'ชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์' CEO 'สิงห์ เอสเตท' เผยแนวทาง '4S' ขับเคลื่อนธุรกิจให้สมดุล

'ชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์' CEO 'สิงห์ เอสเตท' เผยแนวทาง '4S' ขับเคลื่อนธุรกิจให้สมดุล

'ชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์' CEO 'สิงห์ เอสเตท' เผยแนวทาง 4S ได้แก่ Stability, Strength, Synergy และ Sincerity ที่ใช้เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อสร้างสมดุลให้ธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย โดยประเด็นสำคัญคือเรื่องของการ balance สร้างรายได้ในแต่ละธุรกิจให้เหมาะสม การหาแหล่งเงินทุน การมี partner กลุ่มพันธมิตรที่ดี


    หลังจากนั่งแท่นในตำแหน่ง CEO หรือ แม่ทัพขององค์กรอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568 รวมถึงการประกาศผลการดำเนินงานไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดย 9 เดือนแรกปีนี้ สิงห์ เอสเตท มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจหลักจำนวน 10,480 ล้านบาท กำไรสุทธิ 135 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน 

    ล่าสุด ชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ ยังได้ออกมาเผยถึงทิศทางการขับเคลื่อน 4 แกนหลักสร้างธุรกิจที่สมดุลว่า ตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่การเติบโตในมิติของรายได้และการขยายทรัพย์สินใน 4 ธุรกิจหลัก โดยมุ่งเน้นการวางรากฐานของความมั่นคงทางธุรกิจ ความแข็งแกร่งในการจัดหาเงินทุน และการเตรียมความพร้อมของบุคลากร เพื่อพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

    "11 ปีที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท มีทรัพย์สินโตเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า ซึ่งในช่วงแรกของการดำเนินธุรกิจถือเป็นช่วงมองหาธุรกิจหลัก, ช่วงที่ 2 เป็นช่วงขยายการเติบโต, ช่วงที่ 3 หลังจากสถานการณ์ Covid-19 ในปี 2021 ถือเป็นช่วงฟื้นฟู และในช่วงต่อจากนี้ จะเป็นช่วงที่เราจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ภายใต้ยุทธศาสตร์ ‘A Stable Foundation Drives Sustainable Growth’ โดยใช้ ‘4S’ Stability, Strength, Synergy และ Sincerity เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อสร้างสมดุลให้ธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืน” CEO สิงห์ เอสเตท กล่าว


 

Stability “แกนการบริหารธุรกิจสร้างธุรกิจที่มั่นคงและสมดุล

    พอร์ตโฟลิโอของบริษัทจาก 4 ธุรกิจหลัก แบ่งรายได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่มีรายได้ประจำ (Recurring income) จากธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงาน และประเภทที่มีรายได้แบบไม่ประจำ (Non-recurring income) จากธุรกิจที่พักอาศัยและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งรายได้แต่ละประเภทเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน

    บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารความสมดุลของรายได้ทั้ง 2 ประเภท โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญความท้าทายในปัจจุบัน การจัดพอร์ตโฟลิโอธุรกิจประเภทรายได้แบบประจำถือเป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกเพื่อสร้างฐานกำไรที่มั่นคง ช่วยหนุนผลประกอบการโดยรวม และฐานกำไรของธุรกิจนี้ยังเป็นกันชนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอื่น ขณะเดียวกันการกำหนดเป้าหมายชัดเจนของแต่ละธุรกิจยังมีส่วนสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานและภาพรวมทางการเงินของบริษัทเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

    สำหรับธุรกิจที่สร้างรายได้แบบไม่ประจำ โดยลักษณะการลงทุนแล้วมีระยะเวลาการลงทุนและการรับผลตอบแทนที่สั้นกว่า ดังนั้น โครงการที่จะลงทุนควรมีความยืดหยุ่นตามสภาวะเศรษฐกิจ และต้องมองเห็นโอกาสแม้ในช่วงเวลาที่ท้าทาย ยกตัวอย่างเช่น โครงการคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำ “ONE RIVER พระราม 3” คอนโดหรูสูง 33 ชั้น ริมเจ้าพระยาที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย “สิงห์ เอสเตท” จับมือ “วัน เรียลเอสเตท” ร่วมกันพัฒนา ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วถึง 95% ทั้งที่การเปิดตัวโครงการอยู่ในช่วงต้นปีนี้ นับเป็นปีที่ท้าทายของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก 

    จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนว่าพันธมิตรทางธุรกิจและการมองหาโอกาสท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย เป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตในธุรกิจประเภทนี้ ดังนั้น ทิศทางการเติบโตของธุรกิจนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การหาผู้ร่วมลงทุนเพื่อต่อยอดเชิงธุรกิจ จากความชำนาญเฉพาะทางของแต่ละฝ่ายที่สามารถเกื้อหนุนกันได้ ในเชิงการเงินก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งและลดความเสี่ยงซึ่งกันและกัน

 

Strength “แกนการบริหารการเงินเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง

    ในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทมีความสามารถในการระดมทุนทั้งจากเงินกู้ธนาคารและการออกจำหน่ายหุ้นกู้ รวมกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีสัดส่วนเงินกู้ต่อหุ้นกู้ที่อัตรา 80:20 จุดเด่นที่ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากทั้งธนาคารและนักลงทุนในหุ้นกู้ คือระเบียบวินัยทางการเงิน และการบริหารความสัมพันธ์ที่หลากหลายกับผู้ให้เงินทุน 

    และแม้บริษัทจะเริ่มจัดจำหน่ายหุ้นกู้ได้เพียง 4 ปี แต่ก็สามารถระดมเงินทุนจากตลาดได้แล้วกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นผลจากความไว้วางใจที่ผู้ลงทุนมีต่อบริษัท บริษัทมุ่งเน้นการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในแต่ละปีอย่างมีแบบแผน โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ

    1. จำนวนเงินที่ออกจำหน่ายมีความเหมาะสม สร้างความน่าเชื่อถือในการชำระคืน

    2. อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดมีความเหมาะสมกับความเสี่ยงที่ผู้ถือหน่วยได้รับ และเหมาะสมกับสภาวะตลาด

    3. การรักษาช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย เพื่อเข้าถึงทั้งลูกค้าธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์

    ทั้งนี้ ช่องทางการระดมทุนจากทั้งธนาคารและหุ้นกู้มีความเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน การรักษาสมดุลของการระดมทุนผ่านทั้ง 2 ช่องทางจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยในเบื้องต้นบริษัทวางเป้าหมายสัดส่วนเงินกู้ธนาคารต่อหุ้นกู้ที่ 70:30 


Synergy “แกนการบริหารคนเปิดรับมุมมองความคิดเห็นคนรุ่นใหม่

    สัดส่วนบุคลากรของสิงห์ เอสเตท มีความน่าสนใจอยู่ 2 ประการคือ หากแบ่งตามช่วงอายุพบว่า กว่า 60% ของพนักงานทั้งหมด อยู่ใน Generation Y และ Z หากแบ่งตามตำแหน่งพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของพนักงานทั้งหมดอยู่ในระดับผู้จัดการขึ้นไป หรือเปรียบเทียบได้กับรูปทรงกระบอกที่องค์กรมีหัวหน้าและคนทำงานในจำนวนใกล้เคียงกัน 

    2 ปัจจัยนี้ มีบทบาทสำคัญในการวางแผนการบริหารจัดการคน เพื่อสอดคล้องกับการวางรากฐานของธุรกิจที่มั่นคง คือ 1) ทำอย่างไรให้พนักงานใน Generation ใหม่ได้มีส่วนร่วมในการวางแผน กำหนดทิศทาง และดำเนินธุรกิจของบริษัท และ 2) ทำอย่างไรให้รูปร่างของโครงสร้างองค์กรปรับเปลี่ยนเป็นทรงพีระมิด คือให้โอกาสพนักงานที่มีประสบการณ์
ได้เติบโตขึ้นมาเป็นหัวหน้างาน ในขณะเดียวกันองค์กรก็เติมคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นหัวแรงหรือฟันเฟืองในการทำงาน

 

Sincerity “แกนการบริหารจัดการความยั่งยืนจริงใจต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

    สิงห์ เอสเตท ได้จัดทำแผนพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยเน้นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเล ที่โรงแรม SAii Lagoon Maldives, Hard Rock Hotel Maldives และ SO/ Maldives ในโครงการ CROSSROADS ประเทศมัลดีฟส์ เราวางแผนอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลอย่างรอบคอบ เช่น เต่าทะเล โลมา ที่เราตรวจพบตั้งแต่ช่วงก่อสร้างโรงแรมในปี 2560 จนปัจจุบันบริเวณดังกล่าวมีฝูงโลมาประจำถิ่น ที่โลมาใช้ทั้งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งเจริญพันธุ์ แหล่งโลมานี้ก็กลับมาเป็นประโยชน์ในเชิงธุรกิจที่แขกที่มาเข้าพักโรงแรมทั้ง 3 แห่งของบริษัทได้มาเยี่ยมชม

    อีกตัวอย่างหนึ่งคือการขับเคลื่อนโครงการ “ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว” ภายใต้การดูแลของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ในการปลูกป่าเพิ่มพื้นที่ดูดซับคาร์บอนบนพื้นที่กว่า 1,000,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 625 ไร่ ที่ สิงห์ปาร์ค เชียงราย ที่เชื่อมโยงกิจกรรมสู่ภาคธุรกิจด้วยการริเริ่มโครงการ “Green Button” ซึ่งเป็นกลไกที่เปิดโอกาสให้แขกผู้เข้าพักโรงแรมในเครือ “SAii Hotels & Resorts” ของบริษัท ได้แก่ SAii Laguna Phuket, SAii Phi Phi Island Village, SAii Koh Samui Villa และ SAii Lagoon Maldives มีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการกดปุ่ม Green Button ในแอปพลิเคชัน เพื่อเลือกที่จะไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนในแต่ละวัน ช่วยลดการใช้น้ำ พลังงาน และสารเคมี เป็นต้น


ภาพ: สิงห์ เอสเตท




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : สิงห์ เอสเตท แต่งตั้ง 'ชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์' เป็น CEO คนใหม่ มีผล 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine