครั้งนี้มี Exhibitor ชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ จาก 21 ประเทศ จำนวนกว่า 1,100 ราย กว่า 2,400 คูหา จัดแสดงเต็มพื้นที่ฮอลล์ 1-8 ของชั้น G และ LG โดยการจัดงานครั้งนี้เราได้ย้ายสถานที่มายังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งช่วยอำนวย          ความสะดวกให้กับ Exhibitor และ Buyer ให้สามารถเดินทางเข้าร่วมงานได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น              ส่งผลให้จำนวนผู้เข้าชมงานเพิ่มมากขึ้นด้วย”<br></p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/vg6vSt9zEh3PBYMGnCuv.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="vg6vSt9zEh3PBYMGnCuv.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="2400,1344"></figure></div><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/5Z3qthK7SEvpZgBTadnF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5Z3qthK7SEvpZgBTadnF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="4" origin-size="1600,2402"></figure></div><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน <strong>สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย</strong> ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) เปิดเผยว่า “ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลจากการผนึกกำลังระหว่าง DITP และ GIT ตลอดจนความร่วมมืออย่างเข้มแข็งขององค์กรพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ กว่า 15 องค์กร งานบางกอกเจมส์      ไม่เพียงเป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ครบวงจร แต่ยังเป็นเวทีในการสร้างเครือข่ายการค้าระดับนานาชาติ จากกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้น อาทิ งาน Networking Reception งาน Business Matching  ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดแสดงผลงานการออกแบบเครื่องประดับ  จากนักออกแบบรุ่นใหม่ ในนิทรรศการ The Jeweller และนิทรรศการ The Magnificant 40-Year Journey of Brillance ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย ซึ่งความสำเร็จของการ จัดงานครั้งนี้จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ตอกย้ำความสำคัญของงานบางกอกเจมส์ และประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับของโลกได้เป็นอย่างดี”</p><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/6rCFtTLawjyS5ht5Kr4F.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="6rCFtTLawjyS5ht5Kr4F.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="5" origin-size="2400,1350"></figure></div><p>​</p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/8vdNJrULsbZZzhYiDxGa.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="8vdNJrULsbZZzhYiDxGa.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="6" origin-size="2400,1600"></figure></div><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ สองผู้จัดงานยังกล่าวถึงความพร้อมในการจัดงานบางกอกเจมส์ในครั้งต่อไปว่า จะเป็นการจัดแบบเต็มรูปแบบปีละ 2 ครั้ง โดยงานครั้งที่ 69 ระหว่าง วันที่ 21-25 กุมภาพันธ์ 2567             และครั้งที่ 70 ระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและจองพื้นที่ล่วงหน้าได้ที่ 02 634 4999 ต่อ 639 และอยากให้ผู้ที่สนใจรีบจองพื้นที่ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการร่วมงานครั้งหน้า โดยทิ้งท้ายว่าการจัดงานในครั้งต่อไปจะมีความพิเศษเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน<br></p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/WRtWeC3Qrf4EW8uQsxwA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="WRtWeC3Qrf4EW8uQsxwA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="7" origin-size="2400,1597"></figure></div><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71233" alt="การ์ทเนอร์คาดการณ์รายได้ชิป AI ทั่วโลก ในปี 2566 จะสูงแตะ 53 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่ทมากกว่า 2 เท่า ภายใน 4 ปีข้างหน้า">การ์ทเนอร์คาดการณ์รายได้ชิป AI ทั่วโลก ในปี 2566 จะสูงแตะ 53 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจะเพิ่ทมากกว่า 2 เท่า ภายใน 4 ปีข้างหน้า</a><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​<br></p>

“บางกอกเจมส์” ครั้งที่ 68 โชว์ความสำเร็จผู้เข้าชมล้นทะลุเป้า ยอดสั่งซื้อกว่า 3 พันล้านบาท

<h2>กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยแพร่ผลการศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการจัดทำ FTA ไทย-อียู ระบุช่วยส่งออกสินค้าไปอียูเพิ่มกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี รายได้เกษตรกรเพิ่ม 1.1 % คนจนลดลง 2.7 แสนคน แต่มีประเด็นต้องหารือทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เจรจาอย่างรอบคอบ และต้องให้เวลาในการปรับตัว</h2>
<strong>อรมน ทรัพย์ทวีธรรม</strong> อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบนโยบายให้กรมฯศึกษาและเตรียมการเรื่องการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป (EU) เพื่อเสนอระดับนโยบายพิจารณา โดยกรมฯได้มอบสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี) ศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการฟื้นเจรจาความตกลง FTA ไทย-อียู ซึ่งดำเนินการเสร็จแล้ว จึงได้นำผลการศึกษาเผยแพร่บนเว็บไซต์ www.dtn.go.th

ผลการศึกษาประเมินว่า หากไทยและอียู (27 ประเทศ) ไม่รวมสหราชอาณาจักร ยกเลิกภาษีนำเข้าระหว่างกันหมดแล้ว จะช่วยให้ GDP ของไทยขยายตัวในระยะยาว 1.28% คิดเป็นมูลค่า 2.05 แสนล้านบาทต่อปี การส่งออกของไทยไปอียูเพิ่มขึ้น 2.83% (2.16 แสนล้านบาท) ต่อปี และการนำเข้าจากอียูเพิ่มขึ้น 2.81%  (2.09 แสนล้านบาท) ต่อปี โดยสินค้าส่งออกของไทยที่มีโอกาสขยายตัวและเข้าถึงตลาดอียูได้ง่ายขึ้น เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์อาหาร เคมีภัณฑ์ ยาง และพลาสติก เป็นต้น

<figure><img class="wp-image-38228 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/การค้าระหว่างประเทศ-004.jpg" alt="" width="600" height="401" /><figcaption> อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ</figcaption></figure>

นอกจากนี้ การเปิดเสรีภาคบริการในสาขาสำคัญ เช่น สิ่งแวดล้อม การจัดส่งสินค้า การเงินและประกันภัย และการขนส่งทางทะเล จะช่วยลดต้นทุนการผลิตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 5 (8.01 แสนล้านบาท) และจากการประเมินผลมิติด้านสังคมในภาพรวม พบว่า เศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะทำให้จำนวนคนจนลดลง 2.7 แสนคน รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 และช่องว่างความยากจนลดลงร้อยละ 0.07

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษายังพบประเด็นท้าทายสำคัญของ FTA ที่อียูทำกับประเทศคู่ค้า เช่น เวียดนาม และสิงคโปร์ โดยเฉพาะเรื่องการยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ที่เกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการคุ้มครองสิทธิบัตรจากความล่าช้าในการขึ้นทะเบียนวางตลาดยา การผูกขาดข้อมูลเพื่อขออนุมัติวางตลาดยา การให้ความคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ตามแนวทาง UPOV 1991 และการคุ้มครองสิทธิแรงงานตามแนวทางของแรงงานโลก (ILO) ซึ่งจะส่งผลให้ไทยมีค่าใช้จ่ายด้านยารักษาโรค และเมล็ดพันธุ์พืชสูงขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ต้องนำค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปประเมินหักลบกับประโยชน์ที่จะเกิดกับรายได้ของเกษตรกร ปริมาณผลผลิตภาคเกษตร และทางเลือกในการซื้อเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่มขึ้นด้วย

สำหรับเรื่องการเปิดตลาดจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ จะทำให้ภาครัฐได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและมีตัวเลือกมากขึ้น ราคาถูกลง ถึงแม้ว่าธุรกิจภายในประเทศอาจต้องเผชิญการแข่งขันมากขึ้น แต่คาดว่าไม่กระทบต่อ SMEs มากนัก เนื่องจากโครงการที่ SMEs เข้าร่วมประมูลส่วนใหญ่มีมูลค่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่ต้องเปิดให้มีการแข่งขันประมูล

<span style="color: #993300;">“ประโยชน์และผลกระทบจากการศึกษาดังกล่าว ตั้งอยู่บนสมมติฐานเชิงวิชาการ ซึ่งในทางปฏิบัติ กรมฯยังจำเป็นต้องหารือกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การจัดทำท่าทีการเจรจาแต่ละประเด็นมีความรอบคอบ รัดกุม และเกิดประโยชน์ภาพรวมกับประเทศสูงสุด รวมทั้งการหาแนวทางรองรับและปรับตัวต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น”</span> <strong>อรมน</strong>กล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-38227" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/การค้าระหว่างประเทศ-003.jpg" alt="" width="600" height="849" />

นอกจากนี้ ยังได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 1,036 ตัวอย่าง จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยประชาชนส่วนใหญ่ เห็นว่า การนำเข้าสินค้าจากอียูจะทำให้ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้นและมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ผลักดันให้ธุรกิจไทยต้องปรับปรุงประสิทธิภาพในการแข่งขันให้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว และเห็นว่าหากไม่เปิดเสรีการค้าจะทำให้เศรษฐกิจไทยล้าหลัง

ทั้งนี้ ในปี 2562 อียู (27 ประเทศ ไม่นับสหราชอาณาจักร) เป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 5 ของไทย รองจากอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการค้ารวม 38,227.9 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียูมูลค่า 19,735.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอียูมูลค่า 18,492.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ไก่แปรรูป เป็นต้น และสินค้านำเข้าสำคัญจากอียู เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ เวชกรรมและเภสัชกรรม และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์

สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลรายงานการศึกษาประโยชน์และผลกระทบจากการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ www.dtn.go.th

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%87%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%b5-%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b9%82%e0%b8%95%e0%b9%89-%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%a2-3-%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c.html">กรุงศรี ออโต้ เผย 3 เทรนด์ ตอบโจทย์ผู้ใช้รถ ปี 2021</a>
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events