Negroni Week 2025 กลับมาอีกครั้ง! ปีนี้ Campari เตรียมระดมทุน 'สายดริงค์' ช่วยเหลือองค์กรส่งเสริมอาหารท้องถิ่น 'Slow Food'

Negroni Week 2025 กลับมาอีกครั้ง! ปีนี้ Campari เตรียมระดมทุน 'สายดริงค์' ช่วยเหลือองค์กรส่งเสริมอาหารท้องถิ่น 'Slow Food'

เวียนกลับมาอีกครั้ง...สำหรับสัปดาห์แห่งการปาร์ตี้ enjoy ไปกับเครื่องดื่มคอกเทลสีแดงสดใส โดย Negroni Week 2025 ของปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่าง 22 - 28 ก.ย. และทาง Campari ยังเตรียมพร้อมในการรวบรวมเงินระดมทุนไปซัพพอร์ตช่วยเหลือองค์กรไม่แสวงหากำไรอย่าง Slow Food ที่ส่งเสริมอาหารท้องถิ่นและการทำอาหารแบบดั้งเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร Fast Food !!!


    'Negroni Week' งานอีเวนต์การกุศลที่จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2013 และยังทำให้วัฒนธรรมการดื่ม 'เนโกรนี' คอกเทลสีแดงสดใสที่ชาวอิตาลีนิยมดื่มก่อนมื้ออาหารเพื่อเรียกนำย่อย กลายมาเป็นเทรนด์ที่แสดงให้เห็นถึงการเฉลิมฉลอง การได้ออกมาปาร์ตี้สังสรรค์พบปะผู้คนใหม่ๆ ตามร้านอาหารและบาร์ชั้นในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ควบคู่ไปกับการได้ร่วมระดมทุนช่วยเหลือองค์กรการกุศลที่มีแบรนด์เครื่องดื่มอย่าง Campari และนิตยสารเครื่องดื่ม Imbibe ผนึกกำลังร่วมกัน

​    ปี 2024 ที่ผ่านมา มีบาร์และร้านอาหารกว่า 13,000 แห่ง ครอบคลุมเกือบ 90 ประเทศ ได้เข้าร่วมงาน Negroni Week และสามารถระดมทุนได้เงินมาทั้งหมด 600,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อมอบทุนการศึกษาให้แก่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจำนวน 24 ราย ต่อเนื่องไปถึงโครงการเพื่อชุมชน 17 โครงการทั่วโลก 

    สัปดาห์แห่ง Negroni Week 2025 ของประเทศไทยในปี้นี้ มีบาร์ชั้นนำจากทั่วประเทศเข้าร่วมสัปดาห์แห่งการเฉลิมฉลองเป็นจำนวนทั้งสิ้น 239 แห่ง ระหว่างวันที่ 22 - 28 กันยายน 2025 ซึ่งทางกองทุน Negroni Week Fund จะยังคงจัดสรรเงินทุนเพื่อมอบให้กับทาง Slow Food เพื่อช่วยอนุรักษ์ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและทางชีวภาพ ส่งเสริมการศึกษาด้านอาหารและเครื่องดื่ม และเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีได้อย่างเท่าเทียม

     สำหรับผู้ที่สนใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรม Bar Hopping เพื่อลิ้มลองเมนูคอกเทลสูตรพิเศษจากบาร์ต่างๆ รวมไปถึงกิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย สามารถเช็ครายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.negroniweek.com


 



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'AVOCA' ค็อกเทลบาร์น่าลอง! 'ย่านจิมซาจุ่ย' รังสรรค์เครื่องดื่มสะท้อนวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นของ 'ฮ่องกง'

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine