วศุมา คณาธนะวนิชย์ Gen 3 เตชะไพบูลย์ สยายปีกธุรกิจบนแลนด์แบงก์ ‘หัวหิน-ชะอำ’ - Forbes Thailand

วศุมา คณาธนะวนิชย์ Gen 3 เตชะไพบูลย์ สยายปีกธุรกิจบนแลนด์แบงก์ ‘หัวหิน-ชะอำ’

เมื่อพูดถึงโรงแรมดังติดหาดในหัวหิน-ชะอำ ที่หลายคนอยากจะไปพักซักครั้งหนึ่ง ชื่อของ “Vala Hua Hin” (วาลา หัวหิน) บีชรีสอร์ตหรูระดับห้าดาวในพื้นที่ 20 ไร่บนหาดชะอำ ภายใต้การบริหารงานของ “วศุมา คณาธนะวนิชย์” ลูกสาวปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ผู้คร่ำหวอดในแวดวงโรงแรม น่าจะเป็นโรงแรมที่มีความยูนีคที่หลายคนนึกถึง


    แม้ธุรกิจท่องเที่ยวหัวหินจะฟื้นตัวและกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ธุรกิจก็มีทั้งไฮซีซันและโลว์ซีซัน ซึ่งวศุมาเข้าใจธรรมชาตินี้ดี จึงได้เตรียมขยายต่อยอดจากกิจการโรงแรมสู่ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว แต่ก็ไม่ลืมที่จะเติมเต็มความแข็งแกร่งของ วาลา หัวหิน ให้มากขึ้นด้วยการเติมสินค้าและบริการใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ให้ลูกค้าของโรงแรมทุกกลุ่มเป้าหมาย สร้างการเติบโตไปพร้อมๆ กัน

    มีหลายธุรกิจที่อยู่ในความสนใจของวศุมา ที่เธอคิดและอยากจะพัฒนาในอนาคต แต่เธอเลือกโดดลงสนามแข่งขันของธุรกิจอาหาร ที่มีความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กับโรงแรม ด้วยมีมูลค่าการตลาดกว่า 400,000 ล้านบาทต่อปี และยังมีความเกี่ยวเนื่องกันกับธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว

    พรสวรรค์จากความสามารถพิเศษในการลิ้มรสอาหารของวศุมา และประสบการณ์ในการบริหารจัดการโรงแรม และร้านอาหารในโรงแรมมาระยะหนึ่ง ทำให้วศุมาตัดสินใจแตกไลน์สู่ธุรกิจอาหารเต็มรูปแบบ เปิดร้าน คาซ่า มาเร่ (Casa Mare) บีชเรสเตอรองต์สแตนด์อโลนร้านแรก ภายใต้ Nu Chapter Hotels ต้อนรับนักเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาชะอำ-หัวหินในช่วงสงกรานต์ปีนี้


    “เราตั้งใจจะให้คาซ่า มาเร่ เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนชะอำ-หัวหิน และเป็นสถานที่ผู้คนแวะเวียนมาสนุกสนานและใช้ชีวิตได้ทั้งกลางวันและกลางคืน” วศุมาบอก

    คาซ่ามาเร่ เป็นบีชเรสเตอรองท์สแตนอโลน 2 ชั้นขนาด 800 ตารางเมตร ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่สงบ ร่มรื่น เห็นวิวทะเลในมุมกว้างสุดสายตา เป็นร้านอาหารที่สนุกและแปลกใหม่ เกิดจากความชอบส่วนตัวของตนเอง แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน คือ ในร่ม ห้องไพรเวทรูมที่สามารถงานสุดเอ็กซ์คูลซีฟ และพื้นที่กลางแจ้ง สำหรับงานจัดเลี้ยง หรือเป็น event venue จัดงานแต่งงาน งานสังสรรค์ รองรับแขกได้ตั้งแต่ 30-300 คน


    บีชเรสเตอรองต์แห่งนี้ เสิร์ฟอาหารหลากหลายในสไตล์สนุกสนาน ผสมผสานทั้งเมนูอาหารไทย ซีฟู้ด รวมถึงอาหารสไตล์เอเชียและยุโรปสมัยใหม่ ที่รังสรรค์มาให้เลือกมากถึง 80 เมนู ราคาต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 600-800 บาท

    ร้านนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00-22.00 น. ลูกค้าสามารถจะเลือกใช้บริการอาหารแบบบรันช์ อาหารกลางวัน หรือนั่งในบรรยากาศชิลๆ ชมพระอาทิตย์ตกดิน ด้วยเมนูเครื่องดื่มค็อกเทลต่างๆ หรือจะรับประทานอาหารที่กินและแกเตอริ่งกับครอบครัว เหมาะสำหรับแฮงเอาต์ อาจจะมีไลฟ์แบนด์บางวัน ดื่มด่ำกับเสียงเพลงจากดีเจมืออาชีพในแต่ละเดือน เพื่อตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้าให้เติบโตไปพร้อมๆ กัน


    “นู่เป็นคนชอบทานอาหาร คอมเมนต์ได้ แต่ทำอาหารไม่เป็น ก่อนมาทำร้านอาหาร นู่ใช้เวลา 1-2 ปีมาสำรวจตลาดหัวหินชะอำ เพื่อทำความเข้าใจตลาดร้านอาหาร ก่อนที่จะตัดสินใจทำ เพื่อลดความเสี่ยงธุรกิจ การทำธุรกิจอาหารไม่ต่างจากโรงแรม เพราะเรามีโอกาสสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ครั้งเดียว นู่จึงเน้นย้ำเรื่องความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น และแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียความรู้สึก” วศุมากล่าวโดยเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นของเธอนั่นก็คือ “นูนู่”

    เธอยังบอกอีกว่า “คาซ่า มาเร่ จะไม่ได้เป็นแค่ร้านอาหารที่ผู้คนจะแวะเวียนมาชั่วครั้งคราว แต่จะเป็น Casual Dining ที่มีความสนุกสนาน มีกิจกรรมอื่นๆ เช่น วีคเอ็นมาร์เก็ต ที่กำลังคิดทำ เพื่อเพิ่มสีสัน โดยมีงานศิลปะที่ให้ศิลปินท้องถิ่นมาโชว์และขายผลงานของตัวเอง เป็นการสนับสนุนคอมมูนิตี้ที่เราได้เข้าไปดำเนินธุรกิจ และเพื่อให้คนใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้นานขึ้น” วศุมาบอก


    ภายหลังจากคาซ่า มาเร่แล้ว วศุมายังมองที่จะต่อยอดขยาย F&B ด้วยการเปิดร้านขายขนมเล็กๆ ที่หัวหิน เป็นกึ่งคาเฟ่ เพราะเห็นช่องว่างในตลาดและมีทีมอยู่แล้ว การขยายและการดูแลจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก

    นอกจากโรงแรมวาลา หัวหิน แล้วยังมีธุรกิจอื่นๆ ของตระกูลเตชะไพบูลย์อยู่ชะอำ-หัวหินด้วย พร้อมที่ดินที่ยังไม่ได้พัฒนาอีกคาว 500 ไร่ ซึ่งขณะนี้วศุมาได้เตรียมศึกษาและพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในอนาคตไว้แล้ว เช่น โรงแรมใหม่ระดับ 5 ดาว ขนาด 100 ห้อง ที่คาดว่าจะเริ่มปีหน้า

    “ส่วนแผนพัฒนาที่อยู่อาศัย โครงการมิกซ์ยูส ล้วนแล้วแต่อยู่ในแผนธุรกิจที่จะพัฒนาทั้งสิ้น แต่ไม่ใช่ในระยะอันใกล้นี้” วศุมาบอก


เตรียมเปิด Sea Spa แห่งแรก

    ชื่อของโรงแรมวาลา หัวหิน บูทีค บีชรีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว ได้รับการตอบรับจากตลาด น่าพอใจ เพราะความยูนีคของดีไซน์ มีการแชร์ภาพของโรงแรมในสื่อโซเชียลต่างๆ และการบอกปากต่อปาก จนทำให้ที่นี่มีอัตราการเข้าอยู่ในระดับ 65% และที่สะท้อนความเร็จมากๆ คือ การกลับมาใช้บริการซ้ำถึง 3-4 ครั้งต่อปีมีถึง 15%

    และเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ให้ลูกค้าใช้เวลาที่โรงแรมวาลา หัวหิน มากขึ้น และดึงดูดคนภายนอกเข้ามาใช้บริการ เพื่อสร้างการเติบโตด้านรายได้ของโรงแรมให้ไปในระยะยาว วศุมาจึงเตรียมเปิด “เซลา ซีแซงชัวรี่ สปา (Sela Sea Sanctuary Spa) ซีสปาแห่งแรกที่ชะอำ-หัวหินในเดือนหน้า


    เซลา ซีแซงชัวรี่ สปา ชูคอนเซ็ปต์ Sea Healing หรือทะเลบำบัด แห่งแรกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากท้องทะเล

    “ไม่ว่าจะเป็นทรีตเมนต์ การคัดสรรผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการตกแต่งและบรรยากาศโดยรอบ นู่เข้าไปมีส่วนร่วมทั้งหมดเพราะชอบเรื่องดีไซน์ การตกแต่ง และลงรายละเอียดทั้งหมด รวมไปถึงการวางหน้าต่างและสร้างช่องแสงด้านบน เพราะเราต้องการสร้างความแตกต่าง ลูกค้ามาหัวหินเพราะต้องการพักผ่อน ไม่ใช่หนีเมืองแล้วมาเจอเมืองอีก” วศุมากล่าว

    โดยเซลา ซีแซงชัวรี่ สปา นั้นจะตั้งอยู่บริเวณโซนด้านหน้าโรงแรม เพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าจากภายนอกได้ด้วย

    นอกจากนี้ โรงแรมวาลา หัวหิน ยังเตรียมเปิดตัว คิดส์คลับ Wonder Woods สำหรับเด็กอายุ 2-12 ปี ในพื้นที่ 160 ตารางเมตร ที่ออกแบบมาด้วยแรงบันดาลใจจากป่า พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมที่เด็กๆ สนุกไปกับการใกล้ชิดธรรมชาติและทะเล มีพื้นที่กิจกรรมในร่ม เช่น โซนบ่อบอลและมินิสไลเดอร์ และกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อม Organic Farm ให้เด็กได้เรียนรู้วิถีธรรมชาติอย่างการปลูกผัก การเก็บไข่ไก่ เป็นต้น

    ทั้งหมดนี้เป็นจุดขายและจุดต่างเมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นๆ ในพื้นที่นี้ที่มีการแข่งขันมาก และเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ราคาเป็นจุดขาย


เจาะตลาดนักเที่ยวยุโรป

    เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าที่เป็นตลาดระยะใกล้ อาทิ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน คิดเป็นกว่า 50% ของลูกค้าทั้งหมด จากที่เดิมฐานลูกค้าเป็นคนไทยกว่า 90% โรงแรมจะเน้นตลาดยุโรปที่เป็นตลาดท่องเที่ยวพำนักระยะยาวมากขึ้น

    การเป็นผู้เล่นรายหลังๆ และเป็นผู้เล่นรายเล็กของ Nu Chapter Hotels ในตลาดหัวหิน ไม่ใช่อุปสรรคในการสู้บนสนามแข่งขันนี้ เพราะสินค้าของ Nu Chapter Hotels มีความยูนีคเรื่องดีไซน์ แลนด์สเคป และประสบการณ์ที่ได้สัมผัส


    ทำให้แม้หัวหินจะมีทางเลือกเยอะ แต่วศุมามั่นใจว่าบริการของ Nu Chapter Hotels จะเป็น Top of Mind ของลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่เมื่อคิดจะมาหัวหิน เพราะวศุมาได้เดินตามคำสอนของแม่ที่ว่า “คนเราไม่ได้รู้ทุกเรื่อง แต่หากรู้แล้ว ต้องรู้ให้ลึกและรู้ให้จริง เพื่อประสบการณ์ที่แตกต่าง”

    นอกจากนี้ วศุมายังบอกอีกว่าเธอจะไม่ยอมหยุดนิ่งในการพัฒนาสินค้า อะไรที่คิดว่าดีแล้ว เธอคิดว่ามันยังทำให้ดีได้กว่านี้อีก



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Pipatchara เปลี่ยนขยะไร้ค่าสู่สินค้าแฟชั่นแบรนด์ไทยในตลาดโลก

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine