กู้ซื้อบ้าน ผ่านหรือไม่ผ่าน สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อม ซึ่งในการยื่นกู้นั้น ทางสถาบันการเงินจะแบ่งคุณสมบัติของผู้กู้ออกเป็น 2 ประเภท คือ ผู้ที่มีรายได้ประจำหรือเงินเดือน และ เจ้าของกิจการ หรือผู้ที่ทำธุรกิจส่วนตัว
กู้ซื้อบ้าน มีข้อแตกต่างของผู้มีรายได้ประจำ VS เจ้าของกิจการ โดยในกรณีของผู้ที่มีรายได้ประจำหรือเงินเดือน จะมีสลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน เอกสารแสดงการเดินบัญชี (Statement) ที่มีการเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ทำให้ทางสถาบันการเงินสามารถตรวจสอบรายได้และสถานะทางการเงิน เพื่อประเมินความพร้อมของผู้กู้ได้ง่าย ช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ เพราะมีแหล่งรายได้ที่แน่นอน
ขณะที่เจ้าของกิจการหรือผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว โอกาสที่สถาบันการเงินจะอนุมัติสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน อาจเป็นไปได้ยากกว่า ด้วยข้อจำกัดในหลายเรื่อง โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่ใช่รายได้ประจำ และถ้าหากไม่มีการเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอด้วยแล้ว จะทำให้ไม่สามารถสะท้อนรายได้ และประเมินความพร้อมได้ยาก อีกทั้งยังมีเอกสารสำคัญที่ต้องต้องเตรียมให้ครบถ้วนเพื่อยื่นกับทางสถาบันการเงิน
6 อุปสรรคสำคัญในการขอสินเชื่อ "กู้ซื้อบ้าน"
จากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อสภาพตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด ซึ่งมีผู้ร่วมทำแบบสำรวจกว่า 1,000 คน พบว่า ผู้บริโภคมองอุปสรรคสำคัญที่ส่งผลต่อความยากในการขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน มีดังนี้
- 60% งานและเงินเดือนที่ไม่มั่นคง
- 45% สัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้สูง การชำระหนี้ต่ำ
- 34% ไม่สามารถวางเงินดาวน์ได้
- 33% ขาดเอกสารที่ช่วยสนับสนุนการขอกู้สินเชื่อบ้าน
- 28% ไม่คุ้นเคยกับงานเอกสาร
- 21% มีประวัติการกู้ยืมค่อนข้างมาก
เจ้าของกิจการเตรียมความพร้อมอย่างไรให้กู้บ้านผ่านฉลุย
ในการขอสินเชื่อบ้าน แม้ว่าจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน แต่อีกส่วนที่สำคัญคือการเตรียมความพร้อมของผู้กู้ โดยเฉพาะเอกสารสำคัญต่างๆ ดังนี้
– ทะเบียนการค้าหรือทะเบียนพาณิชย์ ของกิจการที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งรายละเอียดในทะเบียนการค้าจะระบุว่ากิจการที่ทำอยู่นั้นคืออะไร และวันที่จดทะเบียน ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นว่าประกอบกิจการมานานแค่ไหน
– สัญญาเช่า เช่น เปิดร้านค้าในห้างสรรพสินค้า เช่าร้านค้าในตึกแถว เอกสารสัญญาเช่าจะช่วยบอกได้ว่ากิจการตั้งอยู่ที่ใด ทำมาแล้วนานแค่ไหน โดยอาจใช้สัญญาเช่าที่ทำไว้ในอดีตควบคู่กัน
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) ซึ่งนอกจากจะช่วยประเมินให้เห็นว่ากิจการมีรายได้เท่าไรแล้ว ยังสะท้อนได้ว่ากิจการประกอบการค้าเป็นอย่างไร เช่น ได้รับเงินรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน โดยการเดินบัญชีที่ดีควรฝากเงินหรือถอนเงินตามรายได้หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และไม่ตกแต่งบัญชี โดยธนาคารจะพิจารณารายการเดินบัญชีย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน (ในนามส่วนบุคคลและกิจการ)
- เอกสารเพิ่มเติมที่ช่วยสะท้อนรายได้ของกิจการ เช่น บิลการค้า สำหรับกิจการที่ทำการค้าแล้วมีการออกบิลหรือใบเสร็จให้กับลูกค้า หรือใบเสร็จที่ได้จากการซื้อสินค้ามาขาย เอกสารการเสียภาษี เช่น ภพ. 30 สำหรับกิจการที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
เชื่อว่าข้อมูลข้างต้นน่าจะเป็นเทคนิคให้เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการรายย่อย SME สามารถเตรียมความพร้อมในการกู้ซื้อบ้าน โดยเฉพาะในเรื่องของเอกสารที่แสดงรายได้และสถานะทางการเงิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้รับการอนุมัติง่ายขึ้น
DDproperty.com เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ที่รวบรวม ทิปส์ในการซื้อขายอสังหาฯ และรีวิวโครงการใหม่ ทั้งไทยและอังกฤษ ไว้กว่า 10,000 บทความ
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine


