เจาะลึก ‘หวยเกษียณ’ ที่รัฐบาลจะใช้เพื่อแก้ปัญหาคนไทย แก่ ก่อน รวย! - Forbes Thailand

เจาะลึก ‘หวยเกษียณ’ ที่รัฐบาลจะใช้เพื่อแก้ปัญหาคนไทย แก่ ก่อน รวย!

ปัญหาที่ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มขั้น ส่งผลกระทบต่อประเทศในหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่อาจจะโตช้าลง เพราะแรงงานมีน้อยลง การบริโภคลดลง ที่สำคัญคือ เหล่าคนที่ก้าวสู่วัยเกษียณอาจมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต ซึ่งปัญหา 'แก่ ก่อน รวย' นี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ


หลังเกษียณคนไทยมีรายได้ไม่พอใช้!

    ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า โครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุส่งผลต่อโครงสร้างรายได้ รายจ่ายของภาครัฐ และอาจกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะสัดส่วนประชากรวัยแรงงานซึ่งเป็นกำลังที่สำคัญทางเศรษฐกิจลดลงเรื่อยๆ ย่อมส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลลดลง

    แต่ขณะเดียวกันรัฐต้องใช้งบประมาณในการดูแลสวัสดิการด้านบำเหน็จบำนาญผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ทั้งเบี้ยยังชีพ เบี้ยหวัด บำเหน็จบำนาญ และเงินสมทบกองทุนการออมเพื่อการเกษียณต่างๆ

    “ในปี 2567 ภาครัฐใช้งบประมาณด้านสวัสดิการบำเหน็จบำนาญผู้สูงอายุรวม 500.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากปี 2557 ที่ใช้งบประมาณ 253.4 ล้านบาท หรือประมาณ 10% ของงบประมาณ” ดร.วโรทัย กล่าว

    ในภาพใหญ่รัฐมีแนวโน้มที่จะใช้งบประมาณมากขึ้นท่ามกลางรายได้ที่น้อยลง ในภาพของประชาชนกลุ่มเกษียณข้อมูลจากธนาคารโลกพบว่ารายได้หลังเกษียณที่เพียงพอควรอยู่ที่อย่างน้อย 50 - 60% ของรายได้ก่อนเกษียณ แต่ในกรณีของประเทศไทยฝั่งแรงงานในระบบมีรายได้หลังเกษียณเฉลี่ยเพียง 41% และที่ต้องเร่งแก้ไขคือกลุ่มแรงงานนอกระบบที่มีรายได้ไม่แน่นอน ซึ่งมีรายได้หลังเกษียณต่ำกว่า 5%

    ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาที่กำลังรุนแรงขึ้นและรักษาเสถียรภาพทางการคลังในระยะยาว ภาครัฐต้องหามาตรการจูงใขให้ประชาชนออมเงินด้วยตนเอง และลดภาระงบประมาณของรัฐ เป็นที่มาของโครงการหวยเกษียณ ใช้งบประมาณเงินรางวัลปีละ 780 ล้านบาท จะช่วยเพิ่มเงินออมเพื่อการเกษียณให้กับประเทศปีละ 13,000 ล้านบาท หรือทุก 1 ล้านบาทที่รัฐใช้เป็นเงินรางวัล จะช่วยเพิ่มเงินออมเพื่อการเกษียณได้ถึง 16.6 ล้านบาท


เจาะลึก ‘หวยเกษียณ’ ที่จะเข้าสภาฯ 23 ก.ค. 68 นี้

    ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการนโยบาย “หวยเกษียณ” ซึ่งตั้งเป้าให้คนไทยทุกกลุ่มอาชีพออมเงินได้ง่ายขึ้น เป็นความร่วมมือระหว่างกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

    ทั้งนี้ ปัจจุบันร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2 และ 3 ในวันที่ 23 ก.ค. 68 นี้ เพื่อให้ กอช. มีหน้าที่และอำนาจในการออกและจำหน่าย “หวยเกษียณ”

    รูปแบบของ “สลาก กอช.” หรือ “หวยเกษียณ” เป็น สลากขูดดิจิทัล ราคาฉบับละ 50 บาท เปิดจำหน่ายให้ผู้มีสัญชาติไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สามารถซื้อได้สูงสุดเดือนละ 3,000 บาท (60 ฉบับ) ผ่านแอปพลิเคชัน “กอช.” โดยออกรางวัลทุกวันศุกร์ เวลา 17.00 น. ประกอบด้วย

    รางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท (5 รางวัล)

    รางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท (10,000 รางวัล)

    ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกรางวัลจะได้รับเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ทันที โดยเงินซื้อสลากทุกบาทจะถูกสะสมไว้เป็นเงินออม และผู้ซื้อสลากจะได้รับเงินออม พร้อมผลประโยชน์เป็นก้อนในครั้งเดียว 4 กรณีได้แก่

    1. อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์

    2. อายุมากกว่า 60 ปี จะได้รับเงินคืนทั้งหมด เมื่อครบ 5 ปี นับแต่วันที่ซื้อสลาก และสามารถซื้อต่อไปได้คราวละ 5 ปี

    3. ทุพพลภาพ, เสียสัญชาติไทย

    4. เสียชีวิต คืนเงินให้แก่บุคคลที่ระบุไว้ หรือทายาท


กลุ่มอาชีพอิสระยิ่งต้องออม

    นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า บทบาทหลักของ กอช. คือเป็นกลไกการออมเพื่อสังคมให้แก่แรงงานนอกระบบ รวมถึงนักเรียน นักศึกษา และกลุ่มประชาชนทั่วไป อายุตั้งแต่ 15 - 60 ปี ที่ไม่มีสวัสดิการบำเหน็จบำนาญจากรัฐ เพื่อสร้างหลักประกันรายได้ยามชราภาพ

    ที่ผ่านมา กอช. เร่งปรับการทำงานเพื่อสนับสนุนให้คนไทยโดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระสามารถออมเงินได้ง่ายขึ้น ทั้งเพิ่มช่องทางการรับสมัครและส่งเงินออม ผ่านธนาคารกรุงไทย, ออมสิน, ธอส., ธกส., ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เคาน์เตอร์เซอร์วิส รวมถึงผ่านแอปพลิเคชัน กอช. และพันธมิตร ทรูมันนี่, MyAIS และ ShopeePay

    นอกจากนี้ในปี 2565 ยังการปรับปรุงกฎหมายเพิ่มเพดานการออมจากปีละ 13,200 บาท เป็นสูงสุด 30,000 บาท และเพิ่มเงินสมทบจากรัฐจากไม่เกิน 1,200 บาท เป็น 1,800 บาทต่อปี เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนออมได้มากขึ้นและได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นทำให้ปัจจุบัน กอช. มีสมาชิกกว่า 2.7 ล้านคน และมีทรัพย์สินกองทุนรวมกว่า 15,152 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568)

    หลังจากนี้คงต้องติดตามว่า ‘หวยเกษียณ’ หนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าได้อย่างราบรื่น และมีข้อสรุปอย่างไร เพราะจากต้นปีที่ผ่านมา มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดในโครงการมาอย่างต่อเนื่อง จากช่วงแรกที่จะเปิดให้เฉพาะกลุ่มแรงงานนอกระบบเท่านั้นที่สามารถซื้อและลุ้นรางวัลได้ มาสู่การขยายให้ประชาชนทุกกลุ่ม แม้กลุ่มเกษียณแล้วก็ยังซื้อได้เช่นที่เห็นในประกาศล่าสุดนี้



ภาพ: กอช., jacqueline macou from Pixabay



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แบงก์กรุงศรี ครึ่งแรกปี 68 กำไรสุทธิอยู่ที่ 15,830 ล้าน ยังโตที่ 0.5%YoY

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine