สภาทองคำโลก เผย ข้อมูลปี 2024 ที่ผ่านมา ไทยมีความต้องการทองคำแข็งแกร่งติดอันดับ Top 7 ของโลก โดยราคาทองที่พุ่งสูงขึ้น มีผลให้ผู้บริโภคไทยชะลอการซื้อทองรูปพรรณหรือเครื่องประดับทองลดลงราว 2% ขณะที่ผู้บริโภคของตลาดต่างประเทศลดลง 11% ซึ่งเทรนด์และทิศทางของทองคำทั่วโลกในอนาคต ผู้บริโภคจะหันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ซื้อขาย Digital Gold มากขึ้น และจะต้องหาข้อมูลให้พร้อมก่อนตัดสินใจลงทุน
เซาไก ฟาน (Shaokai Fan) หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลก ของสภาทองคำโลก เผยข้อมูลความต้องการทองคำโดยรวมของผู้บริโภคในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก 37 ตันในปี 2021 เป็น 38 ตันในปี 2022 เพิ่มขึ้นเป็น 43 ตันในปี 2023 และ 49 ตันในปี 2024
ทั้งนี้ ตลาดทองคำประเทศไทยยังติดอันดับ 7 ของโลกในปีที่ผ่านมา ด้านความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่ 40 ตัน คิดเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งถึง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่าราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลให้ความต้องการทองคำเครื่องประดับทั่วโลกลดลง 11% แต่ตลาดทองคำในประเทศไทยยังคงรักษาเสถียรภาพได้เป็นอย่างดี โดยมีอัตราการลดลงเพียง 2% เท่านั้น
หากพิจารณาผลประกอบการใน Q1 ของปี 2568 ประเทศไทยยังเห็นความต้องการการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการลงทุนรวมเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 7.4 ตัน นับเป็นไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2562 ส่งผลให้ความต้องการทองคำผู้บริโภคโดยรวมของประเทศไทยอยู่ที่ 9.1 ตัน เพิ่มขึ้น 17% และถือเป็นการเติบโตรายไตรมาสด้านความต้องการทองคำภาคผู้บริโภคที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากทองแท่ง ทองรูปพรรณ สู่การลงทุนทองคำดิจิทัล (Digital Gold)
การศึกษาข้อมูลของสภาทองคำโลก พบว่าคนไทยมองทองคำเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวและเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน โดยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของแพลตฟอร์มการออมทองคำแท่งในรูปแบบดิจิทัล อาทิ แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นความต้องการซื้อทองคำในตลาดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ความนิยมในโครงการออมทองและแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ทำให้การลงทุนในทองคำเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนรุ่นใหม่และนักลงทุนรายย่อย ส่งผลให้บริการทางการเงินด้านนี้แพร่หลายในวงกว้าง
อุปสงค์ทองคำที่ยังคงแข็งแกร่งประกอบกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ ก่อให้เกิดนวัตกรรมทางการเงิน โดยกระตุ้นการเติบโตของผลิตภัณฑ์การลงทุนรูปแบบใหม่ ซึ่งรวมถึงโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและแพลตฟอร์มออมทองดิจิทัล อันเป็นการผสานทองคำเข้ากับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยที่กำลังพัฒนา
ทั้งนี้ สภาทองคำโลกจึงได้เปิดตัว Gold247 เพื่อปฏิรูปตลาดทองคำระดับโลกและตอบสนองความต้องการของนักลงทุนและผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โครงการ Gold247 จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการวางรากฐานสู่อนาคต ที่จะผลักดันให้ทองคำก้าวขึ้นมาเป็นองค์ประกอบสำคัญในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย
Gold247 - ครอบคลุมด้านการแปลงระบบสู่ดิจิทัลและการสร้างมาตรฐาน ประกอบด้วย
1. ระบบตรวจสอบความน่าเชื่อถือทองคำแท่ง (Gold Bar Integrity: GBI) เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นบนเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อติดตามเส้นทางทองคำตั้งแต่เหมืองจนถึงคลังเก็บ ทำให้สามารถพิสูจน์ความแท้ของทองคำได้ สำหรับนักลงทุนไทย การมั่นใจในคุณภาพและแหล่งที่มาของทองคำถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งฐานข้อมูลดิจิทัลจะช่วยยืนยันความน่าเชื่อถือดังกล่าว สอดคล้องกับข้อมูลเกี่ยวกับนักลงทุนไทยรุ่นใหม่ที่เราได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ และการที่พวกเขาให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างมีจริยธรรม เช่น การลงทุนในทองคำดิจิทัลที่มาจากการทำเหมืองแร่อย่างมีจริยธรรม
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ สภาทองคำโลกและสมาคมตลาดทองคำแห่งลอนดอน (London bullion market: LBMA) ได้ร่วมมือกับตัวแทนจากทุกภาคส่วน ในการพัฒนาฐานข้อมูลทองคำแท่งที่มีความน่าเชื่อถือและได้มาตรฐานสากล โดยในที่สุดแล้ว โครงการ GBI จะเป็นฐานข้อมูลที่รวบรวมทองคำที่ถูกต้องตามกฎหมาย และช่วยลดมูลค่าของทองคำผิดกฎหมายที่อยู่นอกระบบฐานข้อมูล
2. หน่วยมาตรฐานทองคำ (Standard Gold Unit) ท้ายที่สุดแล้ว เราจำเป็นต้องสร้างมาตรฐานทองคำดิจิทัลระดับโลก เพื่อลดความแตกแยกและอุปสรรคในการซื้อขายทองคำ การกำหนดหน่วยมาตรฐานทองคำ จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนชาวไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทนี้ได้ง่ายขึ้น
3. ทองคำดิจิทัลขายส่ง (Wholesale Digital Gold)
ทองคำดิจิทัลขายส่ง หรือ Wholesale Digital Gold คือระบบนิเวศรูปแบบใหม่สำหรับผู้มีส่วนร่วมในตลาดการเงินส่วนขายส่ง เพื่อการซื้อขาย ถือครอง และใช้ทองคำเป็นหลักประกัน อาทิ การเพิ่มการมีส่วนร่วมและสภาพคล่องในตลาด การยกระดับประสิทธิภาพและลดต้นทุน ตลอดจนความเสี่ยงในการชำระราคาของการซื้อขาย

มุมมองและทิศทางทองในอนาคต
ทองคำยังคงเป็นหลักประกันความมั่นคงทางการเงินที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่น่าเชื่อถือ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
นักลงทุนไทยจึงควรพิจารณาให้ทองคำเป็นสินทรัพย์หลักในการลงทุนเชิงกลยุทธ์ระยะยาวจนถึงปี 2569 เนื่องจากการปรับขึ้นของอัตราภาษี ภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ นโยบายการเงินของธนาคารกลางที่ยังไม่แน่นอน และความเสี่ยงทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
สภาทองคำโลกยังคงมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมและความโปร่งใส โดยผลักดันโครงการต่างๆ เช่น Gold247 ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มการเข้าถึงการลงทุนทองคำสำหรับผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุกราย
ภาพ : สภาทองคำโลก และ freepik.com
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘อินเตอร์โกลด์’ รุกหนักออนไลน์ รับทองคำขาขึ้น คาดราคาไปต่อ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine