ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์เด่นที่น่าลงทุน แม้ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาสูงทำนิวไฮมาอย่างต่อเนื่อง แต่ชั่วโมงนี้ก็ยังมีโอกาสที่ราคาทองจะปรับขึ้นอีก ด้วยแรงหนุนจากปัจจัยลบที่ยังมีต่อเนื่อง
ธีรรัฐ จุฑาวรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งโดยตรงจากผู้ผลิตทั่วโลก ที่มีมูลค่าการค้าทองคำอันดับ 4 ของตลาด ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับทิศทางและแนวโน้มราคาทองคำ โดยเขามองว่าที่ผ่านมา แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นไปสูงมากจนทำนิวไฮมาอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก หลังจากปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเป็นช่วงพักฐานของราคาทองคำ
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้แนวโน้มราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น เช่น ธนาคารกลางจีนมีการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 14 เดือน (ในปี 2567) เมื่อหยุดการซื้อราคาทองคำได้ปรับตัวลงกว่า 100 เหรียญสหรัฐ ดังนั้นนโยบายการซื้อทองคำของจีนเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดทองคำโลก ซึ่งปัจจุบันจีนได้กลับมาซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นเวลา 9 เดือนติดต่อกัน จึงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
อีกปัจจัยคือเงินดอลลาร์สหรัฐ จากปัญหาเพดานหนี้สาธารณะ และนโยบายการเพิ่มปริมาณเงินอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการใช้ดอลลาร์เป็นเครื่องมือในการต่อรองทางการเมือง ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มแสวงหาสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ นับเป็นปัจจัยเชิงบวกที่สนับสนุนราคาทองคำในนฐานะสินทรัพย์สำรอง
แนะลงทุนแบบถัวเฉลี่ย
ความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อเป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะหากมีปัจจัยเร่งจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์หรือนโยบายภาษีนำเข้าที่เข้มข้นขึ้น จะส่งผลให้ราคาทองคำได้รับแรงหนุนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันสถานการณ์ระหว่างอิสราเอล-อิหร่านยังเป็นความเสี่ยงที่คาดเดาไม่ได้ และรัสเซียกับยูเครนก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะจบลง หากปะทุขึ้นอีกครั้งจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้ทองคำพุ่งขึ้น

ธีรรัฐ กล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศได้ “พักฐาน” ไปชัวขณะหลังจากแตะจุดสูงสุดที่ 54,000 บาทต่อบาททองคำในครึ่งปีแรก ซึ่งราคาเพิ่มขึ้นกว่า 25% จากปลายปี 2567 สะท้อนโอกาสในการทยอยเข้าสะสมทองคำสำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว โดยเฉพาะเมื่อราคาย่อลงมาใกล้ระดับแนวรับสำคัญ
อย่างไรก็ดี ในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูง ธีรรัฐ แนะว่านักลงทุนควรปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ ทยอยการลงทุน (Dollar Cost Average: DCA) เพื่อบริหารต้นทุนเฉลี่ย และถือทองคำในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
สำหรับอินเตอร์โกลด์ ในปี 2567 มียอดขายอยู่ในอันดับที่ 4 ของกลุ่มผู้ประกอบการค้าทองคำในประเทศไทย และในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในปี 2568 ไว้ไม่น้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยครึ่งปีแรกของปี 2568 อินเตอร์โกลด์เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะฐานลูกค้าบุคคลที่เพิ่มขึ้นถึง 50% สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนรุ่นใหม่มอบให้
ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงตั้งเป้าขยายบริการเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าบุคคลให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ผ่านแอปพลิเคชัน Gold2Go ที่พร้อมยกระดับประสบการณ์การลงทุนทองคำในยุคดิจิทัล และเดินหน้าสร้างการเติบโตอีก 100% จากปีก่อน นอกจากขยายฐานลูกค้าใหม่ อินเตอร์โกลด์ยังให้ความสำคัญกับร้านทอง ด้วยการดูแลและรักษาฐานลูกค้าเดิมอย่างใกล้ชิด
ค้าทองออนไลน์ 24/7
นอกจากนี้อินเตอร์โกลด์ ยังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำตลาดทองคำ ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ผ่านสองแอปพลิเคชันหลัก ได้แก่ Gold2Go แอปพลิเคชันสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการความสะดวกในการออมทอง และ InterGOLD แอปพลิเคชันสำหรับร้านทองที่ต้องการซื้อขายทองคำในปริมาณมาก ด้วยระบบจัดการสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ซึ่งอินเตอร์โกลด์มีพันะมิตรร้านทองในมือ 2,500 ร้าน และคาดว่าในต้นปี 2569 จะมีพันธมิตรร้านทองเพิ่มเป็น 3,000 ร้าน
อินเตอร์โกลด์ให้ความสำคัญการค้าทองคำทางออนไลน์ ทั้งในกลุ่มร้านขายทองและผู้ลงทุนทองรายย่อย โดยแอปพลิเคชัน InterGOLD ใช้สำหรับ B2B คือค้าขายกับร้านทอง และแอป Gold2Go สำหรับ B2C คือลูกค้าทั่วไป ซึ่งมียอดดาวน์โหลดรวมมากกว่า 200,000 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 Gold2Go มียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นกว่า 70% ตอกย้ำถึงความนิยมและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนและผู้บริโภคในวงกว้าง อ้างอิงจากตัวเลขสถิติการใช้งานเว็บไซต์ที่มีมากเป็นอันดับ 1 ในหมวดหมู่ Finance-Investing ด้านสถิติการใช้งาน
เนื่องจากทองคำมีราคาขึ้นลงตามตลาดโลก อินเตอร์โกลด์จึงเน้นบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำ จากผลกระทบทั้งปัจจัยเศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยน และพฤติกรรมของนักลงทุนในแต่ละช่วงเวลา จึงเน้นส่งเสริมให้ลงทุนอย่างมีวินัย และสร้างภูมิคุ้มกันพอร์ต ผ่านแนวคิด Dollar-Cost Averaging (DCA) หรือ การทยอยซื้อเพื่อลดความเสี่ยงด้านต้นทุนในภาวะที่ราคามีความผันผวนสูง
ธีรรัฐ ย้ำว่าอินเตอร์โกลด์พัฒนาแอปพลิเคชันให้มีความยืดหยุ่น เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนในระดับที่เหมาะสมกับแต่ละคน โดยการลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน Gold2Go ซึ่งสามารถซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด เริ่มต้นซื้อทองได้ด้วยเงินเพียง 100 บาท สามารถรับทองคำจริงได้ตั้งแต่ 0.5 กรัม (มูลค่าไม่เกิน 2,000 บาท) มีบริการจัดส่งทองคำทางไปรษณีย์ พร้อมระบบติดตามและประกันภัยเต็มรูปแบบ รองรับการซื้อ–ขายแบบออนไลน์ แบบเรียลไทม์ ผ่านแอปพลิเคชัน
ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดการบริหารความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งในเชิงกลยุทธ์และเครื่องมือสนับสนุน เพื่อให้นักลงทุนสามารถปรับตัวและวางแผนการลงทุนได้อย่างมั่นใจแม้ในภาวะที่ตลาดผันผวน
นอกจากนี้ ยังเดินหน้ากลยุทธ์สร้างความเชื่อมั่นบน 3 แกนหลัก คือ Empathy การลงทุนอย่างยั่งยืนยึดหลัก Healthy Investment ให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงในระยะยาวและการดูแลผลประโยชน์ของลูกค้า มากกว่าการมุ่งเน้นกำไรระยะสั้น Transparency ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยลูกค้าสามารถรับทองคำจริง หรือเช็กพอร์ตการลงทุนได้แบบ Realtime ตลอดเวลา สะท้อนความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในทุกขั้นตอน และ Consistency 24/7 บริการต่อเนื่องไม่มีวันหยุด ไม่ว่าลูกค้ารายใหญ่หรือรายย่อย
อินเตอร์โกลด์พร้อมให้คำปรึกษาด้วยทีมงานมืออาชีพ โดยลูกค้าสามารถซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์
เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น โดยเปิดให้บริการรับทองคำจริงนอกพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่นักลงทุน และตอบโจทย์ความต้องการในการซื้อทองเพื่อนำไปเก็บรักษา เริ่มต้นจากจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่นำร่อง และมีแผนขยายสู่หัวเมืองเศรษฐกิจสำคัญอื่นทั่วประเทศ เพื่อยกระดับประสบการณ์และเพิ่มความคล่องตัวให้กับลูกค้าในการรับทองคำจริง
นอกจากนี้ยังมีบริการครบครันในยุคดิจิทัล เปิดช่องทางรับบริการแบบ "เลือกได้ตามใจ" ไม่ว่าจะเป็นการส่งทองคำถึงบ้านด้วยมาตรการรับรองความปลอดภัย หรือการรับทองคำที่ร้านพันธมิตรใกล้บ้าน และสร้างระบบนิเวศทองคำแห่งอนาคต สร้างประสบการณ์การลงทุนทองคำที่เชื่อมโยงทุกมิติของการลงทุน ด้วยการรวมระบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ตั้งแต่การซื้อขายออนไลน์ การให้คำปรึกษาวางแผนการลงทุน ไปจนถึงการส่งมอบทองคำจริงแบบออฟไลน์ บริการที่ตอบโจทย์ทั้งร้านทองและลูกค้าบุคคล เพื่อสร้างวงจรการลงทุนที่มั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืน
ธีรรัฐ เผยว่าบริษัทฯ กำลังพัฒนาฟีเจอร์ล้ำสมัยเพื่อยกระดับแอปพลิเคชันให้เป็นแพลตฟอร์มเดียว All-in-One Platform ที่ตอบสนองทุกความต้องการของนักลงทุนทองคำ ครอบคลุมตั้งแต่ Gamification Features ที่ช่วยจัดระดับความเชี่ยวชาญของผู้ใช้งานและเปิดโอกาสให้แข่งขันทำกำไรกับนักลงทุนรายอื่นๆ ผ่าน Social Network ไปจนถึงระบบการลงทุนอัตโนมัติ (Auto-Trading) ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดยอัตโนมัติตามกลยุทธ์
การพัฒนาร่วมกับผู้นำ Open Banking บริษัทฯ มีโครงการพัฒนาฟีเจอร์ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ชั้นนำหลายแห่ง เพื่อผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการลงทุนทองคำเข้ากับความแข็งแกร่งทางการเงินและระบบรักษาความปลอดภัยระดับธนาคาร สร้างประสบการณ์การใช้งานที่สะดวก ปลอดภัย และน่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้งานในอนาคต
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : มาสเตอร์การ์ดเผย เด็กเจน Alpha เก่งเรื่อง ‘การเงินดิจิทัล’ มากกว่ารุ่นพ่อแม่
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine